หลายครั้งแล้วที่เขาเกือบงีบหลับไปแม่งเอ๊ย!ของเล่นอย่างไพ่นกกระจอกต้องเล่นให้น้อยลงจริงๆ!แม้จะเป็นเพียงการเล่นเพื่อความบันเทิง แต่ก็ควรเล่นให้น้อยลง!เสียการเสียงานเกินไปมาก!หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว หยุนเจิงยังต้องไปน้อมทักทายจักรพรรดิเหวินและฮองเฮาในวัง จากนั้นค่อยเดินทางออกจากในวัง และมุ่งหน้าไปรับตัวเจ้าสาวที่ตระกูลเสิ่น สุดท้ายก็รับตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนกลับมาที่จวนของตัวเอง“ลูกขอน้อมทักทายเสด็จพ่อและพระนางฮองเฮา...”หยุนเจิงมาถึงด้านในวัง จึงคุกเข่าคารวะจักรพรรดิเหวินและฮองเฮาเสด็จแม่ของเขาชิ้นพระชนม์ไปแล้ว วันนี้ไม่ว่าน้อมทักทายหรือว่ากราบไหว้ฟ้าดินเพื่อการแต่งงาน ล้วนต้องมีฮองเฮารับบทเป็นแม่ชั่วคราวความจริงแล้ว ฮองเฮาก็คือแม่ผู้ดูแลผู้คนทั้งโลกด้วยความรัก การรับบทบาทเพียงชั่วคราวก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม“ลุกขึ้นเถอะ!”จักรพรรดิเหวินโบกมือ และขมวดคิ้วถามหยุนเจิงว่า “เจ้าหก วันนี้เป็นวันมงคลของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้? เมื่อคืนเจ้าไปขโมยวัวที่บ้านผู้ใดมาอีกงั้นหรือ?”หยุนเจิงรีบฉีกยิ้มทันที “ทูลเสด็จพ่อ เมื่อคืนลูกนอนไม่ค่อยหลับ...”“หา?”
ณ จวนองค์ชายหก วินาทีนี้ก็คึกคักเป็นพิเศษเช่นกันวันนี้เป็นวันมงคลสมรสขององค์ชายหก จักรพรรดิเหวินหยุดงานในราชสำนักเป็นพิเศษต่อให้เป็นขุนนางที่ไม่ถูกกับหยุนเจิง ก็ต้องมาร่วมแสดงความยินดีด้วยตอนที่หยุนเจิงรับขบวนเจ้าสาวกลับจวนมาแล้ว ที่จวนก็มีแขกเหรื่อเยอะแยะมากมายเกี้ยวที่นั่งเจ้าสาวหยุดอยู่ที่หน้าจวน หยุนเจิงก็ลงจากม้า และรับตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนออกมาจากเกี้ยวที่นั่งเจ้าสาวหลังจากขุนนางฝ่ายพระราชพิธีกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวแล้ว ก็เริ่มขั้นตอนการรับเข้าจวนหยุนเจิงที่กำลังจะจับมือเสิ่นลั่วเยี่ยนกระโดดข้ามกระถางไฟ ทันใดนั้นเสิ่นลั่วเยี่ยนก็ใช้แรงหยิกมือของเขา เพื่อแก้แค้นที่เขาพูดจาลามกด้านนอกเกี้ยวที่นั่งเจ้าสาวเมื่อครู่นี้“ซี้ด…”หยุนเจิงเจ็บจนหัวใจก็ถึงตาตุ่ม“องค์ชายหก พระองค์เป็นอะไรหรือไม่?”ขุนนางฝ่ายพระราชพิธีรีบถามขึ้น“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร”หยุนเจิงหัวเราะร่า “ข้าคงนั่งบนม้านานไปหน่อย ขาก็เลยชาเล็กน้อย”“อ้อ อ้อ...”ขุนนางพระราชพิธีไม่สงสัยเขา และนำพวกเขาเข้าสู่พิธีการเข้าจวนเสิ่นลั่วเยี่ยนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีแดงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ แอบได้ใจเงีย
