“ท่านจะดื้อรั้นไปทำไมกัน?”เยี่ยจื่อถูกนางทำให้โมโหจนหัวเราะออกมา พร้อมพูดเสียงเบาว่า “เขาซื้อตัวเมี่ยวอินกลับมาได้สองสามวันแล้ว เขาเคยแตะต้องเมี่ยวอินหรือไม่?”“ท่านคิดจะเอาผู้ชายของตัวเองผลักไสให้กับผู้หญิงคนอื่นจริงหรือ?”“พวกท่านเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าอย่างไร พวกท่านก็ยังเป็นสามีภรรยากัน!”“เป็นเหมือนที่เขาบอก ต่อให้พวกท่านตาย พวกท่านก็ต้องฝังร่วมกัน!”“ท่านคิดจะเป็นแบบนี้กับเขาไปตลอดชีวิตเลยหรือ?”“...”เยี่ยจื่อพูดเตือนเสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยความอดทนเจ้าเด็กโง่เอ๊ย!หากไม่ต้องกังวลว่าเจ้าเด็กนี่จะพูดไม่ระวังปาก นางก็อยากจะเล่าเรื่องที่หยุนเจิงสงสัยเมี่ยวอินให้เจ้าเด็กนี่ได้ฟังทั้งหมดนางวางใจให้เมี่ยวอินไปเช็ดตัวให้หยุนเจิง แต่ตัวเองไม่ไว้ใจหรอกนะ!นางไม่กลัวเลยว่าเมี่ยวอินจะฉวยโอกาสตอนที่หยุนเจิงเมา และปลิดชีพของหยุนเจิง!ภายใต้การพูดโน้มน้าวใจของเยี่ยจื่อ เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงยอมเดินไปห้องของหยุนเจิงอย่างไม่เต็มใจเมื่อนางเดินเข้ามาในห้อง ซินเซิงได้เตรียมน้ำอุ่นไว้แล้ว“เอาล่ะ ไปได้แล้ว! ที่เหลือข้าจัดการเอง!”เสิ่นลั่วเยี่ยนโบกมือไล่ซินเซิง พูดพึมพำกับต
เช้าวันที่สอง หยุนเจิงลุกขึ้นมาด้วยความปวดเมื่อยทั่วทั้งตัวแม่xสิ!ครอบครัวอาภัพเสียจริง!เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่กล้าชกเขาจริงๆ แต่นางเสือร้ายก็ลงมือได้อย่างอำมหิตมากร่างกายของเขาถูกเสิ่นลั่วเยี่ยนหยิกจนเขียวช้ำไปหมด ตอนนี้ยังคงเจ็บอยู่หยุนเจิงอยากไปจุดธูปไหว้พระแต่เช้าตรู่ เพื่อภาวนาขอให้เหล่าทวยเทพและพระพุทธเจ้าบนฟ้าสวรรค์ ถ่ายทอดวิชาปรมาจารย์สามสิบห้าสิบปีซึ่งไม่มีผู้ใดเทียบได้ให้แก่ตนเองหากไม่ได้จริงๆ ก็ขอหญิงงามที่มีพร้อมทั้งทรัพย์และปัญญาให้ตัวเองก็ได้!การเอาชนะภรรยาของตัวเองไม่ได้ ช่างเวทนาเสียจริงหยุนเจิงเพิ่งล้างหน้าแต่งตัวเสร็จก็เดินออกจากห้อง และได้พบกับเมี่ยวอิน“องค์ชายหก ท่านเป็นอะไรหรือไม่เพคะ? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”เมื่อเห็นว่าหยุนเจิงหงอยเหงาซึมเซา เมี่ยวอินก็ถามด้วยความเป็นห่วงข้าไม่สบายไปทั่วทั้งตัวเลย!หยุนเจิงแอบบ่นในใจ และส่ายหน้าพูดว่า “อาจเป็นเพราะยังเมาค้างตั้งแต่เมื่อคืน ยังไม่สร่างเมาดี”เมี่ยวอินพูดด้วยความเป็นห่วง “องค์ชายดื่มมากไม่ได้ ดื่มให้น้อยลงก็ดีนะเพคะ จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย”“อืมๆ ข้ารู้แล้วล่ะ” หยุนเจิงพยักหน้า
