เจ้านี่เป็นจอมเสเพลที่วันๆ ขลุกตัวอยู่ในหอโคมเขียว ยังจะมาอายอะไรอีก!“ข้าก็แค่แปลกใจว่านางจะมีรูปลักษณ์อย่างไรกันแน่” จางซูหัวเราะเหอะๆ “องค์ชายหก ตัวข้าจางซูแม้ว่าจะไม่มีข้อดีอะไร แต่ก็เป็นคนรู้จักประมาณตน! สตีระดับแม่นางเมี่ยวอินนี้ จะมาเหลียวแลข้าได้อย่างไรเล่า! โอกาสอันน้อยนิดเพียงนี้ ข้าเก็บไว้ให้เจ้าก็แล้วกัน!”จางซูกล่าวจบก็เผ่นทันทีหยุนเจิงมองแผ่นหลังของจางซูก็อดหัวเราะอย่างเสียภาพพจน์ไม่ได้เขาประเมิณตาคนนี้ต่ำเกินไปจริงๆ!จางซูมักมากในกามก็เรื่องหนึ่ง แต่เขาก็ไม่เสียสติเพราะกาม!เวลาที่ควรจะมีสติสมประดี เขาก็ไม่เลอะเลือนเลยสักนิดคนเช่นนี้ เวลาจะใช้งานก็รู้สึกวางใจ!หลังส่งจางซูจากไปทางสายตา หยุนเจิงก็กลับเข้าในห้องเวลานี้ เมี่ยวอินได้ให้หมิงเยว่นำไพ่นกกระจอกออกมาแล้วพอเมี่ยวอินเห็นหยุนเจิงเข้ามา นางก็ให้หมิงเยว่ออกไปท่าทางของเมี่ยวอินทำให้หยุนเจิงถึงขั้นเข้าสู่ภวังค์สตรีนางนี้ คงไม่ได้กำลังหว่านเสน่ห์ใส่ตนหรอกนะ?หรืออาจเป็นเพราะว่า นางคาดเดาสถานที่แท้จริงของตนออกแล้ว?หากไม่เช่นนั้น ตัวเขาเองได้บอกแก่นางไปแล้วว่าบทกลอนพวกนั้นเขาคัดลอกมา นางจะยังมาพูดคุ
อยากชิมร่างกายของนาง?เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ของหยุนเจิง ใบหน้าของเมี่ยวอินก็มีสีแดงปรากฏทั่วทั้งใบ หยุนเจิงเห็นดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อยมารดามันสิ!จริงจัง?ต่อให้จะไม่ขายตัวยังไง แต่อย่างไรเสียนางก็ทำมาหากินอยู่ในที่แบบนี้นะ?แค่คำพูดนี้ประโยคเดียวนางก็หน้าแดงขนาดนี้แล้ว?นี่เป็นบุปผาไม่เคยช้ำฝนหรือคุณหนูจากจวนตระกูลใหญ่กันล่ะเนี่ย?“คุณชายหลิวอย่าพูดล้อเล่นเช่นนี้อีกเลย”เมี่ยวอินยิ้มเขินอายทั้งตำหนิมองไปทางหยุนเจิง“ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ”หยุนเจิงส่ายหน้า แสร้างทำท่าทีจริงจัง “หากจะไถ่ตัวเจ้าต้องใช้เงินเท่าไหร่หรือ? หรือว่า จะให้ข้าช่วยไถ่ตัวเจ้าดีไหม?”เมี่ยวอินตะลึงค้าง รีบส่ายหัวกล่าวว่า “พวกเราก็แค่พบปะกันอย่างบังเอิญ ข้าจะให้คุณชายหลิวมาไถ่ตัวข้าได้อย่างไรกันเล่า?”หยุนเจิงเอียงศีรษะ “ข้าบอกไปแล้วนี่? ข้าอยากชิมร่างกายของเจ้าไงล่ะ!”เมี่ยวอินกัดริมฝีปากบางเบาๆ จากนั้นส่ายหน้าอีก “บุญของข้าช่างน้อยไม่นิด ไม่กล้าหวังใหญ่เช่นนี้หรอก”“เช่นนั้นข้ายิ่งต้องช่วยไถ่ตัวเจ้าแล้ว”หยุนเจิงพูดขึ้นอย่าง ‘จริงจัง’ ว่า “คนอย่างข้าเนี่ยเห็นใครมีชีวิตตกระกำลำบากไม่
