'เพราะผมอยากเจอคุณแก้วทุกวันครับ'
เพราะประโยคนั้นแท้ ๆ เลยที่ทำให้เขาต้องมาโรงเรียนเวลาเดียวกับน้องชาย ตอนนี้ศรเดินขึ้นห้องเรียนไปแล้วส่วนเขาก็กำลังหาทางขึ้นไปยังห้องของคุณนายผู้อำนวยการ
'ไว้ผมจะระวังคำพูดให้มากกว่านี้นะครับ'
เขาไม่ได้อยากให้คุณดินพูดคำนั้นออกมาสักหน่อย แต่คิดแบบนี้ก็เหมือนตัวเองกำลังทำนิสัยเป็นเด็ก ๆ พูดอย่างจะเอาอย่าง ปากเขาบอกจะเอาใจช่วยทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ คำถามมากมายก่อเกิดอยู่ในหัวของเขา แม้คุณดินมาพบกับเขาทุกคืนทว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่เคยได้ถามออกไปเสียที เรื่องคนที่คุณดินมีใจให้ ภรรยาของคุณดิน และลูกสาวเจ้าตัวล้วนเป็นสิ่งที่เขาอยากรู้เพื่อนำมาตัดสินใจกับตัวเองทั้งสิ้น
"อรุณสวัสดิ์ครับคุณแก้ว"
"คุณปลื้ม! อรุณสวัสดิ์ครับ"
ร่างสันทัดในเครื่องแบบยกหมวกทักทาย ยิ้มแฉ่งตาหยีให้โฉมงามที่เดินขึ้นบันไดมาอย่างเหม่อลอยพลางกระชับเหล่าถุงขนมที่มากเกินกว่าปกติ
"คุณแก้วมาหาร้อยเหรอครับ?" พ่อหนุ่มจิ้งจอกถามตรงไปตรงมา
"ก็ไม่เชิงครับ...ว่าแต่คุณปลื้มดูจะชอบทานขนมมากเลยนะครับ"
ร่างโปร่งเดินตามทางมาเรื่อย ๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ มองผืนดินเปียกชุ่มยุบลงไปในแต่ละก้าวที่เขาย่างเดิน ตรีศูลถอดแว่นตาออกมาเช็ด ทั้ง ๆ ที่เขากางร่มอยู่ทำไมบนเลนส์ถึงมีหยดน้ำกัน"อาจารย์!"เสียงคุ้นเคยเอ่ยเรียกเจื้อยแจ้วมาจากปลายทาง ตรีศูลสวมแว่นกลับเข้าที่เดิมก่อนจะเห็นร่างของนพวิ่งตาลีตาเหลือกมาหาเขา ดูเหมือนเจ้าเด็กคนนี้ก็คงเป็นกังวลไม่ต่างกัน หรือเพราะสีหน้าเขาตอนนี้คงจะดูไม่ได้มาก ๆ จนลูกศิษย์เขาแสดงอารมณ์ออกมาปานนี้"อาจารย์ไปทำอะไรมา!?""ครูปกติดี ไม่เป็นไร เราไปช่วยนับคนเถอะ"นพพยักหน้าเข้าใจ เมื่อคนเด็กกว่านำทางครูเจ้ามาพักในศาลาร่วมกับคนอื่น ๆ ได้แล้วจึงทำตามที่สั่ง ปลีกตัวออกมาช่วยชาวบ้านคนอื่นที่เดือดร้อนด้วยรู้ดีว่าอาจารย์ตัวเองไม่ชอบการเซ้าซี้ตรีศูลนำร่มไปกางสลัดน้ำออก ก่อนจะเดินมาใช้สายยางล้างแข้งล้างขาที่เปื้อนดินโคลน แล้วจึงวกกลับมาช่วยคณาจารย์เจ้าหน้าที่มีอยู่น้อยนิด ผู้คนที่มาตรงนี้คือเหล่าคนที่มีบ้านติดชายทะเลซึ่งเสี่ยงโดนกระสุนปืนจากทหารญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ที่บ้านตั้งใกล้จุดรวมพลมาหน่อยก็จะกบดานกันอยู่ในช
