จักรพรรดิเหวินเหลือบมองเกาเหอและคนอื่นๆ แล้วถามเสียงเข้ม“เห็น...เห็นแล้ว”“เห็นหลายตัวเลย...”แต่ละคนตอบอย่างระมัดระวังจักรพรรดิเหวินถามอีกครั้ง “แล้วทำไมพวกเขาไม่นำสัตว์ที่ล่าได้กลับมาด้วย”เกาเหอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบอย่างระมัดระวัง “องค์ชายหกและพระชายาองค์ชายหกบอกว่า ไม่ใช่สัตว์ที่พวกเขายิงได้ พวกเขา...จึงไม่ต้องการ”จักรพรรดิเหวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามทหารองครักษ์หลายคนอย่างฉุนเฉียว “เป็นเพราะเจ้าหกไม่ต้องการนำกลับมา หรือเป็นเพราะชายาองค์ชายหกไม่ยอมให้เขาเอากลับมา”เมื่อเผชิญกับคำถามของจักรพรรดิเหวิน ทั้งหมดลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นว่า“ทั้งองค์ชายหกและพระชายาองค์ชายหกต่างก็ไม่ต้องการเอามาพ่ะย่ะค่ะ”“พระชายาองค์ชายหกยังกล่าวชมเชยองค์ชายหกด้วย ว่าถึงแม้...แม้จะยิงธนูไม่เก่ง แต่ก็ยังมี...ความทระนง”“ใช่...”คนเหล่านี้ค่อนข้างเฉลียวฉลาดดีทีเดียวในเวลานี้ยังรู้จักรักษาเกียรติของเสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยเมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา เสิ่นลั่วเยี่ยนกลับแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเห็นอยู่ชัดๆ ว่าหยุนเจิงเป็นผู้ที่ใช้อำนาจขัดขวางไม่ให้พวกเขานำสัตว์ที่ล่าได้กลับมาตอ
ทันทีที่จักรพรรดิเหวินบัญชา องครักษ์ทั้งห้าก็ถูกลากออกไป“ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วย!”“ฝ่าบาทโปรดไว้...”องครักษ์ของหยุนลี่ยังคงร่ำไห้ร้องขอความเมตตาไม่หยุด ทว่าจักรพรรดิเหวินกลับเมินเฉยในไม่ช้า องครักษ์ทั้งหมดของหยุนลี่ก็ถูกประหารชีวิตมีศีรษะเปื้อนเลือดจำนวนมากถูกวางไว้ตรงนั้น ทำให้บรรยากาศในที่เกิดเหตุดูเคร่งขรึมอย่างยิ่งแม้ว่าองครักษ์ขององค์ชายคนอื่นจะไม่ได้ถูกประหารชีวิตในทันที แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนักทุกคนรู้ดีว่าจักรพรรดิเหวินโกรธมาก ต่างก็ไม่กล้าออมมือ พวกเขาลงมือด้วยกำลังทั้งหมดผัวะ ผัวะ...เสียงแส้ไม้ดังสะท้านคลอไปกับเสียงกรีดร้องโหยหวนขององครักษ์องครักษ์เหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่าถูกใส่ความพวกเขาทุกคนรู้ความจริง แต่ไม่มีผู้ใดพูดความจริงออกมาพวกเขาต่างสุมหัวกันกับเจ้านายเพื่อหลอกลวงจักรพรรดิเหวินอย่างไรก็ตาม องครักษ์เหล่านี้รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นเพียงองครักษ์ จะกล้าเปิดโปงเจ้านายตัวเองได้อย่างไรครั้นได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เกาเหอและคนอื่นๆ ก็ใจเต้นราวกับกลองเพล แอบนึกดีใจที่บังเอิญโชคดีโชคดีที่องค์ชายหกมีหลักการ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็บอกมา ข้าอนุญาตให้เจ้ารับสมัครทหารจวนห้าร้อยนายเป็นการส่วนตัว เพราะมีจุดประสงค์ใด”จักรพรรดิเหวินถลึงตามองหยุนเจิงเอ้า!