ท่าร่ายรำของเมี่ยวอินนั้นแช่มช้างดงาม ประเดี๋ยวอ่อนช้อยประเดี๋ยวแข็งแกร่ง ผู้คนที่ชมอยู่บนฝั่งปรบมือร้องเรียกว่าดีเยี่ยมไม่หยุดหยุนเจิงเหลียวซ้ายแลขวา กำลังแบ่งแยกสมาธิของตนเอง จากนั้นก็เรียกเกาเหอมาพูดข้างหูว่า “เจ้าส่งคนจับตาดูเมี่ยวอินผู้นี้ด้วย”“ขอรับ!”เกาเหอพยักหน้าเบาๆเรือสำราญเคลื่อนไปตามทางน้ำไม่หยุด ผู้คนทั้งสองฝั่งก็วิ่งตามมา ราวกับแฟนคลับที่ติดตามดาราในยุคปัจจุบันหลังจากเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป เรือสำราญของแต่ละบ้านก็ค่อยๆ หยุดลง นางคณิกาของหอโคมเขียวก็เริ่มทักทายผู้คนที่อยู่บนฝั่งนางคณิกาของหอโคมเขียวบางคนที่อยู่บนเรือสำราญยังเอาของเล่นแปลกใหม่ที่จางซูผลิตขึ้นมาเล่นด้วยนางคณิกาของหอโคมเขียวฉวินฟางย่วนถึงขั้นตั้งโต๊ะแล้วตีไพ่นกกระจอกกันเลยทีเดียวพวกนางเล่นกันได้แปลกใหม่ยิ่งนัก หากใครแพ้ คนผู้นั้นต้องถอดอาภรณ์ที่แนบกายให้กับคนที่อยู่บนฝั่งการกระทำนี้ดึงดูดเหล่าหมาป่าผู้หิวโหยได้เป็นอย่างดีเพียงครู่เดียว ฝั่งที่เรือสำราญของพวกเขาจอดเทียบก็มีคนมาล้อมรอบเป็นจำนวนมากเรือสำราญลำอื่นพอเห็นดังนั้น ก็เล่นเลียนแบบตามๆ กันแต่หอโคมเขียวที่จางซูไม่ได้มอบไพ่นกกระจอกใ
เมื่อกลับถึงจวน หยุนเจิงก็ไปหาเยี่ยจื่อเพื่อพูดคุยเรื่องการรับสมัครหมอความต้องการของหยุนเจิงนั้นเรียบง่ายมาก ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี หากเก่งด้านการรักษาและเป็นวรยุทธ์ได้ก็ยิ่งดีสำหรับจะรับสมัครอย่างไรนั้น ก็มอบหมายให้เยี่ยจื่อจัดการได้เลยไม่ว่าเยี่ยจื่อจะข่มขู่หลอกล่อก็ดี หรือจะใช้เงินฟาดหัวก็ช่าง เขาล้วนไม่สนใจทั้งนั้น“ได้ เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการได้เลย!”เยี่ยจื่อตอบรับ “จริงสิ เจ้าอย่าเอาแต่เรียกข้าไปหาเจ้าที่ห้องกลางดึกกลางดื่นได้หรือไม่ มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันตอนกลางวันไม่ได้หรือ”“ช่วงนี้ตอนกลางวันข้ายุ่งมาก! มีเวลาว่างแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น” หยุนเจิงพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีเหตุผลที่พูดได้เต็มปาก แล้วถามว่า “ในจวนยังมีคนพูดซุบซิบนินทาอีกหรือไม่”เยี่ยจื่อส่ายศีรษะน้อยๆ พูดด้วยความเดือดดาล “ตอนนี้ยังไม่มี แต่พอนานวันเข้าก็บอกไม่ได้หรอก!”นางเป็นหญิงม่าย หยุนเจิงก็ยังอยู่ในวัยหนุ่มแน่นขืนนางเอาแต่วิ่งโร่ไปที่ห้องของหยุนเจิงกลางดึกกลางดื่นอยู่เช่นนี้ คงทำให้ผู้คนนินทาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“เช่นนั้นหรือ”หยุนเจิงลูบคางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างจริงจัง “เอาเช่นนี้ดีหรือไ
