เฉียวซุนเม้มปากครุ่นคิด “ฉันอยากคุยเรื่องของคุณป้าเสิ่น”ลู่เจ๋อเอ่ยถามเสียงเบาลง “งั้นเหรอ? มาคุยที่บริษัทฉันสิ!” พูดจบเขาก็กดวางสาย ให้เวลาคิดสักนิดก็ไม่มี!ถนนในปลายฤดูใบไม้ผลิ ส่งผลให้เฉียวซุนรู้สึกหนาวสั่นสมกับเป็นลู่เจ๋อ!ตั้งแต่วันนั้นผ่านไป การกระทำที่ดูอบอุ่นของเขานั้น แค่เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับบ้านแต่โดยดีแค่นั้นแหละ แล้วถ้ามันใช้ไม่ได้ผล เขาก็พร้อมที่จะเปลี่ยนร่างกายเป็นลู่เจ๋อคนเดิมทันทีเย็นชา ไร้มนุษยธรรมที่สุด!เธอเก็บโทรศัพท์ลง และเลือกที่จะนั่งรถบัสไปโดยไม่ลังเลต่อรถบัสมาสองสถานี ในที่สุดก็คือตึกของลู่เฉียวพนักงานของบริษัทกลุ่มลู่เฉียวล้วนรู้จักเธอกันทั้งนั้นว่าเธอคือคุณนายลู่ แต่ไม่รู้เลยว่าเป็นคุณนายลู่ที่ลำบากเพียงใด!เลขาฉินลงมารับเธอเมื่อถึงชั้นบนสุดของตึกสูง เลขาฉินเปิดประตูห้องประธานบริษัทให้ เธอเอ่ยบอกด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้าย: “ประธานลู่ออกไปทำธุระด้านนอก คุณนายลู่กรุณารอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะไปชงกาแฟมาให้ค่ะ”ในห้องกว้างมีเฉียวซุนยืนอยู่คนเดียวเงียบๆเธอมองไปยังเปียโนหลังหนึ่ง มันถูกวางไว้เหมือนสมบัติล้ำค่าอยู่ด้านหลังตู้หนังสือของประธานล
เฉียวซุนที่ไม่ทันได้เอ่ยปากตอบ เธอถูกลู่เจ๋อดันร่างของเธอไปชนกระจกบานใหญ่และทาบกายลงบนแผ่นหลังของเธอเหมือนเป็นการบังคับให้เธอมองวิวนอกหน้าต่างตรงหน้าเขาเปล่งเสียงที่เต็มไปด้วยความอัปยศอดสู “ถ้าเดาไม่ผิด เธอยินดีพลีกายให้ฉันแลกกับการปล่อยให้ป้าเสิ่นเป็นอิสระใช่ไหม? แต่ทำไงดีล่ะ ร่างกายของเธอผ่านมือฉันมากี่รอบต่อกี่รอบ แล้วเธอยังคิดว่ามันยังมีค่าจนสามารถตีเป็นราคาได้อีกหรือไง? หรือว่าเธอจะยอมขายผ้าเอาหน้ารอดกับผู้ชายอย่างฉันอยู่ที่นี่ แต่ไม่ยอมกลับไปเป็นคุณนายลู่ที่มีเกียรติงี้เหรอ?”คำพูดขวานผ่าซากของเขา ทำให้เฉียวซุนแทบไปต่อไม่เป็นแล้วเฉียวซุนเธอจะสู้ได้ยังไงกันล่ะ?ถ้าจะให้พูด ลู่เจ๋อน่ะรู้จักร่างกายของเธอดีมาก ๆ แม้กระทั่งตอนที่เขาพูดนิ้วของเขาก็หยอกล้อกับร่างกายของเธอไม่หยุด “อดทนไว้ล่ะสาวน้อย เก็บความอยากของเธอไว้ให้มิดแล้วอย่าทำให้กางเกงฉันเลอะอะไรเด็ดขาด!”เหงื่อเม็ดใหญ่ประปรายไปตามหน้าผากสวยของเฉียวซุน เหงื่อเม็ดเล็กแทรกซึมอยู่ทั่วไรผม ชั่วขณะเฉียวซุนเอ่ยเสียงสั่นเครือออกมา “พอแล้วลู่เจ๋อ!”“พออะไรกันล่ะ? เธอเองไม่ใช่เหรอที่อยากนอนกับฉันน่ะ?”ลู่เจ๋อเผยแววความโกร
