เมื่อแพ้แล้ว กองทหารติดอาวุธสุดท้ายของเป่ยหวนก็จะถูกกำจัดหมดสิ้นแล้ว!พวกเขาอยากเอาชนะ แต่พวกเขารับผลที่เกิดจากความพ่ายแพ้ไม่ได้“สมองเจ้าถูกตีจนโง่แล้วใช่หรือไม่?”หยุนเจิงจ้องมองเจียเหยาด้วยความหงุดหงิด “ข้าคิดว่า พวกเราหากส่งทหารออกไป คิดว่าส่งทหารไปช่วยพวกเจ้าโดยตรงดี หรือส่งไปโฉวฉือ แคว้นต้าเย่ว์ บุกเข้ากุ่ยฟางโดยตรงดี?”“การบริโภคเสบียงพวกเจ้าห้าหกหมื่นคนมาก หรือว่าการบริโภคเสบียงของทหารสองหมื่นมาก?”“ข้าให้เสบียงที่เพียงพอให้กับพวกเจ้า การเดินทางไกลเพียงนั้น การขนส่งไม่จำเป็นต้องใช้คนหรือ?”“เจ้ายินดีไปปล้นเสบียงทัพศัตรู หรือยินดีนำม้าศึกมาแลกเสบียง?”“พวกเจ้ามีม้าศึกมากน้อยเท่าใดนำมาแลกเสบียง? ต้องการส่งม้าศึกบรรณาการมากขึ้นหรือไม่?”“หากพวกเจ้าปล้นเอาเสบียงมา ยังจำเป็นต้องให้ข้าสนับสนุนอาวุธและชุดเกราะให้พวกเจ้าสาม ห้าหมื่นคนหรือ?”“หากเจ้าเป็นข้า เจ้ายินดีช่วยเหลือส่งอาวุธและชุดเกราะมากมายอย่างเต็มที่กับแคว้นที่เพิ่งมาสวามิภักดิหรือ?”“……”หยุนเจิงระเบิดอย่างรุนแรง ทุกคำถามถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่องเผชิญกับคำถามของหยุนเจิง เจียเหยาสติหลุดไปเล็กน้อยก่อนหน้านี้นาง
สองวันให้หลัง กองทัพหลักของเป่ยหวนมาถึงชายแดนกู้ห้าหมื่นคนของเป่ยหวนที่อพยพมา ไม่ได้เป็นคนหนุ่มสาวร่างกายแข็งแรงทั้งหมดโดยพื้นฐานแล้วคนเหล่านี้ต่างก็เคยเป็นชนเผ่าของเจียเหยา การอพยพดำเนินการโดยนับตามครัวเรือนทุกครัวเรือนรับประกันว่าอย่างน้อยมีหนุ่มสาวแข็งแรงสองคนสำหรับวิธีนี้ของเจียเหยา ก่อนหน้านี้หยุนเจิงตกลงแล้ว จึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดวิธีการอพยพเช่นนี้ สำหรับเขาและผู้อพยพเหล่านั้นแล้ว ต่างก็ได้ประโยชน์อพยพเข้ามาทั้งครอบครัว ก็สะดวกต่อการจัดการรอนานเพียงนี้ หยุนเจิงในที่สุดก็ได้พบฉีเหยียนหลานชายของเจียเหยาฉีเหยียนยังเล็ก ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า เพียงแค่มองคนและสิ่งของรอบๆ ด้วยความสงสัย“ข้าว่า เด็กคนนี้คงไม่ใช่ตัวปลอมกระมัง?”หยุนเจิงมองประเมินฉีเหยียนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ถามเจียเหยาด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้ยิ้มเขาไม่เคยพบฉีเหยียนเด็กคนนี้ใช่ฉีเหยียนหรือไม่ ยังรอยืนยันเรื่องแมวเสือดาวสับเปลี่ยนรัชทายาท เจียเหยาทำได้แน่นอนเจียเหยาเหลือบมองหยุนเจิง จากนั้นก็กล่าวนิ่งๆ “คนของพวกเราที่ถูกเจ้าจับเป็นเชลยศึกที่ทางเดินทะเลทรายตะวันออก หลายคนต่างก็เคยพบฉีเหยียน เจ้าถามพวก
