Share

บทที่ 119

Author: เหลียงซานเหลากุ่ย
“นี่แหละเมี่ยวอิน!”

จางซูพรวดตัวลุกนั่งอย่างตื่นเต้นราวกับฉีดเลือดไก่มาปานนั้น แล้วมองเมี่ยวอินไม่ละสายตา

ดูท่าแล้ว จางซูเองก็เป็นหนุ่มผู้คลั่งไคล้เมี่ยวอินเหมือนกันนะเนี่ย!

นี่แหละเมี่ยวอิน?

หยุนเจิงขมวดคิ้ว “เจ้าบอกว่านางงามดุจเทพเซียนบนสรวงสวรรค์ไม่ใช่หรือ? ขนาดนางใช้ผ้าโปร่งคลุมหน้าไว้ เจ้ายังสามารถมองเห็นโฉมหน้าของนางได้รึ?”

“แน่นอนว่าไม่เห็นอยู่แล้ว!”

จางซูกล่าวตรงไปตรงมา

“เช่นนั้นเจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางงามดุจเทพเซียน?”

หยุนเจิงมึนงง

“ฟังจากคนอื่นมาไงเล่า!”

จางซูหรี่ตามองเรือนร่างของเมี่ยวอินไม่หยุด “เหล่าผู้โชคดีที่เคยได้เป็นแขกของนางต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่านางงามจนใจเจ็บ แม้แต่เทพเซียนบนสวรรค์ก็ยังเทียบไม่ติด…”

ให้ตาย!

เขาคิดจริงว่าเมี่ยวอินคนนี้งามจริงงามจัง!

คาดว่าคงจะได้ฟังจากผู้อื่นทั้งนั้น!

เมี่ยวอินคนนี้สร้างกระแสลับๆ นี่!

ขณะที่หยุนเจิงกำลังพูดแซะอย่างบ้าคลั่งอยู่นั้น เมี่ยวอินก็ได้เอ่ยปากขึ้น

คำกล่าวเปิดงานไม่มีอะไรมากไปกว่ากล่าวขอบคุณทุกท่านที่มาสนับสนุน

โฉมหน้าของเมี่ยวอินเป็นอย่างไรนั้น ตอนนี้หยุนเจิงเองก็ไม่รู้เช่นกัน

แต่ทว่า เสียงของสตรีผู้นี
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 120

    ตามด้วยคำพูดเสียงเบาของหยุนเจิง ดวงตาของจางซูพลันเปล่งประกายขึ้นมาทันใด“นี่เป็นกวีที่ท่านประพันธ์เองนั้นหรือ?”จางซูมองหยุนเจิงด้วยสีหน้าตะลึงตกใจ“พูดเป็นเล่น!”หยุนเจิงเอ่ยเสียงเบา “เป็นกวีของพี่สะใภ้รองของเสิ่นลั่วเยี่ยน ข้าลอกมา”“เช่นนี้นี่เอง!”จางซูนึกขึ้นได้กะทันหัน “ข้าก็ว่า เราสองคนต่างก็เป็นพวกไร้ประโยชน์…”จางซูเอ่ยได้ครึ่งประโยค พลันนึกบางอย่างขึ้นได้ทันทีจึงเปลี่ยนคำพูดว่า “ข้าหมายถึง ความรู้ของเราทั้งสองไม่ต่างกันเท่าไรนัก แหะๆ…”“เอาล่ะๆ!”หยุนเจิงโบกมือ “รีบจำซะ แล้วทำให้คนพวกนี้อึ้งจนอ้าปากค้าง!”จางซูพยักหน้าแรงๆ กำลังจะเริ่มจดบทกวี ทว่าใบหน้ากลับแข็งทื่อ ทำได้เพียงขยับเข้าไปอีกครั้งอย่างหน้าด้านๆ แล้วเอ่ยอย่างเขินอายว่า “องค์ชายหก ท่านช่วยพูดอีกครั้งได้หรือไม่ ข้า…ข้าลืมแล้ว…”“ข้า…”หยุนเจิงถอนใจ หมดคำจะพูดชั่วขณะเจ้านี่ไม่ได้เกิดมาเพื่อร่ำเรียนหาความรู้เลยจริงๆ!เพิ่งจะบอกไปหยกๆ แต่เขากลับลืมไปแล้ว?หยุนเจิงหมดหนทาง ทำได้เพียงกระซิบบอกเขาอีกครั้งขณะที่ทั้งสองกำลังกระซุบกระซิบกันอยู่นั้น ข้างล่างก็มีคนเริ่มประพันธ์บทกวีแล้วเพียงแต่บทกวีที่คนผู้