พูดไปพูดมา สุดท้ายก็หาเหตุผลมาลงโทษตัวเองน่ะสิแม่เอ้ย!ตัวเองต้องพลอยซวยกับคนโง่พวกนี้ด้วย!หยุนเจิงแอบถอนหายใจในใจ พูดแช่มช้า “ลูกรู้ว่าเสด็จพ่อเข้าใจและเห็นใจลูก ต้องการให้ลูกรับสมัครทหารจวนห้าร้อยนายเป็นการส่วนตัว เพื่อทำหน้าที่เป็นทหารส่วนตัวของลูกหลังจากที่ไปอยู่ซั่วเป่ย...”“ข้า...”จู่ๆ จักรพรรดิเหวินก็ยกไม้ขึ้น แทบจะหายใจไม่ออกด้วยความโกรธ จนพูดคำว่าข้าออกมาได้!เขานึกอยู่แล้วเชียวว่าทำไมเจ้าบ้านี่ถึงได้ใจป้ำในฉวินฟางย่วนขนาดนี้!แน่นอน เจ้าบ้านี่เข้าใจเจตนาของตัวเองผิดไปตั้งแต่ต้น“ข้าไม่เคยคิดที่จะส่งเจ้าไปที่ซั่วเป่ย!”จักรพรรดิเหวินโกรธจัด ตะโกนด้วยความโมโห “แต่เมื่อคืนก่อนเจ้ากลับก่อเรื่องวุ่นวายในฉวินฟางย่วน ตอนนี้ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็รู้กันทั่วแล้วว่าข้าจะให้เจ้าไปรบที่ซั่วเป่ย! ทั้งเจ้าและข้ากลายเป็นขี้ปากคนหมดแล้ว! เจ้าบอกข้ามา ว่าตอนนี้ข้าควรให้เจ้าไป หรือไม่ให้เจ้าไป?”“อ๋า?”หยุนเจิงเงยหน้าขึ้น มองไปที่จักรพรรด
“เป็นองค์ชายที่ปรีชา ไม่อย่างนั้นพวกข้าคงต้องโทษไปด้วย”“หากท่านอ๋องไม่เป็นคนแน่วแน่ พวกข้าคงแย่แน่แล้ว”“องค์ชายปรีชา ข้าน้อยเลื่อมใส...”ระหว่างทางกลับ องครักษ์ทุกคนต่างก็มองดูหยุนเจิงอย่างชื่นชมเมื่อนึกถึงองครักษ์ขององค์ชายคนอื่นๆ ที่ถูกเฆี่ยนตีจนเนื้อปริแตก พวกเขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากหยุนเจิงพอใจกับการแสดงของคนเหล่านี้มาก พูดเนิบๆ อย่างปลงอนิจจัง “ฉะนั้น เป็นคนต้องซื่อสัตย์สุจริตดีกว่า อย่าไปคิดเรื่องใช้เล่ห์เพทุบาย!”“ใช่ๆ...”องครักษ์หลายคนพยักหน้าหงึกหงักเยี่ยจื่อมองเขาอย่างเซ็งๆ แอบนึกขันในใจเขายังมีหน้าไปสอนให้คนอื่นซื่อสัตย์สุจริต?เขาซึ่งเป็นคนที่ต้องการใช้อุบายไปยึดอำนาจทางทหารและกบฏในซั่วเป่ย ยังกล้าพูดคำว่า ‘ซื่อสัตย์สุจริต’?เขาหน้าไม่อายด้วยซ้ำ!นอกจากจะขำแล้ว เยี่ยจื่อยังมองไปที่เสิ่นลั่วเยี่ยนที่หน้าแดงตลอดทาง“เป็นอะไรไป”เยี่ยจื่อกระตุ้นม้าให้เข้าไปใกล้เสิ่นลั่วเยี่ยน หัวเราะเบาๆ “คงไม่ได้รู้สึกว่าจู่ๆ สามีคนนี้ของเจ้าก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์หรอกกระมัง”“เจ้าไม่ต้องพูด...”เสิ่นลั่วเยี่ยนหน้าแดงก่ำ พูดงุบงิบเบาๆ ราวกับเสียงยุง ก้มศีรษะอย่างเงียบๆเ