หากไม่ใช่การกระทำชุดนี้ของเจียเหยา การต่อสู้ของพวกเขาครั้งนี้ ยึดอาวุธจากข้าศึกที่รบแพ้ก็จะได้มากขึ้นข้อเสียของเจียเหยา น่าจะเป็นเรื่องทักษะการรบทุกสิ่งที่เขาเรียนมา ล้วนเป็นทักษะการรบที่ตกผลึกมากจากเหล่าบรรพบุรุษนับไม่ถ้วนเมื่อหลายพันปีก่อนส่วนทุกสิ่งที่เจียเหยาเรียน ย่อมไม่ได้กว้างขวางเท่าใดหากเจียเหยาได้เรียนสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน ตัวเขาก็ไม่ได้ว่าจะเอาชนะเจียเหยาได้ทั้งครั้งแล้วครั้งเล่าเห้อ!คนอย่างเจียเหยา หากสามารฝึกอบรมอยู่ข้างกายเขา ในอนาคตต้องเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถที่สุดไม่ว่าจะการปกครองภายในหรือการทหาร!น่าเสียดาย!เจียเหยาก้มหน้าอยู่นานมาก จึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา เอ่ยเสียงดัง “เจียเหยาขอโทษทุกคน!”“ต่อจากนี้ไป ทุกคนก็ใช้ชีวิตอยู่ที่ต้าเฉียอย่างสบายใจเถอะ!”“วันหน้าหากมีโอกาส เจียเหยาจะไปเยี่ยมเยียนทุกคน!”“ชาตินี้ที่ติดค้างทุกคนไว้ เจียเหยามีเพียงต้องใช้คืนชาติหน้าแล้ว…”เมื่อได้ฟังคำพูดของเจียเหยา กลุ่มคนร้องไห้สะอึกสะอื้อออกมากะทันหันไม่นาน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนี้แค่กระจายออกไปทุกคนคุกเข่าอยู่กับพื้น เสียงร้องไห้สะอื้นดังไปทั่วเมื่อได้ยินเสียง
กลางคืน เจียเหยากับหยุนเจิงและเมี่ยวอินนั่งด้วยกันหยุนเจิงเรียกคนเตรียมอาหารหลายจานและสุราสองสามไห นับว่าเป็นการพิธีส่งเจียเหยา“นี่นับว่าเป็นสุรามงคลของพวกเราหรือ?”เจียเหยาช้อนตามองหยุนเจิง สีหน้าเต็มไปด้วยการถากถางตัวเอง“หากเจ้าคิดเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”หยุนเจิงยกไหสุราขึ้นมาอย่างขอไปที รินสุราให้พวกนางและตัวเองหนึ่งถ้วยเขายังไม่ทันวางไหสุราลง เจียเหายาก็กระดกสุราจางกงเมามายหมดรวดเดียว“ปัง!”เจียเหยาวางถ้วยสุราลง เห็นได้ชัดว่ารอให้หยุนเจิงรินสุราให้นาง“เจ้ารินเอาเอง!”หยุนเจิงไหนเลยจะมีแก่ใจปรนนิบัตินาง!ให้เกียรตินางเล็กน้อย นางก็คิดจะได้ใจแล้วเจียเหยาไม่พูดจา สองมือยื่นไป หยิบถ้วยเหล้าของหยุนเจิงและเมี่ยวอินมาท่ามกลางสายตามึนงงของหยุนเจิงและเมี่ยวอิน เจียเหยาราวกับดื่มน้ำ กระดกถ้วยสุราของทั้งสองคนรวดเดียวหมดไม่เหลือสักหยด จากนั้นก็หยิบไหสุรา รินเติมถ้วยสุราให้ทั้งสามคน“เจ้าอยากดื่มจนเมา?”หยุนเจิงมองเจียเหยาด้วยสงสัย “ดูเหมือนเจ้าดื่มไม่เมากระมัง?”“ใช่แล้ว! ดื่มไม่เมา”เจียเหยาใบหน้าโศกเศร้า กล่าวถากถางตัวเอง “ข้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ แม้แต่คิดจะดื่มจนเ