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 121

    อันที่จริง ต่อให้หยุนเจิงจะไม่เสียงดัง ผู้คนล้วนรู้ดีว่าบทกวีนี้จางซูไม่ได้เป็นผู้ประพันธ์จะมีนักกวีคนไหนที่อ้าปากค้างมองไปทั่วทิศเช่นนี้กันเล่า! นี่ขานไปถึงครึ่งหนึ่งก็ไม่สามารถขานต่อไปได้ เห็นได้ชัดว่าคัดลอกผู้อื่นมา แต่พอขึ้นเวทีกลับลืมไปสเยแล้ว!“ฮ่าๆ…”เมิ่งกว่างไป๋หัวเราะเสียงดัง “จางซูเอ๋ยจางซู เจ้ามันเป็นคนมีความสามรถที่ไร้ประโยชน์เสียจริง! กระทั่งสิ่งที่คัดลอกของผู้อื่นมายังท่องจำไม่ได้ เจ้าดูเจ้าสิ เจ้ายังจะทำอะไรได้อีก”“ข้า…”จางซูละอายใจ ทันใดนั้นนัยน์ตาก็ฮึกเหิมขึ้นมา ด่าทอเกรี้ยวกราดว่า “บิดายังสามารถเอามารดาเจ้าได้ เจ้าลองเรียกแม่เจ้ามาลองดูสิ!”สิ้นเสียงด่าของจางซู ผู้คนล้วนตะลึงงันปราชญ์กวีผู้มีความสามารถที่อยู่ที่นี่ จะเคยคาดคิดที่ไหนกันเล่าว่าจะมีผู้ใดกล้ากล่าววาจาหยาบกระด้างเช่นนี้ต่อหน้าธารกำนัลเมิ่งกว่างไป๋โกรธเป็นที่สุด ชี้ด่าจางซูว่า “ไร้ยางอาย! เจ้าเป็นความอับอายของตระกูลจาง! เหตุใดจางเก๋อเหล่าจึงมีหลานชายเช่นเจ้าได้!” คำพูดของเมิ่งกว่างไป๋ก็ได้รับการตอบรับจากผู้คน“เรื่องอันใดของเจ้า!”อย่างไรเสียก็ถูกคนดูออกแล้ว จางซูจึงปล่อยตัวปล่อยใจ มองไป

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 122

    “ดาบเดียวจะหนาวสะท้านไปทุกแคว้น! วิเศษจริงๆ”“กลอนนี้ดี ช่างดีจริงๆ!”“กลอนบทนี้เมื่อเทียบกับของคุณชายหวางแล้ว เหนือกว่าขั้นหนึ่ง!”“ดาบเดียวจะหนาวสะท้านไปทุกแคว้น! แค่ประโยคนี้ประโยคเดียว ก็ทำให้กลอนบทนี้เป็นที่หนึ่งในวันนี้ได้แล้ว!”“พอมีกลอนนี้แล้ว คุณชายเมิ่งต้องมีชื่อเสียงขจรไปทั่วแน่นอน…”ในชั่วขณะเดียว เสียงร้องดังร้องว่าดีไม่หยุดหย่อนเมี่ยวอินเองก็พยักหน้าไม่หยุด ราวกับว่านางชื่นชอบกลอนบทนี้เป็นอย่างมาก“ทุกท่านกล่าวชมกันเกินไปแล้ว ข้าเองก็คิดกลอนนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไม่คู่ควรกับคำชมของทุกท่านขอรับ!”เมิ่งกว่างไป๋กล่าวไปทางผู้คน ท่าทางได้ใจเป็นอย่างยิ่ง“เจ้าสุนัข!”จางซูมองไปทางเมิ่งกว่างไป๋อย่างไม่พอใจเป็นที่สุด แล้วเข้าไปข้างกายหยุนเจิง “องค์ชาย เจ้ายังจำบทกลอนอื่นที่ฮูหยินเยี่ยจื่อประพันธ์ได้อีกหรือไม่?”“ข้ายัง…จำได้อีกสองบท”หยุนเจิงส่ายหัวไปมา แสร้างทำว่ากำลังเมามาย ขณะเดียวกันก็กระดกสุราลงท้องไปอีกหนึ่งจอก“องค์ชาย อย่างดื่มอีกเลย ถ้าดื่มอีกเจ้าก็จะลืมอีกแล้ว!!”จางซูรีบหยุดหยุนเจิง “ฉวยโอกาสตอนที่เจ้ายังไม่เมา รีบร่ายกลอนพวกนั้นเร็ว เชือดเจ้าสุนัขเมิ่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 123

