*กรี๊ด!!!* เสียงหวีดร้องแหลมดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดในราตรี ตรีศูลสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนจะได้ยินเสียงนั่นอีกครั้งดังมานอกห้อง เขาจึงรีบจุดตะเกียงนำทางเปิดประตูห้องแกว่งตะเกียงไปใช้หูเงี่ยฟังต้นเสียง จนได้รู้ว่าเสียงนั้นดังมาจากห้องทำงานของคุณพ่อ เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่ออกมาจากห้องนอนใหญ่
หญิงวัยกลางคนไม่รีรอรีบสาวเท้าตรงไปเปิดยังห้องตัวการก่อนจะยืนผงะ ทำให้ตรีศูลสงสัยเดินเข้าไปใกล้แล้วชะเง้อมองด้านในห้อง
"แก้วอย่ามองนะลูก!"
เขาโดนแม่ห้ามก่อนจะถูกแขนของผู้ใหญ่บังสายตาทว่าเขาก็พอจะจับภาพได้ เขาเริ่มเอาสิ่งที่เห็นเมื่อครู่มาคิด พ่อของเขากำลังนอนทับพี่อุ่นอยู่บนโต๊ะทำงานพร้อมกับกองเอกสารและน้ำหมึกที่กระจัดกระจายเต็มพื้น
เป็นอีกครั้งที่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถูกห้าม หรือทำไมแม่เขาถึงมีอากัปกิริยาเช่นนี้
เขาเห็นคุณแม่โวยวายกับคุณพ่อที่เมาไม่ได้สติและพี่อุ่นที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หลังข้างแม่เขา ประหนึ่งว่าคุณพ่อกำลังทำอะไรผิดไป เขาเพียงแอบดูอยู่ขอบประตูเพราะแม่บอกเขามาว่า
'นี่ไม่ใช่เรื่องของเด็ก'
ทว่าเขาก็พอรู้ไ
หนังสือพิมพ์ต่างออกข่าวถึงเศรษฐีที่เป็นประหนึ่งดาวฤกษ์ดวงใหม่ได้สั่นไหวเนื่องจากมีการเปลี่ยนผู้บริหาร และเผยตัวน้องชายต่างสายเลือดแทนที่ลูกชายแท้ ๆ ซึ่งอาจเสียชีวิตไปด้วยโรคปริศนาบางอย่างตรีศูลที่ได้อ่านก็กลั้วหัวเราะอยู่ในใจถึงโลกจอมปลอมที่ไอ้คนพวกนั้นเป็นคนจ้างนักข่าวปั้นเรื่องขึ้นมาหน้าด้าน ๆ"แก้ว เอ็งยังเศร้าอยู่อีกรึ?"หลวงตาก้มหน้าถามเด็กหนุ่มที่นอนตักอยู่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ ตรีศูลจึงหลุดออกจากภวังค์แล้วหันมาส่ายหน้าปฏิเสธ"ไม่หรอกจ้ะ ตอนนี้หลานหนักใจเรื่องผีอำมากกว่า"เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่กลางดึกเขามักจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวขยับร่างกายไม่ได้โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงเอวลงไปเหมือนกับมีอะไรมาจับไว้ ขนาดเขาเปลี่ยนตำแหน่งการนอนไปนอนมุมอื่น หรือในตอนนี้ที่เขาถึงขั้นขอย้ายมานอนใกล้ ๆ หลวงตาอาการนี้ก็ยังไม่หายไปซ้ำยังหนักขึ้นเรื่อย ๆ มีหลายครั้งที่เขาคิดจะลืมตาขึ้นมาดูทว่าก็ไม่มีความกล้ามากพอ ดีที่หลวงตาท่านเข้าใจและสัญญาว่าจะหาพระมาคล้องคอให้ทว่าความเครียดนั้นก็ถูกบรรเทาลงด้วยงานอดิเรกใหม่ ใกล้ ๆ วัดนั้นมีโ
