ลู่เจ๋อรู้ดี เฉียวซุนไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากอาหาร แต่เป็นเพราะเขาต่างหาก!เป็นเพราะว่าเขาไม่ยอมหย่า เธอจึงรู้สึกหดหู่ ไม่อยากพูดคุยกับใครเขาไม่ได้หันกลับมามอง พูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “ผมรู้แล้ว” พยาบาลไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่เดินจากไปอย่างรวดเร็วจริง ๆ แล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลต่างก็พากันแพร่ข่าวซุบซิบนินทากันอยู่ตลอด บางคนก็บอกว่า ประธานลู่มีเมียน้อยอยู่ข้างนอก คุณนายลู่รับไม่ได้ ก็เลยพยายามฆ่าตัวตาย บางคนก็บอกว่าประธานลู่รักคุณนายลู่มากจนเกินไป จนคุณนายลู่รู้สึกอึดอัดใจจึงได้เป็นโรคซึมเศร้า......แม้ว่าจะเป็นการซุบซิบนินทา แต่เรื่องที่เฉียวซุนกรีดข้อมือนั้น คงไม่มีใครกล้าพูดออกไปลู่เจ๋อสูบบุหรี่ที่ในมือเสร็จ ถึงกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยหลังจากพักผ่อนไปสามวันนอกจากรอยแผลเป็นบนข้อมือแล้ว เฉียวซุนก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแล้วตอนที่ลู่เจ๋อเข้ามา เธอกำลังพิงหัวเตียงและอ่านหนังสืออยู่ ผมสีดําสยายไปตามไหล่บาง ๆ ชุดผู้ป่วยสีน้ำเงินหลวม ๆ ตัวเธอยังคงมีอารมณ์โกรธหลงเหลืออยู่เล็กน้อยลู่เจ๋อมองไปที่โต๊ะกลมเล็ก ๆ และเห็นว่าอาหารเช้าไม่ไ
ลู่เจ๋อได้ขับรถกลับไปที่วิลล่าคนรับใช้ประหลาดใจมากที่เห็นเขากลับมา พวกเขาไม่รู้เรื่องที่เฉียวซุนอยู่โรงพยาบาล คงคิดแค่ว่าเจ้านายเดินทางไปทำธุระที่ต่างจังหวัดแล้วคนรับใช้เปิดประตูรถ “คุณผู้ชายกลับมาทานข้าวเหรอคะ? พ่อครัวไม่รู้ว่าคุณผู้ชายจะกลับมา หากตอนนี้เริ่มทำ ก็คงต้องใช้เวลาสักประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงจะเสร็จค่ะ”ลู่เจ๋อมีสีหน้าที่อ่อนเพลียเล็กน้อย “ทำอาหารง่าย ๆ ไม่กี่อย่างก็ได้พอ”คนรับใช้ก็รีบไปจัดการทันทีทันทีที่ลู่เจ๋อลงจากรถ ก็เดินตรงเข้าไปยังห้องโถงของวิลล่า คนรับใช้ที่บ้านเอาใจใส่ดีมาก เขาไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว แต่ห้องพักยังคงสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบลู่เจ๋อยุ่งทั้งคืน และกำลังจะขึ้นไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำ แต่เมื่อเขาเปิดประตูห้องนอนใหญ่ เขาก็เห็นรูปถ่ายงานแต่งงานขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ข้างเตียงในภาพถ่าย เฉียวซุนยิ้มได้ละมุนและดึงดูดใจมากตอนนั้นพวกเขาแต่งงานกันอย่างเร่งรีบ อีกอย่างเขาก็ไม่ชอบเธอ จึงไม่ยอมถ่ายรูปคู่กับเธอ ภาพถ่ายนี้เฉียวซุนได้จ้างคนทำขึ้นมาในราคาสี่ล้านบาทลู่เจ๋อหัวเราะเยาะที่เธอหลอกตัวเอง แต่เฉียวซุนกลับบอกว่าเขาหล่อเวลาที่เธอชมว่าเขาหล่อ แววตาจะเป
เขายกกระเป๋าเดินทางลงไปชั้นล่าง นิ้วมือเรียวยาวสีขาวของเฉียวซุน ก็คอยคว้ามุมเสื้อผ้าของเขาเอาไว้เธอแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วลู่เจ๋อกลับไม่คิดจะช่วยเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่ได้รักเฉียวซุนเธอร้องขอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังคงนั่งรถจากไปเขาอยู่ในเมือง H ประมาณหนึ่งสัปดาห์ และในสัปดาห์เดียวกันนั้นเอง ไป๋เซียวเซียวก็ได้รับการผ่าตัดขาครั้งแรกเสร็จสิ้น และก็เป็นสัปดาห์เดียวกันนี้เองที่สื่อได้ขุดคุ้ยความสัมพันธ์ของเขากับไป๋เซียวเซียวออกมา และก็ยังคงเป็นสัปดาห์เดียวกันที่มีข่าวเกี่ยวกับการแต่งงานของเขาออกมาในวันที่เขากลับจากการเดินทางเพื่อทำธุระเฉียวซุนก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องในครอบครัวของเธออีก เธอจัดเก็บกระเป๋าเดินทางให้เขาตามปกติ เติมน้ำลงไปในอ่างอาบน้ำให้......