“อืม สี่พันตำลึงกว่าแล้ว”หยุนเจิงพยักหน้า พร้อมกับหัวเราะแหะๆ เหมือนคนโง่“เจ้าในฐานะเจ้าบ่าวใหม่ ช่างโชคดีจริงๆ!”องค์ชายห้าหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าโชคดีขนาดนี้ พวกเราก็ลงเดิมพันให้มากขึ้นอีกดีหรือไม่”คำพูดขององค์ชายที่ห้าได้รับความเห็นชอบจากองค์ชายรองและหยุนถิงทันทีทั้งสามคนรวมกัน อย่าให้ต่ำกว่ายี่สิบตำลึง เล่นห้าสิบตำลึงไปเลยหยุนเจิงแสร้งทำเป็นโอ้เอ้ให้พวกเขาพูดโน้มน้าว ในที่สุดก็ถูกบังคับให้ตกลงเจ้าทึ่มสามคนนี้ คิดจะเอาทุนคืนงั้นหรือด้วยระดับสติปัญญาของพวกเขา ต่อให้ตัวเองหลับตาข้างหนึ่งเล่นกับพวกเขา พวกเขาก็มีแต่จะแพ้!จากนั้นทั้งสี่คนก็เล่นไพ่นกกระจอกไปด้วยกินดื่มไปด้วยขั้นต่ำในการลงเดิมพันแต่ละตากลายเป็นห้าสิบตำลึง จำนวนสูงสุดก็เปลี่ยนเป็นสี่ร้อยตำลึงนี่เป็นการพนันครั้งใหญ่อย่างแน่นอนเพื่อค่าใช้จ่ายทางทหารในอนาคต หยุนเจิงจึงต้องพยายามอย่างหนักหนึ่งชั่วยามต่อมา องค์ชายห้าเสียเงินหนึ่งหมื่นตำลึงไปหมดเกลี้ยง แถมยังติดหนี้หยุนเจิงสองร้อยตำลึง“พี่ห้า ท่านแพ้แล้ว วันนี้เราพอเท่านี้เถอะ?”หยุนเจิงเตือนองค์ชายห้าอย่างใจดี “ท่านโชคไม่ดี หยุดเล่นดีกว่า”
“เสด็จพี่ทั้งสาม เล่นต่อไม่ได้แล้ว เงินจำนวนนี้ ให้แล้วไปเถอะ…”เมื่อถึงเกือบเที่ยงคืน หยุนเจิงก็บอกให้หยุดอีกเจ้าทึ่มสามคนนี้แพ้จนหมดตูดแล้ว ยิ่งอยากถอนทุนคืนเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียมากขึ้นเท่านั้นทั้งสามไม่เพียงเสียตั๋วเงินที่นำมาจนหมดหน้าตักเท่านั้น ทว่าแต่ละคนยังติดหนี้หยุนเจิงสองหมื่นตำลึงอีกด้วย“เล่น เล่นต่อ!”ดวงตาของหยุนถิงแห้งผาก แต่ยังคงยืนกรานที่จะเล่นต่อเขาไม่เชื่อว่าเจ้าหกโง่เง่าคนนี้จะโชคดีตลอด!“เล่นไม่ได้แล้วจริงๆ”หยุนเจิงหาว พูดว่า “ใกล้เที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้วันแต่งงานของข้ายังมีธุระให้จัดการอีกมาก ถ้าทำให้เสียงานใหญ่ แล้วเสด็จพ่อซักไซ้ขึ้นมา เกรงว่าพวกเราทั้งสี่คนจะเดือดร้อนกันหมด...”“ข้า...”หยุนถิงอึกอัก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเขารู้ว่าที่หยุนเจิงพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหากทำให้งานแต่งงานเสียหาย คงเดือดร้อนแน่นอน!หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสามคนก็จากไปด้วยความเดือดดาล “เสด็จพี่ทั้งสามเดินทางกลับดีๆ...”หยุนเจิงส่งทั้งสามคนออกจากจวน และกล่าวคำอำลาด้วยรอยยิ้ม“ไอ้บ้านี่!”หยุนถิงกัดฟันก่นด่า แล้วขึ้นไปนั่งบนรถม้าด้วยความโกรธองค์ชายที่รองและองค์ชายห