เสิ่นลั่วเยี่ยนทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ และเดินออกไปด้วยความโมโหไม่นาน หยุนเจิงก็เรียกตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ มา พร้อมกับกำชับบางอย่างกับพวกเขาเสียงเบาจากนั้น หยุนเจิงก็นำพวกเขามายังหอพักชั่วคราวของทหาร ให้เกาเหอและโจวมี่เฝ้าอยู่ด้านนอก และห้ามผู้ใดเข้าใกล้โดยเด็ดขาดวินาทีที่ประตูปิดลง จั่วเริ่นและอวี๋ซื่อจงก็ลงมือทันที รวบมือซ้ายและขวาของเมี่ยวอิน ตู้กุยหยวนก็ใช้ดาบจ่อที่คอของเมี่ยวอินอย่างรุนแรงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เมี่ยวอินงุนงงเล็กน้อย“องค์ชายหก พวกเขาทดสอบคนเช่นนี้หรือเพคะ?”เมี่ยวอินทำท่าทางน่าสงสาร “ข้าเพียงแค่เคยอ่านตำราสงคราม แต่ไม่เคยฝึกการต่อสู้มาก่อน ไม่จำเป็นต้องทดสอบทักษะการต่อสู้หรอกเพคะ?”“พอแล้ว เลิกเสแสร้งได้แล้ว!”หยุนเจิงกลอกตาใส่เมี่ยวอิน “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จุดประสงค์ที่เจ้าเข้าใกล้ข้างั้นหรือ?”เมี่ยวอินตกใจ และแกล้งพูดด้วยความมึนงงว่า “องค์ชาย ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“ยังจะเสแสร้งอีกใช่หรือไม่?”หยุนเจิงเม้มปากหัวเราะ “หลายวันที่ผ่านมา คนของข้าแอบเฝ้าสังเกตการณ์เจ้าและหมิงเย่ว์อยู่ตลอด การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเจ้า ค
พูดตามตรงหยุนเจิงไม่เห็นด้วยกับการประเมินค่าของเมี่ยวอินที่มีต่อจักรพรรดิเหวินแม้จักรพรรดิเหวินจะไม่ใช่จักรพรรดิที่ปราดเปรื่องนัก แต่ก็ไม่ใช่จักรพรรดิที่แย่แน่นอนนับตั้งแต่จักรพรรดิเหวินได้ขึ้นครองบัลลังก์มังกร ราษฎรต้าเฉียนก็อยู่เย็นเป็นสุขมีเพียงแค่ศึกซั่วเป่ยเมื่อห้าปีก่อนเท่านั้นที่จักรพรรดิเหวินไม่อาจลบล้างความเสียหายนั้นได้นอกจากนั้นก็มีเรื่องการก่อกบฏขององค์รัชทายาทหากความจริงแล้วองค์รัชทายาทถูกเจ้าสามใส่ร้ายป้ายสี นั่นนับว่าเป็นความผิดอันร้ายแรงที่สุดของเขาเลยทว่า เขาก็ได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งเอาไว้ให้อย่างจับพลัดจับผลู ข้อความในจดหมายเลือดนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ เขาเองก็ไม่อาจรู้ได้พูดได้เพียงแค่มีความเป็นไปได้อย่างมาก!อย่างไรเสีย หยุนลี่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนดี!“จะฆ่าจะแกงก็เชิญตามสบาย!”เมี่ยวอินคร้านจะเอ่ยถึงเหตุผลกับหยุนเจิง นางกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางเกลียดชังว่า “ในเมื่อท่านมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว ข้าก็ไม่คิดจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว!”“เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้นเล่า?”หยุนเจิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “มีชีวิตอยู่ต่อไป มันไม่ดีหรือไง?”“ม
