สุดท้ายหยุนเจิงก็ไม่ได้กลับไปหยิบเหล้าให้กับจักรพรรดิเหวินคำพูดของคนเมาสุรา แค่ฟังเป็นพอสุดท้าย จักรพรรดิเหวินและฉินลิ่วก่านเมาจนไม่รู้เรื่องรู้ราวหลังจากที่พาทั้งสองกลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว หยุนเจิงก็สั่งการไว้ให้กับราชองครักษ์แล้วจากไปเมื่อกลับถึงจวน หยุนเจิงอารมณ์ไม่ดีอย่างไม่ต้องพูดถึงเยี่ยจื่อเข้ามาไถ่ถาม เมื่อทราบความเป็นมาของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว นางเองก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วฉินลิ่วก่านบุคคลที่โหดร้ายที่สุดในต้าเฉียนเข้ามายุ่งเรื่องนี้ล่ะก็ ตัวแปรก็จะมากขึ้น“ตอนนี้ท่านคิดจะทำอย่างไร?”เยี่ยจื่อเป็นกังวลเล็กน้อย“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?”หยุนเจิงปวดกบาลจนต้องนวดขมับ “รอดูสถานการณ์ก็แล้วกัน! ตอนนี้ทำได้เพียงรับมือเอาต่างหน้าแล้ว”ใครจะไปคิดว่าจะมีตาแก่โรคจิตนี่โผล่มาตอนครึ่งทางเล่า!นี่เป็นภัยพิบัติแห่งสวรรค์จริงๆ!เยี่ยจื่อมองเขาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พยักหน้าเอ่ยว่า “ตอนนี้ทำได้เพียงเท่านี้แหละ”หยุนเจิงส่ายศีรษะ แล้วถามว่า “เจ้ารู้เรื่องระหว่างตาแก่โรคจิตนั่นกับเสด็จพ่อข้าหรือไม่?”“เรื่องนี้ข้าไม่ค่อยรู้นัก”เยี่ยจื่อส่ายศีรษะ “หากท่านอยากรู้ลองไปถามยายข
ตนลืมเรื่องนี้สิ้นเลย!ตนมัวแต่คิดเรื่องทำอุปกรณ์แล้ว!ทำงานเป็นหมู่คณะจะขาดแม่นมไปได้อย่างไร?“ไม่มีปัญหา! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!”หยุนเจิงตอบรับทันที แล้วควักเงินสองหมื่นตำลึงออกมาให้กับตู้กุยหยวน “สั่งการคนในห้องครัวให้ทำอาหารดีๆ กับทุกคน และต้องมีเนื้อทุกมื้อ!”“ขอบพระทัยองค์ชาย!”ตู้กุยหยวนโค้งคำนับ แล้วหันกลับไปชูตั๋วเงินในมือต่อเหล่าทหารจวนที่กำลังฝึกซ้อมกันอยู่พร้อมตะโกนว่า “ฝึกซ้อมกันดีๆ ล่ะ! องค์ชายหกสั่งการมาแล้วว่าจะจัดอาหารของพวกเจ้าให้ดี รับรองว่ามีเนื้อกินทุกวันแน่นอน!”“ขอบพระทัยองค์ชายหก!”ฝูงชนดีใจขีดสุด พูดขอบคุณเสียงดังพร้อมเพรียงกันถึงแม้ราชวงศ์ต้าเฉียนจะถือว่าร่ำรวย แต่ทว่าครอบครัวธรรมดาทั่วไปก็ใช่ว่าจะมีเนื้อกินทุกวันสามวันห้าวันได้กินเนื้อหนึ่งมื้อก็ถือว่าดีมากแล้วหยุนเจิงพยักหน้ายิ้มๆ ต่อทุกคน แล้วเรียกพวกตู้กุยหยวนทั้งสามคนมาข้างๆ“ขณะที่พวกเจ้าฝึกซ้อมทหารจวนพวกนี้ นอกจากจะฝึกฝนด้านสมรรถภาพทางร่างกาย และทักษะการต่อสู้แล้ว พวกเจ้าต้องสอนวิธีการลอบโจมตีแก่พวกเขาด้วย หากสามารถลอบโจมตีได้ ก็อย่าสู้ซึ่งหน้า!”“ไม่เพียงแต่ต้องล้มศัตรู แต่ยังต้องล