หลายครั้งแล้วที่เขาเกือบงีบหลับไปแม่งเอ๊ย!ของเล่นอย่างไพ่นกกระจอกต้องเล่นให้น้อยลงจริงๆ!แม้จะเป็นเพียงการเล่นเพื่อความบันเทิง แต่ก็ควรเล่นให้น้อยลง!เสียการเสียงานเกินไปมาก!หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว หยุนเจิงยังต้องไปน้อมทักทายจักรพรรดิเหวินและฮองเฮาในวัง จากนั้นค่อยเดินทางออกจากในวัง และมุ่งหน้าไปรับตัวเจ้าสาวที่ตระกูลเสิ่น สุดท้ายก็รับตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนกลับมาที่จวนของตัวเอง“ลูกขอน้อมทักทายเสด็จพ่อและพระนางฮองเฮา...”หยุนเจิงมาถึงด้านในวัง จึงคุกเข่าคารวะจักรพรรดิเหวินและฮองเฮาเสด็จแม่ของเขาชิ้นพระชนม์ไปแล้ว วันนี้ไม่ว่าน้อมทักทายหรือว่ากราบไหว้ฟ้าดินเพื่อการแต่งงาน ล้วนต้องมีฮองเฮารับบทเป็นแม่ชั่วคราวความจริงแล้ว ฮองเฮาก็คือแม่ผู้ดูแลผู้คนทั้งโลกด้วยความรัก การรับบทบาทเพียงชั่วคราวก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม“ลุกขึ้นเถอะ!”จักรพรรดิเหวินโบกมือ และขมวดคิ้วถามหยุนเจิงว่า “เจ้าหก วันนี้เป็นวันมงคลของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้? เมื่อคืนเจ้าไปขโมยวัวที่บ้านผู้ใดมาอีกงั้นหรือ?”หยุนเจิงรีบฉีกยิ้มทันที “ทูลเสด็จพ่อ เมื่อคืนลูกนอนไม่ค่อยหลับ...”“หา?”
ณ จวนองค์ชายหก วินาทีนี้ก็คึกคักเป็นพิเศษเช่นกันวันนี้เป็นวันมงคลสมรสขององค์ชายหก จักรพรรดิเหวินหยุดงานในราชสำนักเป็นพิเศษต่อให้เป็นขุนนางที่ไม่ถูกกับหยุนเจิง ก็ต้องมาร่วมแสดงความยินดีด้วยตอนที่หยุนเจิงรับขบวนเจ้าสาวกลับจวนมาแล้ว ที่จวนก็มีแขกเหรื่อเยอะแยะมากมายเกี้ยวที่นั่งเจ้าสาวหยุดอยู่ที่หน้าจวน หยุนเจิงก็ลงจากม้า และรับตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนออกมาจากเกี้ยวที่นั่งเจ้าสาวหลังจากขุนนางฝ่ายพระราชพิธีกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวแล้ว ก็เริ่มขั้นตอนการรับเข้าจวนหยุนเจิงที่กำลังจะจับมือเสิ่นลั่วเยี่ยนกระโดดข้ามกระถางไฟ ทันใดนั้นเสิ่นลั่วเยี่ยนก็ใช้แรงหยิกมือของเขา เพื่อแก้แค้นที่เขาพูดจาลามกด้านนอกเกี้ยวที่นั่งเจ้าสาวเมื่อครู่นี้“ซี้ด…”หยุนเจิงเจ็บจนหัวใจก็ถึงตาตุ่ม“องค์ชายหก พระองค์เป็นอะไรหรือไม่?”ขุนนางฝ่ายพระราชพิธีรีบถามขึ้น“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร”หยุนเจิงหัวเราะร่า “ข้าคงนั่งบนม้านานไปหน่อย ขาก็เลยชาเล็กน้อย”“อ้อ อ้อ...”ขุนนางพระราชพิธีไม่สงสัยเขา และนำพวกเขาเข้าสู่พิธีการเข้าจวนเสิ่นลั่วเยี่ยนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีแดงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ แอบได้ใจเงีย