"นี่ เอ็งรู้อะไรไหม..." ด้วงเปิดบทสนทนาทำลายความเงียบ "ฉันลองไปถามพวกเด็กน้อยในวัดมา พวกมันบอกอิจฉาพี่แก้วเพราะได้ใส่เสื้อผ้าใหม่ ๆ ได้มีหนังสืออ่าน ได้นอนในมุ้งดี ๆ ...เอ็งลองคิดซิว่าทำไม"ตรีศูลที่ได้ฟังก็นั่งเงียบทว่ากลับนำประโยคนั่นมาขบคิดในหัว ไม่ใช่ว่าเด็กพวกนั้นได้นอนในเรือนไม้เหมือนเขาหรือ ทั้งเสื้อผ้าก็มีคนมาบริจาค ปัจจัยไทยทานก็มีครบครันไยเด็กน้อยพวกนั้นจึงกล่าวแบบนี้"ดูเหมือนเอ็งจะยังไม่เข้าใจ""...""หนังสือเล่มหนา ๆ ที่เอ็งมีสิบกว่าเล่มปกติชาวบ้านชาวช่องที่มีอันจะกินเขายังหาซื้อไม่ได้เลย...แล้วก็เสื้อผ้าเอ็งน่ะเย็บมาแล้วทุกตัวใช่ไหมล่ะ ทั่วไปที่เขาจะเอาถวายวัดมีแต่ม้วนผ้าให้เอาไปเย็บกันเอง มีแต่เอ็งนั่นแหละที่ใส่แบบนี้ คนอื่นเขานุ่งโจงเหน็บผ้ามีแต่เอ็งเท่านั้นแหละใส่เสื้อมีตะเข็บ ของพวกนี้ราคาแพงหูฉี่ต้องใช้เงินเกือบทั้งวัดนั่นแหละถึงจะซื้อมาได้"ไอ้ด้วงมองโฉมงามที่นั่งน้ำตาตกเผาะ ๆ ตรีศูลกำถ้วยยาในมือสั่นระริก เป็นมันเองก็คงตั้งสติไม่ได้เหมือนกันเมื่อรู้ว่าตัวเองได้รับการปฏิบัติพิเศษกว่าคนอื่นเพื่อจะถูกใช้เป็นเครื่องบำเ
หลังผ่านสงครามร่วมหลายชั่วโมงเหล่าชาวบ้านพากันปันอาหารข้าวของเครื่องใช้บางส่วนเท่าที่จะให้ได้แก่ผู้ประสบภัยที่ต้องหนีระหกระเหินออกจากเขตสู้รบมารวมถึงเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โรงเรียนมัธยมเพียงหนึ่งเดียวถูกเปลี่ยนเป็นฐานที่มั่นของทหารญี่ปุ่น และโรงพยาบาลสนามชั่วคราวบรรยากาศทั้งวันนั้นเต็มไปด้วยความอึมครึม เม็ดฝนทยอยโปรยปรายลงมาอ่อน ๆ พื้นดินพื้นหญ้าชื้นแฉะส่งกลิ่นหอมโชยขึ้นมาปลุกโฉมงามที่หลับใหลอยู่บนฟูกนอนผืนบาง ดวงตาเรียวสวยค่อย ๆ เปิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกปวดตุบในศีรษะตรีศูลยันตัวเองขึ้นนั่งมองไปรอบ ๆ แล้วจึงเห็นว่าตอนนี้ตนเองอยู่บนอาคารเรียน พร้อมกับผู้คนอีกนับสิบที่นอนเรียงรายบาดเจ็บป่วยไข้กันอยู่ กลุ่มแพทย์พยาบาลเดินกันขวักไขว่เป็นพร้อมปลอกแขนสีขาวปักสายเครื่องหมายหน่วยพยาบาลสีแดงเด่น"อาจารย์! ฟื้นแล้วเหรอ!?"เสียงของเจ้าเด็กนพดังมาจากโถงทางเดิน เจ้าตัวเดินเข้ามาพร้อมสิงห์ที่หิ้วปิ่นโตกับจานผลไม้ปอก"นี่กี่โมงแล้ว"คนแก่กว่าถามด้วยความสงสัยเพราะท้องฟ้าด้านนอกก็บอกเวลาแทบไม่ได้ ทั้งยังไม่มีนาฬิกาแขวนในห้อง"จะห้า