    สิ้นเสียงของหยุนเจิง ในสถานที่แห่งนั้นก็พลันสงบเงียบตามไปด้วยเหล้าองุ่นรสล้ำเลิศ รินกันเถิดจอกแสงจันทร์ อยากลิ้มร่วมชิมกัน พิณผีผามาเร่งเตือนเมามายบนผืนทราย อย่ายิ้มหมายมาเชือดเฉือน โบราณศึกกลาดเกลื่อน เพื่อนได้กลับสักกี่คน คนไม่น้อยล้วนหลับตาลง ดื่มด่ำกับเรื่องราวเหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนต่างจากกลอนของเมิ่งกว่างไป๋และหวังเสี่ยนที่กล้าหาญและใจกว้าง กลอนบทนี้มีความเป็นอิสระ ไร้กฎเกณฑ์ยิ่งกว่า เป็นการมองความเป็นความตายอย่างปล่อยวางแบบหนึ่งประโยคที่กล่าวว่า “เมามายบนผืนทราย อย่ายิ้มหมายมาเชือดเฉือน โบราณศึกกลาดเกลื่อน เพื่อนได้กลับสักกี่คน” ทำให้คนไม่น้อยตบโต๊ะชื่นชม“กลอนดีนี่! นี่ต่างหากที่เป็นกลอนที่ดีอย่างแท้จริง!”“มีความเป็นอิสระ ไร้กฎเกณฑ์ บ้าคลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ...”“โบราณศึกกลาดเกลื่อน เพื่อนได้กลับสักกี่คน ใช่แล้ว โบราณศึกกลาดเกลื่อน จะมีสักกี่คนที่สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย”“ในความเห็นของข้า กลอนบทนี้ไร้กฎเกณฑ์ยิ่ง ความกล้าหาญก็ไม่มากพอ! ยังคงเป็นประโยคดาบเดียวจะหนาวสะท้านไปทุกแคว้นของคุณชายเมิ่งที่ดุดันยิ่งกว่า!”“ไม่ใช่ ไม่ใช่! กลอนของคุณชายเมิ่ง ดุดั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 124

    “ในทะเลทรายรกร้างว่างเปล่า มีการสู้รบมากมาย ทหารกล้าผ่านการสู้รบนับร้อยครั้ง กระทั่งเกราะเหล็กบนร่าง ก็ร้าวแล้ว แต่ขอแค่ศึกสงครามชายแดนยังไม่สิ้นสุด ก็ไม่มีทางที่จะถอดชุดเกราะหวนคืนบ้านเกิด”ในตอนนี้เองที่เสียง “เมาอ้อแอ้” ของหยุนเจิงดังขึ้นอีกครั้งบึ้ม!เมื่อได้ยินเสียงของหยุนเจิง ภายในสถานที่แห่งนั้นก็พลันเงียบสงัดทุกคนล้วนตะลึงมองหยุนเจิงอย่างแทบจะไม่กล้าเชื่อหูของตัวเองโดยเฉพาะ “ในทะเลทรายรกร้างว่างเปล่า มีการสู้รบมากมาย ทหารกล้าผ่านการสู้รบนับร้อยครั้ง กระทั่งเกราะเหล็กบนร่าง ก็ร้าวแล้ว แต่ขอแค่ศึกสงครามชายแดนยังไม่สิ้นสุด ก็ไม่มีทางที่จะถอดชุดเกราะหวนคืนบ้านเกิด” ประโยคนี้ ยิ่งทำให้เลือดในกายผู้คนเดือดพล่านกลอนบทที่สามแล้ว!นี่คือกลอนบทที่สามของเขาแล้ว!ภายในระยะเวลาสั้นๆ เท่านี้ คนผู้นี้ถึงกับประพันธ์กลอนติดกันได้ถึงสามบทเชียวหรืออีกอย่าง ยังอยู่ในสภาพเมามายด้วย!ทุกบทกลอนล้วนเป็นบทกลอนชั้นเลิศ“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!”“ผู้นำในคืนนี้จะต้องเป็นของคุณชายหลิวท่านนี้แต่เพียงผู้เดียวแน่นอน!”“เมื่อสามบทกลอนนี้หลุดออกมา กลอนทั้งหมดล้วนหม่นหมองไร้สีสันแล้ว...

