“อย่าขยับ!”“ข้าบอกไม่ให้ท่านขยับไงเล่า!”“หากยังขยับอีก เชื่อไหมว่าข้าจะโยนท่านลงจากม้าเดี๋ยวนี้เลย?”“...”ระหว่างทางกลับ เสิ่นลั่วเยี่ยนขู่หยุนเจิงมาตลอดทางหยุนเจิงเมาแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนกลัวว่าเขาจะพลัดตกจากม้า จึงทำได้เพียงนำเขานั่งด้านหน้าตัวเองบนม้าตัวเดียวกันแต่หยุนเจิงไม่ซื่อสัตย์เอาเสียเลย ขยับไปมาไม่หยุดสองคนขี่ม้าตัวเดียวกัน หยุนเจิงขยับเช่นนี้ แน่นอนว่าไปสัมผัสโดนบริเวณจุดอ่อนไหวของเสิ่นลั่วเยี่ยนหลายครั้งเสิ่นลั่วเยี่ยนโมโหเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรหยุนเจิงไม่ได้เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ดื่มเหล้าไปไม่น้อย เดิมทีสีหน้าก็แดงเล็กน้อยอยู่แล้ว เมื่อถูไถไปมากับร่างกายของหยุนเจิง ใบหน้าของนางก็แดงระเรื่อยิ่งขึ้นโชคดีที่เป็นเวลากลางคืน เกาเหอและคนอื่นๆ จุดคบไฟนำทางอยู่ด้านหน้า จึงมองไม่เห็นสีหน้าของนาง ไม่เช่นนั้น นางคงต้องเอาหน้ามุดแผ่นดินหนีไปแล้ว“ข้าควรจะทิ้งท่านไว้ที่นี่ และให้ท่านนอนกับพวกเขาไปเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนหยิกหยุนเจิงอย่างอดไม่ได้ และเรียกเกาเหอที่อยู่ด้านหน้า “เอาตัวเขาไปขี่ม้ากับพวกเจ้าสิ!”“พระชายา ไว้ชีวิตข้าน้อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”เกาเหอหัว
“ท่านจะดื้อรั้นไปทำไมกัน?”เยี่ยจื่อถูกนางทำให้โมโหจนหัวเราะออกมา พร้อมพูดเสียงเบาว่า “เขาซื้อตัวเมี่ยวอินกลับมาได้สองสามวันแล้ว เขาเคยแตะต้องเมี่ยวอินหรือไม่?”“ท่านคิดจะเอาผู้ชายของตัวเองผลักไสให้กับผู้หญิงคนอื่นจริงหรือ?”“พวกท่านเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าอย่างไร พวกท่านก็ยังเป็นสามีภรรยากัน!”“เป็นเหมือนที่เขาบอก ต่อให้พวกท่านตาย พวกท่านก็ต้องฝังร่วมกัน!”“ท่านคิดจะเป็นแบบนี้กับเขาไปตลอดชีวิตเลยหรือ?”“...”เยี่ยจื่อพูดเตือนเสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยความอดทนเจ้าเด็กโง่เอ๊ย!หากไม่ต้องกังวลว่าเจ้าเด็กนี่จะพูดไม่ระวังปาก นางก็อยากจะเล่าเรื่องที่หยุนเจิงสงสัยเมี่ยวอินให้เจ้าเด็กนี่ได้ฟังทั้งหมดนางวางใจให้เมี่ยวอินไปเช็ดตัวให้หยุนเจิง แต่ตัวเองไม่ไว้ใจหรอกนะ!นางไม่กลัวเลยว่าเมี่ยวอินจะฉวยโอกาสตอนที่หยุนเจิงเมา และปลิดชีพของหยุนเจิง!ภายใต้การพูดโน้มน้าวใจของเยี่ยจื่อ เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงยอมเดินไปห้องของหยุนเจิงอย่างไม่เต็มใจเมื่อนางเดินเข้ามาในห้อง ซินเซิงได้เตรียมน้ำอุ่นไว้แล้ว“เอาล่ะ ไปได้แล้ว! ที่เหลือข้าจัดการเอง!”เสิ่นลั่วเยี่ยนโบกมือไล่ซินเซิง พูดพึมพำกับต
เช้าวันที่สอง หยุนเจิงลุกขึ้นมาด้วยความปวดเมื่อยทั่วทั้งตัวแม่xสิ!ครอบครัวอาภัพเสียจริง!เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่กล้าชกเขาจริงๆ แต่นางเสือร้ายก็ลงมือได้อย่างอำมหิตมากร่างกายของเขาถูกเสิ่นลั่วเยี่ยนหยิกจนเขียวช้ำไปหมด ตอนนี้ยังคงเจ็บอยู่หยุนเจิงอยากไปจุดธูปไหว้พระแต่เช้าตรู่ เพื่อภาวนาขอให้เหล่าทวยเทพและพระพุทธเจ้าบนฟ้าสวรรค์ ถ่ายทอดวิชาปรมาจารย์สามสิบห้าสิบปีซึ่งไม่มีผู้ใดเทียบได้ให้แก่ตนเองหากไม่ได้จริงๆ ก็ขอหญิงงามที่มีพร้อมทั้งทรัพย์และปัญญาให้ตัวเองก็ได้!การเอาชนะภรรยาของตัวเองไม่ได้ ช่างเวทนาเสียจริงหยุนเจิงเพิ่งล้างหน้าแต่งตัวเสร็จก็เดินออกจากห้อง และได้พบกับเมี่ยวอิน“องค์ชายหก ท่านเป็นอะไรหรือไม่เพคะ? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”เมื่อเห็นว่าหยุนเจิงหงอยเหงาซึมเซา เมี่ยวอินก็ถามด้วยความเป็นห่วงข้าไม่สบายไปทั่วทั้งตัวเลย!หยุนเจิงแอบบ่นในใจ และส่ายหน้าพูดว่า “อาจเป็นเพราะยังเมาค้างตั้งแต่เมื่อคืน ยังไม่สร่างเมาดี”เมี่ยวอินพูดด้วยความเป็นห่วง “องค์ชายดื่มมากไม่ได้ ดื่มให้น้อยลงก็ดีนะเพคะ จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย”“อืมๆ ข้ารู้แล้วล่ะ” หยุนเจิงพยักหน้า
เสิ่นลั่วเยี่ยนทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ และเดินออกไปด้วยความโมโหไม่นาน หยุนเจิงก็เรียกตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ มา พร้อมกับกำชับบางอย่างกับพวกเขาเสียงเบาจากนั้น หยุนเจิงก็นำพวกเขามายังหอพักชั่วคราวของทหาร ให้เกาเหอและโจวมี่เฝ้าอยู่ด้านนอก และห้ามผู้ใดเข้าใกล้โดยเด็ดขาดวินาทีที่ประตูปิดลง จั่วเริ่นและอวี๋ซื่อจงก็ลงมือทันที รวบมือซ้ายและขวาของเมี่ยวอิน ตู้กุยหยวนก็ใช้ดาบจ่อที่คอของเมี่ยวอินอย่างรุนแรงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เมี่ยวอินงุนงงเล็กน้อย“องค์ชายหก พวกเขาทดสอบคนเช่นนี้หรือเพคะ?”เมี่ยวอินทำท่าทางน่าสงสาร “ข้าเพียงแค่เคยอ่านตำราสงคราม แต่ไม่เคยฝึกการต่อสู้มาก่อน ไม่จำเป็นต้องทดสอบทักษะการต่อสู้หรอกเพคะ?”“พอแล้ว เลิกเสแสร้งได้แล้ว!”หยุนเจิงกลอกตาใส่เมี่ยวอิน “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จุดประสงค์ที่เจ้าเข้าใกล้ข้างั้นหรือ?”เมี่ยวอินตกใจ และแกล้งพูดด้วยความมึนงงว่า “องค์ชาย ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“ยังจะเสแสร้งอีกใช่หรือไม่?”หยุนเจิงเม้มปากหัวเราะ “หลายวันที่ผ่านมา คนของข้าแอบเฝ้าสังเกตการณ์เจ้าและหมิงเย่ว์อยู่ตลอด การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเจ้า ค
