“หา?”หยุนเจิงตะลึงงันคนคนนี้สร้างหน้าไม้กลออกมาได้แล้วนั้นหรือ?ตามหลักแล้วของดีเช่นนี้ไม่ควรได้รับการชมจากจางฮว๋ายหรอกหรือ?ทำไมจางฮว๋ายถึงได้ก่นด่าเขาล่ะ?ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!จางซูเอ่ยยิ้มๆ อย่างลำบาก “ราชวงศ์นี้มีหน้าไม้กลตั้งนานแล้ว! อีกอย่างยังมีหน้าไม้ที่ยิงทีเดียวสองเล่ม และยิงต่อเนื่องได้ห้าครั้งอีกด้วย!”“หา?”หยุนเจิงปั้นหน้าอึ้งเกิดอะไรขึ้น?ราชวงศ์ต้าเฉียนมีหน้าไม้กลตั้งนานแล้ว?ทั้งยังชั้นสูงกว่าหน้าไม้กลขงเบ้งที่เขาบอกด้วย?ให้ตาย!เหตุใดเขาถึงไม่รู้?อย่างน้อยเขาก็อยู่ที่กองทหารเสิ่นอู่มาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่เห็นกองทหารเสิ่นอู่ใช้หน้าไม้กลเลยนี่!หยุนเจิงปั้นหน้าหมดคำจะพูด แล้วรีบเรียกเกาเหอมาหลังจากถามไถ่อยู่สักพัก หยุนเจิงถึงได้รู้ชัดอยู่เรื่องหนึ่งราชวงศ์ต้าเฉียนมีหน้าไม้กลเช่นนี้ตั้งนานแล้วจริงๆพูดให้ถูกคือมีของสิ่งนี้ตั้งแต่ราชวงศ์ก่อนแล้ว!แต่ทว่าวิธีการทำหน้าไม้กลเช่นนี้นั้นซับซ้อน ถึงแม้จะดูแลรักษาอยู่สม่ำเสมอ แต่ก็เสียหายง่ายอยู่ดี และมักจะมีปัญหาเรื่องการยิงติดขัดยิงไม่ออกอยู่บ่อยครั้งนอกจากนี้ ระยะไกลและความแม่นยำของหน้าไม้กลก็ยังไ
ไม่ช้า หมิงเยว่ก็นำหยุนเจิงกับจางซูลงเรือสำราญที่จอดเทียบท่าอยู่ริมแม่น้ำทั้งสองเพิ่งจะเข้าไปในเรือสำราญ หญิงสาวที่อยู่ในเรือก็ลุกขึ้นมาทำท่าคาราวะ “คาราวะคุณชายหลิว คุณชายจางเจ้าค่ะ”“เจ้าคือเมี่ยวอิน?”หยุนเจิงกับจางซูตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง จ้องเมี่ยวอินตาเขม็งพูดเป็นเช่นไป สตรีนางนี้มีรูปร่างสวยงามมากจริงๆไม่สิ ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่มีเสน่ห์!แบบโคตรมีเสน่ห์เลย!สวยแต่ไม่บ้านๆ มีเสน่ห์แต่ไม่แรด!ที่ไหนควรใหญ่ก็ใหญ่ ที่ไหนควรเล็กก็เล็กเป็นของชั้นเยี่ยมจริงๆ!มิน่าเล่าสุนัขจิ้งจอกเหล่านั้นจึงได้แห่กันมาหานาง“เป็นข้าเองเจ้าค่ะ”เมี่ยวอินยิ้มร่ายิ้มนี้ของนางยิ่งทำให้คนหลงเสน่ห์เข้าไปอีกให้ความรู้สึกว่านางเป็นแม่มดที่มีเสน่ห์พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จางซูข่มความกระสับกระส่ายในใจและพูดอย่างสุภาพว่า "ข้าได้ยินมานานแล้วว่าแม่นางเมี่ยวอินมีความสามารถเป็นอย่างมาก วันนี้ ข้าได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเจ้าแล้ว ข้าเชื่อแล้วว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริงจริงๆ... "“คุณชายจางชมกันเกินไปแล้ว”เมี่ยวอินยิ้มโปรยเสน่ห์อีกครั้ง จากนั้นก็เชิญทั้งสองไปนั่ง นางสั่งหมิงเยว่ยกน้ำชามาให้ทั้งส