เมื่อมองตามแผ่นหลังของเยี่ยจื่อที่เดินไปไกล ซินเซิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจองค์ชายหกช่างน่าสงสารจริงๆเป็นถึงองค์ชายแท้ๆ แต่กลับก็ถูกรังแกบ่อยๆแม้แต่ฮูหยินเยี่ยยังกล้าชักสีหน้าใส่อยู่ข้างนอกต้องรองรับอารมณ์ของผู้อื่น พอกลับบ้านยังต้องรองรับอารมณ์ของฮูหยินเยี่ยอีก...เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนเจิงได้ไปรายงานตัวที่กองทหารเสินอู่อีกหลังจากถูกนักเลงเฒ่าทรมานมาหลายวัน จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าการได้ศึกษายุทธวิธีการรบจากเซียวติ้งอู่ในกองทหารเสินอู่ก็ดีเหมือนกันตราบใดที่สามารถสลัดนักเลงเฒ่าให้หลุดพ้นได้ อะไรก็ดีหมด!“องค์ชายหก ช่วงนี้เจ้าคงไม่สบายกระมัง”ทันทีที่เขาเห็นหยุนเจิง เซียวติ้งอู่ก็ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง“อย่าพูดถึงเลย”หยุนเจิงโบกมือ “ข้าถูกตาเฒ่า...กั๋วกงทรมานจนเกือบตาย...”“ฮ่าๆ...”เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง เซียวติ้งอู่ก็อดหัวเราะไม่ได้ “ทำใจให้ชินเถอะ พวกเราล้วนผ่านมาแล้ว”หยุนเจิงมองดูเขาโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็ถือโอกาสถามถึงเหตุการณ์ในอดีตระหว่างจักรพรรดิเหวินกับฉินลิ่วก่านเซียวติ้งอู่เป็นบุตรชายของเซียวว่านโฉว จึงเคยได้ยินผู้เป็นพ่อพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตระหว
ฉินชีหู่ต่อสู้กับเซียวติ้งอู่ ขยิบตาและพูดกับหยุนเจิงสองสามคำ จากนั้นก็ไปตามหาเหยื่อคนต่อไป“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”หลังจากที่ฉินชีหู่ไปแล้ว หยุนเจิงก็รีบถามอาการของเซียวติ้งอู่“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ”เซียวติ้งอู่ปัดรอยเท้าบนหน้าอก และพูดอย่างไม่ถือสาว่า “ข้าเพียงอ่อนข้อให้เขาเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”“หา?”หยุนเจิงหลุดหัวเราะออกมา “พูดจริงใช่หรือไม่? เมื่อครู่เจ้าถูกตีจนร้องขอชีวิตเลยนะ”“จริงแท้แน่นอนเลย!”เซียวติ้งอู่เชิดคอและพูดโอ้อวดว่า “หากข้าทุ่มแรงกายทั้งหมดที่มี เจ้าคนโง่เง่านี่ต้องถูกชกจนฟันร่วงหมดปากแน่พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงเอียงศีรษะยิ้มและถามว่า “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่ชกเขาเล่า?”เซียวติ้งอู่โบกมือและพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “สองพ่อลูกมีนิสัยเหมือนกันจะตายไป! หากข้าชกเขา เขาต้องตามตื้อเพื่อประลองการต่อสู้กับข้าทุกวันแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”จริงหรือหลอกกันเนี่ย?หยุนเจิงเหลือบมองเซียวติ้งอู่ด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งทว่า คำพูดของเซียวติ้งอู่เป็นความจริงด้วยนิสัยของฉินชีหู่แล้ว หากเขาแพ้ให้เซียวติ้งอู่ เขาจะต้องตามหาเซียวติ้งอู่เพื่อประลองยุทธ์ทุกวันแน่นอน