จัดการเรื่องเหยี่ยวขาวได้แล้ว เขาสามารถไปสร้างรหัสลับได้แล้วต้องให้ผู้ฝึกเหยี่ยวเหล่านั้นสอนทักษะให้คนของพวกเขาฝึกฝน ทั้งยังต้องจัดตั้งกองทหารรับผิดชอบส่งข่าวและถอนรหัสโดยเฉพาะต่อไปหากต้องส่งข้อมูล ก็จะสะดวกขึ้นมา“แล้วแต่เถอะ!”เจียเหยามองหยุนเจิงด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง จากนั้นก็กล่าว “ด้านเสบียงอาหาร ข้าหวังว่าภายภาคหน้าจะมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนได้มากขึ้น! เสบียงอาหารแค่สามแสนตั้น สำหรับพวกเราแล้ว มันน้อยมาก”ต่อไปภายในสองสามปี เป่ยหวนยังคงขาดแคลนอาหารคนขาดแคลนอาหารของเป่ยหวน จะเป็นจำนวนที่เยอะจนน่ากลัวเสบียงอาหารสามแสนตั้น ไม่ต่างอันใดกับน้ำน้อยแพ้ไฟหยุนเจิงครุ่นคิดเงียบๆ จากนั้นก็ยิ้มถาม “เงินทองของพวกเจ้าเยอะหรือไม่?”เงินทองหรือ?เจียเหยามองหยุนเจิงด้วยความตกใจเงินทองของเป่ยหวนมีไม่มากแต่ว่า เทียบกับนำม้าศึกแลกเสบียงอาหารแล้ว เจียเหยายินดีนำเงินทองซื้อเสบียงอาหารมากกว่า!ไม่มีกิน มีเงินทองอยู่ในมือ นอกจากดูแล้ว ยังสามารถทำสิ่งใดได้อีก?“เจ้ายินดีให้พวกเราใช้เงินทองซื้อเสบียง?”นัยน์ตาเจียเหยาในที่สุดก็มีราศรี มองหยุนเจิงด้วยความตื่นเต้น กลัวหยุนเจิงปฏิเสธเรื่องนี้
กลางวันของวันที่สอง พวกเจียเหยาพกเสบียงอาหารจำนวนน้อยออกจากชายแดนกู้ไปสุดท้ายหยุนเจิงก็ไม่ได้ส่งเจียเหยาทว่า ตอนที่เจียเหนาเดินทางออกไปค่อนข้างไกลแล้ว นางกลับหันไปมองหอคอยของชายแดนกู้โดยไม่รู้ตัวบนหอคอย ยังสามารถเห็นเงาของคนผู้หนึ่งได้แม้เงานั้นจะเลือนราง แต่เจียเหยามั่นใจ นั่นคือหยุนเจิงหยุนเจิงมองร่างไปที่อยู่ไกลๆ เงียบๆ ภายในใจถอนใจด้วยความจนใจ“คนเหล่านั้นของพวกเรา ส่งออกไปแล้วหรือยัง?”หยุนเจิงหันหน้าถามเมี่ยวอิน“ส่งออกไปแล้ว”เมี่ยวอินพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ถาม “เจ้าคิดว่าเจียเหยาจะทรยศ?”“ไม่รู้”หยุนเจิงหันหน้ามองทิศทางที่พวกเจียเหยาจากไป “ข้าหวังว่าเจียเหยาจะฉลาดพอ แต่ก็ต้องระวังพลังแห่งความเกลียดชังด้วย!”สำหรับเจียเหยา หยุนเจิงไม่ไว้ใจอุบายของผู้หญิงคนนี้มากมายเกินไปเป่ยหวนตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องยอมจำนนทันทีที่เป่ยหวนพักฟื้นกลับมา ไม่แน่ว่านางอาจเล่นลูกไม้ใดอีกแต่หวังว่า เจียเหยาจะคิดได้จริงๆ!เขาไม่หวังว่าสักวันต้องฆ่าเจียเหยาด้วยมือตัวเองเมี่ยวอินนิ่งเงียบ เวลานี้ไม่รู้ควรกล่าวสิ่งใดนางเองก็ไม่หวังให้หยุนเจิงฆ่าเจียเหยาด้วยมือเขาในสักวันแต่น่