หลังจากนั้น จักรพรรดิเหวินเดินนำกลุ่มคนมาหยุดตรงหน้าหยุนเจิงใบหน้ามีเมตตาของเสด็จพ่ออย่างจักรพรรดิเหวิน หัวเราะเหอะๆ แล้วพูดว่า “เจ้าหก เสด็จพ่อเคยพูดไว้ว่า เมื่อถึงวันสำคัญของเจ้า ข้าจะให้เสด็จพี่สามและเสด็จพี่สี่ของเจ้าเตรียมของขวัญหนึ่งชิ้นที่จะทำให้เจ้าพอใจ เจ้าดูสิว่าเจ้าพอใจกับของขวัญที่พวกเขามอบให้หรือไม่ หากเจ้าไม่พอใจ ข้าจะจัดการพวกเขาแทนเจ้าเอง!”เมื่อได้ยินที่จักรพรรดิเหวินพูด หยุนลี่และหยุนถิงก็รีบเข้ามามอบของขวัญทันที“น้องหก ยินดีด้วยนะ ยินดีด้วย!”หยุนลี่เดินเข้ามา ในมืออุ้มพระพุทธรูปที่สร้างด้วยทองคำบริสุทธิ์ “นี่คือของขวัญที่เสด็จพี่สามอยากมอบให้เจ้าในวันแต่งงาน ขอให้เจ้าและน้องสะใภ้มีลูกชายไวๆ ขอให้อยู่ดูแลกันจนแก่เฒ่า!”“ขอบคุณเสด็จพี่สาม”หยุนเจิงรีบรับพระพุทธรูปมาตรวจดู ยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า “พอใจ! นี่เป็นของขวัญที่แม้จะด้อยค่าแต่มากไปด้วยน้ำใจ ไม่ว่าเสด็จพี่สามจะมอบของขวัญอะไรให้ ข้าก็พอใจทั้งนั้น”อื้ม ค่อนข้างหนัก ด้านในไม่กลวงแน่นอนเมื่อลองประมาณการคร่าวๆ คาดว่าไม่ต่ำกว่ายี่สิบชั่ง!นี่แม่งจำเป็นต้องพอใจ!“น้องหก ยินดีด้วยนะ ยินดีด้วย...”
ข่าวสารเร่งด่วนจากการทหาร!คำง่ายๆ เพียงไม่กี่คำ ทำให้บรรยากาศที่ครึกครื้นเงียบลงทันทีไม่นานนัก นายทหารคนหนึ่งก็ถือรายงานการทหารวิ่งเข้ามา“อ่าน!”ไม่รอให้นายทหารแสดงความเคารพต่อจักรพรรดิเหวิน จักรพรรดิเหวินก็ตะคอกเสียงทุ้มต่ำอย่างไม่อาจรีรอได้“พ่ะย่ะค่ะ!”นายทหารไม่มัวรีรอ รีบเปิดรายงานการทหารออกทันที “ทูลฝ่าบาท แม่ทัพที่ดูแลเสบียงอาหารของเราในเขตพื้นที่ทางตอนเหนือถูกทหารม้าของเป่ยหวนจุกโจมตีกะทันหัน เสบียงอาหารสามล้านหาบถูกปล้นไปจนเกลี้ยง...”เสบียงอาหารที่คุ้มกันจากฟู่โจวเพื่อไปช่วยเหนือเป่ยหวน ถูกเป่ยหวนปล้นไปหมดเกลี้ยง!นายทหารสองหมื่นนายที่คุ้มกันเสบียง บาดเจ็บและตายเกือบทั้งหมด!บรรยากาศเงียบจนน่ากลัวมีเพียงเสียงของนายทหารที่กำลังอ่านรายงานการทหาร ด้วยเสียงที่ดังกังวานไม่หยุดหย่อนแม้ว่านายทหารจะอ่านเนื้อหาของรายงานการทหารจบแล้ว แต่ตอนนี้บรรยากาศก็ยังเงียบเป็นเป่าสากจู่ๆ บรรยากาศงานรื่นเริงกลายเป็นความกดดันและน่าหดหู่อย่างมากเป่ยหวนไม่ยึดมั่นในคำมั่นสัญญา ไม่ว่าม้าศึกหรือดินแดนที่สูญเสียไป ต่างก็ไม่ยอมคืนให้ทั้งนั้น!เรียกได้ว่าใช้วิธีที่โหดร้ายแ