เจ้าศรตกเย็นมาก็ดูอารมณ์จะดีขึ้นไม่เศร้าเรื่องที่แพ้สงคราม ทั้งยังกินอิ่มนอนหลับดีเขาจึงพอจะหมดห่วงไปได้ตรีศูลที่วันนี้ตื่นแต่เช้ามาอุ่นอาหารจะให้เจ้าศรทว่าก็นึกขึ้นได้ เนื่องด้วยตอนนี้โรงเรียนถูกเปลี่ยนเป็นฐานที่มั่นไปแล้ว นักเรียนจึงต้องพักการเรียนกะทันหันจนกว่าสถานการณ์จะซาลงไปจนสามารถดำเนินงานของสถานที่ได้เป็นปกติรวมไปถึงตารางงานของเดือนนี้ต้องถูกเลื่อนออกไปเพราะความไม่สงบ เขาจึงถือโอกาสให้เด็ก ๆ ในคณะได้พักผ่อน เว้นแต่เจ้านพและเจ้าสิงห์ที่วันนี้มาหาเนื่องจากปีหน้าศิษย์เอกของเขาคิดจะไปเรียนต่อระดับอุดมศึกษาหลังจากชะลอมาหนึ่งปีเพื่อรักษาแผลใจที่เสียพี่ไปจึงมาขอให้เข้าช่วยเก็บท่าโขนให้ ส่วนสิงห์ก็ถือตัวโอ้อวดใหญ่ว่าให้เรียกเขาว่าเป็นรุ่นพี่เพราะเข้าเรียนก่อน อย่างน้อย ๆ สีสันบนเรือนนี้ก็ยังไม่จางไป"โอ๊ย! เจ็บ ๆ อาจารย์พอก่อน!"นพตะโกนลั่นเรือนเมื่อหน้าขาทั้งสองถูกดันให้ชิดกำแพงเสียจนจะเป็นเส้นตรงอยู่แล้ว"ทนไว้ ถ้าเขาให้สอบจะได้ทำได้"นพที่พึ่งมาหัดฉีกขาครั้งแรกร้องโอดโอย แค่ท่าถีบเหลี่ยมก็ปวดหลังจะตายอยู่แล้วยังจะต้องมาปว
ด้วยงานที่กระชั้นชิดเข้ามาทุกที แต่ละวันของตรีศูลจึงเอาแต่ฝึกซ้อม จัดชุดเครื่องประดับ เตรียมการวางแผนอะไรหลาย ๆ อย่างให้ทันภายในสามสัปดาห์ หากแต่เวลาไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญเท่าความอึดอัดใต้แผ่นอกที่เริ่มกัดกินเขาทีละนิด ด้วยเรื่องงานประกอบกับคนที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงโรงพยาบาลกว่าเขาจะหาเวลามาเยี่ยมได้มาปาไปสี่ห้าวัน เดินเข้ามาก็เห็นว่าโรงเรียนมัธยมถูกเปลี่ยนเป็นฐานที่มั่นอย่างเต็มรูปแบบ นายทหารหลายนายต่างพากันขนย้ายแผ่นไม้เดินไปมา กางกระโจมตั้งโต๊ะวางเครื่องมือการช่าง ตรีศูลเดินผ่านมองด้วยสายตาเหม่อลอย แล้วจึงผินหน้าไปยังที่อื่นพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนมาปะหน้ากับหมอน้ำที่กำลังจะขึ้นอาคารพอดี"คุณน้ำสวัสดีครับ""ครับ"ตรีศูลยืนนิ่งแล้วคิดว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะเป็นคนพูดไม่เก่งถึงได้เอาแต่มองหน้าเขาไม่พูดไม่จาแบบนี้ ทว่าไม่นานอีกฝ่ายก็กล่าวต่อ"คือเมื่อวาน...ผมอาจจะพูดแรงไป ต้องขอโทษด้วยนะครับ"ตรีศูลพยายามย้อนจนนึกได้ว่าคงจะเป็นตอนที่เจ้าตัวรายงานอาการของคุณดินให้เขาได้ทราบ"เรื่องนั้นผมเข้าใจได้ครับ ยังไงเรื่องแ
พี่ตรีบอกว่าเจ้าตัวเอาจดหมายมามอบให้ช่วงหัวค่ำด้วยตัวคนเดียวผ่านการถามทางชาวบ้านรอบข้าง แต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะมีคนบอกทางไปบ้านใครสักคนกับทหารต่างชาติที่พึ่งเข้าประเทศมาได้เพียงไม่กี่วัน แม้เขาจะลองบอกเรื่องนี้ให้พี่ตรีทราบแล้วแต่เจ้าตัวก็บอกเพียงว่า'ไม่เป็นไรหรอก ยังไงพี่ก็คงไม่ได้คุยอะไรกับเขามากมายอยู่แล้ว'จนเมื่อจบการแสดงนายทหารคนนั้นมีท่าทีเหมือนจะเดินตรงเข้าหาเจ้าของคณะนางรำคล้ายว่ามีเรื่องจะคุยด้วย สิงห์และนพที่เคี้ยวขนมอยู่เต็มปากยืนกำกับอยู่จึงมองอย่างมาดร้าย ส่วนสองตาที่คราวแรกตั้งใจจะยืนเฝ้าเด็ก ๆ อยู่ด้วยแต่เพราะกลิ่นสุรามันหอมจึงร่นถอยไปร่วมวงกับทหารญี่ปุ่นเสียอย่างนั้น"คุณคือ...