คำแนะนำอย่างจริงใจของเยี่ยเจื่อหากประชากรซั่วเป่ยเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก พวกเขาไม่มีทางจัดซื้อเสบียงอาหารอย่างเพียงพอภายในด่าน ซั่วเป่ยช้าเร็วก็จะประสบปัญหาขาดแคลนอาหารระหว่างสนทนา เยี่ยจื่อนำจดหมายที่จางซูส่งคนกลับมามอบให้หยุนเจิงในจดหมายจางซูบอกว่า ตอนนี้ พ่อค้าธัญพืชบางรายเริ่มผลักดันราคาธัญพืชให้สูงขึ้นแล้วราคาของอาหารทั้งหมดล้วนสูงขึ้นไม่น้อยเพิ่มราคาอย่างน้อยหนึ่งส่วน มากสุดสามส่วนตอนนี้ ราชสำนักได้เริ่มปราบปรามพ่อค้าที่โก่งราคาธีญพืชแล้ว แต่ใครก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะได้ผลเพียงใดสิ่งที่จางซูคิดคือ ไม่ต้องสนใจว่าราคาขึ้นมาน้อยเพียงใด พยายามซื้อเสบียงอาหารมาเก็บกักตุนเอาไว้ เตรียมไว้ในกรณีฉุกเฉินมิฉะนั้น ต่อให้ภายภาคหน้าเงินพวกเขามีเงินมากมายจนใช้ไม่หมด แต่ก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมีเสบียงอาหารให้ซื้อหยุนเจิงวางจดหมายของจางซู ครุ่นคิดเงียบๆตอนนี้ซื้อเสบียงอาหารเข้ามามาก ก็จำเป็นต้องง่ายเงินจำนวนมากแต่ซั่วเป่ยก็ไม่อาจทำได้ถึงขั้นซื้อให้ตนเองจนเพียงพออีกทั้ง หลังฤดูเก็บเกี่ยวใบไม้ผลิ ซั่วเป่ยอาจเกิดการทำศึกอีกรอบพวกเขาจำเป็นต้องกักตุนอาหารจำนวนมาก!มิฉะนั้น
หยุนเจิงพักอยู่ที่ติ้งเป่ยเพียงแค่หนึ่งคืน จากนั้นก็รีบร้อนพาคนไปยังด่านเป่ยลู่ทำความเข้าใจว่ากองรักษาเมืองฟู่โจวคิดทำสิ่งใดเขาไม่อยากเปิดศึกกับราชสำนัก ไม่ใช่ไม่กล้าเปิดศึกกับราชสำนักพวกหยุนเจิงเพิ่งมาถึงหม่าอี้ ด้านหน้าก็พบกับคนที่มาส่งรายงานที่ติ้งเป่ย“รายงานท่านอ๋อง ทูตของราชสำนักวันนี้ตอนเช้ามาถึงด่านเป่ยลู่แล้ว ตอนนี้กำลังไปยังติ้งเป่ย!”ราชสำนักส่งคนมาถ่ายทอดราชโองการอีกแล้ว?หยุนเจิงแอบใจเต้น จากนั้นก็สั่งเกาเหอ “เจ้ารีบพาคนไป ให้ทูตของราชสำนักประกาศราชโองการที่หม่าอี้!” “ขอรับ!”เกาเหอรับคำสั่ง พาองครักษ์สองสามคนจากไปทันทีเที่ยงของวันที่สอง ทูตของราชสำนักมาถึงหม่าอี้คนที่มาถ่ายทอดราชโองการ ยังคงเป็นคนที่หยุนเจิงคุ้นเคย มู่ซุ่นมู่ซุ่นมาด้วยความเร่งรีบ หลังทักทายสองสามประโยค มู่ซุ่นเปิดประกาศราชโองการเนื้อหาของราชโองการง่ายมากจักรพรรดิเหวินตอบรับคำขอของหยุนเจิง โยกย้ายเรือรบสามลำของทหารเรือมาให้กองทหารมณฑลทางเหนือขณะเดียวกัน ก็แต่งตั้งเมี่ยวอินเป็นพระชายารองของหยุนเจิงประกาศราชโองการจบ มู่ซุ่นยิ้มหัวเราะบอกกับหยุนเจิง “ฝ่าบาทโปรดปรานองค์ชายมากขึ้นอีกแล
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั