“หยวนกุย…โง่จริง!”เยี่ยจื่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วยหากไม่โง่จะยืนหัวเราะชอบใจอยู่ข้างๆ ตอนองค์ชายตกม้ารึ?หากไม่โง่จะคิดสลับม้ากลับไปนั้นรึ?หากสามารถสลับกลับไปได้ เขาคงจูงม้าไปสลับคืนตั้งนานแล้ว!“ไม่รู้จริงๆ ว่าคนโง่เขลาเพียงนี้เป็นนายกองทหารม้าได้อย่างไร”หยุนเจิงบ่นแล้วปั้นหน้ายิ้มร้ายให้กับเยี่ยจื่อพลางกล่าวว่า “จริงสิ ข้ายังมีเรื่องสำคัญมากๆ จะบอกเจ้า”“ดูท่าแล้วคงจะไม่ใช่เรื่องดี!” เยี่ยจื่อมองเขาอย่างสงสัย “เรื่องอะไร?”“เรื่องดี เรื่องดีจริงๆ!”หยุนเจิงยิ้มฮี่ๆ มองซ้ายมองขวาแล้วกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “วันนี้ข้าไปจวนเสิ่นมา แม่ยายลากข้าไปคุยตามลำพังอยู่นาน แถมให้ข้าคิดดีๆ เรื่องรับเจ้าเป็นพระชายารองด้วย…”เยี่ยจื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนในบัดดลรับนางเป็นพระชายารอง?คนชั่วลามกคนนี้นับวันยิ่งไปกันใหญ่แล้ว!นอกจากอุบัติเหตุไม่คาดคิดเมื่อคราวก่อน แต่ก่อนเขาก็เพียงหยอกล้อนางเล็กน้อยเท่านั้นบัดนี้กลับกล้าพูดว่าจะรับตนเป็นพระชายารองต่อหน้า?เยี่ยจื่อโกรธจนหายใจถดถี่ จ้องหยุนเจิงด้วยแววตาลุกเป็นไฟพลางกัดฟันกรอบ “หากท่านยังพูดจาเหลวไหลอีก เชื่อไหมว่าข้าจะกลับบ
“การมาเยี่ยมเยือนของพี่สามทำให้บ้านที่เรียบง่ายกลายเป็นบ้านที่เปล่งประกายจริงๆ!”หยุนเจิงเดินออกมาก้าวเท้าไปตรงหน้าหยุนลี่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“น้องหก เจ้าจะเกรงใจข้าทำไมกัน!”หยุนลี่หัวเราะเหอะๆ “น้องหก ข้าเองก็ไม่อ้อมค้อมละ พี่สามกับหยวนกุยรู้จักเป็นการส่วนตัวค่อนข้างสนิท เห็นแก่พี่สามคนนี้ปล่อยหยวนกุยไปสักครั้งเถอะ! เจ้าดูสิ พ่อเขาตีเขาจนเป็นสภาพนี้แล้ว”ระหว่างพูดหยุนลี่พลางชี้ไปที่ใบหน้าบวมเป๋งเขียวช้ำของหยวนกุยที่ยืนอยู่ข้างๆหยวนฉงลงมือหนักจริงๆที่สำคัญคือครั้งนี้ไม่ลงมือหนักไม่ได้จริงๆเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนลี่แล้ว หยุนเจิงพลันเผยสีหน้าไม่พอใจออกมา “พี่สาม ท่านปดข้า!”“หา?”หยุนลี่มึนงงกับคำพูดของเขาที่เอ่ยขึ้นกะทันหัน “น้องหก เจ้าหมายความว่าอย่างไร? พี่สามฟังไม่รู้ความ”“ตอนที่ท่านขอโทษข้าเมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านบอกเองไม่ใช่หรือว่าต่อไปหามีผู้ใดรังแกข้า ท่านจะออกหน้าแทนข้า!” หยุนเจิงมองหยุนลี่ด้วยท่าทีโมโห “ตอนนี้หยวนกุยเผยแพร่ข่าวลือทั่วเมือง มีใจหวังให้ข้าตาย ท่านไม่เพียงไม่ออกหน้าแทนข้า แต่ยังย้อนกลับไปช่วยหยวนกุยอีก!”“ข้า…”หยุนลี่ชะงักเล็กน้อย ไม่รู้จะพูดอะไร