คุณแก้วใช่ไหมครับ?"คนในชุดสีเทาหม่นเดินเข้ามาถามไถ่เพราะตอนนี้อีกฝ่ายโกนหนวด ผัดหน้า แต่งกายสะสวยจนเขาเกือบจำไม่ได้"ครับผมเอง" โฉมงามเงยหน้าขึ้นตอบอย่างเป็นมิตร"คุณแสดงสวยมากเลยครับ ยิ้มก็สวย ผมไม่เคยดูอะไรแบบนี้มาก่อนเลยครับ""ผมได้ยินมาว่าที่ญี่ปุ่นก็มีรำแบบนี้เหมือนกันนี่ครับ"ตรีศูลผินหน้าไปทางอื่นกระชับแว่นแล้วจึงตอ
"วันนี้คุณสวยจริง ๆ นะครับ""คุณดินพอได้แล้วครับ!"ตรีศูลในตอนนี้กำลังสนทนากับนายทหารพิภพด้วยความหัวเสียเพราะเจ้าตัวแทนที่จะถามเรื่องสำคัญกลับพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องวนไปวนมาเสียอย่างนั้น คิดว่าสารภาพรักแล้วจะทำอะไรก็ได้รึอย่างไรแม่นางรำทำท่ากอดอกฮึดฮัดแก้เขินเป็นที่ถูกอกถูกใจแก่พิภพจนอยากจะแกล้งพูดอีกเยอะ ๆ เสียจริง*ตึก* พิภพที่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียงได้ยินเสียงเดินจึงชะโงกหน้าไปดู ตรีศูลจึงหันตามจึงเห็นว่าหมอน้ำมาเดินตรวจพอดี ใบหน้าหวานยิ้มร่าในที่สุดเขาก็จะได้หลุดจากสถานการณ์ที่โดนกลั่นแกล้งทางคำพูดจากคุณดินเสียที!"สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณน้ำ""ครับคุณแก้ว"พิภพมองอึ้ง เขาหลับไปหนึ่งเดือนคุณแก้วไปตกใครมาได้อีกแล้วเหรอ!? นายทหารบนเตียงกระวนกระวายอยู่ในใจในขณะที่ได้รับการตรวจก็เหล่มองแม่นางรำข้างเตียงพลางสังเกตพฤติกรรมไปด้วย"หันหลังครับ"พิภพทำตามอย่างว่าง่ายทั้ง ๆ ที่ปากมันคันยุบยิบอยากจะถามโฉมงามให้รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครถึงได้ทักทายสนิทสนมกันนัก แต่เมื่อนายแพทย์ที่กำลังตรวจเขาอยู่เลื่อนมือขึ้นมาดูต
เช้าขึ้นมาศรที่นอนอยู่ห้องข้าง ๆ เดินมาถามเลยว่าเมื่อคืนที่ห้องพี่ชายเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าเพราะเขาได้ยินเสียงตึงตังแว่วมา ตรีศูลจึงปฏิเสธไปเพียงว่าของหล่นนิดหน่อย ทั้งที่จริงรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเขินผู้ชายจนไม่เป็นอันหลับอันนอนนอนกลิ้งไปกลิ้งมากว่าจะได้นอนก็ปาไปห้าทุ่มจนตื่นสิบเอ็ดโมงจนได้ศรในวันนี้ขอตัวออกไปเล่นที่บ้านเพื่อน ตรีศูลจึงอนุญาตในขณะที่เขาก็จะขอตัวไปโรงพยาบาลสนามเช่นกันทว่าเมื่อมาถึงกลับเห็นว่าคุณดินกำลังนั่งคุยอยู่กับหญิงชราแล้วก็...เด็กอยู่! ตรีศูลที่ยังไม่ก้าวเข้าไปในห้องเต็มที่จึงแอบสอดส่องมองเมียงไปก่อน แม้จะไม่ชัดเจนนักแต่เขาก็พอจะได้ยินอยู่บางส่วน'แล้วที่ผ่านมาแม่นอนที่ไหน''โรงแรมแถวนี้แหละ เอ็งไม่ต้องห่วงหรอกเงินแม่มีเหลือเฟือ หัดซื้อให้ตัวเองบ้างไม่ใช่ใส่แต่เสื้อขาด ๆ'ตรีศูลได้ยินก็นึกถึงข้อความของคุณดินบนจดหมายเมื่อนานมาแล้วก็ลอบยิ้ม เขาอยากเห็นเลยว่าในตู้เสื้อผ้าของคุณดินจะเป็นอย่างที่คุณแม่เจ้าตัวพูดหรือเปล่า'พ่อปลื้มบอกแม่ว่าเอ็งมีเมียใหม่เป็นนางรำรึ?'ประโยคต่อม
"คุณหมอจ๊ะ ป้าทำขนมมาฝาก ขอบคุณที่ช่วยดูอาการสามีป้านะจ๊ะ""มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว...ครับ"หมอน้ำรับห่อใบตองมาด้วยความยินดีพร้อมส่งยิ้มการค้าไปให้หญิงวัยกลางคนที่มีสีหน้าเบิกบานใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดอะไรต่ออีกนิดหน่อยตามประสาผู้หญิง นอกจากเจ้าหล่อนจะกล่าวขอบคุณที่เขาตรวจให้แบบไม่เสียเงินแล้วยังพูดถึงเรื่องพลทหารญี่ปุ่นที่บางครั้งก็ตั้งวงเหล้าพูดจาโหวกเหวกโวยวาย จึงมาฝากเขาให้ไปเตือนเสียหน่อยซึ่งไม่รู้ว่าทำไมพักนี้ถึงมีคนรับฝากหมายสารเขาเยอะเสียเหลือเกิน เขาดูเป็นมิตรขนาดนั้นเลยหรืออย่างไรอาซามิคิดพลางแง้มห่อใบตองดูขนมภายในจนกลิ่นหอมหวานของกะทิและน้ำตาลลอยขึ้นมาเตะจมูกก็ชวนให้นายแพทย์ที่คิดว่าจะเก็บสิ่งนี้เอาไว้ทานเป็นของหวานมื้อเที่ยงต้องคิดใหม่แล้วเลื่อนตารางเวลาขึ้นมากินมันเสียตอนนี้แทน ทว่าในขณะที่กำลังจะเปิดขนมก้อนนั้นขึ้นมากินทันใดนั้นเสียงของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญก็โผล่พรวดขึ้นมาจากประตูหน้าห้อง"อรุณสวัสดิ์คร้าบหมอ ผมซื้อขนมมาฝากคร้าบ"คุณหมอจิ๊ปากกระตุกคิ้วไม่พอใจ กล้ามาขัดจังหวะความสุขเพียงไม่กี่อย่างของเขาเนี่ยนะ อาซาม
วันทั้งวันเขาทำงานไปยิ้มไป เพราะในระยะสายตาเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาจากแผ่นกระดาษก็มักจะเห็นคนรักร่ายรำอยู่เกือบจะตลอด อะไรมันจะดีไปกว่าการได้ดูมหรสพขนาดเล็กและนั่งจิบกาแฟอุ่น ๆ ไปด้วยพิภพในตอนเย็นที่จัดการงานส่วนของวันนี้เสร็จแล้วก็ลงมานั่งเล่นกับลูกสาว ซึ่งดูเหมือนลูกศิษย์เขาอย่างศรจะกลายเป็นที่รักแทนคนเป็นพ่ออย่างเขาไปเสียแล้ว อย่างที่คนเถ้าคนแก่บอกเอาไว้ว่าต้องรีบเก็บเกี่ยวช่วงเวลาวัยเด็กของลูกเอาไว้เพราะเมื่อโตขึ้นพวกเขาก็จะไม่สนใจแล้ว แต่ลูกสาวเขาพึ่งเข้าชั้นประถมได้ไม่นานเอง ทำไมถึงได้ติดเจ้าศรงอมแงมขนาดนี้พ่อทหารลงมานั่งขัดสมาธิรับลูกสาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอด นั่งเล่นกันอยู่สักพักก่อนที่นพจะเดินมาบอกว่าอีกไม่นานจะพากันออกไปเดินตลาด'เขาว่าพวกทหารญี่ปุ่นมีของมาขายมีใครจะไปบ้าง'แน่นอนว่าเด็กหญิงขวัญย่อมสนอกสนใจยกมือไปเป็นคนแรก ก่อนจะตามด้วยคนในเรือน สรุปสุดท้ายคือไปกันหมดพิภพหยัดตัวลุกยืดเส้นยืดสายแล้วจะเดินตามคนอื่น ๆ ลงเรือน*แซก* เสียงใบไม้เสียดสีกันแว่วมาจากด้านในป่าข้างเรือนขณะที่ทุกอย่างเงียบสงัดไร้ซึ่งลมพัด ทว
เสียงฝนตกปรอย ๆ กระทบพื้นดินพื้นหญ้าในขณะที่แสงอาทิตย์รำไรฉายลงมาบอกกล่าวถึงเวลาย่ำรุ่ง ทว่าแม่นางรำยังคงนอนหลับปุ๋ย ด้วยลมหายใจสม่ำเสมอและใบหน้างามยามผ่อนคลายชวนให้นายทหารที่นอนอยู่ข้าง ๆ มองได้ไม่มีหน่ายพิภพเลือกที่จะเอื้อมหยิบเอกสารบนโต๊ะข้าง ๆ มานั่งอ่านบนเตียงรอโฉมงามตื่น ด้วยว่าเขาเดี้ยงมาหนึ่งเดือนเต็มเจ้าปลื้มมันเลยส่งเอกสารขอบุคลากรเพิ่ม ซึ่งก็เคยส่งไปแล้วแต่ครั้งนี้เหตุผลคงจะหนักจริงเพราะอีกไม่กี่สัปดาห์พวกเขาจะได้คนจากค่ายประจำจังหวัดมาช่วยแบ่งเบาเนื่องจากเขาคงต้องอยู่พักฟื้นไปอีกพักใหญ่เขาอยู่เรือนนี้มานานพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วก็รู้มาเพิ่มอีกอย่างหลังจากการนอนร่วมกับคนรักมาหลายคืนว่าคุณแก้วเป็นคนขี้เซา แม้จะนอนมาทั้งคืนก็ยังคงหาวระหว่างวันเป็นครั้งคราว ยิ่งตอนตื่นเจ้าตัวก็ไม่ค่อยอยากจะลุกออกจากเตียงเท่าไรนักชอบนอนคุดคู้ซุกตัวขดเป็นก้อนกลมที่หัวมุมเตียง เป็นภาพที่น่ารักไม่หยอกเชียว"คุณดินตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกผมล่ะครับ"ตรีศูลงัวเงียเปิดผ้าห่มขยี้ตามองนายทหารที่ตื่นเช้ามาก็ทำงานทันที"ผมเห็นคุณนอนหลับสบายเลยไม่กล้าป
"คุณดิน...เชื่อผมแล้วเหรอครับ?"ตรีศูลยังคงแววตาแน่นิ่งด้วยความสับสน ชำเลืองเจ้าของอ้อมกอดที่นานเข้าก็รู้สึกถึงท่อนแขนยิ่งกกกอดเขาแน่นขึ้น"ทำไมผมจะไม่เชื่อล่ะ""ก็มัน...ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเอามาพูดกันง่าย ๆ นี่ครับ""แต่เมื่อกี้ผมเห็นคุณพูดก็ไม่ได้ดูง่ายเลยนะ"พิภพโดนโฉมงามในอ้อมกอดทุบอกมาทีหนึ่ง ก่อนจะตามด้วยเสียงสะอื้นและความชื้นบริเวณลาดไหล่ที่แม่นางร
พิภพหลังจากโดนโฉมงามไล่มาอาบน้ำ พอกลับมาพ่อทหารก็แอบด้อม ๆ มอง ๆ เจ้าของเรือนที่กำลังเสริมสวยอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพราะไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ แต่ตรีศูลกลับหันมาเห็นพอดีนายทหารจึงอดดูขั้นตอนการประทินโฉมไปอย่างน่าเสียดาย"คุณดินแอบดูผมเหรอครับฮึ?"ตรีศูลหันมาหยอกล้อ ส่วนพิภพซึ่งยอมรับผิดได้แต่ทำตัวเล็ก ๆ อยู่มุมห้อง แม่นางรำที่เห็นจึงหัวเราะคิกคักในลำคอรู้สึกเหมือนได้แกล้งคน ก่อนที่จะหันไปหยิบขวดใสบรรจุน้ำบางอย่างมาตั้งเอาไว้บนโต๊ะ แล้วกวักมือเรียกพิภพให้เข้าไปนั่งเก้าอี้ด้วยกัน"ช่วงนี้ยุงชุม ทายาเอาไว้ด้วยนะครับ"