เช่นนั้นหรือ?หยุนเจิงครุ่นคิดแล้วถามว่า “เจ้าลองประมาณการดูสิ พวกเขาสามารถจ่ายเงินได้สักกี่ตำลึง?”“พ่อค้าต่างถิ่นหลายคนที่ข้ารู้จัก ทุกคนน่าจะกล้าเสี่ยงประมาณหนึ่ง หรือสองแสนตำลึงนะ?” จางซูตอบ และถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “องค์ชายถามเรื่องนี้ทำไมกัน? พระองค์จะไม่ไปค้นบ้านและยึดทรัพย์ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”ยึดบ้านแกสิ!หยุนเจิงก่นด่าอยู่ในใจ จากนั้นก็พูดต่อว่า “ความหมายของข้าก็คือ เจ้าไม่ควรกินข้าวเพียงคนเดียว! เจ้าคนเดียวจะกินได้มากแค่ไหนกัน? หากเจ้าร่วมมือกับพ่อค้าต่างถิ่นรายใหญ่เหล่านี้ เจ้าขายให้พวกเขา พวกเขาค่อยกระจายต่อไปให้แต่ละเทศมณฑลของแคว้นต้าเฉียน ด้วยวิธีการนี้ การค้าจึงจะขยายใหญ่มากขึ้น...”“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”จางซูพยักหน้า และพูดด้วยความขมขื่นว่า “แต่ของเล่นเหล่านี้ของเราเลียนแบบได้ง่ายเกินไป หากเป็นตัวข้าเอง ข้าก็คงไม่ยอมเอาของจากมือผู้อื่นไปขายต่อ! ข้าหาคนมาทำเลียนแบบแล้วขายเอง จะไม่ดีกว่าหรือ?”หยุนเจิงส่ายหัว และพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “การเลียนแบบที่ง่ายดายยังคงเป็นปัญหาจริงๆ แต่เจ้าควรเรียนรู้ที่จะบูรณาการอุตสาหกรรม...”พูดไปพูดมา หยุนเจิงจึงปลูกฝังทฤษฎีบูรณาการก
วันที่สอง หยุนเจิงไม่ได้ไปที่กองทหารเสินอู่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ในวังก็มีคนเข้ามางานแต่งงานของเขาและเสิ่นลั่วเยี่ยนเหลือเวลาอีกเพียงสามวันตามธรรมเนียมปฏิบัติของราชสำนักแคว้นต้าเฉียน ก่อนวันแต่งงานขององค์ชาย จำเป็นต้องไปที่ศาลบูรพกษัตริย์เพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษทุกชั่วอายุคน เป็นการบอกกล่าววิญญาณของบรรพบุรุษที่อยู่บนสวรรค์ และเป็นการอธิษฐานขอพรจากบรรพบุรุษให้มีทายาทที่มั่งคั่งหยุนเจิงนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับตุ๊กตาไม้ ให้คนในวังทรมานตัวเองได้ตามใจชอบเมื่อเห็นตัวเองจากในกระจกที่ถูกแต่งตัวจน ‘งานหยาดเยิ้ม’ หยุนเจิงกลับพยายามครุ่นคิดวิธีการผลิตกระจกขึ้นมาเพียงแต่น่าเสียดายที่เขาคิดออกเพียงคร่าวๆ เท่านั้นเขายังนึกวิธีการทำอย่างละเอียดไม่ได้หากรู้ล่วงหน้าว่าตัวเองจะทะลุมิติมาก็คงจะดีไม่น้อย!หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม ในที่สุดหยุนเจิงก็ถูกจัดแต่งจนเสร็จเรียบร้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สวมเสื้อผ้าชุดที่สวยหรูหลังจากข้ามมิติมามันก็งดงามมากจริงๆแต่มันก็น่าเกลียดมากด้วยจริงๆ!หยุนเจิงพร่ำบ่นการแต่งตัวของตัวเองในใจกินอาหารเช้าแบบง่ายๆ หยุนเจิงก็ถูกพาไปยังศาลบูรพก
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่