ทีแรกที่ได้ยิน หยุนเจิงยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเรียกตนอยู่จนกระทั่งเห็นเจ้าเนื้อคนหนึ่งวิ่งย่องเข้ามาถึงจะตะลึงตกใจจางซู!เจ้าคนนี้คงจะไม่อยากเปิดเผยตัวตนของตนถึงได้เรียกตนในนาม ‘คุณชายหลิว’จางซูวิ่งย่องจนหายใจเหนื่อยหอบมาตรงหน้าหยุนเจิงหยุนเจิงเองก็รีบลงจากหลังม้า แล้วเอ่ยสนุกสนานว่า “วิ่งแค่นี้ เจ้าก็หอบเลยหรือ เจ้ายังอ่อนกว่าข้าอีกนะเนี่ย!”“ก็ข้าชื่อจางซูไงเล่า ต้องอ่อนอยู่แล้ว!”จางซูยิ้มแย้มแล้วขมวดคิ้วถาม “ท่านมาชมขบวนเรือบุปผานั้นหรือ?”“ขบวนเรือบุปผา?”หยุนเจิงทำหน้าทะมึน “ขบวนเรือบุปผาอะไรกัน?”“ท่าน…ท่านไม่รู้?” จางซูตะลึงใจ จากนั้นก็อธิบายให้กับหยุนเจิงฟังขบวนเรือบุปผาแทบจะกลายเป็นเทศกาลหนึ่งในเมืองจักรพรรดิแล้วช่วงเวลานี้ในทุกๆ เดือน หอโคมเขียวทุกแห่งในเมืองจักรพรรดิจะเช่าเรือสำราญให้หญิงงามในหอของตนขึ้นเรือสำราญแล้วเคลื่อนขบวนไปทั้งสายแม่น้ำอันชาง เพื่อแสดงความสามารถของหอโคมเขียวของตนแก่ผู้คนที่อยู่บนฝั่ง อีกทั้งยังเป็นการแข่งขันกันระหว่างสายงานเดียวกันด้วยหลังจากฟังจางซูพูดจบ หยุนเจิงพลันกระจ่างในบัดดลนี่มันขายโฆษณาไม่ใช่หรือ?มิน่าล่ะวันนี้แม่น้ำอ
“หา?”หยุนเจิงตะลึงงันคนคนนี้สร้างหน้าไม้กลออกมาได้แล้วนั้นหรือ?ตามหลักแล้วของดีเช่นนี้ไม่ควรได้รับการชมจากจางฮว๋ายหรอกหรือ?ทำไมจางฮว๋ายถึงได้ก่นด่าเขาล่ะ?ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!จางซูเอ่ยยิ้มๆ อย่างลำบาก “ราชวงศ์นี้มีหน้าไม้กลตั้งนานแล้ว! อีกอย่างยังมีหน้าไม้ที่ยิงทีเดียวสองเล่ม และยิงต่อเนื่องได้ห้าครั้งอีกด้วย!”“หา?”หยุนเจิงปั้นหน้าอึ้งเกิดอะไรขึ้น?ราชวงศ์ต้าเฉียนมีหน้าไม้กลตั้งนานแล้ว?ทั้งยังชั้นสูงกว่าหน้าไม้กลขงเบ้งที่เขาบอกด้วย?ให้ตาย!เหตุใดเขาถึงไม่รู้?อย่างน้อยเขาก็อยู่ที่กองทหารเสิ่นอู่มาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่เห็นกองทหารเสิ่นอู่ใช้หน้าไม้กลเลยนี่!หยุนเจิงปั้นหน้าหมดคำจะพูด แล้วรีบเรียกเกาเหอมาหลังจากถามไถ่อยู่สักพัก หยุนเจิงถึงได้รู้ชัดอยู่เรื่องหนึ่งราชวงศ์ต้าเฉียนมีหน้าไม้กลเช่นนี้ตั้งนานแล้วจริงๆพูดให้ถูกคือมีของสิ่งนี้ตั้งแต่ราชวงศ์ก่อนแล้ว!แต่ทว่าวิธีการทำหน้าไม้กลเช่นนี้นั้นซับซ้อน ถึงแม้จะดูแลรักษาอยู่สม่ำเสมอ แต่ก็เสียหายง่ายอยู่ดี และมักจะมีปัญหาเรื่องการยิงติดขัดยิงไม่ออกอยู่บ่อยครั้งนอกจากนี้ ระยะไกลและความแม่นยำของหน้าไม้กลก็ยังไ
ไม่ช้า หมิงเยว่ก็นำหยุนเจิงกับจางซูลงเรือสำราญที่จอดเทียบท่าอยู่ริมแม่น้ำทั้งสองเพิ่งจะเข้าไปในเรือสำราญ หญิงสาวที่อยู่ในเรือก็ลุกขึ้นมาทำท่าคาราวะ “คาราวะคุณชายหลิว คุณชายจางเจ้าค่ะ”“เจ้าคือเมี่ยวอิน?”หยุนเจิงกับจางซูตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง จ้องเมี่ยวอินตาเขม็งพูดเป็นเช่นไป สตรีนางนี้มีรูปร่างสวยงามมากจริงๆไม่สิ ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่มีเสน่ห์!แบบโคตรมีเสน่ห์เลย!สวยแต่ไม่บ้านๆ มีเสน่ห์แต่ไม่แรด!ที่ไหนควรใหญ่ก็ใหญ่ ที่ไหนควรเล็กก็เล็กเป็นของชั้นเยี่ยมจริงๆ!มิน่าเล่าสุนัขจิ้งจอกเหล่านั้นจึงได้แห่กันมาหานาง“เป็นข้าเองเจ้าค่ะ”เมี่ยวอินยิ้มร่ายิ้มนี้ของนางยิ่งทำให้คนหลงเสน่ห์เข้าไปอีกให้ความรู้สึกว่านางเป็นแม่มดที่มีเสน่ห์พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จางซูข่มความกระสับกระส่ายในใจและพูดอย่างสุภาพว่า "ข้าได้ยินมานานแล้วว่าแม่นางเมี่ยวอินมีความสามารถเป็นอย่างมาก วันนี้ ข้าได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเจ้าแล้ว ข้าเชื่อแล้วว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริงจริงๆ... "“คุณชายจางชมกันเกินไปแล้ว”เมี่ยวอินยิ้มโปรยเสน่ห์อีกครั้ง จากนั้นก็เชิญทั้งสองไปนั่ง นางสั่งหมิงเยว่ยกน้ำชามาให้ทั้งส
เจ้านี่เป็นจอมเสเพลที่วันๆ ขลุกตัวอยู่ในหอโคมเขียว ยังจะมาอายอะไรอีก!“ข้าก็แค่แปลกใจว่านางจะมีรูปลักษณ์อย่างไรกันแน่” จางซูหัวเราะเหอะๆ “องค์ชายหก ตัวข้าจางซูแม้ว่าจะไม่มีข้อดีอะไร แต่ก็เป็นคนรู้จักประมาณตน! สตีระดับแม่นางเมี่ยวอินนี้ จะมาเหลียวแลข้าได้อย่างไรเล่า! โอกาสอันน้อยนิดเพียงนี้ ข้าเก็บไว้ให้เจ้าก็แล้วกัน!”จางซูกล่าวจบก็เผ่นทันทีหยุนเจิงมองแผ่นหลังของจางซูก็อดหัวเราะอย่างเสียภาพพจน์ไม่ได้เขาประเมิณตาคนนี้ต่ำเกินไปจริงๆ!จางซูมักมากในกามก็เรื่องหนึ่ง แต่เขาก็ไม่เสียสติเพราะกาม!เวลาที่ควรจะมีสติสมประดี เขาก็ไม่เลอะเลือนเลยสักนิดคนเช่นนี้ เวลาจะใช้งานก็รู้สึกวางใจ!หลังส่งจางซูจากไปทางสายตา หยุนเจิงก็กลับเข้าในห้องเวลานี้ เมี่ยวอินได้ให้หมิงเยว่นำไพ่นกกระจอกออกมาแล้วพอเมี่ยวอินเห็นหยุนเจิงเข้ามา นางก็ให้หมิงเยว่ออกไปท่าทางของเมี่ยวอินทำให้หยุนเจิงถึงขั้นเข้าสู่ภวังค์สตรีนางนี้ คงไม่ได้กำลังหว่านเสน่ห์ใส่ตนหรอกนะ?หรืออาจเป็นเพราะว่า นางคาดเดาสถานที่แท้จริงของตนออกแล้ว?หากไม่เช่นนั้น ตัวเขาเองได้บอกแก่นางไปแล้วว่าบทกลอนพวกนั้นเขาคัดลอกมา นางจะยังมาพูดคุ
อยากชิมร่างกายของนาง?เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ของหยุนเจิง ใบหน้าของเมี่ยวอินก็มีสีแดงปรากฏทั่วทั้งใบ หยุนเจิงเห็นดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อยมารดามันสิ!จริงจัง?ต่อให้จะไม่ขายตัวยังไง แต่อย่างไรเสียนางก็ทำมาหากินอยู่ในที่แบบนี้นะ?แค่คำพูดนี้ประโยคเดียวนางก็หน้าแดงขนาดนี้แล้ว?นี่เป็นบุปผาไม่เคยช้ำฝนหรือคุณหนูจากจวนตระกูลใหญ่กันล่ะเนี่ย?“คุณชายหลิวอย่าพูดล้อเล่นเช่นนี้อีกเลย”เมี่ยวอินยิ้มเขินอายทั้งตำหนิมองไปทางหยุนเจิง“ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ”หยุนเจิงส่ายหน้า แสร้างทำท่าทีจริงจัง “หากจะไถ่ตัวเจ้าต้องใช้เงินเท่าไหร่หรือ? หรือว่า จะให้ข้าช่วยไถ่ตัวเจ้าดีไหม?”เมี่ยวอินตะลึงค้าง รีบส่ายหัวกล่าวว่า “พวกเราก็แค่พบปะกันอย่างบังเอิญ ข้าจะให้คุณชายหลิวมาไถ่ตัวข้าได้อย่างไรกันเล่า?”หยุนเจิงเอียงศีรษะ “ข้าบอกไปแล้วนี่? ข้าอยากชิมร่างกายของเจ้าไงล่ะ!”เมี่ยวอินกัดริมฝีปากบางเบาๆ จากนั้นส่ายหน้าอีก “บุญของข้าช่างน้อยไม่นิด ไม่กล้าหวังใหญ่เช่นนี้หรอก”“เช่นนั้นข้ายิ่งต้องช่วยไถ่ตัวเจ้าแล้ว”หยุนเจิงพูดขึ้นอย่าง ‘จริงจัง’ ว่า “คนอย่างข้าเนี่ยเห็นใครมีชีวิตตกระกำลำบากไม่
ท่าร่ายรำของเมี่ยวอินนั้นแช่มช้างดงาม ประเดี๋ยวอ่อนช้อยประเดี๋ยวแข็งแกร่ง ผู้คนที่ชมอยู่บนฝั่งปรบมือร้องเรียกว่าดีเยี่ยมไม่หยุดหยุนเจิงเหลียวซ้ายแลขวา กำลังแบ่งแยกสมาธิของตนเอง จากนั้นก็เรียกเกาเหอมาพูดข้างหูว่า “เจ้าส่งคนจับตาดูเมี่ยวอินผู้นี้ด้วย”“ขอรับ!”เกาเหอพยักหน้าเบาๆเรือสำราญเคลื่อนไปตามทางน้ำไม่หยุด ผู้คนทั้งสองฝั่งก็วิ่งตามมา ราวกับแฟนคลับที่ติดตามดาราในยุคปัจจุบันหลังจากเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป เรือสำราญของแต่ละบ้านก็ค่อยๆ หยุดลง นางคณิกาของหอโคมเขียวก็เริ่มทักทายผู้คนที่อยู่บนฝั่งนางคณิกาของหอโคมเขียวบางคนที่อยู่บนเรือสำราญยังเอาของเล่นแปลกใหม่ที่จางซูผลิตขึ้นมาเล่นด้วยนางคณิกาของหอโคมเขียวฉวินฟางย่วนถึงขั้นตั้งโต๊ะแล้วตีไพ่นกกระจอกกันเลยทีเดียวพวกนางเล่นกันได้แปลกใหม่ยิ่งนัก หากใครแพ้ คนผู้นั้นต้องถอดอาภรณ์ที่แนบกายให้กับคนที่อยู่บนฝั่งการกระทำนี้ดึงดูดเหล่าหมาป่าผู้หิวโหยได้เป็นอย่างดีเพียงครู่เดียว ฝั่งที่เรือสำราญของพวกเขาจอดเทียบก็มีคนมาล้อมรอบเป็นจำนวนมากเรือสำราญลำอื่นพอเห็นดังนั้น ก็เล่นเลียนแบบตามๆ กันแต่หอโคมเขียวที่จางซูไม่ได้มอบไพ่นกกระจอกใ