"ทำไมพ่อจ๋าถึงมาชอบผู้ชายแทนที่จะเป็นผู้หญิงเหรอจ๊ะ"เด็กหญิงถามหน้าซื่อตาใส จากสายตาเธอไม่ได้มีเจตนาจะว่าร้ายบิดาหรือแม่นางรำแต่เธอสงสัยจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะคนรอบข้าง เพื่อน ๆ ก็มักจะบอกว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงตลอดพิภพไม่แปลกใจกับคำถามนั้นและไม่ได้โกรธที่จะถูกถามอย่างตรงไปตรงมา เพียงแต่เขาเองก็อธิบายเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยถนัดถนี่นัก"พ่อชอบคุณแก้ว แค่คุณแก้วที่พ่อชอบเป็นผู้ชาย"พิภพอธิบายเท่าที่ตนพอจะทำได้ แต่เด็กวัยประถมก็ยังตะขิดตะขวงใจอยู่ดี"ขวัญไม่เข้าใจจ้ะ"พิภพยกยิ้มมองเจ้าหญิงน้อยที่นั่งเอียงคองงเป็นนกเอี้ยง คิ้วกลมของน้องขวัญขมวดมุ่นปากเล็กยู่มู่ทู่จนแก้มนิ่มเป็นก้อนกลมน่าหยิกทีแรกเขาเข้าใจผิดว่าคุณแก้วเป็นผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ ทว่าแม้เขามารู้ทีหลังว่าเจ้าตัวเป็นผู้ชายก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาได้ตกหลุมรักนางรำคนนี้ไปแล้ว จดหมายที่เคยเขียนถึงกันไม่ว่าจะหญิงหรือชายแต่หากมันไม่ได้มาจากปลายปากกาของแม่นางรำแล้วไซร้เขาคงจะไม่ได้ใส่ใจมันถึงเพียงนี้ หรือทุกคืนที่เขาสนทนากับโฉมงาม หากถ้อยคำพวกนั้นคุณแก้วไม่ได้เป็นคน
อดิศรในวันนี้ก็ตื่นมาแต่เช้าด้วยความผาสุก กลิ่นหอมอ่อนของดอกกาหลงข้างเรือนโชยเข้ามาให้ได้รู้สึกชื่นมื่นพร้อมลุกออกจากเตียง เด็กหนุ่มเดินถืออุปกรณ์อาบน้ำออกมาพร้อมกับฮัมเพลงในใจแล้วจึงจะหันไปกล่าวอรุณสวัสดิ์พี่ชาย ทว่ากลับต้องผงะ'ทำไมพี่ตรีสภาพเหมือนผีตายซากแบบนั้น!'พี่เขาเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้วจึงหันมองไปยังครูฝึกหน้าเรือนซึ่งก็มีหน้าตาซีดเซียวไม่ต่างกัน เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นตรีศูลเห็นน้องชายมองมาด้วยแววตาฉงนสงสัยพร้อมกังวลในถุงใต้ตาอันดำคล้ำของเขา ไม่อยากจะพูดเลยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าเขาจะสั่งให้ตัวเองหลับเท่าไรก็ทำไม่ได้เพราะจะขยับเขยื้อนไปตรงไหนก็มักจะไปโดนตัวของนายทหารที่นอนประกบเขาอยู่ตลอด คราวเมื่อพลิกตัวภาพตรงหน้าเขากลับเป็นคุณดินที่กำลังนอนหลับอยู่'จะต้องให้ย้ำอีกกี่ครั้งว่าเบ้าหน้าแบบนี้ควรไปเป็นดาราเสียให้สิ้นเรื่อง!'ไม่รู้ว่าครั้งก่อนเมื่อตอนมาค้างแรมยามร่วมงานเขาข่มตาหลับไปได้อย่างไรในขณะที่กำลังอุ่นมื้อเช้าอยู่ก็แอบเหล่มองพ่อทหารรูปหล่อที่ยืนจิบกาแฟ แล้วจึงผินหน้าหลบยามอีกฝ่ายหั