สวีสือฝู่ออกความเห็นอีกครั้ง “กระหม่อมขอฝ่าบาทได้โปรดระงับความโกรธเกรี้ยวไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ ใช้เวลาอีกสักสองสามปีในการเตรียมทำศึก! เมื่อพวกเราเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่แล้ว ค่อยทำสงครามกำราบเป่ยหวน!”“ฝ่าบาท จิ้งกั๋วกงพูดจามีเหตุผลทีเดียว”จางฮว๋ายก็ลุกขึ้นมาสนับสนุนสวีสือฝู่ “ต้าเฉียนต้องแก้แค้นแน่นอน! แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้!”“ไม่ใช่ตอนนี้ เช่นนั้นต้องรอไปถึงเมื่อไร?” เซียวว่านโฉวตะเบ็งเสียงด้วยความโมโห “ครั้งนี้ก็ทน ครั้งหน้าก็ทน! พวกเราต้องทนไปถึงตอนไหนกัน? พวกเจ้าแต่ละคนชอบทำตัวเป็นไอ้ลูกเวรใช่หรือไม่?”เซียวว่านโฉวกำหมัดแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ความโกรธที่ลุกเป็นไฟในทรวงอกแทบเผาไหม้ทั่วทั้งตัวของเขา“อวี้กั๋วกงพูดผิดแล้ว! ไม่ใช่ว่าไม่ทำสงคราม เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา!”“เวลาของแม่เจ้าสิ! ตอนแม่เจ้าคลอดเจ้าออกมา เหตุใดจึงไม่เลือกเวลาดีๆ บ้างเล่า?”“หยาบคายนัก! นี่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติ เจ้าจะมาด่ากราดข้าง่ายๆ เช่นนี้หรือ?”“ข้าด่ากราดแล้วจะทำไม! หากไม่ให้ข้าด่าพวกลูกเวรที่เอาแต่หวังความสบายอย่างพวกเจ้า จะให้ข้าไปด่าใคร?”“ฝ่าบาท หากทำสงครามตอนนี้ พวกเราจะต้องเกิดการสูญเส
สุดท้าย จักรพรรดิเหวินเลือกที่จะปริปากห้ามปรามฉินลิ่วก่านสวีสือฝู่โดนฉินลิ่วก่านหยามเกียรติต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ เขาโกรธจนสั่นเทิ้มไปทั่วทั้งตัว แต่กลับทำอะไรนักเลงเฒ่าไม่ได้เลยเมื่อฟ้องร้องเขา อย่างมากก็ลงโทษด้วยการหักเงินเดือนเงินเดือนของนักเลงเฒ่าคนนี้ถูกลงโทษหักจนถึงหนึ่งร้อยปี!แม้ว่าจะลงโทษหักเงินเดือนเขาอีกสักสิบปีก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย!เมื่อนักเลงเฒ่ามาถึง อำนาจของฝ่ายสนับสนุนความปรองดองก็อ่อนแอลงทันที จนแทบไม่มีผู้ใดกล้าปริปากพูดเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างถูกฉินลิ่วก่านทำให้ตกใจจนไม่กล้าพูด จางฮว๋ายจึงเริ่มพูดอีกครั้งว่า “ฝ่าบาท เวลานี้ไม่ควรทำสงครามจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“ปีหน้า รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นในปีหน้าค่อยทำสงคราม!”“ตอนนั้น กรมโยธาก็จะสามารถรีบเร่งผลิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเหล็กลายบุปผามากมาย!”“ฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นในปีหน้า กระหม่อมยินยอมที่จะมุ่งหน้าไปซั่วเป่ย แม้ต้องตายที่ซั่วเป่ยก็ไม่มีสิ่งใดต้องเสียดาย...”จางฮว๋ายร้อนใจจนย่ำเท้าอยู่ตลอดเวลา และพูดเตือนไม่หยุดหย่อนเขาไม่ได้กลัวตาย!แต่เพราะเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะเปิดสงครามกับเป่ยหวนจริงๆ“ฝ่าบาท จางเก