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 125

    เสียงดุด่าของหยุนเจิงอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นในฉวินฟางย่วนไม่หยุดโอรสสวรรค์จะต้องเฝ้าประตูแผ่นดิน?ร่วมเป็นร่วมตายพร้อมแว่นแคว้น?ทุกคนมองหน้ากันคำพูดนี้ พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ!ใครเป็นคนพูดกันนี่?ยังไม่รอจนทุกคนได้สติคืนมา หยุนเจิงก็ฉวยโอกาสฤทธิ์สุรามาดุด่าขึ้นอีก “ทุกวันนี้มีเรื่องมากมายให้ทุกข์ใจ ฝ่าบาทไม่สะดวกจะออกรบด้วยตนเอง ที่องค์ชายหกต้องไปซั่วเป่ย ก็เพราะต้องออกรบแทนบิดา!”“องค์ชายหกแม้ว่าบู๊จะไม่ได้บุ๋นก็ไม่เด่น แต่เขาไม่กลัวตายเลยจริงๆ!”“ใครเกิดมาก็ต้องตาย จะหนักแน่นดุจขุนเขา หรือจะเบาบางดั่งขนนก!”“แม้ว่าสุดท้ายองค์ชายหกจะตายในสนาม แต่การตายของเขาก็เพียงพอในการปลุกใจทหารในซั่วเป่ยของเราแล้ว!”“หากความตายขององค์ชายหกสามารถทำให้พวกเราทบทวนตัวเองได้ สามารถปลุกเลือดร้อนในกายของชายชาติต้าเฉียน การตายของเขาก็นับว่าคุ้มค่าแล้วจริงๆ!”วินาทีนี้ ราวกับว่าหยุนเจิงเป็นนักพูดชื่อดังทุกประโยคหนักแน่นมีพลัง ทุกประโยคมีเหตุผลหากไม่ใช่เพราะเขามีอาการเมามาย ผู้คนคงอยากจะเข้ามาคาราวะเข้าแล้วต่อให้นี่จะเป็นคำพูดของ ‘คนเมา’ เลือดรักบ้านเมืองผู้คนที่อยู่ที่นั่นก็ถูกปล

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 126

    เมื่อได้ฟังคำอธิบายของหยุนเจิงแล้ว เยี่ยจื่อพลันตะลึงตกใจอย่างควบคุมไม่อยู่ จากนั้นมองหยุนเจิงด้วยสายตาไม่น่าเชื่อเขาเขียนบทกวีสี่บทภายในเวลาไม่ถึงสองก้านธูป?แถมบทกวีทุกบทยังอยู่ในขั้นยอดเยี่ยมอีกด้วยความสามารถนี้ ทำผู้คนตะลึงตกใจมากจริงๆ“ข้าไม่ได้เป็นคนแต่งหรอก”หยุนเจิงส่ายศีรษะหัวเราะกลบเกลื่อน “เจ้าเป็นคนเขียนต่างหาก ข้าเพียงแค่ลอกมาเท่านั้น”“เป็นไปได้อย่างไร ข้าเขียนตั้งแต่เมื่อใด…”เยี่ยจื่อเอ่ยโดยสัญชาตญาณ ทว่าเพียงเอ่ยได้ครึ่งประโยค นางก็ได้รู้ตัวทันทีเห็นได้ชัดว่าบทกวีเหล่านี้เขาเป็นคนแต่งเอง!เพียงแต่เขาต้องการให้ผู้คนเข้าใจว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่รู้ทั้งบุ๋นทั้งบู๊ต่อไปจึงได้ใช้นามของตนเท่านั้น!“ได้ เจ้ามันแน่มาก!”เยี่ยจื่อหมดคำจะพูดกับหยุนเจิง “ต่อไปหากผู้อื่นขอให้ข้าผู้เป็นหญิงเก่งจอมปลอมคนนี้เขียนกวีขึ้นมา แล้วข้าเขียนออกมาไม่ได้ล่ะก็ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะพูดกับผู้อื่นว่าอย่างไร!”เยี่ยมจริงๆ!ตนไม่เคยเขียนกวีเลยแม้แต่คำเดียว แต่กลับกลายเป็นสตรีมีพรสวรรค์เสียได้การกระทำของเขานี่มันต้องการจะเผาตนบนเตาไฟชัดๆ!“วางใจเถอะ ข้าคิดแทนเจ้าไว้แล้ว”หยุน

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 127

    “ได้ข่าวหรือไม่ว่าในงานประพันธ์กวีที่สมาคมกวีฉวินฟางย่วนเมื่อคืนนี้มีคุณชายท่านหนึ่งเขียนบทกวีได้ทั้งหมดสี่บทได้เวลาไม่ถึงสองก้านธูป ทำเอาคนในงานต่างต้องหน้าถอดสีกันเลย…”“จะไม่ได้ข่าวได้อย่างไรเล่า ได้ยินว่าคุณชายหลิวผู้นั้นยังก่นด่าผู้คนว่าโอดครวญอย่างไร้เหตุผล…”“ใช่ๆ คุณชายหลิวเป็นคนฮึกเหิม ชื่นมความตั้งใจจะเดินทางไปซั่วเป่ยขององค์ชายหก”“ทุกคนถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องตาย อาจจะหนักกว่าภูเขา หรือเบากว่าขนนก คำพูดของคุณชายหลิวผู้นั้นได้พูดถึงความน่าเศร้าของการเดินทางสู่ซั่วเป่ยขององค์ชายหก…”“ไม่เคยมีเคยจักรพรรดิและองค์ชายที่ปราดเปรื่องเช่นนี้มาก่อน…”วันถัดมา เกิดความชุลมุนวุ่นวายไปทั้งเมืองหลวงไม่ว่าบนท้องถนนหรือตรอกซอยเล็กล้วนสามารถเห็นกลุ่มคนสามถึงห้าคนรวมตัวกันวิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนฉวินฟางย่วนนอกจากบทกวีทั้งสี่บทของหยุนเจิงที่ถูกแพร่ออกไปทั่วแล้ว ยังมีข่าวเรื่ององค์ชายหกจะเดินทางไปยังซั่วเป่ย และยอมตายเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เหล่าทหารออกมาด้วยการตัดสินพระทัยของจักรพรรดิเหวินในครั้งนี้ ก็ได้รับการชื่นชมมากมายจากผู้คนในเมืองหลวงด้วยแต่ทว่าในราชวังหลวง จ