"ผะ...ผมพูดความจริงนี่ แล้วมันผิดตรงไหน?""แต่ผมยังไม่ได้บอกเลยนะครับว่าคุณพูดอะไรผิด"พิภพกล่าวกลั้วหัวร่อคนร้อนตัวที่นั่งขดเป็นก้อนกลมด้วยความเอ็นดู คิดถูกจริง ๆ ที่ซื้อผ้านวมมาตรีศูลที่เขินจนเหนื่อยมาทั้งวันตัดสินใจถอดแว่นออกแล้วจึงเอนตัวลงนอนจะได้จบ ๆ ไปทั้งยังตวัดผ้าห่มคลุมร่างพ่อทหารด้วยอีกคน ผืนตั้งใหญ่ให้เขาห่มคนเดียวเนี่ยนะแม่นางรำขยับหยุกหยิกพลิกไปมาก่อนจะหาองศาการนอนได้ พิภพที่เห็นทุกอิริยาบถแล้วจึงคิดว่าเหมือนตนกำลังดูลูกนกนอนรังอยู่ก็ไม่ปาน จนเมื่อคราวจะนอนโฉมงามก็หันมาสบตากับเขาพอดี เป็นโอกาสเหมาะในการสนทนาถามไถ่"ตอนที่ผมอยู่โรงพยาบาล ได้ยินว่าคุณป่วย..."เพราะเขาเองก็พึ่งมาได้ยินจากปากเจ้าปลื้มมันว่าแม่นางรำล้มพับไปในวันเดียวกันกับเขาเพราะพิษไข้"ตอนนี้หายแล้วครับ""ไม่ให้ผมแสดงความเป็นห่วงหน่อยเหรอครับ"พิภพเห็นแม่นางรำพูดตัดบทก็รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้แสดงความใส่ใจ"ไม่ให้ครับ เดี๋ยวคุณแกล้งผมอีก"ตรีศูลยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขยับหมอนให้เข้าที่ช้อนสายตามองนายทหารอย่างหยอกเย้า เขาได้ร
ตรีศูลเม้มปากผินหน้าไปทางอื่นหยิบช่อผมขึ้นมาเล่นอย่างขัดเขิน พลอยช้อนสายตามองอดีตเพื่อนทางจดหมายเป็นพัก ๆเสียงประตูแง้มปิดลงล็อกดัง'ปึง'ทันใดนั้นบรรยากาศโดยรอบจึงเงียบสงัดขึ้นมาทันควัน จุดกำเนิดแสงสะท้อนใบหน้างามให้เห็นริ้วแดงจาง ๆ บนแก้มนวล ไออุ่นจากตะเกียงไม่อาจเทียบความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นใต้อกได้เลยสักนิด"คุณแก้วครับ"นายทหารโน้มตัวลงพอเป็นพิธีเชยมือคู่น้อยที่คล้องสายสิญจน์ขึ้นเชยชมผิวพรรณเนียนละเอียดแล้วจึงประทับริมฝีปากลงอย่างแผ่วเบา"ผมรักคุณ"น้ำเสียงทุ้มต่ำกล่าวอย่างหนักแน่น ร่างสูงใหญ่กระชับมือบางเข้ามาใกล้ แล้วจึงกล่าวต่อโดยมองเข้าไปยังนัยน์ตากลมใสของแม่คนงาม "ดังนั้นแล้วคุณแก้ว...ได้โปรดมาเป็นคนรักของผมได้ไหมครับ?"นางรำหนุ่มมองเข้าไปยังนัยน์ตาคมกริบนั้น เขาไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าเมื่อจังหวะนี้มาถึงข้างในตัวเขามันจะรู้สึกเบาหวิวได้ขนาดนี้ แม้ไม่มีสายลมพัดผ่านอยู่ใต้ปีกก็รู้สึกเหมือนกำลังโผบินอยู่ หรือแม้ค่ำคืนในฤดูฝนนี้จะหนาวเพียงใดทว่าเพียงสัมผัสฝ่ามือหนาของ