หยุนเจิงไอค่อกแค่กหลายครั้ง หลังจากที่ตั้งสติขึ้นมาได้จึงกล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่สงบว่า “ข้ากลัวตาย แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ฆ่าข้า”“เจ้าเอาอันใดมามั่นใจว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้า?” เมี่ยวอินขมวดคิ้วพลางกล่าว“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่สัญชาตญาณบอกข้าก็เท่านั้น”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้มพลางกล่าว “เจ้าแค่อยากแก้แค้น ไม่ใช่คนที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า”เมี่ยวอินกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าเป็นโอรสของทรราชนั่น เจ้าไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์!”“ข้าไม่อยากฟังคำพูดพวกนี้ของเจ้า”หยุนเจิงหรอกตามองบนใส่นาง “ข้าเป็นโอรสของเสด็จพ่อคือเรื่องจริง แต่ตอนนี้ข้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราชสำนัก ยิ่งเมื่อก่อนก็ยิ่งไม่ข้องเกี่ยว!”“ตระกูลเจ้าถูกสังหารเก้าชั่วโคตร จะอย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวกับข้า ถูกต้องหรือไม่ เช่นนี้แล้ว ข้าจะไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร?”“สิ่งที่ข้าทำผิดก็คงจะเป็นการที่ข้าไม่ได้เขียนคำว่าผู้บริสุทธิ์ติดไว้บนหน้าผากข้าก็เท่านั้นแล้วล่ะ…”เมื่อเห็นหยุนเจิงที่กำลังโมโหนางเช่นนี้ เมี่ยวอินก็อดที่จะตกตะลึงพรึงเพริดไม่ได้เขาคงไม่ได้เป็นบ้าไปแล้วกระมัง!นางจะฆ่าเขา แต่เขากลับมาต่อล
อันที่จริงแล้วคำพูดของหยุนเจิงนั้นล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้นทว่า ตอนนี้เมี่ยวอินกลับไม่เชื่อว่าหยุนเจิงปรารถนาในเรือนร่างของนางหากหยุนเจิงปรารถนาในเรือนร่างของนางจริง แล้วเขาจะปล่อยนางไปได้อย่างไรเล่าเมี่ยวอินมองหยุนเจิงด้วยความเกลียดชัง นางลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะบอกเหตุผลที่นางหนีรอดมาได้ร่างกายของนางอ่อนแอป่วยมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อครั้งที่นางอายุหกขวบ สวรรค์เกือบจะพรากชีวิตนางไปครอบครัวของนางเชิญท่านหมอมีฝีมือมารักษา แต่ก็ไร้หนทางที่จะรักษานางให้หายได้ต่อมา ก็ได้พบกับหมอดูท่านหนึ่งหมอดูผู้นั้นทำนายทายทักเอาไว้ว่าดวงของนางกับท่านพ่อของนางขัดแย้งกัน หากนางยังอยู่กับท่านพ่อของนางต่อไป นางไม่อาจมีชีวิตรอดอายุเจ็ดขวบตอนนั้นเองก็กำลังจะตาย ท่านพ่อของนางก็ล้มป่วยจนหนักจนต้องรักษา เมื่อได้ยินคำทำนายทายทักของหมอดูผู้นั้น ก็ได้สั่งคนส่งตัวนางไปอยู่กับท่านป้าที่ตันโจวทว่า ระหว่างทางที่เดินทางไปตันโจว พวกเขากลับถูกโจรลอบทำร้าย ทุกคนที่ร่วมทางไปกับนางล้วนแต่ถูกฆ่าตายหมดสิ้นพวกโจรเหล่านั้นเห็นว่านางอาการร่อแร่จวนจะตายอยู่แล้ว ก็เลยไม่ลงมือฆ่านาง จึงทำให้นางมีชีวิตรอดมา