Latest chapter

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1478

    “เช่นนั้นพวกเรามารอดูกันเถอะ!” หยุนลี่พยายามฝืนยิ้มเล็กน้อย จักรพรรดิเหวินใช้หางตามองหยุนลี่แวบหนึ่ง ก่อนจะถามต่อว่า “จ้าวจี๋ เจ้าคิดว่าหยวนกุยเป็นอย่างไร?” “เอ่อ…” จ้าวจี๋ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “หยวนกุยอาจไม่เหมาะกับภารกิจใหญ่โต แต่ตำแหน่งนายทหารม้ายังพอเหมาะสมอยู่พ่ะย่ะค่ะ” พูดตามตรง จ้าวจี๋เองก็ไม่ได้ให้ค่าหยวนกุยนัก ไม่เพียงแต่หยวนกุย แม้แต่หยวนฉงเขาก็ยังดูถูก แม้หยวนฉงเคยเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งซ้ายถุนเว่ย แต่ในสายตาของเขา หยวนฉงเป็นเพียงนักรบเถื่อนเท่านั้น “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” จักรพรรดิเหวินยิ้มเล็กน้อยโดยไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติม ไม่นาน เสียงกลองก็ดังขึ้น พร้อมกันนั้น นาฬิกาทรายก็เริ่มนับเวลา ทว่า นาฬิกาทรายนี้แตกต่างจากนาฬิกาทรายสมัยใหม่ มันเป็นเพียงกรวยที่เรียบง่าย กำหนดเวลาตามน้ำหนักของทรายที่ไหลออกมา เมื่อได้ยินเสียงกลอง โจวเต้ากงก็รีบนำทัพจากระยะ 500 เมตรพุ่งไปยังจุดรวมพลทันที เสียงกีบม้าที่กระหึ่มก่อให้เกิดฝุ่นคละคลุ้ง หยุนเจิงและพวกไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นั่งชมอยู่บนกำแพงเมืองอย่างสงบ สำหรับการประลองประเภทนี้ หยุนเจิงไม่ได้สนใจอะไรมากนั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1477

    วันถัดมา หลังจากที่จ้าวจี๋นำกองทัพมาถึง การแสดงศิลปะการต่อสู้ก็พร้อมเริ่มต้นการแสดงครั้งนี้แบ่งออกเป็นสามช่วงการจัดทัพ การชนทัพ และการทดสอบยิงธนูบนหลังม้าทางราชสำนักส่งทหารม้า 5,000 นาย โดยมีจ้าวจี๋เป็นแม่ทัพหลัก โจวเต้ากงและหยวนกุยเป็นแม่ทัพรองกองทัพมณฑลทางเหนือส่งทหารม้าอีก 5,000 นาย นำโดยแม่ทัพหยูซื่อจง โดยแบ่งเป็นทหารของหยูซื่อจง 2,000 นาย ขบวนส่งเจ้าสาวจากเป่ยหวน 2,000 นาย และทหารกองเลือดอีก 1,000 นายการประลองรอบแรกเป็นการจัดทัพจักรพรรดิเหวินนั่งอยู่บนกำแพงเมืองในท่าทางอ่อนแอ ขณะที่หยุนเจิง หยุนลี่ เจียเหยา และจ้าวจี๋นั่งอยู่ด้านข้างในตำแหน่งที่ลึกเข้าไปเล็กน้อย“จ้าวจี๋ เจ้ามั่นใจว่าจะชนะขนาดนั้นเลยหรือ?”จักรพรรดิเหวินสวมเสื้อคลุม มีผ้าห่มขนแกะคลุมอยู่ พลางเอนตัวสอบถามจ้าวจี๋เดิมทีจ้าวจี๋ควรจะเข้าร่วมการแสดงศิลปะการต่อสู้ในลานกว้างนอกเมือง แต่เขาคิดว่าการจัดทัพเพียงอย่างเดียวไม่จำเป็นต้องลงมือเอง จึงขออนุญาตชมอยู่บนกำแพงเมืองจ้าวจี๋ทำท่าจะลุกขึ้น แต่จักรพรรดิเหวินยกมือห้ามไว้ “ไม่ต้องลุก นั่งตรงนั้นแหละดีแล้ว”จ้าวจี๋รับคำสั่งก่อนจะนั่งลงอย่างสำรวมและตอบว่า “ห