จอภาพที่ค่อย ๆ ปรากฏภาพขึ้น....วิดีโอที่สั่นเล็กน้อย เห็นเป็นหญิงสาวร่างเพรียวระหงเปิดประตูเข้ามา ไฟในห้องรับแขกสว่างจ้าทำให้เห็นใบหน้าของเฉียวซุนอย่างชัดเจนร่างของเฉียวซุนเย็นยะเยือกไปทั้งร่างลู่เจ๋อบีบคางเธอเบาๆ “ไม่กล้าดูงั้นสิ?” หลังจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะ “ก็เธอยืนยันเองไม่ใช่เหรอว่าเปิดประตูห้อง 6201 งั้นก็ดูให้ถึงที่สุดสิ ดูให้มันชัด ๆ ว่าแท้จริงแล้วห้องที่เธอเปิดมันคือ 6201 หรือห้อง 6202!” ในวิดีโอ เฉียวซุนเดินตรงไปยังเตียงหลังใหญ่ เตียงหลังใหญ่หรูหราสีขาว ลู่เจ๋อเอนหลังดื่มเหล้าพักผ่อนอยู่อย่างเงียบ ๆ ด้วยฤทธิ์ที่รุนแรงของแอลกอฮอล์นอกจากอาการเมาค้าง ยังมีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาลนลานจะหาผู้หญิงมาช่วยปลดปล่อยอารมณ์นั้น แต่ว่าเขาก็เป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่ง แม้ว่าจะอยู่ในแวดวงธุรกิจมานาน แต่เขาไม่เคยคิดจะสานสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับหญิงสาวคนไหนเลยลูกกระเดือกของลู่เจ๋อขยับขึ้นลงเบา ๆ ทันใดนั้น มือเรียวคู่หนึ่งค่อย ๆ ลูบใบหน้าของเขา ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นลู่เจ๋อค่อย ๆ ลืมตาสีแดงก่ำ ใบหน้าแดงซ่านของหญิงสาวที่ค่อย ๆ เอนตัวลงจูบที่ริมฝีปากของเขา
เฉียวซุนรู้สึกอับอายอย่างมากลู่เจ๋อทำให้เธอรู้สึกว่า แม้ว่าเธอจะมีฐานะเป็นคุณนายลู่ แต่เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่เขาเล่นด้วย เป็นได้เพียงแค่ของเล่นของเขาแต่เพียงผู้เดียวตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยให้เกียรติเธอเลยสักครั้งในใจของเขา เธอก็เหมือนกับโสเภณีราคาถูก!ในห้องโสตทัศนูปกรณ์มีพื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยตารางเมตร เสียงขอร้องอ้อนวอนแสนหดหู่ของเฉียวซุนและเสียงหอบพักหายใจอย่างมีความสุขของลู่เจ๋อดังกึกก้องไปทั้งห้อง……เขาไม่ได้รู้สึกสบายแบบนี้มานานแล้ว!ลู่เจ๋อก้มหน้ามองเฉียวซุนเขามองไม่เห็นสีหน้าเธอ ทำให้รู้สึกไม่พอใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาจับผมสีดำของเธอเบา ๆ และเอียงศีรษะจูบเธอเฉียวซุนถูกเขาครอบครองด้วยความมึนงงเธอคว้ามีดปอกผลไม้ไว้ได้ด้ามหนึ่ง เพิ่งควานหาได้ในตอนที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนเธอรู้สึกเศร้าเสียใจและรู้สึกไร้สาระในเวลาเดียวกันเธอรู้ดีว่าเมื่อเดินออกไปจากห้องนี้แล้วเธอก็จะต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม......เมื่อนั้นอาจดูเหมือนมีเกียรติ แต่กลับไม่มีร่องรอยความเป็นคุณนายลู่ของฉันเลย บางทีลู่เจ๋ออาจขังเธอไว้ในบ้าน ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่น่าอับอายเฉียวซุนไม่อยากให้เป็