*ปัง! ปัง! ปัง!*กระสุนปืนพุ่งชนเฉี่ยวหน้าเหล่าคนในคฤหาสน์หลังโตของมหาเศรษฐีกังฉิน ฝีเท้ามากประสบการณ์เดินควงปืนพกผ่านกองซากศพขึ้นบันไดกว้าง ทุกฝีก้าวล้วนทิ้งคราบเลือดเอาไว้บนพรมราคาแพง ชายแก่ร่างอ้วนท้วนนั่งตัวสั่นงันงกประหนึ่งหมาขี้ขลาด ร่างหนาในเสื้อเชิ้ตสีขาวเปรอะสีแดงฉานคละคลุ้งกลิ่นสนิมย่อตัวลง คายบุหรี่ทิ้งลงพื้น ยิ้มเยาะอย่างผาสุก นัยน์ตาสีครามคมเข้มวาวโรจน์ จ่อปลายกระบอกปืนแล้วจึงลั่นไกนัดสุดท้าย *ปัง!*"พวกเอ็งขนสมบัติไปให้หมด!"เสียงทุ้มตะโกนสั่งลูกน้องฉะฉาน มองผลงานตัวเองและกองเงินกองทองที่กำลังถูกขนออกไปใส่ท้ายรถก่อนที่ไม่นานตำรวจจะมาพบกับความว่างเปล่าและซากความโหดร้ายที่เหล่าโจรเป็นคนสรรค์สร้างเอาไว้ มหาโจรเดินเข้าชุมเสือมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะมีเสียงวิ่งของใครบางคนเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง"พี่จ๊ะ บาดเจ็บตรงไหนไหม" แม่เอี่ยมผู้เป็นภริยาเดินเข้ามาทักถามอาการสามี"ไม่สักนิด" หญิงสาวสีหน้าเป็นห่วง ในขณะที่จอมโจรทำเหมือนเรื่องนี้เป็นสิ่งปกติ "แล้วไอ้ดินมันอยู่ไหน? มันบอกจะสึก
"อ้าก!!"เสียงร้องดังลั่นดังมาจากเพิงไม้ไผ่สำหรับอาบน้ำ พิภพแววตาสั่นไหวมากกว่าทุกครั้งเมื่อเห็นร่างของเด็กสาวในชุมโจรที่เขาเคยพูดคุยด้วยหอบหายใจระรวยพร้อมกับเลือดกองโตที่ไหลออกมาจากรอยแผลกรีดตามแขนขา และใบหน้าสะสวยก็ถูกเฉือนเละ เส้นผมสีดำขลับบนหัวถูกกล้อนและโปรยไปรอบอาณาบริเวณ เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นซากไก่เน่าที่ถูกแขวนเอาไว้ ทำเอาเขาอยากจะอ้วกออกมาเสียตรงนั้นเสียงฝีเท้าลงมาจากบนเรือน เป็นมารดาที่มาเห็นภาพเดียวกันก่อนจะตามมาด้วยบิดา ต่างคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเมื่อจัดการกับความวุ่นวายจนสถานการณ์กลับมาอยู่ในสภาวะปกติ คนเป็นแม่จึงรีบเข้ามาประคองลูกชายของตัวเองที่ดูจะไร้ซึ่งสติไปแล้ว"ฉันจะพาลูกไปเรียนพระนคร อยู่ที่นี่มีก็จะมีแต่เรื่อง""...""ทั้งที่พี่รู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ ก็ยังจะดึงดันให้แต่งงานรึ!"พิภพนั่งเหม่อลอยฟังเสียงพ่อแม่โต้เถียงกันจากอีกห้องของเรือน มองพระอาทิตย์ที่กำลังค่อย ๆ จมลงภูเขาไป*คิก* เด็กชายตัวกระตุกหันหลังมามองแต่ก็ไม่มีใครอยู่ ทั้งหน้าต่างอะไรก็ปิดจนหมด เพียงแค่เสีย