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1476

    หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆเมื่อเห็นว่าหยุนเจิงไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน จักรพรรดิเหวินจึงเผยรอยยิ้มพึงพอใจ พลางตบไหล่หยุนเจิง “เมื่อกลับไปยังเมืองหลวง ข้าจะให้พี่สามของเจ้าทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทน! เจ้าจะคว้าโอกาสไว้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองแล้ว!”ให้เจ้าสามเป็นผู้สำเร็จราชการแทน?หยุนเจิงมองจักรพรรดิเหวินด้วยความประหลาดใจเจ้าเฒ่านี่กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?เจ้าสามได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน เช่นนั้นคงไม่พ้นต้อง…เมื่อคิดเช่นนั้น ใบหน้าของหยุนเจิงก็พลันปรากฏความเข้าใจแจ่มแจ้ง“ลูกขอบพระทัยเสด็จพ่อมากพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงถอยหลังไปเล็กน้อย พลางทำความเคารพจักรพรรดิเหวินด้วยความนอบน้อมเขาเข้าใจเจตนาของจักรพรรดิเหวินแล้ว!การให้เจ้าสามเป็นผู้สำเร็จราชการแทน จะทำให้เจ้าสามฉวยโอกาสกวาดล้างผู้ที่คิดต่าง!ถึงเวลานั้น ขุนนางในราชสำนักเหล่านั้นอาจเกิดความไม่พอใจในตัวพี่เจ้าสาม แล้วหันมาสนับสนุนตนเองแทนตาเฒ่านี่ช่างวางแผนปูทางไว้ให้ตนเองจริงๆ!“พอแล้ว เข้าใจเช่นนี้ก็ดีแล้ว”จักรพรรดิเหวินมองหยุนเจิงด้วยความพึงพอใจ ก่อนถามด้วยความคาดหวัง “เจ้าได้คิดวิธีที่จะทำให้ข้าวางใจไปยังเป่ยหว

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1475

    “หาอะไร!”จักรพรรดิเหวินพูดด้วยความหงุดหงิด “อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากพี่สามของเจ้าถึงกับไม่อยากเป็นองค์รัชทายาทเพราะเจ้า ต่อไปเรื่องยุ่งเหยิงทั้งหมด เจ้าก็รับผิดชอบเองแล้วกัน!”“คงไม่ถึงขนาดนั้นกระมังพ่ะย่ะค่ะ?”หยุนเจิงได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตาเจ้าสามเพื่อจะได้ตำแหน่งองค์รัชทายาท อะไรที่ทำได้เขาก็ทำทั้งนั้นแค่เล่นงานเขาเล็กน้อย จะถึงขั้นไม่อยากเป็นองค์รัชทายาทเลยหรือ?ถ้าให้เจ้าสามขึ้นเป็นจักรพรรดิ แล้ววันใดศัตรูต่างชาติบุกเข้ามา เขาจะไม่คิดอยากเป็นจักรพรรดิอีกหรืออย่างไร?“ไม่ถึงขนาดนั้นบ้าอะไร!”จักรพรรดิเหวินพ่นลมอย่างไร้มารยาท “ในประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย เว้นแต่พวกที่ใกล้ล่มสลาย ไม่มีองค์รัชทายาทที่ไร้น้ำยาเท่านี้มาก่อน! ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเขายังมีประโยชน์มากนัก ต่อไปเจ้าจงสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าเล่นงานพี่สามของเจ้าโดยไม่มีเหตุผล!”บางครั้งเมื่อคิดถึง ก็อดสงสารเจ้าสามไม่ได้ไม่รู้ว่า หากเจ้าสามรู้ความจริงเข้า จะถึงกับเป็นบ้าหรือไม่แม้ว่าจะไม่ขัดขวางหยุนเจิงเล่นงานเจ้าสาม แต่ทุกเรื่องต้องมีขอบเขต!โชคดีที่พี่เจ้าสามยังอายุน้อยหากเจ้าสามอายุเท่าตนเอง เกรงว่าคงถูกเจ้าลูกอกตัญ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1474