ขณะนี้ หัวใจของหยวนกุยราวกับมีฝูงแกะวิ่งผ่านเขาขอให้หยุนลี่มาช่วยพูดให้เขา!แต่หยุนลี่กลับทุบตีเขา?หยวนกุยโมโหสุดขีด ทว่ากลับไม่กล้าขัดแย้ง ทำได้เพียงยอมให้หยุนลี่รัวหมัดใส่เห็นหยวนกุยที่ถูกต่อยจนหมดสภาพแล้ว หยุนเจิงแอบยิ้มอย่างอดไม่ได้อยู่กับหยุนลี่ต้องเจอหมัดสามวันเก้าครั้ง+หยุนลี่ต้องการให้หยุนเจิงหายโกรธจึงลงมือหนักเป็นพิเศษหยวนกุยถูกต่อยจนจมูกและปากเปื้อนเลือดแทบจะเป็นลมล้มไปจนถึงบัดนี้เยี่ยจื่อถึงจะวิ่งออกมาทันเวลาพอดี “องค์ชายทั้งสองเกิดอะไรขึ้น?”“พี่จื่อเออร์ ช่วย…ช่วยข้าด้วย!”หยวนกุยเหมือนเห็นนางฟ้ามาโปรดพลางร้องขอความช่วยเหลือด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดเยี่ยจื่อแอบหัวเราะในใจ ทว่าก็รีบขอความเห็นใจกับหยุนเจิงทันที “องค์ชายหก ขอร้องล่ะให้องค์ชายสามหยุดเถอะ หากตีต่อไปหยวนกุยจะตายเอา…”“ตายก็ช่างหัวมัน!” หยุนเจิงกล่าวอย่างกรุ่นโกรธ “ใครบอกให้เขาจงใจทำร้ายข้า แถมยังกล้ามีความคิดอยากครอบครองพระชายาองค์ชายอีก!”“องค์ชายหกใจเย็นๆ!” เยี่ยจื่อพูดจาแทนหยวนกุยต่อไป “หยวนกุยเป็นคนบ้าบิ่น พูดไม่ผ่านมันสมอง เขาไม่มีความคิดร้ายใดๆ หรอก…”หยุนเจิงแสร้งทำเหมือนโต้เถียงกับเย
เรือนหลังตำหนัก หยุนลี่คอยเค้นถามหยุนเจิงเกี่ยวกับเรื่องที่จักรพรรดิเหวินพูดกับเขาทว่าถามไปถามมาหยุนเจิงยังคงตอบคำเดียวว่าเสด็จพ่อไม่ให้ข้าพูด!หยุนลี่แทบจะอกแตกตายแล้ว แต่กลับระเบิดออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงสาบานต่อหยุนเจิงว่าตนจะไม่แพร่งพรายออกมาแน่นอนหยุนเจิงก้มหน้าแอบเบะปากเล็กน้อยข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะแพร่งพรายออกไปหรือไม่!สิ่งที่ข้าต้องการคือผลประโยชน์!เจ้าไม่แม้แต่จะนำผลประโยชน์ออกมาเลย คิดจะมามือเปล่ากับตนที่นี่หรือ?“น้องหก เจ้าไม่เชื่อใจพี่สามเพียงนี้เชียวหรือ?”หยุนลี่กล่าว “เจ้าลองคิดดู หากพี่สามพูดออกไปแล้วจะมีผลดีอะไรต่อพี่? พี่หักหลังเจ้าตอนนี้มีผลดีต่อพี่นั้นหรือ?”“ท่านมีผลดีหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ข้าไม่มีผลดีแน่นอน!” หยุนเจิงกล่าวคลุมเครือ ทว่าในใจกลับกำลังด่าคนโง่เขานี่อยู่ข้าพูดขนาดนี้แล้ว!หากเจ้ายังไม่นำผลประโยชน์ออกมาอีก ข้าจะไม่เสียเวลากับเจ้าอีกต่อไปแล้ว!ผลดี?หัวใจของหยุนเจิงกระเพื่อมรีบเอ่ยขึ้น “เจ้าต้องมีผลดีอยู่แล้ว!”“ข้ามีผลดีอะไรกัน?”ในที่สุดหยุนเจิงก็เงยหน้าขึ้น “หากเสด็จพ่อถือโทษขึ้นมา พี่สามจะมารับโทษแทนข้านั้นรึ? เสด็จพ่อกำชับข้าหนัก