เจ้านี่เป็นจอมเสเพลที่วันๆ ขลุกตัวอยู่ในหอโคมเขียว ยังจะมาอายอะไรอีก!“ข้าก็แค่แปลกใจว่านางจะมีรูปลักษณ์อย่างไรกันแน่” จางซูหัวเราะเหอะๆ “องค์ชายหก ตัวข้าจางซูแม้ว่าจะไม่มีข้อดีอะไร แต่ก็เป็นคนรู้จักประมาณตน! สตีระดับแม่นางเมี่ยวอินนี้ จะมาเหลียวแลข้าได้อย่างไรเล่า! โอกาสอันน้อยนิดเพียงนี้ ข้าเก็บไว้ให้เจ้าก็แล้วกัน!”จางซูกล่าวจบก็เผ่นทันทีหยุนเจิงมองแผ่นหลังของจางซูก็อดหัวเราะอย่างเสียภาพพจน์ไม่ได้เขาประเมิณตาคนนี้ต่ำเกินไปจริงๆ!จางซูมักมากในกามก็เรื่องหนึ่ง แต่เขาก็ไม่เสียสติเพราะกาม!เวลาที่ควรจะมีสติสมประดี เขาก็ไม่เลอะเลือนเลยสักนิดคนเช่นนี้ เวลาจะใช้งานก็รู้สึกวางใจ!หลังส่งจางซูจากไปทางสายตา หยุนเจิงก็กลับเข้าในห้องเวลานี้ เมี่ยวอินได้ให้หมิงเยว่นำไพ่นกกระจอกออกมาแล้วพอเมี่ยวอินเห็นหยุนเจิงเข้ามา นางก็ให้หมิงเยว่ออกไปท่าทางของเมี่ยวอินทำให้หยุนเจิงถึงขั้นเข้าสู่ภวังค์สตรีนางนี้ คงไม่ได้กำลังหว่านเสน่ห์ใส่ตนหรอกนะ?หรืออาจเป็นเพราะว่า นางคาดเดาสถานที่แท้จริงของตนออกแล้ว?หากไม่เช่นนั้น ตัวเขาเองได้บอกแก่นางไปแล้วว่าบทกลอนพวกนั้นเขาคัดลอกมา นางจะยังมาพูดคุ
อยากชิมร่างกายของนาง?เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ของหยุนเจิง ใบหน้าของเมี่ยวอินก็มีสีแดงปรากฏทั่วทั้งใบ หยุนเจิงเห็นดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อยมารดามันสิ!จริงจัง?ต่อให้จะไม่ขายตัวยังไง แต่อย่างไรเสียนางก็ทำมาหากินอยู่ในที่แบบนี้นะ?แค่คำพูดนี้ประโยคเดียวนางก็หน้าแดงขนาดนี้แล้ว?นี่เป็นบุปผาไม่เคยช้ำฝนหรือคุณหนูจากจวนตระกูลใหญ่กันล่ะเนี่ย?“คุณชายหลิวอย่าพูดล้อเล่นเช่นนี้อีกเลย”เมี่ยวอินยิ้มเขินอายทั้งตำหนิมองไปทางหยุนเจิง“ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ”หยุนเจิงส่ายหน้า แสร้างทำท่าทีจริงจัง “หากจะไถ่ตัวเจ้าต้องใช้เงินเท่าไหร่หรือ? หรือว่า จะให้ข้าช่วยไถ่ตัวเจ้าดีไหม?”เมี่ยวอินตะลึงค้าง รีบส่ายหัวกล่าวว่า “พวกเราก็แค่พบปะกันอย่างบังเอิญ ข้าจะให้คุณชายหลิวมาไถ่ตัวข้าได้อย่างไรกันเล่า?”หยุนเจิงเอียงศีรษะ “ข้าบอกไปแล้วนี่? ข้าอยากชิมร่างกายของเจ้าไงล่ะ!”เมี่ยวอินกัดริมฝีปากบางเบาๆ จากนั้นส่ายหน้าอีก “บุญของข้าช่างน้อยไม่นิด ไม่กล้าหวังใหญ่เช่นนี้หรอก”“เช่นนั้นข้ายิ่งต้องช่วยไถ่ตัวเจ้าแล้ว”หยุนเจิงพูดขึ้นอย่าง ‘จริงจัง’ ว่า “คนอย่างข้าเนี่ยเห็นใครมีชีวิตตกระกำลำบากไม่