"พี่เป็นทหารเหรอ!? จะ...จะมาจับฉันใช่ไหม!!"ภรรยาของเขาเมื่อได้รู้ความจริงเมื่อเช้าวันแรกของการออกไปทำงานเขาสวมเสื้อผ้าเครื่องแบบราชการเต็มยศ แม้จะไม่ได้เป็นตำรวจสายตรงแต่ก็ต้องมีผวากันบ้าง"วรรณ พี่ไม่ได้จะจับเราเข้าคุก"สามีเดินเข้าไปกอดหญิงสาวที่กำลังสั่นเครือไปทั้งร่าง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเยี่ยงคนลงแดง พิภพจับหญิงสาวนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะหยิบหวีมาสางผมให้กลับมาเรียบดังเดิมอาการประสาทหลอนของภรรยายังคงไม่หายไปแม้เจ้าหล่อนจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขามาร่วมหลายสัปดาห์ ทุกเช้าที่เขาตื่นสวมเสื้อผ้าเตรียมจะไปทำงานวรรณมักจะแสดงอาการหวาดกลัว แม้เขาจะพยายามสุดความสามารถโดยการเฟ้นหาตำรับยาทั่วทุกสารทิศมาแต่เจ้าตัวก็ดูจะไม่ได้มีอาการที่ดีขึ้นแม้แต่น้อย ทำเอาเขาหนักใจไม่รู้จะหาหนทางไหนมารักษาเมียจนเมื่อวันหนึ่งเขากลับมาเห็นว่าจู่ ๆ วรรณก็ลุกขึ้นมาช่วยแม่ทำความสะอาดบ้านอย่างขยันขันแข็ง ทั้งยังยิ้มวิ่งเข้ามาต้อนรับเขาจนน่าแปลกใจ"ยินดีต้อนรับกลับจ้ะพี่"พิภพยืนอึ้งมองคนที่วิ่งเข้ามากอดเอว ด้วยความตกใจเขาจึงตอบเพียงเสียง
เช้าวันรุ่งขึ้นตำรวจนับสิบนายวิ่งตีเข้าล้อมเรือนไทยหลังใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยสวนเขียวชอุ่ม เป็นการดีที่มีคนเข้ามาแจ้งเรื่องจะได้จับมันเข้าคุกไม่ต้องออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านตาดำ ๆ อีก โดยมีสองนายทหารที่มาให้ความร่วมมือในการจับตัวมหาโจรในครั้งนี้คราวแรกหลาย ๆ คนก็ไม่ไว้ใจเพราะผู้ที่แจ้งเป็นถึงลูกชายของเสือหิน ทว่าก็ได้นายสิบมาช่วยเป็นพยานยืนยันความบริสุทธิ์ เขาจึงได้มีโอกาสเข้ามาร่วมอยู่ในขบวนการนี้นายตำรวจค่อย ๆ พาตัวเองขึ้นไปบนบ้านก่อนจะได้ยินเสียงมาจากชั้นที่สอง จึงส่งสัญญาณให้คนที่เหลือค่อย ๆ ขึ้นไปอย่างระมัดระวังที่ต้องมีคนมากมายพร้อมด้วยแผนที่รัดกุมขนาดนี้ก็เพราะเขาว่ากันว่าเสือหินนั้นมีวิชาอาคมมากมายจากหลายสำนัก บ้างก็ว่ามีวิชาพรางตัว บ้างก็ว่ากระสุนยิงไม่เข้า จนเป็นที่หวาดกลัวแก่เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่ไม่ใช่น้อยยิ่งเข้าใกล้ยิ่งได้ยินเสียงชัดขึ้นจนรู้ได้ว่าภายในห้องไม่ได้มีเสือหินอยู่แต่เพียงผู้เดียวกลับมีหญิงสาวอยู่ด้วยตามที่เจ้าเรื่องได้ให้การมาพิภพกำปืนที่เหน็บเอาไว้แน่น เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันนี้จะมาถึง มี
เหล่าคนงานกำลังตั้งใจทำหน้าที่ตนอย่างขะมักเขม้น เสียงกรรไกรตัดกิ่งสอดคล้องไปกับเสียงของไม้กวาดทางมะพร้าวที่ลากถูไปกับพื้น แม่บ้านวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมายกผ้าซับเหงื่อ ทว่าก็ได้ยินเสียงวิ่งเหยาะ ๆ มาแต่ไกล และเจ้าหล่อนก็ยกยิ้มทันทีเมื่อเห็นเด็กชายวัยสิบสองในชุดนักเรียนสะอาดตาวิ่งเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกว้าง และโผกอดแม่นมเสียงดัง'ฟุบ'"ยินดีต้อนรับกลับค่ะ คุณหนูแก้ว แล้วคุณนายไม่กลับมาด้วยเหรอคะ?"แม่บ้านตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เจ้าของนามดึงกระชับแว่นตากลมโตเงยหน้าขึ้นดึงยิ้มเห็นฟัน"คุณแม่บอกว่าจะกลับมาทีหลังน่ะครับ"เด็กชายตอบกลับเหมือนกำลังมีความลับอะไรบางอย่างซ่อนอยู่หลังแววตาสนุกสนาน รอให้แม่นมคนนี้ได้เจอกับตัวเองเด็กชายพูดคุยต่อนิดหน่อยก่อนจะวิ่งเข้าบ้านหลังโตไปพร้อมกับหนังสือเล่มหนาในมือ ระหว่างทางก็แวะทักทายคนงานของบ้านที่ผ่าน หญิงวัยกลางคนที่มองอยู่จึงอดยิ้มแปลกใจไม่ได้ที่เทพบุตรตัวน้อยคนนี้มักสร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้างได้อยู่เสมอเหมือนเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่ทำให้คนมารักอย่างไรอย่างนั้นตระกูล 'วิศิษฐ์สกุล' ได
*กรี๊ด!!!* เสียงหวีดร้องแหลมดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดในราตรี ตรีศูลสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนจะได้ยินเสียงนั่นอีกครั้งดังมานอกห้อง เขาจึงรีบจุดตะเกียงนำทางเปิดประตูห้องแกว่งตะเกียงไปใช้หูเงี่ยฟังต้นเสียง จนได้รู้ว่าเสียงนั้นดังมาจากห้องทำงานของคุณพ่อ เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่ออกมาจากห้องนอนใหญ่หญิงวัยกลางคนไม่รีรอรีบสาวเท้าตรงไปเปิดยังห้องตัวการก่อนจะยืนผงะ ทำให้ตรีศูลสงสัยเดินเข้าไปใกล้แล้วชะเง้อมองด้านในห้อง"แก้วอย่ามองนะลูก!"เขาโดนแม่ห้ามก่อนจะถูกแขนของผู้ใหญ่บังสายตาทว่าเขาก็พอจะจับภาพได้ เขาเริ่มเอาสิ่งที่เห็นเมื่อครู่มาคิด พ่อของเขากำลังนอนทับพี่อุ่นอยู่บนโต๊ะทำงานพร้อมกับกองเอกสารและน้ำหมึกที่กระจัดกระจายเต็มพื้นเป็นอีกครั้งที่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถูกห้าม หรือทำไมแม่เขาถึงมีอากัปกิริยาเช่นนี้เขาเห็นคุณแม่โวยวายกับคุณพ่อที่เมาไม่ได้สติและพี่อุ่นที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หลังข้างแม่เขา ประหนึ่งว่าคุณพ่อกำลังทำอะไรผิดไป เขาเพียงแอบดูอยู่ขอบประตูเพราะแม่บอกเขามาว่า'นี่ไม่ใช่เรื่องของเด็ก'ทว่าเขาก็พอรู้ไ
หนังสือพิมพ์ต่างออกข่าวถึงเศรษฐีที่เป็นประหนึ่งดาวฤกษ์ดวงใหม่ได้สั่นไหวเนื่องจากมีการเปลี่ยนผู้บริหาร และเผยตัวน้องชายต่างสายเลือดแทนที่ลูกชายแท้ ๆ ซึ่งอาจเสียชีวิตไปด้วยโรคปริศนาบางอย่างตรีศูลที่ได้อ่านก็กลั้วหัวเราะอยู่ในใจถึงโลกจอมปลอมที่ไอ้คนพวกนั้นเป็นคนจ้างนักข่าวปั้นเรื่องขึ้นมาหน้าด้าน ๆ"แก้ว เอ็งยังเศร้าอยู่อีกรึ?"หลวงตาก้มหน้าถามเด็กหนุ่มที่นอนตักอยู่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ ตรีศูลจึงหลุดออกจากภวังค์แล้วหันมาส่ายหน้าปฏิเสธ"ไม่หรอกจ้ะ ตอนนี้หลานหนักใจเรื่องผีอำมากกว่า"เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่กลางดึกเขามักจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวขยับร่างกายไม่ได้โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงเอวลงไปเหมือนกับมีอะไรมาจับไว้ ขนาดเขาเปลี่ยนตำแหน่งการนอนไปนอนมุมอื่น หรือในตอนนี้ที่เขาถึงขั้นขอย้ายมานอนใกล้ ๆ หลวงตาอาการนี้ก็ยังไม่หายไปซ้ำยังหนักขึ้นเรื่อย ๆ มีหลายครั้งที่เขาคิดจะลืมตาขึ้นมาดูทว่าก็ไม่มีความกล้ามากพอ ดีที่หลวงตาท่านเข้าใจและสัญญาว่าจะหาพระมาคล้องคอให้ทว่าความเครียดนั้นก็ถูกบรรเทาลงด้วยงานอดิเรกใหม่ ใกล้ ๆ วัดนั้นมีโ
๑๙ถึง คุณแก้วผู้ครอบครองหัวใจของผม ตอนผมเขียนจดหมายฉบับนี้แม้มันจะไม่ใช่ฉบับสุดท้าย แต่ผมก็ใจหายไม่น้อยเมื่อรู้ว่าจะเขียนจดหมายถึงคุณได้เพียงแค่นี้เพราะผมเหลือเวลาอีกไม่มากในการเขียนพวกมันขึ้นมา บางทีโทษที่ได้รับอาจมากเกินกว่ายี่สิบปีหรือผมอาจไม่มีลมหายใจจะกลับมาบอกรักคุณด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่ว่ามันจะจำเจแค่ไหน ผมก็จะบอกว่าผมรักคุณ ผมรู้ว่าผมกำลังใช้คำที่มีความหมายอันลึกซึ้งพร่ำเพรื่อ แต่ไม่มีคำไหนที่จะอธิบายความรู้สึกของผมไปได้มากไปกว่าคำนี้แล้ว ได้โปรดให้อภัยผู้ชายน่าเบื่อคนนี้ด้วยนะครับ ผ่านมาจนจะครบยี่สิบปี โลกในตอนนั้นคงเปลี่ยนไปมาก คงจะมีรถเต็มทั่วท้องถนน คงจะมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมากมาย แต่อย่างน้อย ขอแค่คุณเปิดอ่านจดหมายเก่า ๆ ฉบับนี้และอ่านมันเพียงแค่คำขึ้นต้น ผมที่อยู่ในเรือนจำคงจะมีความสุขมากเกินคณานับ
วันที่พวกเขาต้องกลับบ้านนั้นมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ประหนึ่งชั่วพริบตาช่วงเวลาหนึ่งเดือนก็หมดลง กระนั้นแม้ตัวเขาจะกลับมาใช้ชีวิตบนเรือนนางรำอย่างปกติ กระนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพ่อเสือสุพรรณยังคงดำเนินต่อไป "แบบนี้ผมคงคิดถึงแย่" "พูดแบบนี้แต่ยังไงผมก็ต้องกลับบ้านอยู่ดีนะครับ" พิภพตั้งใจพูดให้ตนนั้นดูน่าสงสารในสายตาโฉมงามแต่เพราะคงจะใช้วิธีนี้บ่อยเกินจนโดนแก้วจับไต๋ได้หมดแล้ว ช่วงเวลาหนึ่งเดือนพวกเขาได้ทำหลายอย่างร่วมกัน ตระเวนป่า ชวนกันไปเก็บผลไม้ หรือแม้แต่การนอนบนเตียงเดียวกันทว่าถึงอย่างนั้น แม่คนงามยังคงไม่อนุญาตให้เขาขยับความสัมพันธ์ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งยังดูสนุกสนานที่ได้หยอกล้อปั่นหัวเขาเล่น แสนซนเหลือเกิน&nbs
ตรีศูลอยู่ที่นี่มาร่วมเดือนเริ่มสนิทกับทุกคนในชุมเสือมากขึ้น ยิ่งได้มารู้ว่าแต่ละคนผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต ความเข้าใจที่มีเจตนารมณ์ของชายผู้เป็นมหาโจรยิ่งมากขึ้น เบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละคนช่างน่าเศร้า บางคนระหกระเหินเร่ร่อนมาจากแดนไกล บางคนเคยมีการงานที่ดีแต่หัวหน้าคดโกงใส่ร้าย หรืออย่างพี่ประไพที่เกิดมาในชุมเสือแต่แรก เพราะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสืออย่างใครเขา สาวเจ้าจึงอ่านเขียนไม่ได้ จะมีก็แต่คุณดิน คุณปลื้ม และเจ้าสิงห์ที่เรียนมา ว่าง ๆ ก็จะมาคอยสอนหนังสือ ทว่าเอาเข้าจริงทั้งสามคนก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากนักหรอก "แก้วสอนเก่งจัง" "พี่เรียนรู้ไวต่างหากจ้ะ" เนื่องจากเจ้าพี่ขอให้เขาสอนเขียนอ่านพื้นฐานให้บนชานเรือน ดีที่ที่นี่มีกระดาษเครื่องเขียนครบครัน เขาจึงสอนให้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไร&n
ตรีศูลแม้ร่างกายยังคงหนักอึ้งและสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาแต่ตลอดหลายวันที่เขานอนซมอยู่บนเตียงเขารู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นที่เข้ามาเช็ดเนื้อตัวอยู่ไม่ขาด ทว่าเมื่อตอนที่เขาลืมตาตื่นชายคนนั้นก็มักจะมีกิจให้ต้องออกไปนอกห้องจนเขาไม่สามารถขอบคุณได้ ทว่าตอนนี้อาการเขาดีขึ้นมากแล้ว สามารถมีแรงกลับมาพาตัวเองลุกขึ้นนั่งได้โดยไม่ปวดหัว ร่างโปร่งในเสื้อผ้าตัวโคร่งปล่อยผมยาวสยายลงมาก่อนจะใช้นิ้วสางให้พอเรียบเป็นทรง มองซ้ายมองขวาสำรวจข้าวของภายในห้องก่อนจะรู้ว่าเจ้าของเป็นคนเรียบง่าย โต๊ะตู้เตียงล้วนเป็นของไม่ได้มีลวดลายหวือหวา ทั้งห้องยังโล่งโปร่งไม่มีเครื่องเรือนประดับเพื่อความสวยงามมากนัก *แอ๊ด* เสียงบานพับประตูดังขึ้นก่อนที่ชายร่างสูงใหญ่ในเสื้อผ้าอย่างง่ายจะเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ ทว่ากลับต้องตกใจเมื่อเห็นว่าโฉมงามที่นอนซมข้ามวันข้ามคืนมีแรงพอจะลุกขึ้นมานั่งขอบเตียงได้แล้ว&nbs
บนหน้าหนังสือพิมพ์หน้าแรกเมื่อหลายปีก่อนประกาศข่าวการจับกุมของเสือหินผู้เป็นดังจุดด่างพร้อยของวงการตำรวจ ไม่เคยมีใครสามารถควบคุมบุรุษผู้นี้ได้ทว่าท้ายที่สุดผู้ที่สามารถสวมกุญแจมือมันได้กลับเป็นลูกในไส้ของมันเอง ข่าวนี้แพร่สะพัดไปพร้อมกับความดีใจของปุถุชนคนทั่วไปโดยเฉพาะเศรษฐีผู้มากมีที่ต่างพากันโล่งใจ กกกอดทรัพย์สมบัติของตนซึ่งล้วนได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้อื่น เพชรนิลจินดากองพะเนินในตู้นิรภัยมีที่มาจากเงินของชาวบ้านผู้หาเช้ากินค่ำ กว่าเขาจะได้พวกมันมากอดหอมมากมายจนล้นมือเช่นนี้มันผ่านการหลอกลวงมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ต้องหวาดกลัวเมื่อมีอ้ายอีหน้าไหนมันสะเหล่อตั้งตนเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เข่นฆ่าฉกชิงของในการดูแลไปเป็นสมบัติสาธารณะ แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะโจรผู้ร้ายได้ถูกจับ ไอ้พวกสิ้นไร้ไม้ตอกจะหาได้มีวีรบุรุษมาช่วยเหลืออีกต่อไป และของที่รักของเขาจะคงอยู่ตราบนาน
โฉมงามจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อมีสุราอยู่ในร่างกาย นั่นคือสิ่งที่พิภพหาข้อสรุปได้จากประสบการณ์ที่ผ่านมามากกว่าสิบครั้ง ที่ตาเทิดตาไฮ้เคยบอกว่าแม่นางรำขี้เมานั้นเป็นเรื่องจริงแบบที่ไม่ต้องหาหลักฐานอื่นใดมาพิสูจน์ เพราะเมื่อเขาลุกขึ้นมาจากพื้นกะจะไปล้างมือ แก้วจึงฉวยโอกาสคว้าขวดสุรากระดกประหนึ่งอดอยากปากแห้งมาจากไหน หันกลับมาอีกทีเจ้าตัวก็เมาแอ๋สิ้นสภาพปลดกระดุมปลดผ้าคลายร้อนนั่งกอดขวดแก้วยิ้มหวานเสียแล้ว เพราะเขากำชับว่าดื่มได้แต่ห้ามเมาเรื้อนอย่างคราวก่อนอีก ทว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ อีกฝ่ายพยายามหาลู่ทางจะกินให้ได้ท่าเดียว เขาล่ะเป็นห่วงเสียจริงหากเขาไม่อยู่ออกไปทำงานแล้วแม่นางรำจะเผลอไปสร้างเรื่องอะไรให้เขาต้องปวดหัวอีกบ้าง "งืม...อือ...พี่จ๋า น้องขออีกแก้วหนึ่งน้า" นั่น ขนาดหลับไปแล้วยังอุตส่าห์ขอมาได้อีก 