ห้องผู้ป่วยไม่ได้เงียบอีกต่อไป หมอทั้งสองท่านกำลังคุยกับลู่เจ๋อ“เสียเลือดมากเกินไป!”“การถ่ายเลือดออกไปแปดร้อยมิลลิลิตรถือว่าไม่มีปัญหา ต้องดูว่าเมื่อไหร่ที่คุณนายลู่จะยอมฟื้นขึ้้นมา…...อ๋อ ใช่ครับสภาพจิตใจในการใช้ชีวิตอยู่ต่อก็ไม่ได้หนักแน่นเท่าไหร่นัก”“อย่างช้าที่สุดคือพรุ่งนี้เช้าครับ! ถ้าตอนเช้ายังไม่ฟื้น ผมแนะนำให้คุณนายลู่รับการตรวจร่างกายครับ”……หมอทำหน้าที่อยู่ในห้องชั่วครู่ จากนั้นก็ได้เดินจากห้องพักคนไข้ไปลู่เจ๋อส่งแขกจากนั้นก็ปิดประตูห้อง เมื่อหันกลับมาก็พบว่าเฉียวซุนฟื้นแล้วใบหน้าเล็กที่แนบเอียงไปกับหมอนสีขาวดุจหิมะขาว ผมสลวยสีดำที่ทิ้งตัวสยายลงบนหมอน ร่างกายที่ถูกสวมด้วยชุดคนไข้อย่างหลวม ๆ อาการเจ็บไข้ที่ว่าจึงแฝงไปด้วยความงดงามที่แลดูเปราะบางลู่เจ๋อยืนมองอย่างเงียบ ๆ ผ่านไปไม่นาน ก่อนที่จะเดินไปเขานั่งลงข้างเตียงคนไข้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนอ่อนโยน “เธออดข้าวไปตั้งห้าชั่วโมง! หิวรึเปล่า ฉันได้ให้คนส่งอาหารมาให้เธอทาน!”เฉียวซุนซุกหน้าลงกับหมอน ไม่อยากมองหน้าและไม่อยากจะคุยกับเขา ลู่เจ๋อรู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดต่อว่า “เสิ่นซิงออกมาแล้ว ตอนน
ลู่เจ๋อเอาโจ๊กกลับมาด้วย เขาวางของลงบนโต๊ะกลมเล็ก และกำลังจะอุ้มเฉียวซุนมาทานอาหารเฉียวซุนพิงหัวเตียงแล้วพูดเบา ๆ ว่า :“ไม่เหมือนกัน!”ลู่เจ๋อตกใจเล็กน้อยครู่ใหญ่ ๆ เขาถึงจะเข้าใจว่าเธอพูดอะไรเฉียวซุนมองเขา เสียงของเขาอ่อนลงบ้างแล้ว : “ลู่เจ๋อมันไม่เหมือนกันนะ เมื่อก่อนฉันรักคุณ ดังนั้นต่อให้ฉันไม่เต็มใจ ฉันก็ต้องอดทน นั่นเพราะว่าฉันอยากให้คุณมีความสุข”“แล้วตอนนี้ล่ะ”ภายใต้แสงไฟนุ่มนวล ลู่เจ๋อมองไปที่ใบหน้าเล็กที่ขาวราวกับหยกของเธอ ถามด้วยเสียงที่อ่อนลงเช่นกัน : “ตอนนี้ไม่รักแล้วใช่มั้ย? เฉียวซุน ฉันไม่รู้ว่าคุณรักฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอก สมัยนี้ความรักไม่สำคัญแล้ว!”ลู่เจ๋อเป็นนักธุรกิจเขาไม่เชื่อในความรัก!ในแวดวงธุรกิจไม่มีใครพูดถึงความรัก สิ่งที่ผู้ชายสนใจมากที่สุดก็คือลาภยศและอำนาจ ภรรยาและลูกและแม้กระทั่งคนรักล้วนเป็นเพียงเครื่องประดับแห่งอำนาจเท่านั้นหลังจากพูดจบเขาก็ไปอุ้มเธอแล้วเดินไปที่โซฟาร่างของเฉียวซุนสั่นเทิ้มแขนที่พันด้วยผ้าพันแผลสีขาวก็ขดไปอยู่ด้านหลังโดยที่ไม่รู้ตัว......การกระทำโดยที่ไม่รู้ตัวแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าเธอรู้สึกต่อต้านแ
แบบนั้น ช่างยวนใจจริง ๆลู่เจ๋อเดินเข้ามาอย่างระงับอารมณ์และคำพูด รับผ้าขนหนูไปจากในมือเธอ น้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก “ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ? หมอบอกแล้วไงว่าคุณต้องนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงอย่างน้อยสองวัน”เฉียวซุนหันหลังมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันอยากเช็ดตัวหน่อย!”ลู่เจ๋อค่อย ๆ คิด ก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงอยากเช็ดตัว ตอนที่อยู่โรงแรมแม้พวกเขาจะไม่ได้ทำเสร็จ แต่เขาก็จัดการเธอไปประมาณราว ๆ สิบนาที ความเป็นเจ้าของอันแสนลึกซึ้งเหล่านั้น แม้ว่าเธอจะต่อต้านอีกแค่ไหนก็ยังมีปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายอยู่ดีลู่เจ๋อจำได้ ราว ๆ อยู่นานมาก ๆ ที่ไม่ได้ตอบสนองกลับมา ทั้งสองคนต่างเละเทะไปหมด ดุเดือดจนใกล้จะถึงจุดวิกฤติแล้วเมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านั้นเขาก็จิตใจฟุ้งซ่านเล็กน้อย ร่างกายเองก็เช่นกันเขากอดเอวของเธอจากด้านหลัง คางพาดอยู่บนไหล่บาง ๆ แสนหอมของเธอ น้ำเสียงแหบพร่าจนราวกับแฝงไปด้วยเม็ดทรายร้อนระอุจากแดดสาดจำนวนหนึ่ง เซ็กซี่เป็นอย่างมาก “บนร่างกายมีกลิ่นของผมอยู่ ใช่ไหม?”เฉียวซุนชะงักไปครู่หนึ่งลู่เจ๋อจับเธอหันมา เขาก้มศีรษะมองเธอใต้แสงไฟ นัยน์ตาดำลึกซึ้งจนยากจะคาดเดาหาก
ตอนที่ลู่เจ๋อจัดการเรื่องของบริษัทเสร็จ เวลาก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงเช้าแล้วเขาเก็บข้าวของอย่างลวก ๆ พลางเตรียมตัวจะเดินออกไปเลขาฉินจ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเจ้านาย สภาพจิตใจไม่ค่อยสมดุลเท่าไหร่ เพราะเธอเองก็ทำงานมาทั้งคืนเหมือนกัน ใบหน้าของเธอซีดลงไปไม่น้อย เติมแป้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ลู่เจ๋อกลับยังคงหล่อเหมือนเดิมพอดีกับในห้องประชุมยังมีหัวหน้าระดับสูงอยู่ด้วยอีกสองสามคนเพื่อให้ดูเหมือนว่าเลขาฉันใกล้ชิดกับลู่เจ๋อ เธอจงใจใกล้ชิดและใช้น้ำเสียงที่เป็นกันเอง พูดเบา ๆ ออกไปว่า “ประธานลู่คะ คุณอยากทานอาหารเช้าก่อนหรือจะกลับบ้านเลยดีคะ? ฉันสั่งขนมฝูหรงซูของโปรดคุณไว้ให้แล้วค่ะ”ฝูหรงซู.....ลู่เจ๋อไม่เคยชอบกินขนมหวานเลยสักนิด ขนมฝูหรงซูที่เขาเคยชมออกไปครั้งเดียวว่าอร่อยนั้น จริง ๆ แล้วเพราะเฉียวซุนเป็นคนทำต่างหาก แต่เลขาฉินกลับไม่รู้เรื่องนี้ เธอไปคิดเองว่า อาจารย์ร้านไดคิรินเป็นคนทำขนมตัวนี้ เพราะงั้นเธอเลยซื้อมาให้เขาตั้งหลายรอบ สุดท้ายเขาก็ให้คนขับรถจัดการกับขนมพวกนั้นแล้วตอนนี้เลขาฉินกลับพูดถึงขนมนั่นอีกลู่เจ๋อนึกขึ้นได้ว่า เฉียวซุนดูเหมือนไม่ได้ทำขนมให้เขากินมานานแล้
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว