หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว เมี่ยวอินก็ตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ และไปซั่วเป่ยกับหยุนเจิงแม้ว่าการตัดสินใจของเมี่ยวอินจะทำให้หยุนเจิงดีใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เขาแปลกใจเช่นกันเขาคิดว่าเมี่ยวอินจะตัดสินใจจากไปเสียอีก“เหตุใดเจ้าถึงเลือกที่จะไปซั่วเป่ยกับข้าล่ะ?”หยุนเจิงฉวยโอกาสตอนที่เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ทันสังเกตหันกระซิบถามเมี่ยวอินเมี่ยวอินจ้องมองหยุนเจิงด้วยสายตาเกลียดชัง กัดฟันกรอดพลางกล่าว “ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าจะตายเช่นไร!”หยุนเจิงได้ยินเช่นนี้รอยยิ้มบนใบหน้าก็อันตรธานหายไปทันทีเหอะๆ!นางผู้นี้ช่างดื้อรั้นเสียจริง!ช่างเถอะ!ในเมื่อนางไม่อยากพูดความจริง ตนก็คร้านจะเค้นถามนางขอเพียงแค่นางไปซั่วเป่ยกับเขาก็เพียงพอแล้ว!หากทำให้นางยอมจำนนได้ ตนก็จะได้มีคนคอยคุ้มกันเพิ่มมาอีกหนึ่งคนไม่ใช่สิ เพิ่มขึ้นอีกสองถึงจะถูก!เพราะยังมีหมิงเย่ว์เพิ่มมาอีกคนด้วย!เฮ้อ!สวรรค์มอบความกดดันให้เขามากเกินไปแล้ว!แม่เสือสาวในจวนยังไม่ยอมจำนนต่อเขาเลย นี่เพิ่มมาอีกสองคนอีกและสิ่งที่สำคัญก็คือ ตนสู้ไม่ได้สักคน!หยุนเจิงถอนหายใจอย่างจนปัญญา อีกทั้งยังกล่าวถามว
ตอนนี้เสิ่นลั่วเยี่ยนกลับฉลาดขึ้นแล้ว เพียงแวบเดียวก็ดูออกถึงเจตจำนงของหยุนเจิง“อืม”หยุนเจิงพยักหน้า “หากรู้สถานการณ์ล่วงหน้าก่อนสักเล็กน้อย ก็สามารถวางแผนล่วงหน้าได้”“คิดเป็นแต่วิธีสกปรก!”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองเขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ก่อนจะเดินจากไปหยุนเจิงมองตามแผ่นหลังเสิ่นลั่วเยี่ยนที่เดินจากไป ก็อดที่จะบ่นออกมาไม่ได้เจ้าจะไปรู้อะไร!หากไม่ใช่เพราะไม่อยากให้ฉินชีหู่อยุ่ข้างกาย ข้าไม่ทำเช่นนี้หรอกการแสดงศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้ ต้องชนะเท่านั้น แพ้ไม่ได้เด็ดขาด!หลังจากที่แยกกับเสิ่นลั่วเยี่ยน หยุนเจิงก็รีบนำเกาเหอกับโจวมี่มุ่งหน้าไปที่จวนอวี้กั๋วกงมาเจอกับเซียวว่านโฉว หยุนเจิงยังไม่ทันได้เอ่ยปากกล่าว เซียวว่านโฉวก็หัวเราะเหอๆ ยิ้มพลางกล่าวถามว่า “องค์ชายหกมาเพื่อเรื่องการแสดงศิลปะการต่อสู้หนานย่วนใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ในเมื่อดูออกแล้ว หยุนเจิงก็ไม่ปฏิเสธ พยักหน้าพลางกล่าวว่า “ใช่!”“องค์ชายหก เอาเวลาที่มาหากระหม่อมกลับไปเตรียมตัวให้ดีเถอะพ่ะย่ะค่ะ”โจวว่านโฉวยิ้มเจื่อนพลางกล่าว “วันพรุ่ง กระหม่อมก็รอจะไปชมการแสดงศิลปะต่อสู้ที่หนานย่วนเช่นกัน แต่รายละเอียด