จะมาพูดเรื่องนี้ตอนนี้เพื่ออะไรยิ่งเสิ่นลั่วเยี่ยนคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น พูดด้วยความโกรธ “ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้สารเลวจางซู! ถ้าเขาไม่พาเจ้าไปที่ฉวินฟางย่วน ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”“อย่าไปโทษเขาเลย”หยุนเจิงโคลงศีรษะยิ้มๆ “เป็นข้าที่ดื่มมากเกินไป เกี่ยวอะไรกับคนอื่นล่ะ เอาล่ะ เราออกไปกันเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะคิดว่าเรากำลังทำอะไรที่เรือนหลัง!”ทำอะไร?เสิ่นลั่วเยี่ยนอึ้งไปชั่วขณะ ใบหน้างามแดงปลั่งอีกครั้ง“เจ้าหยุดพูดเหลวไหลนะ! ข้าจะทำอะไรกับเจ้าได้”เสิ่นลั่วเยี่ยนเขม็งมองหยุนเจิงอย่างอายๆ จากนั้นหันหลังเดินออกไป...หลังอาหารเย็น มีคนจากในวังมาหา จักรพรรดิเหวินเรียกหยุนเจิงเข้าวังอีกครั้งหยุนเจิงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเดินทางเข้าวังคิดในใจว่าวันนี้บิดาจำเป็นของตัวเองผู้นี้คงโกรธจัด ที่เรียกตัวเองเข้าเฝ้าตอนนี้ เกินครึ่งคงไม่ใช่เรื่องดีช่างเถอะ!จะดีหรือร้าย ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้!จะเป็นอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้นเถอะ!ถึงอย่างไรเขาอาจจะเหนื่อยจากการเฆี่ยนตีหยุนลี่และไอ้สารเลวพวกนั้นแล้ว คิดว่าคงไม่เหลือเรี่ยวแรงมาเฆี่ยนตีตัวเองอี
จักรพรรดิเหวินนิ่งเงียบอยู่นานหยุนเจิงรู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาสำคัญในการตัดสินใจของจักรพรรดิเหวิน จึงไม่พูดรบกวน รอคอยการตัดสินใจของจักรพรรดิเหวินอย่างกระวนกระวายใจผ่านไปนานหลายอึดใจ จักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะตัดสินใจได้ในที่สุด“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าจงไปหาหรง...”จักรพรรดิเหวินเพิ่งเริ่มพูด แต่จู่ๆ ก็หยุดชะงักหากให้เจ้าหกไปหาเจ้าคนหนังเหนียวนั่น คิดว่าเขาคงจะทุบเจ้าหกจนตาย!ช่างเถอะ!หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จักรพรรดิเหวินก็เปลี่ยนใจและพูดว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าไปรายงานตัวที่กองทหารเสินอู่ ข้าจะแจ้งให้เซียวติ้งอู่สอนพิชัยสงครามแก่เจ้า!”สอนพิชัยสงครามให้ตัวเองงั้นหรือหมายความว่า เขายอมให้ตัวเองไปที่ซั่วเป่ยอย่างนั้นหรือหยุนเจิงดีใจมาก รีบลุกขึ้นยืนทันที “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”จักรพรรดิเหวินโบกมืออย่างอ่อนแรง เงยหน้าขึ้นมองหยุนเจิง “เจ้าจงจำไว้ ข้าให้เจ้าไปที่ซั่วเป่ยเพื่อสร้างผลงาน ไม่ใช่ไปตาย!”“ลูกเอ๋ยทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงพยักหน้าอย่างจริงจังทันใดนั้นเขาก็รู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยแม้ว่าจักรพรรดิเหวินจะมองข้ามเขามานาน แต่พูดตามตรง หลังจากที่ได
เสี่ยวหรูตอบกลับว่า “งานที่ต้องใช้แรงเช่นนี้ ผู้น้อยทำเองเจ้าค่ะ”เสี่ยวหรูพูดไปด้วย พร้อมกับถือน้ำร้อนเดินมาทางด้านนี้“อย่าเข้ามา!”เยี่ยจื่อสีหน้าเต็มไปด้วยความลนลาน พูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึมและเฉียบขาดว่า “ข้ากำลังคิดเรื่องสำคัญอยู่ อย่ามารบกวนข้า! รีบออกไปซะ ช่วยข้าปิดประตูให้เรียบร้อยด้วย!”เสี่ยวหรูหยุดฝีเท้าในทันที “เช่นนั้นผู้น้อยเอาน้ำวางไว้ตรงนี้นะเพคะ ผู้น้อยจะรออยู่ด้านนอกประตู หากฮูหยินต้องการเติมน้ำ เรียกผู้น้อยก็พอเจ้าค่ะ”“ข้าทำเองได้”เยี่ยจื่อพยายามทำจิตใจให้สงบ “ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ งานแต่งของฝ่าบาทใกล้เข้ามาแล้ว พรุ่งนี้ในจวนยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก”“ขอบพระคุณเจ้าค่ะฮูหยิน”เสี่ยวหรูวางน้ำร้อนลง และเดินออกจากห้องไปเมื่อได้ยินเสียงเสี่ยวหรูปิดประตู เยี่ยจื่อก็ถอนหายใจเล็กน้อย และตบที่หน้าแกของตัวเองโดยไม่รู้ตัวหากให้เสี่ยวหรูรู้ว่าหยุนเจิงอยู่ในห้องของนาง นางคงไม่มีหน้าไปพบใครอีกทันทีที่นางขยับตัว จุดซ่อนเร้นก็โผล่ขึ้นจากน้ำมากยิ่งขึ้น หยุนเจิงจ้องจนตาแทบถลนขณะนั้นเอง ในหัวสมองของหยุนเจิงราวกับมีหมาป่าที่หิวโหยกำลังส่งเสียงร้องอยู
หยุนเจิงทำเป็นไม่สะทกสะท้านต่อหน้าเยี่ยจื่อเมื่อกลับถึงห้อง หัวใจของเขากลับเต้นตุบๆ รัวเร็วไม่หยุดนิ่งตอนนี้ในหัวสมองของเขาคิดถึงภาพที่ละมุนละไมก่อนหน้านี้ดูไม่ออกเลยจริงๆ!โดยปกติเยี่ยจื่อไม่เคยมีอะไรเผยออกมา แต่ความจริงกลับคาดไม่ถึงในขณะที่หยุนเจิงยื่นมาออกมาทำท่าทางนั้น ซินเซิงก็เปิดประตูเข้ามา“ฝ่าบาท ท่านกำลัง...”ซินเซิงมองหยุนเจิงที่กำลังกางนิ้วทั้งห้าและทำท่าทางแปลกๆ อย่างไม่เข้าใจ“แค่กๆ...”หยุนเจิงได้สติกลับมา “มือข้าเป็นตะคริวนิดหน่อย ข้าก็เลยขยับนิ้วมือเสียหน่อย”ซินเซิงเดินเข้าไป “เช่นนั้นข้าทาสช่วยนวดให้เพคะ!”“ไม่ต้อง ไม่ต้อง”หยุนเจิงโบกมือ “เจ้าไปเอาเหล้ามาหนึ่งไห และเรียกให้คนยกของกินเล่นเข้ามาสักสองสามอย่าง อีกสักครู่... อีกสักครู่ไปเรียกเยี่ยจื่อเข้ามา ข้ามีเรื่องต้องกำชับนาง”โชคดีที่ชะงักไว้ทันเกือบพูดออกไปว่าอีกสักครู่เยี่ยจื่อจะเข้ามาแล้ว“ข้าทาสจะไปจัดเตรียมเดี๋ยวนี้เพคะ!”ซินเซิงพูด โค้งคำนับและออกจากห้องไปเมื่อซินเซิงออกไปแล้ว หยุนเจิงจึงถอนหายใจยาวๆ รีบเก็บมือเจ้ากรรมของตัวเองในทันทีให้ตายเถอะ ตัวเองเป็นอะไรไปเนี่ย?ซินเซิงคอยปรนนิ