    หยุนลี่พลันเข้าใจแจ่มแจ้ง มองจักรพรรดิเหวินด้วยความนับถือเต็มใบหน้าเสด็จพ่อช่างมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก!แม้กระทั่งเรื่องนี้ก็ยังทรงคำนึงถึง!“เสด็จพ่อทรงมีสายตากว้างไกล ลูกนับถือจนสุดหัวใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่กล่าวด้วยความจริงใจนี่หาใช่คำเยินยอไม่ แต่เป็นความนับถืออย่างแท้จริงเพียงเรื่องเดียว กลับมีจุดประสงค์มากมายถึงเพียงนี้“เจ้าสาม เจ้ายังอ่อนประสบการณ์เกินไป…”จักรพรรดิเหวินถอนหายใจเบาๆ “เรื่องนี้เจ้ายังต้องเรียนรู้จากเจ้าหกให้มาก! หากเจ้าหกมีเพียงกำลังทหารแข็งแกร่ง ข้าก็หาได้หวาดกลัวเขาไม่! แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตัวเจ้าหกลูกอกตัญญูผู้นี้คือสมองของเขา เขามักคิดการณ์ไกลอยู่เสมอ เขาอยู่ในจวนปี้ปัวมาสองสิบกว่าปี ข้าคิดว่าเขาคงใช้เวลาส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องเหล่านี้…”ในข้อนี้ หยุนลี่เองก็เห็นด้วยไม่มีใครรู้เท่ากับเขาว่าเจ้าหกมีความเจ้าเล่ห์เพียงใดไอ้สารเลวนี้ เมื่อก่อนในจวนปี้ปัวทำตัวขี้ขลาดแน่นอนว่าคงหมกมุ่นอยู่แต่การวางแผนเล่นงานผู้อื่น!ไม่เช่นนั้น ไอ้สารเลวนี้จะมีความเจ้าเล่ห์ได้ถึงเพียงนี้หรือ?“เสด็จพ่อสั่งสอนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่กล่าวด้วยความละอาย

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1473

    "นี่..." หยุนลี่อ้าปากค้างไปชั่วขณะ แต่ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ เขารู้ดีว่าจักรพรรดิเหวินตรัสอย่างมีเหตุผล ตระกูลใหญ่และขุนนางไม่ได้สนใจว่าใครจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ พวกเขาสนแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ตอนนี้หยุนเจิงมีกองกำลังที่แข็งแกร่ง หากเขาก่อกบฏ เกรงว่าตระกูลใหญ่และขุนนางหลายคนจะเข้าข้างหยุนเจิง บางตระกูลที่มีความทะเยอทะยาน อาจถึงขั้นร่วมมือกันยกทัพก่อกบฏ แค่หยุนเจิงคนเดียวก็จัดการได้ยากมากอยู่แล้ว ถ้าหลังบ้านของเรายังมีปัญหาเพิ่มเติม ราชสำนักอาจไม่มีแม้แต่แรงที่จะต่อต้านเลยก็เป็นได้ หยุนลี่ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจกัดฟันพูดว่า "ลูกจะเชื่อเสด็จพ่อ! เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ลูกจะทำทุกวิถีทางเพื่อลดอำนาจของพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง!" เอาเป็นว่าทำตามนี้! ถ้าไม่จัดการกับพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง เงินทองของตัวเองจะมาจากไหน? เพราะนั่นมันตั้งสี่แสนตำลึงเงินนะ! เงินที่ยึดมาได้จากพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง บางส่วนจะสามารถเข้ากระเป๋าของตัวเองได้ เพื่อชดเชยความเสียหาย ส่วนหนึ่งสามารถนำเข้าคลังหลวง เพื่อนำไปเตรียมการกองทัพและป้องกันหยุนเจิง! "ถูกต้องแล้ว!" จักรพรรดิเห

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1472

    “เฮ้อ…” จักรพรรดิเหวินถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตบมือหยุนลี่เบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าไปคุยกับเจ้าหกมาเป็นอย่างไรบ้าง?" พอพูดถึงเรื่องนี้ ไฟโทสะที่หยุนลี่เพิ่งกดไว้ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แต่โชคดีที่เขาเพิ่งพ่นเลือดไปสองครั้งและปลอบใจตัวเองมาพอสมควร เลยไม่ถึงกับพ่นเลือดออกมาอีก ถึงจะโกรธแค่ไหน แต่หยุนลี่ก็ยังเล่าเรื่องข้อตกลงระหว่างเขากับหยุนเจิงออกมา "ไอ้ลูกอกตัญญูช่างกล้าบ้าบิ่น!" พอจักรพรรดิเหวินได้ฟังเรื่องราวจากหยุนลี่ ก็โมโหจนหายใจแรง "เสด็จพ่ออย่าทรงกริ้ว ขอให้รักษาพระวรกายไว้ก่อนเถิด..." หยุนลี่รีบยื่นมือไปช่วยประคองลมหายใจของจักรพรรดิเหวินให้สงบลง จักรพรรดิเหวินพ่นลมหายใจอย่างแรงอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดก็เริ่มสงบลงได้ หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิเหวินก็หันไปมองหยุนลี่ด้วยสีหน้าเย็นชา "พรุ่งนี้เจ้าเด็กอกตัญญูยังต้องมาคารวะข้า เจ้าคิดว่าถ้าข้าให้คนซุ่มรอไว้ก่อน จะมีโอกาสจับมันได้ครั้งเดียวหรือไม่?" "ไม่ได้เด็ดขาด!" หยุนลี่รีบห้ามพระองค์จากความคิดบ้าคลั่งนั้น "เสด็จพ่อก็ทรงเห็นแล้วว่าเจ้าหกระวังตัวตลอดเวลา หากจับตัวมันไม่ได้ในการลงมือครั้งเดียว จะยิ่งทำให้มันโกรธแค้น ใน