วันต่อมาแสงอรุณยังไม่ทันสาดส่อง ทหารจวนจำนวนหนึ่งพันนายได้รวมตัวกันอยู่หน้าจวนหนุนเจิงแล้วหยุนเจิงกับเสิ่นลั่วเยี่ยนกินมื้อเช้ารองท้องนิดหน่อย จากนั้นนำกลุ่มทหารจวน เกาเหอและพวกมุ่งหน้าไปหนานย่วนเมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงหนานย่วน แสงอรุณก็โผล่ขึ้นเส้นขอบฟ้าแล้วทันทีที่พวกเขามาถึงประตู ขันทีผู้หนึ่งก็ออกมาต้อนรับ “ท่านอ๋อง พระชายา เชิญเข้าไปรอในหนานย่วนสักครู่ ฝ่าบาทใกล้เสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ตกลง!”หยุนเจิงกับเสิ่นลั่วเยี่ยนนำทุกคนตามขันทีเข้าในใยหนานย่วนทั้งหนานย่วนว่างเปล่าพวกเขารออยู่เป็นเวลาสองก้านธูป จากนั้นก้ได้ยินเสียงพื้นดินสั่นสะเทือนขึ้นจากนั้นก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังมาเข้าใกล้เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวนี้ หยุนเจิงก็อดที่จะมีสีหน้าดำคล้ำไม่ได้บัดซบยิ่งนัก นี่มันเป็นการเคลื่อนไหวของทัพทหารม้าชัดๆ!มองดูพวกของตนเอง แม้ว่าจะนับรวมคนของเกาเหอและพวกแล้วก็ได้เพียงแค่สามสิบเท่านั้นบัดซบยิ่งนัก!รัศมีของหนานย่วนไม่ถึงห้าสิบลี้!ยังจะเอาทหารม้ากลุ่มใหญ่เช่นนั้นโอบล้อมพวกเขาอีกอย่างนั้นหรือช่างโหดร้ายมากเกินไปแล้วกระมัง!“การประลองในวันนี้ดูท่าจะยากเกิ
พวกเขาไม่มีทางที่จะหลบหนีได้เลย!หยุนเจิงกับเสิ่นลั่วเยี่ยนยังไม่ทันเอ่ยปากร้องขอสิ่งใดออกมา จักรพรรดิเหวินก็ประกาศกฎในการประลองออกมาทุกคนที่ร่วมประลอง ไม่สามารถใช้อาวุธได้แม้แต่ชิ้นเดียวตราบใดที่จับตัวหยุนเจิงได้ การประลองก็จะจบลงในทันทีหากหยุนเจิงหนีออกจากหนานย่วนได้สำเร็จ และฝ่าด่านการห้อมล้อมไปถึงประตูทิศตะวันออกของหนานย่วนที่จักรพรรดิเหวินจัดเป็นจุดกำลังสนับสนุนไปได้ก่อนตะวันจะตกดิน นั่นนับว่าหยุนเจิงชนะทันทีที่จักรพรรดิเหวินกล่าวจบ หยุนเจิงก็หัวเราะเจื่อนพลางกล่าวถามว่า “เสด็จพ่อ มีเพียงจุดกำลังสนับสนุนจุดเดียวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก!แถมยังกำหนดเวลาอีกด้วย!เขาอยากจะซ่อนตัวและคิดหาทางอย่างช้าๆ ก็ทำไม่ได้!“เจ้าต้องการกี่ที่ล่ะ?”จักรพรรดิเหวินเหลือบพระเนตรมามอง “หากเจ้าถูกตามไล่ล่า กองทหารมณฑลทางเหนือจะแบ่งกองกำลังไปรอสนับสุนเจ้าอย่างนั้นหรือ หากถูกศัตรูลอบโจมตีมาทุกด้านเจ้าจะทำเช่นไร เจ้าคนเดียวสำคัญ หรือต้าเฉียนของทุกคนสำคัญ?”คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคเหล่านี้ของจักรพรรดิเหวินทำให้หยุนเจิงโกรธถึงกับพูดไม่ออกเลยหยุนเจิงยิ้มเจื่อน และรีบคิดหาท
“ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย จับเป็นเท่านั้น!”จักรพรรดิเหวินส่ายหน้ากล่าวเสียงขรึมว่า “อีกอย่าง ห้ามทำให้บาดเจ็บสาหัสโดยเด็ดขาด ตำแหน่งที่อยู่ของขบวนเสด็ของข้านับว่าเป็นที่ประทับของเป่ยหวน หากระหว่างทางจับตัวคนของเจ้าหกได้ พวกเจ้าต้องนำตัวคนของเจ้าหกมาควบคุมตัวที่นั่น ควบคุมตัวเสร็จถึงจะกลับเข้าไปร่วมการไล่ล่าโจมตีได้!”“นี่มัน…”หยุนถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่าเช่นนี้มันไม่สมเหตุสมผลการเผชิญในสนามรบ จะจับเป็นได้อย่างไรกันเล่า“นี่มันอันใดหรือ?”หยุนถิงยังไม่ทันได้กล่าวต่อ จักรพรรดิเหวินก็หันขวับมามองด้วยสีหน้าดำคล้ำไม่พอพระทัย “ทหารม้านับห้าพันนายล้อมโจมตีทหารราบแค่หนึ่งพันนาย หากไม่ตั้งกฏจำกัดให้พวกเจ้า ข้าคงให้เจ้าหกยืนอยู่เฉยๆ แล้วให้พวกเจ้าเข้าไปจับตัวเขาง่ายๆ ไปแล้ว!”“พ่ะย่ะค่ะ! ลูกเพียงแค่นึกถึงสนามรบจริงมากเกินไป ก็เลยลืมคิดถึงข้อนี้พ่ะย่ะค่ะ”หยุนถิงรีบแก่ตัวยิ้มพลางกล่าว ก่อนจะถอยกลับไปจักรพรรดิเหวินกวาดสายตามองหยุนถิงอย่างไม่พอพระทัย ตรัสถามต่อว่า “ยังมีใครจะถามอันใดอีกหรือไม่?”พวกเขาหันไปสบตากันเงียบๆ ก่อนจะต่างพากันส่ายหน้าไปมาได้รู้กฏเกณฑ์อย่างแจ่มแจ้ง
“พ่ะย่ะค่ะ!”เกาเหอน้อมรับคำสั่ง และรีบพุ่งออกไปทันที“เจ้าจะหนีขึ้นไปบนภูเขาอย่างนั้นหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนรู้เจตนาของหยุนเจิง“รอดูสถานการณ์ก่อนเถอะ”หยุนเจิงยิ้มเจื่อน แต่ก็ไม่ได้กล่าวอันใดมากความ“เจ้าก็ฉลาดอยู่บ้างเหมือนกันนะ” เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงด้วยคงามประหลาดใจ และขมวดคิ้วพลางกล่าวอีกว่า “แต่หากหนีขึ้นไปบนเขาก็หลบซ่อนได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ตราบใดที่พวกนั้นรู้ตำแหน่งของพวกเราจะต้องนำกองกำลังแห่มาล้อมพวกเราแน่นอน!”หนานย่วนมีภูเขาป่าทึบ แถมยังมีมากอีกด้วยแต่ก็ไม่ใช่ภูเขาที่สูงมากนักไม่ว่าพวกเขาจะหลบซ่อนตัวอยู่บนภูเขาลูกใด ทหารสองสามพันนายช่วยกันตามหา พวกเขาก็จบเห่แล้วในขณะที่ฟังคำพูดของเสิ่นลั่วเยี่ยนนั้น หยุนเจิงก็แอบส่ายหน้าเล็กน้อยนางช่างโง่เขลายิ่งนัก!ขืนขึ้นไปหลบบนภูเขาจริงๆ ก็โง่แล้ว!เขาเพียงแค่ทำให้คนอื่นคิดว่าพวกเขาขึ้นไปหลบซ่อนตัวบนภูเขาก็เท่านั้น!ทหารม้าพวกนั้นไม่มีทางขี่ม้าขึ้นไปตามหาตัวเขาบนภูเขาแน่นอนเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็แอบซ่อนตัวอยู่บริเวณนั้นและถือโอกาสแย่งชิงม้ามาก้สิ้นเรื่องแล้วตราบใดที่มีม้าเพียงพอ พวกเขาก็สาม
