ณ จวนองค์ชายหก วินาทีนี้ก็คึกคักเป็นพิเศษเช่นกันวันนี้เป็นวันมงคลสมรสขององค์ชายหก จักรพรรดิเหวินหยุดงานในราชสำนักเป็นพิเศษต่อให้เป็นขุนนางที่ไม่ถูกกับหยุนเจิง ก็ต้องมาร่วมแสดงความยินดีด้วยตอนที่หยุนเจิงรับขบวนเจ้าสาวกลับจวนมาแล้ว ที่จวนก็มีแขกเหรื่อเยอะแยะมากมายเกี้ยวที่นั่งเจ้าสาวหยุดอยู่ที่หน้าจวน หยุนเจิงก็ลงจากม้า และรับตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนออกมาจากเกี้ยวที่นั่งเจ้าสาวหลังจากขุนนางฝ่ายพระราชพิธีกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวแล้ว ก็เริ่มขั้นตอนการรับเข้าจวนหยุนเจิงที่กำลังจะจับมือเสิ่นลั่วเยี่ยนกระโดดข้ามกระถางไฟ ทันใดนั้นเสิ่นลั่วเยี่ยนก็ใช้แรงหยิกมือของเขา เพื่อแก้แค้นที่เขาพูดจาลามกด้านนอกเกี้ยวที่นั่งเจ้าสาวเมื่อครู่นี้“ซี้ด…”หยุนเจิงเจ็บจนหัวใจก็ถึงตาตุ่ม“องค์ชายหก พระองค์เป็นอะไรหรือไม่?”ขุนนางฝ่ายพระราชพิธีรีบถามขึ้น“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร”หยุนเจิงหัวเราะร่า “ข้าคงนั่งบนม้านานไปหน่อย ขาก็เลยชาเล็กน้อย”“อ้อ อ้อ...”ขุนนางพระราชพิธีไม่สงสัยเขา และนำพวกเขาเข้าสู่พิธีการเข้าจวนเสิ่นลั่วเยี่ยนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีแดงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ แอบได้ใจเงีย
หลังจากนั้น จักรพรรดิเหวินเดินนำกลุ่มคนมาหยุดตรงหน้าหยุนเจิงใบหน้ามีเมตตาของเสด็จพ่ออย่างจักรพรรดิเหวิน หัวเราะเหอะๆ แล้วพูดว่า “เจ้าหก เสด็จพ่อเคยพูดไว้ว่า เมื่อถึงวันสำคัญของเจ้า ข้าจะให้เสด็จพี่สามและเสด็จพี่สี่ของเจ้าเตรียมของขวัญหนึ่งชิ้นที่จะทำให้เจ้าพอใจ เจ้าดูสิว่าเจ้าพอใจกับของขวัญที่พวกเขามอบให้หรือไม่ หากเจ้าไม่พอใจ ข้าจะจัดการพวกเขาแทนเจ้าเอง!”เมื่อได้ยินที่จักรพรรดิเหวินพูด หยุนลี่และหยุนถิงก็รีบเข้ามามอบของขวัญทันที“น้องหก ยินดีด้วยนะ ยินดีด้วย!”หยุนลี่เดินเข้ามา ในมืออุ้มพระพุทธรูปที่สร้างด้วยทองคำบริสุทธิ์ “นี่คือของขวัญที่เสด็จพี่สามอยากมอบให้เจ้าในวันแต่งงาน ขอให้เจ้าและน้องสะใภ้มีลูกชายไวๆ ขอให้อยู่ดูแลกันจนแก่เฒ่า!”“ขอบคุณเสด็จพี่สาม”หยุนเจิงรีบรับพระพุทธรูปมาตรวจดู ยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า “พอใจ! นี่เป็นของขวัญที่แม้จะด้อยค่าแต่มากไปด้วยน้ำใจ ไม่ว่าเสด็จพี่สามจะมอบของขวัญอะไรให้ ข้าก็พอใจทั้งนั้น”อื้ม ค่อนข้างหนัก ด้านในไม่กลวงแน่นอนเมื่อลองประมาณการคร่าวๆ คาดว่าไม่ต่ำกว่ายี่สิบชั่ง!นี่แม่งจำเป็นต้องพอใจ!“น้องหก ยินดีด้วยนะ ยินดีด้วย...”
ข่าวสารเร่งด่วนจากการทหาร!คำง่ายๆ เพียงไม่กี่คำ ทำให้บรรยากาศที่ครึกครื้นเงียบลงทันทีไม่นานนัก นายทหารคนหนึ่งก็ถือรายงานการทหารวิ่งเข้ามา“อ่าน!”ไม่รอให้นายทหารแสดงความเคารพต่อจักรพรรดิเหวิน จักรพรรดิเหวินก็ตะคอกเสียงทุ้มต่ำอย่างไม่อาจรีรอได้“พ่ะย่ะค่ะ!”นายทหารไม่มัวรีรอ รีบเปิดรายงานการทหารออกทันที “ทูลฝ่าบาท แม่ทัพที่ดูแลเสบียงอาหารของเราในเขตพื้นที่ทางตอนเหนือถูกทหารม้าของเป่ยหวนจุกโจมตีกะทันหัน เสบียงอาหารสามล้านหาบถูกปล้นไปจนเกลี้ยง...”เสบียงอาหารที่คุ้มกันจากฟู่โจวเพื่อไปช่วยเหนือเป่ยหวน ถูกเป่ยหวนปล้นไปหมดเกลี้ยง!นายทหารสองหมื่นนายที่คุ้มกันเสบียง บาดเจ็บและตายเกือบทั้งหมด!บรรยากาศเงียบจนน่ากลัวมีเพียงเสียงของนายทหารที่กำลังอ่านรายงานการทหาร ด้วยเสียงที่ดังกังวานไม่หยุดหย่อนแม้ว่านายทหารจะอ่านเนื้อหาของรายงานการทหารจบแล้ว แต่ตอนนี้บรรยากาศก็ยังเงียบเป็นเป่าสากจู่ๆ บรรยากาศงานรื่นเริงกลายเป็นความกดดันและน่าหดหู่อย่างมากเป่ยหวนไม่ยึดมั่นในคำมั่นสัญญา ไม่ว่าม้าศึกหรือดินแดนที่สูญเสียไป ต่างก็ไม่ยอมคืนให้ทั้งนั้น!เรียกได้ว่าใช้วิธีที่โหดร้ายแ
สวีสือฝู่ออกความเห็นอีกครั้ง “กระหม่อมขอฝ่าบาทได้โปรดระงับความโกรธเกรี้ยวไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ ใช้เวลาอีกสักสองสามปีในการเตรียมทำศึก! เมื่อพวกเราเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่แล้ว ค่อยทำสงครามกำราบเป่ยหวน!”“ฝ่าบาท จิ้งกั๋วกงพูดจามีเหตุผลทีเดียว”จางฮว๋ายก็ลุกขึ้นมาสนับสนุนสวีสือฝู่ “ต้าเฉียนต้องแก้แค้นแน่นอน! แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้!”“ไม่ใช่ตอนนี้ เช่นนั้นต้องรอไปถึงเมื่อไร?” เซียวว่านโฉวตะเบ็งเสียงด้วยความโมโห “ครั้งนี้ก็ทน ครั้งหน้าก็ทน! พวกเราต้องทนไปถึงตอนไหนกัน? พวกเจ้าแต่ละคนชอบทำตัวเป็นไอ้ลูกเวรใช่หรือไม่?”เซียวว่านโฉวกำหมัดแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ความโกรธที่ลุกเป็นไฟในทรวงอกแทบเผาไหม้ทั่วทั้งตัวของเขา“อวี้กั๋วกงพูดผิดแล้ว! ไม่ใช่ว่าไม่ทำสงคราม เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา!”“เวลาของแม่เจ้าสิ! ตอนแม่เจ้าคลอดเจ้าออกมา เหตุใดจึงไม่เลือกเวลาดีๆ บ้างเล่า?”“หยาบคายนัก! นี่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติ เจ้าจะมาด่ากราดข้าง่ายๆ เช่นนี้หรือ?”“ข้าด่ากราดแล้วจะทำไม! หากไม่ให้ข้าด่าพวกลูกเวรที่เอาแต่หวังความสบายอย่างพวกเจ้า จะให้ข้าไปด่าใคร?”“ฝ่าบาท หากทำสงครามตอนนี้ พวกเราจะต้องเกิดการสูญเส
สุดท้าย จักรพรรดิเหวินเลือกที่จะปริปากห้ามปรามฉินลิ่วก่านสวีสือฝู่โดนฉินลิ่วก่านหยามเกียรติต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ เขาโกรธจนสั่นเทิ้มไปทั่วทั้งตัว แต่กลับทำอะไรนักเลงเฒ่าไม่ได้เลยเมื่อฟ้องร้องเขา อย่างมากก็ลงโทษด้วยการหักเงินเดือนเงินเดือนของนักเลงเฒ่าคนนี้ถูกลงโทษหักจนถึงหนึ่งร้อยปี!แม้ว่าจะลงโทษหักเงินเดือนเขาอีกสักสิบปีก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย!เมื่อนักเลงเฒ่ามาถึง อำนาจของฝ่ายสนับสนุนความปรองดองก็อ่อนแอลงทันที จนแทบไม่มีผู้ใดกล้าปริปากพูดเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างถูกฉินลิ่วก่านทำให้ตกใจจนไม่กล้าพูด จางฮว๋ายจึงเริ่มพูดอีกครั้งว่า “ฝ่าบาท เวลานี้ไม่ควรทำสงครามจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“ปีหน้า รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นในปีหน้าค่อยทำสงคราม!”“ตอนนั้น กรมโยธาก็จะสามารถรีบเร่งผลิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเหล็กลายบุปผามากมาย!”“ฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นในปีหน้า กระหม่อมยินยอมที่จะมุ่งหน้าไปซั่วเป่ย แม้ต้องตายที่ซั่วเป่ยก็ไม่มีสิ่งใดต้องเสียดาย...”จางฮว๋ายร้อนใจจนย่ำเท้าอยู่ตลอดเวลา และพูดเตือนไม่หยุดหย่อนเขาไม่ได้กลัวตาย!แต่เพราะเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะเปิดสงครามกับเป่ยหวนจริงๆ“ฝ่าบาท จางเก
ดูสิว่าเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!เกรงว่าครั้งนี้หยุนเจิงจะโมโหจนต้องกระอักเลือดแน่นอน!ความแค้นที่เขาต้องเสียเงินให้กับหยุนเจิงเมื่อวานนี้ มลายหายไปไม่น้อยในทันทีไม่นานนัก จวนองค์ชายหกที่เคยคึกคักก็เงียบเหงาลงนอกจากคนทางฝั่งตระกูลเสิ่น คนที่อยู่ต่อก็เหลือเพียงจางซูที่ว่างงานไม่มีอะไรทำเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเงียบเชียบมาก ผู้คนในจวนของหยุนเจิงต่างก็มองหน้ากันอย่างอดไม่ได้สีหน้าของฮูหยินเสิ่นก็ไม่ดีมากนักงานแต่งของลูกสาวคนเดียวในตระกูลเสิ่น กลับต้องเป็นแบบนี้ นางรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยแต่ทว่า เรื่องการทหารที่เร่งด่วน นางก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกันคงไม่สามารถให้จักรพรรดิเหวินและเหล่าขุนนางเพิกเฉยต่อเรื่องด่วนทางทหาร และอยู่กินดื่มต่อไปหรอกจริงไหม?“องค์ชายหก ไม่ต้องเสียใจไป”จางซูเข้ามาปลอบใจ “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ใครก็ทำอะไรไม่ได้! ไม่เป็นไร ข้าจางซูยังว่างอยู่ วันนี้ข้าจะอยู่ดื่มกับท่านให้เต็มที่เลย!”“ข้าไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่รู้สึกผิดต่อลั่วเยี่ยน!”หยุนเจิงยักไหล่ และตบที่มือของเสิ่นลั่วเยี่ยน พร้อมพูดอย่างจริงจังว่า “วันหน้าข้าจะจัดงานแต่งที่ใหญ่โตเพื่อชดเชยให้แก่เจ้าแน่นอ
“องค์ชายหก อย่าได้เสียใจไปเลย ข้ามีเรื่องน่ายินดีจะบอกท่านด้วย”ก่อนเริ่มงานเลี้ยง จางซูดึงตัวหยุนเจิงมาอีกด้านข้าไม่ได้เศร้าใจมากขนาดนั้นจริงๆ!หยุนเจิงรู้สึกเบื่อหน่ายในใจ และถามว่า “เจ้าทำเงินก้อนโตได้อีกแล้วใช่หรือไม่?”“องค์ชายทรงพระปรีชาจริงๆ!”จางซูประจบสอพลอ ยักคิ้วหลิ่วตาพูดว่า “องค์ชาย ครั้งนี้พวกเรารวยเละแล้วจริงๆ...”พูดจบ จางซูก็เริ่มรายงานผลให้แก่หยุนเจิงได้ฟังเขาได้พูดคุยเรื่องการค้ากับพ่อค้าหลายคนที่เขารู้จักแล้วต่อจากนี้ เขาจะเป็นคนมอบสินค้าให้พ่อค้าเหล่านั้น และพ่อค้าเหล่านั้นจะเป็นผู้นำไปจำหน่ายไม่มีเพียงแค่สบู่เท่านั้น แต่รวมไปถึงของเล่นต่างๆ ที่พวกเขาทำขึ้นมาแน่นอนว่า สบู่ยังคงเป็นสิ่งที่เหล่าพ่อค้าให้ความสนใจมากที่สุดทุกคนล้วนเป็นผู้ค้าขาย รู้ดีว่าสบู่มีค่ามากที่สุดแล้วแต่พ่อค้าเหล่านั้นไม่สามารถผลิตสบู่ได้ด้วยตัวเอง จึงทำได้เพียงรับสินค้าไปจากจางซูจางซูก็อำมหิตทีเดียว สบู่ขนาดเพียงหนึ่งฝ่ามือ ราคาที่ซื้อจากเขามากถึงห้าตำลึงเงินต่อหนึ่งก้อน!เมื่อขายออกไปแล้ว ราคาก็จะยิ่งสูงมากขึ้น!จางซูบอกว่า สบู่ไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนทั่วไปจะซื้อใช้ได้สบู
รอจนงานเลี้ยงจบลงแล้ว หยุนเจิงและเยี่ยจื่อก้ประเมินค่าของขวัญที่ได้รับตลอดทั้งคืน“พอแล้ว เรื่องนี้ข้าจัดการเองได้เพคะ!”เยี่ยจื่อให้หยุนเจิงดูของขวัญที่อยู่ในห้องเก็บของ และผลักหยุนเจิงออกไปด้านนอก “ลั่วเยี่ยนดื่มจนเมาแล้ว ท่านควรไปอยู่กับนาง!”องค์ชายหกก็เห็นแก่เงินจริงๆ!วันสำคัญขนาดนี้ กลับไม่ยอมเข้าห้องหอไปอยู่กับพระชายาองค์ชายหกของเขา จะวิ่งมาที่นี่เพื่ออะไรกัน? “ช่างเถอะน่า!”หยุนเจิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เดิมทีนางก็ไม่มีความสุขอยู่แล้ว ตอนนี้ยังดื่มจนเมาอีก หากข้าไปหานาง ข้ากลัวว่านางจะเห็นข้าเป็นพวกจอมลวนลาม เดี๋ยวจะยิงข้าตายเสียก่อน!”เยี่ยจื่อขำพรวดออกมา “ไม่ร้ายแรงเหมือนที่ท่านพูดหรอกเพคะ! เอาล่ะ รีบออกไปได้แล้วเพคะ!”เมื่อพูดจบ เยี่ยจื่อก็ผลักหยุนเจิงออกจากห้องเก็บของไปหยุนเจิงทำอะไรไม่ได้ จึงต้องเดินไปที่ห้องของตัวเองทันทีที่เข้าห้อง ก็พบว่าซินเซิงกำลังดูแลเสิ่นลั่วเยี่ยนที่เมาหลับอยู่“นางตื่นแล้วหรือไม่?”หยุนเจิงกดเสียงต่ำถามซินเซิงซินเซิงพยักหน้าเบาๆ “ก่อนหน้านี้พระชายาองค์ชายตื่นขึ้นมาครู่หนึ่งแล้วเพคะ ลากตัวหม่อมฉันไปฟังคำพูดคนเมา จากนั้นก็หลับไปอีกเพคะ