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1471

    เมื่อกลับถึงจวนพัก หยุนลี่ก็ระบายความโกรธด้วยการฟันหิมะอย่างบ้าคลั่ง น่าขายหน้า! ขายหน้าสิ้นดี! ทั้งชีวิตนี้เขาไม่เคยขายหน้าขนาดนี้มาก่อน เขารู้ว่าในการมาฟู่โจวครั้งนี้จะต้องถูกหยุนเจิงหลอก แต่ไม่คิดว่าจะโดนเล่นงานถึงขนาดนี้ ทั้งเงิน ทั้งข้าว ทั้งที่ดิน... ตัวเองยังสมควรเป็นองค์รัชทายาทอยู่อีกหรือ? เขากลายเป็นตัวตลกเต็มประตู! น่าชิงชัง! น่าชิงชังที่สุด! หยุนลี่ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เลือดลมภายในร่างพลุ่งพล่านไม่หยุด "พรวด..." เมื่อความโกรธทำให้เลือดลมตีขึ้น หยุนลี่ก็ทนไม่ไหวและพ่นเลือดออกมาคำใหญ่ ร่างของหยุนลี่เซไปมาจนเกือบล้มลงกับพื้น โชคดีที่ในจังหวะที่ร่างกำลังจะทรุดลง เขาปักดาบลงพื้น ใช้ดาบค้ำยันตัวเองไว้ พร้อมคุกเข่าข้างหนึ่ง "องค์รัชทายาทเพคะ!" เหล่าข้ารับใช้รีบร้องตะโกนด้วยความตื่นตกใจ ก่อนกรูเข้ามาหา "ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด..." หยุนลี่ตะโกนเสียงต่ำ ขณะที่ปาดคราบเลือดที่มุมปากออกอย่างลวกๆ เขาไม่ต้องการให้ใครเห็นสภาพอันน่าอับอายของตัวเอง เขาคือองค์รัชทายาทแห่งแผ่นดิน ต่อให้เป็นอย่างไรก็ยังต้องรักษาหน้าตาไว้ เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของหยุนลี่ บรรด

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1470

    เมื่อเจอคำขู่ของหยุนเจิง หยุนลี่ถึงกับตัวสั่นไปทั้งร่างด้วยความโกรธ ลังเลอยู่นาน ในที่สุดหยุนลี่ก็กัดฟันยอมรับ "ตกลง สี่ล้านตำลึง! เหมือนกับเรื่องเสบียง ให้ชำระภายในสิ้นปี!" เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา หยุนลี่แทบกระอักเลือด เขาเคยคิดไว้ว่าจะพึ่งจางซูผู้เป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติเพื่อหาเงินได้อย่างมหาศาล ตอนนี้ เงินหาได้มาก็จริง แต่ยังไม่ทันได้ใช้ให้คุ้ม เจ้าสุนัขตัวนี้ก็มาจ้องตาเป็นมันแล้ว แถมยังต้องควักทุนสำรองออกมา และไปยืมเงินจากคนอื่นอีก! "ทีนี้มาพูดเรื่องช่างฝีมือกันเถอะ!" หยุนเจิงยิ้มอย่างพึงพอใจ "อย่ามาพูดเรื่องไปหาเอาจากกรมโยธาเลย แค่ช่างต่อเรือสองพันคนเอง ไม่ใช่ว่าสร้างเรือรบสองพันลำ! ข้าอาจไม่ยุ่งเรื่องในราชสำนัก แต่ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ยากสำหรับเจ้า" ไม่ยาก? ในใจหยุนลี่ด่าไม่หยุด นี่มันช่างต่อเรือที่มีการลงทะเบียนเอาไว้! ล้วนมีทะเบียนช่างฝีมืออยู่! ไม่ใช่พวกผู้อพยพสองพันคน! "หนึ่งพัน!" หยุนลี่พยายามระงับโทสะ "จะเคลื่อนย้ายคนที่มีทะเบียนช่างฝีมือเยอะๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย! การควบคุมช่างต่อเรืออาจไม่เข้มงวดเท่าช่างทำเกราะ แต่ถ้ามีทะเบียนติดตัว..."

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status