ท่าร่ายรำของเมี่ยวอินนั้นแช่มช้างดงาม ประเดี๋ยวอ่อนช้อยประเดี๋ยวแข็งแกร่ง ผู้คนที่ชมอยู่บนฝั่งปรบมือร้องเรียกว่าดีเยี่ยมไม่หยุดหยุนเจิงเหลียวซ้ายแลขวา กำลังแบ่งแยกสมาธิของตนเอง จากนั้นก็เรียกเกาเหอมาพูดข้างหูว่า “เจ้าส่งคนจับตาดูเมี่ยวอินผู้นี้ด้วย”“ขอรับ!”เกาเหอพยักหน้าเบาๆเรือสำราญเคลื่อนไปตามทางน้ำไม่หยุด ผู้คนทั้งสองฝั่งก็วิ่งตามมา ราวกับแฟนคลับที่ติดตามดาราในยุคปัจจุบันหลังจากเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป เรือสำราญของแต่ละบ้านก็ค่อยๆ หยุดลง นางคณิกาของหอโคมเขียวก็เริ่มทักทายผู้คนที่อยู่บนฝั่งนางคณิกาของหอโคมเขียวบางคนที่อยู่บนเรือสำราญยังเอาของเล่นแปลกใหม่ที่จางซูผลิตขึ้นมาเล่นด้วยนางคณิกาของหอโคมเขียวฉวินฟางย่วนถึงขั้นตั้งโต๊ะแล้วตีไพ่นกกระจอกกันเลยทีเดียวพวกนางเล่นกันได้แปลกใหม่ยิ่งนัก หากใครแพ้ คนผู้นั้นต้องถอดอาภรณ์ที่แนบกายให้กับคนที่อยู่บนฝั่งการกระทำนี้ดึงดูดเหล่าหมาป่าผู้หิวโหยได้เป็นอย่างดีเพียงครู่เดียว ฝั่งที่เรือสำราญของพวกเขาจอดเทียบก็มีคนมาล้อมรอบเป็นจำนวนมากเรือสำราญลำอื่นพอเห็นดังนั้น ก็เล่นเลียนแบบตามๆ กันแต่หอโคมเขียวที่จางซูไม่ได้มอบไพ่นกกระจอกใ
เมื่อกลับถึงจวน หยุนเจิงก็ไปหาเยี่ยจื่อเพื่อพูดคุยเรื่องการรับสมัครหมอความต้องการของหยุนเจิงนั้นเรียบง่ายมาก ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี หากเก่งด้านการรักษาและเป็นวรยุทธ์ได้ก็ยิ่งดีสำหรับจะรับสมัครอย่างไรนั้น ก็มอบหมายให้เยี่ยจื่อจัดการได้เลยไม่ว่าเยี่ยจื่อจะข่มขู่หลอกล่อก็ดี หรือจะใช้เงินฟาดหัวก็ช่าง เขาล้วนไม่สนใจทั้งนั้น“ได้ เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการได้เลย!”เยี่ยจื่อตอบรับ “จริงสิ เจ้าอย่าเอาแต่เรียกข้าไปหาเจ้าที่ห้องกลางดึกกลางดื่นได้หรือไม่ มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันตอนกลางวันไม่ได้หรือ”“ช่วงนี้ตอนกลางวันข้ายุ่งมาก! มีเวลาว่างแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น” หยุนเจิงพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีเหตุผลที่พูดได้เต็มปาก แล้วถามว่า “ในจวนยังมีคนพูดซุบซิบนินทาอีกหรือไม่”เยี่ยจื่อส่ายศีรษะน้อยๆ พูดด้วยความเดือดดาล “ตอนนี้ยังไม่มี แต่พอนานวันเข้าก็บอกไม่ได้หรอก!”นางเป็นหญิงม่าย หยุนเจิงก็ยังอยู่ในวัยหนุ่มแน่นขืนนางเอาแต่วิ่งโร่ไปที่ห้องของหยุนเจิงกลางดึกกลางดื่นอยู่เช่นนี้ คงทำให้ผู้คนนินทาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“เช่นนั้นหรือ”หยุนเจิงลูบคางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างจริงจัง “เอาเช่นนี้ดีหรือไ