เข้าปีที่หกของการเป็นคุณครูในโรงเรียนรัฐบาล แม้จะมีเรื่องยุ่งวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน เพราะยิ่งสอนไปนานเข้า สนิทกับเด็ก ๆ บางวันที่ส่งการบ้านไม่ทันก็จะมีคนมาเคาะประตูบ้านส่งงาน เขาไม่ได้คิดมากหากเด็ก ๆ จะแสดงความรับผิดชอบแบบนี้ แต่ปัญหาจะเกิดก็ต่อเมื่อพี่ดินกลับมาบ้าน เข้าใจว่าพอเด็ก ๆ เปิดประตูมาเจออดีตนายทหารสูงใหญ่ขนาดนั้นจะกลัวก็ไม่แปลก ทั้งยังโดนดุอีกว่าทำไมให้เด็กนักเรียนรู้ที่อยู่ สุดท้ายจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการสั่งการบ้านเท่าที่จำเป็นและกำชับว่าให้ส่งตรงเวลาแม้จะมีบางคนที่ต้องเคี่ยวเข็ญกันบ้างก็ตาม "เฮ้อ..." ตรีศูลทอดถอนลมหายใจออกมาตั้งแต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากประตูรั้ว ไม่รู้ว่าต้องทำงานหนักแบบนี้ไปอีกเมื่อไหร่ เขาสนุกที่จะได้ตื่นเช้ามาเจอเด็ก ๆ แต่มันยังมีภาระงานอื่นเข้ามาด้วยจนต้องปันเวลาตรวจงานไปให้กิจกรรมโรงเรียน มิน่
เพราะอยู่บ้านกันเพียงสองคน งานบ้านจึงต้องแบ่งกันทำ ทว่าพี่ดินก็มีบ่อยครั้งที่ต้องเดินทางไปกลับพระนครชุมพร เขาที่ทำงานตามเวลาราชการในช่วงที่เจ้าตัวรับงานจึงต้องทดแทนหน้าที่ในส่วนนี้ กระนั้นเจ้าพี่ก็ยังใจดี บอกไม่ต้องถูบ้าน เช็ดทำความสะอาดเครื่องเรือนบ่อยนัก ทำเพียงซักผ้ารีดผ้าให้อีกฝ่ายเท่าที่จำเป็นก็พอ แต่ปัญหาที่ยังแก้ไม่หายตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่วิทยาลัยคือคราวที่จะต้องยกตะกร้าผ้าลงมาจากชั้นสอง เพราะตะกร้าของพ่อนักแสดงแม้จะมีประมาณผ้าผ่อนจำนวนพอกันกับเขาแต่พี่ดินตัวใหญ่อย่างกับยักษ์สวมเสื้อตัวเบ้อเร่อ ยิ่งเปียกน้ำยิ่งหนัก ไม่ต้องพูดถึงในตอนที่พี่ดินยังรับราชการทหาร แค่เอาชุดสีเขียวตัวเดียวจุ่มน้ำมาถือเขายังเมื่อยแขนเลย มายังปัจจุบันค่อยดีหน่อยที่มีแต่ผ้าเนื้อเบา แต่เมื่อตอนนี้นักแสดงดาวรุ่งกำลังทำงานอยู่ที่ไหนสักที่ในเมืองหลวง เขาที่อยู่ชุมพรเพียงลำพังจึงต้องใช้สำนวนตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเค้นพลังจากกล้ามเนื้อที่มีอยู่น้อยนิดแบกเจ้าตะกร้าจักสานลงมาจา
"ทำไมเราถึงหยุดล่ะฮึ?" พิภพถามในเมื่อแม่นางรำก่อนมื้ออาหารยังชักชวนไยเมื่อถึงคราวจึงปัดป้อง "ตอนนี้ทำไปเดี๋ยวก็มีคนมาขัดจังหวะอีก ไว้เดี๋ยวคืนนี้เรา...ค่อยมาทำกันนะครับ" ตรีศูลแน่นอนว่ายังคงไม่วางใจในเรื่องนี้ ช่วงกลางวันแม่บ้านพ่อบ้านเดินกันไปมาตลอด จนเขาใจหวิวกลัวใครจะมาเห็นเข้า หากเป็นตอนกลางคืนค่อยดีขึ้นมาหน่อยเพราะต่างคนต่างเข้านอนกันหมดแล้ว พิภพเมื่อได้ยินดังนั้นจึงยอมโอนอ่อนตามที่แม่คนงามต้องการ เขาไม่ขัดอะไรอยู่แล้วหากจะเลื่อนมันออกไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทว่าก่อนจะแยกย้ายกันไปจัดการธุระของตัวเองเขาขอทิ้งทวนเอาไว้เสียหน่อย "พี่ดิน! ทำอะไรครั-*จุ๊บ*&nb