หลังจากนั้น จักรพรรดิเหวินเดินนำกลุ่มคนมาหยุดตรงหน้าหยุนเจิงใบหน้ามีเมตตาของเสด็จพ่ออย่างจักรพรรดิเหวิน หัวเราะเหอะๆ แล้วพูดว่า “เจ้าหก เสด็จพ่อเคยพูดไว้ว่า เมื่อถึงวันสำคัญของเจ้า ข้าจะให้เสด็จพี่สามและเสด็จพี่สี่ของเจ้าเตรียมของขวัญหนึ่งชิ้นที่จะทำให้เจ้าพอใจ เจ้าดูสิว่าเจ้าพอใจกับของขวัญที่พวกเขามอบให้หรือไม่ หากเจ้าไม่พอใจ ข้าจะจัดการพวกเขาแทนเจ้าเอง!”เมื่อได้ยินที่จักรพรรดิเหวินพูด หยุนลี่และหยุนถิงก็รีบเข้ามามอบของขวัญทันที“น้องหก ยินดีด้วยนะ ยินดีด้วย!”หยุนลี่เดินเข้ามา ในมืออุ้มพระพุทธรูปที่สร้างด้วยทองคำบริสุทธิ์ “นี่คือของขวัญที่เสด็จพี่สามอยากมอบให้เจ้าในวันแต่งงาน ขอให้เจ้าและน้องสะใภ้มีลูกชายไวๆ ขอให้อยู่ดูแลกันจนแก่เฒ่า!”“ขอบคุณเสด็จพี่สาม”หยุนเจิงรีบรับพระพุทธรูปมาตรวจดู ยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า “พอใจ! นี่เป็นของขวัญที่แม้จะด้อยค่าแต่มากไปด้วยน้ำใจ ไม่ว่าเสด็จพี่สามจะมอบของขวัญอะไรให้ ข้าก็พอใจทั้งนั้น”อื้ม ค่อนข้างหนัก ด้านในไม่กลวงแน่นอนเมื่อลองประมาณการคร่าวๆ คาดว่าไม่ต่ำกว่ายี่สิบชั่ง!นี่แม่งจำเป็นต้องพอใจ!“น้องหก ยินดีด้วยนะ ยินดีด้วย...”
ข่าวสารเร่งด่วนจากการทหาร!คำง่ายๆ เพียงไม่กี่คำ ทำให้บรรยากาศที่ครึกครื้นเงียบลงทันทีไม่นานนัก นายทหารคนหนึ่งก็ถือรายงานการทหารวิ่งเข้ามา“อ่าน!”ไม่รอให้นายทหารแสดงความเคารพต่อจักรพรรดิเหวิน จักรพรรดิเหวินก็ตะคอกเสียงทุ้มต่ำอย่างไม่อาจรีรอได้“พ่ะย่ะค่ะ!”นายทหารไม่มัวรีรอ รีบเปิดรายงานการทหารออกทันที “ทูลฝ่าบาท แม่ทัพที่ดูแลเสบียงอาหารของเราในเขตพื้นที่ทางตอนเหนือถูกทหารม้าของเป่ยหวนจุกโจมตีกะทันหัน เสบียงอาหารสามล้านหาบถูกปล้นไปจนเกลี้ยง...”เสบียงอาหารที่คุ้มกันจากฟู่โจวเพื่อไปช่วยเหนือเป่ยหวน ถูกเป่ยหวนปล้นไปหมดเกลี้ยง!นายทหารสองหมื่นนายที่คุ้มกันเสบียง บาดเจ็บและตายเกือบทั้งหมด!บรรยากาศเงียบจนน่ากลัวมีเพียงเสียงของนายทหารที่กำลังอ่านรายงานการทหาร ด้วยเสียงที่ดังกังวานไม่หยุดหย่อนแม้ว่านายทหารจะอ่านเนื้อหาของรายงานการทหารจบแล้ว แต่ตอนนี้บรรยากาศก็ยังเงียบเป็นเป่าสากจู่ๆ บรรยากาศงานรื่นเริงกลายเป็นความกดดันและน่าหดหู่อย่างมากเป่ยหวนไม่ยึดมั่นในคำมั่นสัญญา ไม่ว่าม้าศึกหรือดินแดนที่สูญเสียไป ต่างก็ไม่ยอมคืนให้ทั้งนั้น!เรียกได้ว่าใช้วิธีที่โหดร้ายแ
สวีสือฝู่ออกความเห็นอีกครั้ง “กระหม่อมขอฝ่าบาทได้โปรดระงับความโกรธเกรี้ยวไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ ใช้เวลาอีกสักสองสามปีในการเตรียมทำศึก! เมื่อพวกเราเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่แล้ว ค่อยทำสงครามกำราบเป่ยหวน!”“ฝ่าบาท จิ้งกั๋วกงพูดจามีเหตุผลทีเดียว”จางฮว๋ายก็ลุกขึ้นมาสนับสนุนสวีสือฝู่ “ต้าเฉียนต้องแก้แค้นแน่นอน! แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้!”“ไม่ใช่ตอนนี้ เช่นนั้นต้องรอไปถึงเมื่อไร?” เซียวว่านโฉวตะเบ็งเสียงด้วยความโมโห “ครั้งนี้ก็ทน ครั้งหน้าก็ทน! พวกเราต้องทนไปถึงตอนไหนกัน? พวกเจ้าแต่ละคนชอบทำตัวเป็นไอ้ลูกเวรใช่หรือไม่?”เซียวว่านโฉวกำหมัดแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ความโกรธที่ลุกเป็นไฟในทรวงอกแทบเผาไหม้ทั่วทั้งตัวของเขา“อวี้กั๋วกงพูดผิดแล้ว! ไม่ใช่ว่าไม่ทำสงคราม เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา!”“เวลาของแม่เจ้าสิ! ตอนแม่เจ้าคลอดเจ้าออกมา เหตุใดจึงไม่เลือกเวลาดีๆ บ้างเล่า?”“หยาบคายนัก! นี่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติ เจ้าจะมาด่ากราดข้าง่ายๆ เช่นนี้หรือ?”“ข้าด่ากราดแล้วจะทำไม! หากไม่ให้ข้าด่าพวกลูกเวรที่เอาแต่หวังความสบายอย่างพวกเจ้า จะให้ข้าไปด่าใคร?”“ฝ่าบาท หากทำสงครามตอนนี้ พวกเราจะต้องเกิดการสูญเส
สุดท้าย จักรพรรดิเหวินเลือกที่จะปริปากห้ามปรามฉินลิ่วก่านสวีสือฝู่โดนฉินลิ่วก่านหยามเกียรติต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ เขาโกรธจนสั่นเทิ้มไปทั่วทั้งตัว แต่กลับทำอะไรนักเลงเฒ่าไม่ได้เลยเมื่อฟ้องร้องเขา อย่างมากก็ลงโทษด้วยการหักเงินเดือนเงินเดือนของนักเลงเฒ่าคนนี้ถูกลงโทษหักจนถึงหนึ่งร้อยปี!แม้ว่าจะลงโทษหักเงินเดือนเขาอีกสักสิบปีก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย!เมื่อนักเลงเฒ่ามาถึง อำนาจของฝ่ายสนับสนุนความปรองดองก็อ่อนแอลงทันที จนแทบไม่มีผู้ใดกล้าปริปากพูดเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างถูกฉินลิ่วก่านทำให้ตกใจจนไม่กล้าพูด จางฮว๋ายจึงเริ่มพูดอีกครั้งว่า “ฝ่าบาท เวลานี้ไม่ควรทำสงครามจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“ปีหน้า รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นในปีหน้าค่อยทำสงคราม!”“ตอนนั้น กรมโยธาก็จะสามารถรีบเร่งผลิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเหล็กลายบุปผามากมาย!”“ฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นในปีหน้า กระหม่อมยินยอมที่จะมุ่งหน้าไปซั่วเป่ย แม้ต้องตายที่ซั่วเป่ยก็ไม่มีสิ่งใดต้องเสียดาย...”จางฮว๋ายร้อนใจจนย่ำเท้าอยู่ตลอดเวลา และพูดเตือนไม่หยุดหย่อนเขาไม่ได้กลัวตาย!แต่เพราะเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะเปิดสงครามกับเป่ยหวนจริงๆ“ฝ่าบาท จางเก