เมื่อมองตามแผ่นหลังของเยี่ยจื่อที่เดินไปไกล ซินเซิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจองค์ชายหกช่างน่าสงสารจริงๆเป็นถึงองค์ชายแท้ๆ แต่กลับก็ถูกรังแกบ่อยๆแม้แต่ฮูหยินเยี่ยยังกล้าชักสีหน้าใส่อยู่ข้างนอกต้องรองรับอารมณ์ของผู้อื่น พอกลับบ้านยังต้องรองรับอารมณ์ของฮูหยินเยี่ยอีก...เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนเจิงได้ไปรายงานตัวที่กองทหารเสินอู่อีกหลังจากถูกนักเลงเฒ่าทรมานมาหลายวัน จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าการได้ศึกษายุทธวิธีการรบจากเซียวติ้งอู่ในกองทหารเสินอู่ก็ดีเหมือนกันตราบใดที่สามารถสลัดนักเลงเฒ่าให้หลุดพ้นได้ อะไรก็ดีหมด!“องค์ชายหก ช่วงนี้เจ้าคงไม่สบายกระมัง”ทันทีที่เขาเห็นหยุนเจิง เซียวติ้งอู่ก็ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง“อย่าพูดถึงเลย”หยุนเจิงโบกมือ “ข้าถูกตาเฒ่า...กั๋วกงทรมานจนเกือบตาย...”“ฮ่าๆ...”เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง เซียวติ้งอู่ก็อดหัวเราะไม่ได้ “ทำใจให้ชินเถอะ พวกเราล้วนผ่านมาแล้ว”หยุนเจิงมองดูเขาโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็ถือโอกาสถามถึงเหตุการณ์ในอดีตระหว่างจักรพรรดิเหวินกับฉินลิ่วก่านเซียวติ้งอู่เป็นบุตรชายของเซียวว่านโฉว จึงเคยได้ยินผู้เป็นพ่อพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตระหว
ฉินชีหู่ต่อสู้กับเซียวติ้งอู่ ขยิบตาและพูดกับหยุนเจิงสองสามคำ จากนั้นก็ไปตามหาเหยื่อคนต่อไป“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”หลังจากที่ฉินชีหู่ไปแล้ว หยุนเจิงก็รีบถามอาการของเซียวติ้งอู่“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ”เซียวติ้งอู่ปัดรอยเท้าบนหน้าอก และพูดอย่างไม่ถือสาว่า “ข้าเพียงอ่อนข้อให้เขาเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”“หา?”หยุนเจิงหลุดหัวเราะออกมา “พูดจริงใช่หรือไม่? เมื่อครู่เจ้าถูกตีจนร้องขอชีวิตเลยนะ”“จริงแท้แน่นอนเลย!”เซียวติ้งอู่เชิดคอและพูดโอ้อวดว่า “หากข้าทุ่มแรงกายทั้งหมดที่มี เจ้าคนโง่เง่านี่ต้องถูกชกจนฟันร่วงหมดปากแน่พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงเอียงศีรษะยิ้มและถามว่า “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่ชกเขาเล่า?”เซียวติ้งอู่โบกมือและพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “สองพ่อลูกมีนิสัยเหมือนกันจะตายไป! หากข้าชกเขา เขาต้องตามตื้อเพื่อประลองการต่อสู้กับข้าทุกวันแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”จริงหรือหลอกกันเนี่ย?หยุนเจิงเหลือบมองเซียวติ้งอู่ด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งทว่า คำพูดของเซียวติ้งอู่เป็นความจริงด้วยนิสัยของฉินชีหู่แล้ว หากเขาแพ้ให้เซียวติ้งอู่ เขาจะต้องตามหาเซียวติ้งอู่เพื่อประลองยุทธ์ทุกวันแน่นอน