พูดตามตรงหยุนเจิงไม่เห็นด้วยกับการประเมินค่าของเมี่ยวอินที่มีต่อจักรพรรดิเหวินแม้จักรพรรดิเหวินจะไม่ใช่จักรพรรดิที่ปราดเปรื่องนัก แต่ก็ไม่ใช่จักรพรรดิที่แย่แน่นอนนับตั้งแต่จักรพรรดิเหวินได้ขึ้นครองบัลลังก์มังกร ราษฎรต้าเฉียนก็อยู่เย็นเป็นสุขมีเพียงแค่ศึกซั่วเป่ยเมื่อห้าปีก่อนเท่านั้นที่จักรพรรดิเหวินไม่อาจลบล้างความเสียหายนั้นได้นอกจากนั้นก็มีเรื่องการก่อกบฏขององค์รัชทายาทหากความจริงแล้วองค์รัชทายาทถูกเจ้าสามใส่ร้ายป้ายสี นั่นนับว่าเป็นความผิดอันร้ายแรงที่สุดของเขาเลยทว่า เขาก็ได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งเอาไว้ให้อย่างจับพลัดจับผลู ข้อความในจดหมายเลือดนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ เขาเองก็ไม่อาจรู้ได้พูดได้เพียงแค่มีความเป็นไปได้อย่างมาก!อย่างไรเสีย หยุนลี่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนดี!“จะฆ่าจะแกงก็เชิญตามสบาย!”เมี่ยวอินคร้านจะเอ่ยถึงเหตุผลกับหยุนเจิง นางกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางเกลียดชังว่า “ในเมื่อท่านมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว ข้าก็ไม่คิดจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว!”“เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้นเล่า?”หยุนเจิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “มีชีวิตอยู่ต่อไป มันไม่ดีหรือไง?”“ม
หยุนเจิงไอค่อกแค่กหลายครั้ง หลังจากที่ตั้งสติขึ้นมาได้จึงกล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่สงบว่า “ข้ากลัวตาย แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ฆ่าข้า”“เจ้าเอาอันใดมามั่นใจว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้า?” เมี่ยวอินขมวดคิ้วพลางกล่าว“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่สัญชาตญาณบอกข้าก็เท่านั้น”หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้มพลางกล่าว “เจ้าแค่อยากแก้แค้น ไม่ใช่คนที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า”เมี่ยวอินกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าเป็นโอรสของทรราชนั่น เจ้าไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์!”“ข้าไม่อยากฟังคำพูดพวกนี้ของเจ้า”หยุนเจิงหรอกตามองบนใส่นาง “ข้าเป็นโอรสของเสด็จพ่อคือเรื่องจริง แต่ตอนนี้ข้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราชสำนัก ยิ่งเมื่อก่อนก็ยิ่งไม่ข้องเกี่ยว!”“ตระกูลเจ้าถูกสังหารเก้าชั่วโคตร จะอย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวกับข้า ถูกต้องหรือไม่ เช่นนี้แล้ว ข้าจะไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร?”“สิ่งที่ข้าทำผิดก็คงจะเป็นการที่ข้าไม่ได้เขียนคำว่าผู้บริสุทธิ์ติดไว้บนหน้าผากข้าก็เท่านั้นแล้วล่ะ…”เมื่อเห็นหยุนเจิงที่กำลังโมโหนางเช่นนี้ เมี่ยวอินก็อดที่จะตกตะลึงพรึงเพริดไม่ได้เขาคงไม่ได้เป็นบ้าไปแล้วกระมัง!นางจะฆ่าเขา แต่เขากลับมาต่อล
อันที่จริงแล้วคำพูดของหยุนเจิงนั้นล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้นทว่า ตอนนี้เมี่ยวอินกลับไม่เชื่อว่าหยุนเจิงปรารถนาในเรือนร่างของนางหากหยุนเจิงปรารถนาในเรือนร่างของนางจริง แล้วเขาจะปล่อยนางไปได้อย่างไรเล่าเมี่ยวอินมองหยุนเจิงด้วยความเกลียดชัง นางลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะบอกเหตุผลที่นางหนีรอดมาได้ร่างกายของนางอ่อนแอป่วยมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อครั้งที่นางอายุหกขวบ สวรรค์เกือบจะพรากชีวิตนางไปครอบครัวของนางเชิญท่านหมอมีฝีมือมารักษา แต่ก็ไร้หนทางที่จะรักษานางให้หายได้ต่อมา ก็ได้พบกับหมอดูท่านหนึ่งหมอดูผู้นั้นทำนายทายทักเอาไว้ว่าดวงของนางกับท่านพ่อของนางขัดแย้งกัน หากนางยังอยู่กับท่านพ่อของนางต่อไป นางไม่อาจมีชีวิตรอดอายุเจ็ดขวบตอนนั้นเองก็กำลังจะตาย ท่านพ่อของนางก็ล้มป่วยจนหนักจนต้องรักษา เมื่อได้ยินคำทำนายทายทักของหมอดูผู้นั้น ก็ได้สั่งคนส่งตัวนางไปอยู่กับท่านป้าที่ตันโจวทว่า ระหว่างทางที่เดินทางไปตันโจว พวกเขากลับถูกโจรลอบทำร้าย ทุกคนที่ร่วมทางไปกับนางล้วนแต่ถูกฆ่าตายหมดสิ้นพวกโจรเหล่านั้นเห็นว่านางอาการร่อแร่จวนจะตายอยู่แล้ว ก็เลยไม่ลงมือฆ่านาง จึงทำให้นางมีชีวิตรอดมา
ตอนนี้คนมากมายล้วนแต่รู้ว่านางเป็นคนของตน หากนางไปลอบสังหารหยุนลี่เข้าล่ะก็ จะต้องนำปัญหามาถึงตัวเป็นแน่!“เจ้าจะพูดอันใด?”เมี่ยวอินกล่าวถามด้วยความสงสัย“อันที่จริงแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องพูดอย่างไร”หยุนเจิงส่ายหน้าพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “สิ่งที่ข้าสามารถพูดกับเจ้าได้นั่นก็คือ หากมีโอกาส ข้าจะขอให้ท่านพ่อรื้อคดีนี้ใหม่ แม้ว่าคนตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืนชีพมาได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องให้เขาตายไปแล้วถูกตีตราว่าเป็นขุนนางทรราช“นี่เจ้าคิดจะซื้อตัวข้าอย่างนั้นหรือ?” เมี่ยวอินกล่าวถามน้ำเสียงเย็นชา“ก็แล้วแต่เจ้าจะคิด”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ พลางกล่าว “อย่างไรเสียข้าก็มีทางเลือกให้เจ้าเพียงแค่สองทางเท่านั้น เจ้าเลือกเอาเองก็แล้วกัน!”เมื่อกล่าวถึงทางเลือกนี้ เมี่ยวอินก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะทางเลือกสองทางนี้ นางไม่อยากลือกสักทาง!นางแค่ต้องการฆ่ากษัตริย์ทรราชผู้นั้นเพื่อแก้แค้นให้กับทุกคนในตระกูลของนาง“ไม่มีทางเลือกอื่นอีกหรือ?”เมี่ยวอินไม่พอใจ กัดฟันกรอดกล่าวถาม“ไม่มี!”หยุนเจิงส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “เจ้าอย่าได้เรียกร้องเงื่อนไขกับข้าอีกเลย พูดตามตร