ตราบใดที่ม้าเพลิงพุ่งทะลุช่องว่างด้านหน้าได้ พวกเขาก็สามารถบุกเข้าไปตามหลังได้ทันที“ตึง ตึง ตึง...”ในขณะเดียวกัน เสียงกลองศึกจากแนวหลังของศัตรูก็ดังสนั่นขึ้นระยะเพียงสองร้อยจั้ง สำหรับม้าแล้วถือว่าสั้นนักยิ่งเมื่อม้าเหล่านี้ถูกไฟเผาผลาญ ความเร็วของพวกมันก็ยิ่งพุ่งขึ้นถึงขีดสุดพวกมันพุ่งตรงไปยังช่องว่างด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อเห็นม้าเพลิงของศัตรูบุกเข้ามา ทหารกองทัพมณฑลเหนือที่เฝ้าช่องว่างอยู่ดูเหมือนจะตกใจจนเสียขวัญพวกเขาไม่มีแม้กระทั่งการตั้งรับขั้นพื้นฐาน รีบถอยร่นอย่างลนลานเมื่อเห็นว่าทหารผู้เฝ้าช่องว่างถอยร่นโดยไม่ต่อสู้ นายทหารโฉวฉื่อที่นำทัพก็หัวเราะด้วยความตื่นเต้น“บุก! พุ่งเข้าไป!”เสียงตะโกนของนายทหารโฉวฉื่อดังก้อง ราวกับว่าเขาเห็นภาพชัยชนะอยู่ตรงหน้าแล้วไม่นาน ม้าเพลิงเหล่านั้นก็พุ่งถึงช่องว่างด้านหน้าท่อนไม้ปิดช่องไม่อาจต้านทานม้าเหล่านี้ได้เลยแม้ว่าบางตัวจะถูกแทงทะลุด้วยท่อนไม้ แต่ด้วยไฟที่แผดเผาร่างกาย พวกมันก็ยังคงถูกม้าตัวหลังผลักดันให้พุ่งไปข้างหน้าแม้ม้าหลายตัวจะล้มลงเพราะบาดเจ็บและถูกไฟเผา แต่ท่อนไม้ปิดช่องทั้งหมดก็ถูกทำลายสิ้นหลังจาก
“รายงาน!”“กราบทูลท่านอ๋อง กองทัพของเราโดนศัตรูซุ่มโจมตี กองกำลังที่โจมตีด้านหน้าสูญเสียหนัก และสถานการณ์วุ่นวายอย่างมาก…”ทหารส่งสารวิ่งเข้ามารายงานอย่างเร่งรีบโหลวอี้และอวี้ไท่ที่อยู่ห่างจากแนวหน้าพอสมควร แม้จะมองเห็นว่าการโจมตีทางปีกไม่ประสบความสำเร็จ แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้รายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากฟังทหารส่งสารอธิบายอย่างละเอียด ทั้งสองก็เข้าใจสถานการณ์แนวหน้า“ศัตรูมันอ่านแผนของเราออกแล้ว!”โหลวอี้ใบหน้าเย็นเยียบ หันไปมองอวี้ไท่ที่สีหน้ามืดครึ้มไม่แพ้กัน“แม่ทัพอาวุโสอวี้ ท่านคิดว่าเราควรสั่งถอนกำลังออกมาหรือควรโจมตีต่อ?”กับดักม้าล้มและฆ้องทองแดง!นี่มันถูกเตรียมไว้เพื่อรับมือกับแผนม้าเพลิงของเราโดยเฉพาะ!เมื่อวานนี้ ทหารม้าศัตรูเพิ่งบุกจากปีกทั้งสองแสดงว่าตอนนั้น พวกมันยังไม่ได้ขุดกับดักม้าล้มเลยด้วยซ้ำกับดักเหล่านี้ถูกขุดขึ้นภายหลังอย่างแน่นอน!ศัตรูวางแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อรับมือกับเราโดยเฉพาะ!แย่จริง!แผนการที่ข้าทำขึ้นอย่างรอบคอบ กลับถูกศัตรูมองออกล่วงหน้า!เมื่อเผชิญคำถามของโหลวอี้ อวี้ไท่ตกอยู่ในความลังเลตามหลักการ ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาควรถอนกำล
ทหารบางส่วนของโฉวฉื่อยกบันไดไม้เดี่ยวอย่างง่ายขึ้นมา โดยมีทหารถือโล่คุ้มกันจนถึงฐานกำแพงเมื่อวางบันไดบนกำแพงเสร็จ พวกเขาก็รีบปีนขึ้นไปกำแพงชั่วคราวที่หยุนเจิงสั่งสร้างมีความสูงเพียงประมาณหนึ่งจั้งครึ่งคนที่ว่องไวสามารถปีนขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะปีนถึงด้านบน ก้อนหินหนักหลายสิบชั่งก็ถูกโยนลงมาทับบางคนถูกทหารผลักบันไดตกลงไปแต่สิ่งนี้ไม่อาจหยุดยั้งการบุกของทหารโฉวฉื่อที่ไม่กลัวตายได้คนที่อยู่ด้านหน้าล้มลง คนด้านหลังกลับพุ่งเข้ามาแทนตราบใดที่พวกเขาสามารถยึดพื้นที่บางส่วนของกำแพงได้ พวกเขาก็จะมีความได้เปรียบการบุกอย่างไม่เกรงกลัวของศัตรูทำให้กองทัพข้ารับใช้ต้องแบกรับแรงกดดันอย่างมาก“ต้านไว้! ต้านไว้!”“กดดันศัตรูให้ถอยกลับไป!”ฮั่วกู้ที่เปื้อนไปด้วยเลือดเต็มร่าง กำลังนำกองกำลังของเขาออกโจมตีโต้กลับก่อนหน้านี้พวกเขาเลือกที่จะละทิ้งช่องว่างแรกไปโดยตั้งใจ แต่ตอนนี้จำเป็นต้องยึดคืนให้ได้หากไม่ทำ ศัตรูจะกดดันเข้ามาเรื่อยๆด้วยกองศพที่ทับถมกันอยู่ กับดักม้าล้มและท่อนไม้ปิดช่องก็ไร้ผลหากไม่ผลักดันศัตรูกลับไป ช่องว่างทั้งหมดจะถูกปิดด้วยกองศพในเวลานั
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หยุนเจิงหรี่ตาลงทันทีศัตรูกำลังใช้กลยุทธ์โจมตีเป็นระลอกอย่างต่อเนื่อง เพื่อกดดันพวกเขา ไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจศัตรูต้องการทะลวงแนวป้องกันของพวกเขาให้ได้ในรวดเดียว โดยไม่สนใจความสูญเสียโหดเหี้ยม!หากการต่อสู้ดำเนินต่อไปเช่นนี้ กองทัพข้ารับใช้จะยิ่งเหนื่อยล้า และความสูญเสียก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อกองกำลังใหม่ของศัตรูเริ่มบุกเข้ามา กองกำลังโจมตีระลอกแรกที่สูญเสียหนักก็เริ่มถอยขณะที่ศัตรูถอยกลับ กองทัพข้ารับใช้ที่ต่อสู้อย่างหนักมานานก็ได้รับโอกาสหายใจหายคอหลายคนฉวยโอกาสดื่มน้ำจากกระบอกน้ำ บ้างช่วยกันหามผู้บาดเจ็บหนักกลับไปยังแนวหลัง และบางส่วนเริ่มเก็บกวาดศพจากสนามรบหยุนเจิงตั้งใจจะให้กองทัพข้ารับใช้ทางปีกทั้งสองต้านทานการโจมตีระลอกที่สองของศัตรูแต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนแผนกองทัพข้ารับใช้ได้แสดงความสามารถอย่างดีเยี่ยม แต่ตอนนี้พวกเขาเหนื่อยล้าจนเกินไปหากบังคับให้พวกเขาต่อสู้ต่อ ความสูญเสียจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแม้พวกเขาจะเป็นกองทัพข้ารับใช้ที่มาจากชนเผ่าอื่น แต่ก็ถือเป็นกำลังสำคัญของตนหากปล่อยให้พวกเขาสูญสิ้นจนหมดสิ้