เสิ่นลั่วเยี่ยนครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตบศีรษะตัวเองนึกขึ้นได้“ข้าคิดออกแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มขึ้น“คิดอันใดออกหรือ?”หยุนเจิงกล่าวถามทันที แววตาเต็มไปด้วยความรอคอยเสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มอย่างลำพองใจ และกล่าวออกมาทันทีว่า “พวกเราคิดหาทางล่อให้พวกนั้นขึ้นไปบนเขา พวกนั้นไม่มีทางขี่ม้าขึ้นภูเขาแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น ต้องมีม้าว่างหลายตัวแน่ ขอเพียงแค่พวกเราแอบซ่อนตัวให้ดีไม่ให้พวกนั้นจับได้ พวกเราก็ฉวยโอกาสที่จำนวนทหารม้าของพวกเขาน้อยๆ ออกไปโจมตีโดยที่พวกนั้นไม่ทันตั้งตัว…”เสิ่นลั่วเยี่ยนบอกแผนการของตนเองให้พวกเขาฟังอย่างตื่นเต้นเมื่อได้ยินแผนการนี้ของเสิ่นลั่วเยี่ยน พวกเขาก็ตาลุกวาวขึ้นทันที ในที่สุดหยุนเจิงก็โล่งอกไปเปราะหนึ่งในที่สุดแม่นางผู้นี้ก็ไม่ทำให้ชื่อเสียงของบุตรีขุนผลผู้แกร่งกล้าต้องอับกายขายหน้าเมื่อมีแผนการแล้ว ต่อไปก็ต้องทำตามแผนล่อทหารที่ตามไล่ล่าพวกนั้นขึ้นไปบนภูเขา อันที่จริงแล้วง่ายดายมากสิ่งสำคัญก็คือ พวกเขาจะซ่อนตัวจากการตามหาของทหารเหล่านั้นได้อย่างไร ทำให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าพวกเขาหนีขึ้นไปหลบซ่อนตัวบนภูเขาหมดแล้ว เริ่มจากการประมาทเลินเล
และในตอนนี้เอง จู่ๆ ตู้กุยหยวนก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น“เช่นไร?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองตู้กุยหยวนด้วยสีหน้าสงสัยตู้กุยหยวนเป็นผู้บัญชาการทหารเปื้อนเลือด เป็นขุนพลที่เคยสู้รบฆ่าฟันในสนามรบจริงมาแล้ว!หยุนเจิงคิดเพ้อเจ้อ เช่นนั้นเขาก็คิดเพ้อเจ้อด้วยอย่างนั้นสิตู้กุยหยวนกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “พระชายาลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าผู้ใดที่จับตัวองค์ชายหกตัวเป็นๆ ได้ จะได้รับการเลื่อนขั้นสามขั้น และทองอีกพันชั่ง…”ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าภายใต้การตบรางวัลอย่างหนักเช่นนี้ ทุกคนต้องพรวดเข้าไปตามหาบนภูเขาก่อนอย่างแน่นอนหากเป็นเช่นนี้ คนที่เฝ้าม้าเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเป็นแน่!อีกอย่าง ม้าศึกจำนวนมากปานนั้น หากเกิดการก่อกวนขึ้น ใช้คนเพียงแค่ไม่กี่คนฉวยโอกาสตอนที่โกลาหลขี่ม้ามาทางนี้ ก็จะเปิดโอกาสให้พวกเขาแย่งชิงม้ามาได้สำเร็จแล้ว!ภูเขาลูกนั้นที่เกาเหอกล่าวถึงแม้จะไม่มีที่หลบซ่อนตัว แต่คนหลายสิบคนสามารถหาที่หลบซ่อนได้แน่นอนตราบใดที่คนหลายสิบคนนี้สามารถก่อความวุ่นวายและขี่ม้ามาทางนี้ได้ ไม่เพียงแต่สามารถแย่งชิงม้ามาได้เท่านั้น แต่ยังทำให้คนเหล่านั้นสูญเสียม้าศึกไปได้ด้