ดูสิว่าเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!เกรงว่าครั้งนี้หยุนเจิงจะโมโหจนต้องกระอักเลือดแน่นอน!ความแค้นที่เขาต้องเสียเงินให้กับหยุนเจิงเมื่อวานนี้ มลายหายไปไม่น้อยในทันทีไม่นานนัก จวนองค์ชายหกที่เคยคึกคักก็เงียบเหงาลงนอกจากคนทางฝั่งตระกูลเสิ่น คนที่อยู่ต่อก็เหลือเพียงจางซูที่ว่างงานไม่มีอะไรทำเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเงียบเชียบมาก ผู้คนในจวนของหยุนเจิงต่างก็มองหน้ากันอย่างอดไม่ได้สีหน้าของฮูหยินเสิ่นก็ไม่ดีมากนักงานแต่งของลูกสาวคนเดียวในตระกูลเสิ่น กลับต้องเป็นแบบนี้ นางรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยแต่ทว่า เรื่องการทหารที่เร่งด่วน นางก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกันคงไม่สามารถให้จักรพรรดิเหวินและเหล่าขุนนางเพิกเฉยต่อเรื่องด่วนทางทหาร และอยู่กินดื่มต่อไปหรอกจริงไหม?“องค์ชายหก ไม่ต้องเสียใจไป”จางซูเข้ามาปลอบใจ “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ใครก็ทำอะไรไม่ได้! ไม่เป็นไร ข้าจางซูยังว่างอยู่ วันนี้ข้าจะอยู่ดื่มกับท่านให้เต็มที่เลย!”“ข้าไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่รู้สึกผิดต่อลั่วเยี่ยน!”หยุนเจิงยักไหล่ และตบที่มือของเสิ่นลั่วเยี่ยน พร้อมพูดอย่างจริงจังว่า “วันหน้าข้าจะจัดงานแต่งที่ใหญ่โตเพื่อชดเชยให้แก่เจ้าแน่นอ
“องค์ชายหก อย่าได้เสียใจไปเลย ข้ามีเรื่องน่ายินดีจะบอกท่านด้วย”ก่อนเริ่มงานเลี้ยง จางซูดึงตัวหยุนเจิงมาอีกด้านข้าไม่ได้เศร้าใจมากขนาดนั้นจริงๆ!หยุนเจิงรู้สึกเบื่อหน่ายในใจ และถามว่า “เจ้าทำเงินก้อนโตได้อีกแล้วใช่หรือไม่?”“องค์ชายทรงพระปรีชาจริงๆ!”จางซูประจบสอพลอ ยักคิ้วหลิ่วตาพูดว่า “องค์ชาย ครั้งนี้พวกเรารวยเละแล้วจริงๆ...”พูดจบ จางซูก็เริ่มรายงานผลให้แก่หยุนเจิงได้ฟังเขาได้พูดคุยเรื่องการค้ากับพ่อค้าหลายคนที่เขารู้จักแล้วต่อจากนี้ เขาจะเป็นคนมอบสินค้าให้พ่อค้าเหล่านั้น และพ่อค้าเหล่านั้นจะเป็นผู้นำไปจำหน่ายไม่มีเพียงแค่สบู่เท่านั้น แต่รวมไปถึงของเล่นต่างๆ ที่พวกเขาทำขึ้นมาแน่นอนว่า สบู่ยังคงเป็นสิ่งที่เหล่าพ่อค้าให้ความสนใจมากที่สุดทุกคนล้วนเป็นผู้ค้าขาย รู้ดีว่าสบู่มีค่ามากที่สุดแล้วแต่พ่อค้าเหล่านั้นไม่สามารถผลิตสบู่ได้ด้วยตัวเอง จึงทำได้เพียงรับสินค้าไปจากจางซูจางซูก็อำมหิตทีเดียว สบู่ขนาดเพียงหนึ่งฝ่ามือ ราคาที่ซื้อจากเขามากถึงห้าตำลึงเงินต่อหนึ่งก้อน!เมื่อขายออกไปแล้ว ราคาก็จะยิ่งสูงมากขึ้น!จางซูบอกว่า สบู่ไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนทั่วไปจะซื้อใช้ได้สบู
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่