"นี่..."อวี้ไท่ ขมวดคิ้วแน่นในตอนแรก เขาเองเป็นคนที่ยืนกรานให้โจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่ปล่อยให้ศัตรูได้พักหายใจแต่ตอนนี้ เขากลับอยากถอนกำลัง ส่วนโหลวอี้กลับยืนยันที่จะสู้ต่อหากไม่ใช่เพราะแคว้นต้าเย่ว์ก็ต้องจ่ายราคาหนักหน่วงในสงครามครั้งนี้เช่นกัน เขาคงสงสัยว่าโหลวอี้ตั้งใจจะทำให้เขาขุ่นเคืองแต่คำพูดของโหลวอี้ก็มีเหตุผลที่ปฏิเสธไม่ได้ในสงครามที่อาศัยกำแพงแบ่งส่วนเป็นแนวป้องกัน แม้แต่คนที่ไม่มีการฝึกฝน หากมีอาวุธและเกราะ ก็สามารถเข้าร่วมป้องกันได้ดังนั้น ศัตรูจะมีกำลังเสริมใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆในขณะที่พวกเขากำลังสูญเสียกำลังพลไปเรื่อยๆสถานการณ์เช่นนี้จะทำให้สถานะของพวกเขายิ่งเลวร้ายลง"ส่งกำลังเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นนาย!"โหลวอี้กัดฟันสั่ง"เราจะปล่อยให้ศัตรูได้พักไม่ได้ มิฉะนั้น การเสียสละของพวกเราจะสูญเปล่า!"ถึงขั้นนี้แล้ว การถอยกลับไม่ใช่เรื่องง่ายการถอยนั้นง่าย แต่หากพวกเขาถอย ศัตรูจะมีโอกาสฟื้นตัวและจัดกำลังป้องกันใหม่ตอนนี้ พวกเขากำลังกัดฟันต่อสู้ ศัตรูก็เช่นกันใครที่สามารถยืนหยัดจนถึงที่สุด จะเป็นผู้ชนะ!เมื่อเห็นท่าทีแน่วแน่ของโหลวอี้ อวี้ไท่ก็รู้สึกฮึดข
ความจริงพิสูจน์ว่าหยุนเจิงยังคงประเมินความมุ่งมั่นของโหลวอี้และอวี้ไท่ต่ำเกินไปหลังรุ่งสาง โฉวฉื่อและแคว้นต้าเย่ว์ยังคงโจมตีอย่างหนักหน่วงช่องว่างหลายแห่งในแนวป้องกันถูกศัตรูเจาะทะลุซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่กำแพงก็เคยถูกยึดครอง แต่พวกเขาก็สามารถระดมกำลังยึดคืนมาได้ศพที่เคยกองทับถมในช่องว่างถูกเคลียร์ออกไปบ้างแล้ว แต่กลับมีกองศพใหม่เพิ่มขึ้นอย่างหนาแน่นอยู่นอกกำแพงขณะนี้ มีเพียงทหารองครักษ์ 700 นายที่อยู่ข้างกายหยุนเจิงเท่านั้นที่ยังมีลูกธนูเหลือส่วนกองกำลังอื่น ลูกธนูทั้งหมดถูกใช้จนหมดแม้พวกเขาจะเก็บลูกธนูที่ศัตรูยิงมาใช้ใหม่ แต่จำนวนที่เก็บได้ก็ไม่เพียงพอต่อการใช้งานพลธนูบนกำแพงที่เคยยิงสนับสนุน ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาใช้ดาบต่อสู้กับศัตรูที่ปีนขึ้นมาจากกองศพกลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่วสนามรบไม่ว่าจะเป็นทหารแคว้นต้าเฉียนหรือศัตรู ต่างสู้รบกันจนดวงตาแดงก่ำในระยะไกล กำลังเสริมของศัตรูกำลังเคลื่อนเข้ามาอีกดูเหมือนพวกมันเตรียมโจมตีอย่างหนักหน่วงต่อไปหยุนเจิง ลดกล้องส่องทางไกลลง พลางถูดวงตาที่ปวดเมื่อย"พวกบ้า!""นี่มันการทำสงครามแบบไหนกัน?""นี่มันก็ไม่สนใจชีวิตคนเกินไ