ตอนนี้คนมากมายล้วนแต่รู้ว่านางเป็นคนของตน หากนางไปลอบสังหารหยุนลี่เข้าล่ะก็ จะต้องนำปัญหามาถึงตัวเป็นแน่!“เจ้าจะพูดอันใด?”เมี่ยวอินกล่าวถามด้วยความสงสัย“อันที่จริงแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องพูดอย่างไร”หยุนเจิงส่ายหน้าพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “สิ่งที่ข้าสามารถพูดกับเจ้าได้นั่นก็คือ หากมีโอกาส ข้าจะขอให้ท่านพ่อรื้อคดีนี้ใหม่ แม้ว่าคนตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืนชีพมาได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องให้เขาตายไปแล้วถูกตีตราว่าเป็นขุนนางทรราช“นี่เจ้าคิดจะซื้อตัวข้าอย่างนั้นหรือ?” เมี่ยวอินกล่าวถามน้ำเสียงเย็นชา“ก็แล้วแต่เจ้าจะคิด”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ พลางกล่าว “อย่างไรเสียข้าก็มีทางเลือกให้เจ้าเพียงแค่สองทางเท่านั้น เจ้าเลือกเอาเองก็แล้วกัน!”เมื่อกล่าวถึงทางเลือกนี้ เมี่ยวอินก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะทางเลือกสองทางนี้ นางไม่อยากลือกสักทาง!นางแค่ต้องการฆ่ากษัตริย์ทรราชผู้นั้นเพื่อแก้แค้นให้กับทุกคนในตระกูลของนาง“ไม่มีทางเลือกอื่นอีกหรือ?”เมี่ยวอินไม่พอใจ กัดฟันกรอดกล่าวถาม“ไม่มี!”หยุนเจิงส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “เจ้าอย่าได้เรียกร้องเงื่อนไขกับข้าอีกเลย พูดตามตร
หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว เมี่ยวอินก็ตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ และไปซั่วเป่ยกับหยุนเจิงแม้ว่าการตัดสินใจของเมี่ยวอินจะทำให้หยุนเจิงดีใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เขาแปลกใจเช่นกันเขาคิดว่าเมี่ยวอินจะตัดสินใจจากไปเสียอีก“เหตุใดเจ้าถึงเลือกที่จะไปซั่วเป่ยกับข้าล่ะ?”หยุนเจิงฉวยโอกาสตอนที่เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ทันสังเกตหันกระซิบถามเมี่ยวอินเมี่ยวอินจ้องมองหยุนเจิงด้วยสายตาเกลียดชัง กัดฟันกรอดพลางกล่าว “ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าจะตายเช่นไร!”หยุนเจิงได้ยินเช่นนี้รอยยิ้มบนใบหน้าก็อันตรธานหายไปทันทีเหอะๆ!นางผู้นี้ช่างดื้อรั้นเสียจริง!ช่างเถอะ!ในเมื่อนางไม่อยากพูดความจริง ตนก็คร้านจะเค้นถามนางขอเพียงแค่นางไปซั่วเป่ยกับเขาก็เพียงพอแล้ว!หากทำให้นางยอมจำนนได้ ตนก็จะได้มีคนคอยคุ้มกันเพิ่มมาอีกหนึ่งคนไม่ใช่สิ เพิ่มขึ้นอีกสองถึงจะถูก!เพราะยังมีหมิงเย่ว์เพิ่มมาอีกคนด้วย!เฮ้อ!สวรรค์มอบความกดดันให้เขามากเกินไปแล้ว!แม่เสือสาวในจวนยังไม่ยอมจำนนต่อเขาเลย นี่เพิ่มมาอีกสองคนอีกและสิ่งที่สำคัญก็คือ ตนสู้ไม่ได้สักคน!หยุนเจิงถอนหายใจอย่างจนปัญญา อีกทั้งยังกล่าวถามว
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่