“อ้อ”หยุนเจิงแค่นเสียงออกไปเสียงหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อหยุนลี่แอบด่าว่าสารเลวในใจแล้วเริ่มโกหกพูดกล่อมหยุนเจิงหยุนเจิงเสียเวลากับเขาอยู่พักหนึ่งถึงจะแสดงออกว่าเชื่อคำพูดของเขา“เช่นนั้นเรื่องหยวนกุยก็ช่างมันเถอะนะ?”หยุนลี่ใช้โอกาสนี้กล่าว “หยวนกุยไม่กล้าหรอก! น่าจะเป็นฝีมือของปานปู้นั่นแหละ”หยุนเจิงครุ่นคิดแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นครั้งนี้ข้าจะเห็นแก่พี่สาม แต่พี่สามต้องบอกหยวนกุยนะว่าห้ามคิดถึงลั่วเยี่ยนอีก”“เขายังจะกล้าอีก!”หยุนลี่ทุบอกยืนยันว่า “หากเขายังคิดถึงพระชายาองค์ชายหกอีก เจ้าไม่จำเป็นต้องปริปากพูด พี่สามจะจัดการเขาให้เอง!”“อืม ขอบพระทัยพี่สาม”หยุนเจิงพยักหน้าทั้งสองพูดคุยกันในห้องหนังสืออีกพักหนึ่งถึงได้ออกมาเมื่อเห็นหยุนเจิงส่งสายตาให้กับตน เยี่ยจื่อถึงรีบเข้าไปขอโอกาสแทนหยวนกุยหยุนลี่ได้ยินดังนั้นจึงรีบกล่าวว่า “เอาเถอะ เจ้าไม่ต้อง…”“ช่างมันเถอะ เอาเช่นนี้แล้วกัน!”หยุนเจิงพูดแทรกหยุนลี่ แล้วกล่าวกับหยวนกุยว่า “ข้าเห็นแก่พี่สามและพี่สะใภ้ข้า ครั้งนี้ข้าจะไม่เอาเรื่อง”หยวนกุยราวกับได้รับการนิรโทษกรรมพลางรีบกล่าวขอบคุณ พร้อมทั้งมอบสิ่ง
พวกหยุนลี่เพิ่งจะจากไป หยุนเจิงก็สั่งให้คนนำสัญญาที่หยุนลี่เขียนไว้ไปที่ร้านขายหยกทันทีหากไปช้าเกรงว่าหยุนลี่จะขนย้ายของในร้านจนหมด“ท่านบ้าแล้วหรือไง!”“ฝ่าบาททรงไม่ให้ท่านพูดเรื่องนี้ออกไป ท่านยังจะพูดออกไปอีก?”“เพื่อร้านขายหยกร้านหนึ่ง ท่านไม่คิดถึงชีวิตเลยหรือไง?”เมื่อได้รู้ถึงบทสนทนาระหว่างหยุนเจิงกับหยุนลี่แล้ว เยี่ยจื่อพลันโมโหขึ้นมาทันทีแล้วบ่นหยุนเจิงอย่างบ้าคลั่งมีชั่วขณะหนึ่งที่นางอยากจะเปิดศีรษะของหยุนเจิง เพื่อดูว่าข้างในนั้นเต็มไปด้วยอะไรกันแน่“ใจเย็นๆ อย่าตื่นตระหนก!”หยุนเจิงมองเยี่ยจื่อยิ้มๆ “เจ้าประเมินเสด็จพ่อข้าต่ำเกินไปแล้ว!”หืม?เยี่ยจื่อชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างไม่เข้าใจ “หมายความว่าอย่างไร?”“เขาต้องการทดสอบข้ามากกว่า!”หยุนเจิงส่ายศีรษะ กล่าวว่า “หากข้าไม่บอกเรื่องพวกนี้กับเจ้าสาม เขาจะสงสัยว่าข้าไม่อยากคืนดีกับเจ้าสามจริงๆ…”นี่เป็นหลักเหตุและผลง่ายๆตนไม่เหมือนกับองค์ชายคนอื่นๆ ตนไม่มีรากฐานใดๆไม่ง่ายนักที่จะมีคนพูดว่าจะปกป้องตนอย่างหยุนลี่ หากตนไม่ทำดีต่อหยุนลี่ เช่นนั้นจะถือเป็นการคืนดีได้อย่างไร?เขาสงสัยว่าแท้จริงแล้วจักรพรรดิเห
แถมยังทำให้จักรพรรดิเหวินเข้าใจว่าเกาเหอยังทำงานให้เขาอย่างจงรักภักดีด้วย!เยี่ยม!เยี่ยมจริงๆ!วางแผนทุกกระบวนการทุกขั้นตอน!ความเป็นไปได้ทุกอย่างล้วนถูกเขาคาดเดาไว้หมดแล้ว!เยี่ยจื่อรู้สึกชื่นชมอย่างสุดซึ้ง แล้วมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าซับซ้อน “ตอนนี้ข้ายิ่งอยู่ยิ่งไม่เข้าใจท่านแล้ว”หยุนเจิงเม้มปากยิ้มๆ “มีตรงไหนไม่เข้าใจ? เดี๋ยวข้าบอกเจ้าเอง”“ท่านชำนาญเรื่องการวางแผนเกินไปแล้ว!”เยี่ยจื่อถอนหายใจเบาๆ “เช่นเรื่องของหยวนกุย ท่านถึงขั้นคาดเดาทุกอย่างล่วงหน้าเอาไว้แล้ว! ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นไปตามที่ท่านคิด!”“เจ้าผิดแล้ว”หยุนเจิงส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ทุกอย่างเป็นไปตามที่ข้าคิด แต่เป็นเพราะข้าชักนำเรื่องทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ข้าคิดต่างหาก…”ความจริงแล้วในนั้นไม่มีแผนการเยี่ยมยอดอะไรหรอกเขาชักนำให้หยุนลี่ทุบตีหยวนกุยหยุนลี่ทุบตีหยวนกุยแล้ว เยี่ยจื่อก็ออกมาพูดแทนหยวนกุยได้สำเร็จ หยวนกุยย่อมต้องเชื่อใจเยี่ยจื่อมากกว่าอยู่แล้ว!เป็นไปได้หรือที่เขาจะเชื่อใจคนที่ทุบตีเขาอย่างหยุนลี่น่ะ?สิ่งเดียวที่เดาได้คือเรื่องที่หยวนกุยจะมอบผลประโยชน์ให้กับเยี่ยจื่อแต่ทว่าการวอนขอให้ผู้
ก่อนจะถึงพิธีอภิเษกสมรสระหว่างหยุนเจิงกับเสิ่นลั่วเยี่ยนเหลืออีกหนึ่งวันเท่านั้นจวนของหยุนเจิงยิ่งยุ่งวุ่นวายกว่าเดิมหลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จ เยี่ยจื่อและคนอื่นๆ ในจวนต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานทุกซอกทุกมุมในจวนต้องทำให้สะอาดเอี่ยม โต๊ะเก้าอี้ที่จำเป็นในงานเลี้ยงมงคลก็ต้องเริ่มนำไปจัดวาง ทั้งยังต้องให้คนตามพ่อครัวหลวงไปเบิกวัตถุดิบจำเป็นที่พระราชวังพร้อมลงบันทึก…คนในจวนยุ่งวุ่นวายกันจนแทบจะแยกร่างเป็นสองคนแล้วมีเพียงหยุนเจิงและซินเซิงเท่านั้นที่ว่างอยู่เรื่องในจวนมีเยี่ยจื่อและคนจากจวนฝ่ายในมาช่วยจัดการ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลซินเซิงเพียงแค่ปรณนิบัติเขาอยู่ข้างๆ ก็เพียงพอบริเวณเรือนหลังตำหนัก หยุนเจิงฝึกซ้อมวรยุทธ์เสร็จสรรพพร้อมรับผ้าเช็ดหน้าที่ซินเซิงยื่นมาให้มาซับเหงื่อบนหน้าเขาเพิ่งจะฝึกวรยุทธ์เอาตอนนี้ ไม่มีทางที่จะเป็นยอดฝีมือได้แน่นอน ทำได้เพียงภาวนาขอให้พระท่านช่วยเท่านั้นถึงแม้จะมีคนมากมายคุ้มกันความปลอดภัยของเขา แต่ตัวเขาเองก็ต้องรู้จักป้องกันตนเองบ้าง!“เฮ้อ หากพบเจอยอดฝีมือคนหนึ่งช่วยเปิดเส้นลมมปราณให้กับตนจนบรรลุเป็นปรมาจารย์เหมือนในหนังก็คงดี…”หยุนเจิ