อย่างไรก็ตาม ในรายงานการรบกลับไม่มีการกล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือเสบียงที่ยึดได้ราวกับเกรงว่าหยุนเจิงจะสนใจในสิ่งที่พวกเขายึดมาได้อืม ดูเหมือนจะเป็นลายมือของเจียเหยาและก็ดูเป็นรูปแบบของเจียเหยาจริงๆ!เมื่อเห็นข้อความในจดหมาย หยุนเจิงก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกหากข่าวนี้เป็นความจริง ความกดดันทางฝั่งของอวี๋ซื่อจงจะลดลงมากหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนเจิงก็หันไปถามทหารม้าชาวเป่ยหวน"องค์หญิงเจียเหยาได้ส่งข่าวมาทางเหยี่ยวขาวมาให้ข้าด้วยหรือไม่?""มีขอรับ!"ทหารม้าพยักหน้า "ข้าน้อยกับเหยี่ยวขาวออกเดินทางมาแทบจะพร้อมกัน"เมื่อได้ยินคำตอบ หยุนเจิงถึงกับพูดไม่ออกหากสิ่งที่ทหารม้าพูดเป็นความจริง นั่นหมายความว่าเหยี่ยวขาวทำจดหมายหายระหว่างทางให้ตายเถอะ!นี่เป็นครั้งที่สองที่ใช้เหยี่ยวขาวส่งข่าว และมันกลับทำจดหมายหายเสียแล้ว?ช่างไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย!หลังจากสบถในใจเสร็จ หยุนเจิงก็สั่งให้ต่งกังนำกระดาษและพู่กันมาไม่นานนัก เขาก็เขียนจดหมายเสร็จสองฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นรายงานโดยละเอียด อีกฉบับเขียนด้วยรหัสลับแบบย่อจากนั้น เขาถามทหารม้าชาวเป่ยหวนเกี่ยวกับรายละเอียด
การต่อสู้ที่ดุเดือดและโหดร้ายยังคงดำเนินต่อไปตอนนี้ โหลวอี้และอวี้ไท่ราวกับนักพนันที่มุทะลุทุกครั้งที่พวกเขาส่งกำลังเสริมหลายพันคนขึ้นไป พวกเขาเดิมพันว่ากองทหารมณฑลเหนือจะไม่สามารถต้านทานได้อีกแต่ทุกครั้งที่โจมตีอย่างหนัก กองทหารมณฑลเหนือก็ยังสามารถป้องกันไว้ได้หลายครั้งที่พวกเขาอยากจะล้มเลิก แต่ก็ไม่อาจยอมแพ้หากพวกเขาหยุดตอนนี้ การเสียสละก่อนหน้านี้จะกลายเป็นเรื่องสูญเปล่าแม้กองทหารมณฑลเหนือจะมีความสูญเสีย แต่เห็นได้ชัดว่าความสูญเสียของพวกเขาน้อยกว่าฝ่ายศัตรูมาก"ฝ่าบาท เราไม่สามารถสู้แบบนี้ต่อไปได้! หากยังคงเป็นเช่นนี้ ทหารของเราจะตายกันหมด!"ครั้งนี้ไม่ใช่อวี้ไท่ที่กล่าวทักท้วง แต่เป็นคู่ฉานายพลจากแคว้นต้าเย่ว์โหลวอี้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทแห่งแคว้นต้าเย่ว์ และเป็นที่เคารพในกองทัพปกติ คู่ฉามักปฏิบัติตามคำสั่งของโหลวอี้อย่างเคร่งครัดแต่ครั้งนี้ เขาจำเป็นต้องลุกขึ้นมาคัดค้านเพราะความสูญเสียของพวกเขาหนักหนาเกินไปบริเวณกำแพงที่แตกกระจายแห่งนี้ เต็มไปด้วยซากศพทหารสามารถเหยียบศพเพื่อปีนขึ้นกำแพงและสู้ประชิดตัวกับศัตรูได้แต่การโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าของพวกเ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่