หลังจากลู่เจ๋ออาบน้ำเสร็จก็อุ้มเธอไปบนเตียง และมีเพศสัมพันธ์กับเธอถึงสองครั้ง ครั้งนั้นเป็นครั้งที่เงียบที่สุดหลังจากพวกเขาแต่งงานมา เขาไม่ได้ส่งเสียง เฉียวซุนเองก็เช่นกัน เธอซุกหน้าลงบนหมอนเพื่อระงับความสุขทางร่างกายของเธอ เพราะเธอไม่เต็มใจที่จะร้องออกมา เพราะรู้สึกละอายใจหลังจากทำเสร็จ เขาก็เอนกายพิงหัวเตียงแล้วสูบบุหร
ลู่เจ๋อนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นในตลอดบ่ายพอถึงช่วงเวลาพลบค่ำในที่สุดเขาก็เคลื่อนไหวร่างกายสักที เขาโทรไปหาเลขาฉิน “เรียกทนายจางมาที่วิลล่าที ให้เขาช่วยร่างข้อตกลงในการหย่าร้างให้ผมหน่อย”ทางด้านปลายสาย เลขาฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมา“ประธานลู่ คุณหมายถึงต้องการจะหย่าเหรอคะ?”ลู่เจ๋อตัดสายทันที ทางด้านเลขาฉินกะพริบตาเบา ๆ สุดท้ายก็แน่ใจความหมายของหัวหน้าแล้ว——ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกดีใจขึ้นมาเธออดไม่ได้ที่จะคิดว่า หากประธานลู่หย่า เธอ ฉินอวี้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้เคียงข้างเขาเพราะยังไงเธอก็เหนือกว่าไป๋เซียวเซียวมาก......ครึ่งชั่วโมงต่อมา เลขาฉินก็พาทนายจางมาถึงวิลล่าภายในที่ห้องหนังสือ บรรยากาศกดดันมากคนรับใช้คงสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง หลังจากเสิร์ฟกาแฟเสร็จแล้ว ก็รีบลงไปชั้นล่าง เธอจำทนายจางได้ และเดาว่าคุณผู้ชายกําลังจะหย่ากับคุณนายแล้วกลิ่นกาแฟตลบอบอวน แต่กลับไม่มีใครดื่มเลยลู่เจ๋อยืนอยู่หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน พระอาทิตย์ตกดินดึงร่างของเขาเป็นเส้นโค้งที่โดดเดี่ยว เขาพูดความต้องการของเขาเบา ๆ ให้ทนายจางร่างหนังสือข้อตกลงเงื่อนไขที่เขาให้เฉีย
เค้กขนาด 8 นิ้วเล็ก ๆ มันน่ารักมากท้องฟ้าสีคราม ดวงดาวสีเหลืองเล็ก ๆ เต็นท์เล็ก ๆ หนึ่งหลัง และเด็กหญิงตัวน้อยอายุประมาณหกเจ็ดขวบ นั่งอยู่ในเต็นท์ กุมมืออธิษฐาน.....ในห้องผู้ป่วย เฉียวซุนนั่งอยู่บนโซฟา มองดูเค้กสีหน้าท่าทางของเธอราวกับเด็กสาววัยแรกแย้มดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับมีดาวดวงเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนที่ซ่อนอยู่ท่าทางของเธอดูอ่อนโยน เหมือนกับเพิ่งแต่งงานใหม่ สายตาที่เธอมองเขานั้นสดใสมาก.....แต่ในเวลานี้ความอ่อนโยนของเธอ กลับมีไว้เพื่อผู้ชายคนอื่นแค่เค้กชิ้นเดียว ก็สามารถทำให้เธอดีใจได้ขนาดนี้เลยเหรอลู่เจ๋อนึกถึงคำที่เธอเคยพูดตอนนั้น เธอบอกว่า ลู่เจ๋อฉันไม่ชอบคุณแล้วถ้าอย่างงั้น เธอชอบเฮ่อจี้ถังอย่างนั้นเหรอลู่เจ๋อสีหน้ามืดลงเรื่อย ๆ ในที่สุดก็กลายเป็นการหัวเราะ——จู่ ๆ เขาก็ไม่อยากปล่อยมือเฉียวซุนแล้วเขาหยิบเอกสารออกมา แล้วฉีกออกเป็นสองส่วนจนกลายเป็นเศษกระดาษ...........เฉียวซุนกำลังจะหั่นเค้กลู่เจ๋อผลักประตูเข้ามา แล้วปรากฏตัวในห้องผู้ป่วยเธอมองเห็นใบหน้าอันซีดเซียวของเขา และจิตใต้สำนึกก็พยายามจะซ่อนเค้กนี่เป็นสิ่งล้ำค่าเพียงอย่างเดียวที่เฉียวซุนสามาร
ขณะที่เฉียวซุนกำลังอึ้งอยู่ ลู่เจ๋อก็ไปที่ห้องอาบน้ำสักพักหนึ่ง ก็มีเสียงน้ำไหลดังมาจากห้องน้ำ ผสมกับเสียงแหบแห้งทุ้มต่ำของผู้ชาย......เฉียวซุนเป็นผู้หญิงที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่แล้วเธอเดาออกว่าลู่เจ๋อแก้กระหายความต้องการด้วยตัวเองในห้องน้ำหลังจากนั้นประมาณ20นาที ลู่เจ๋อก็เดินออกจากห้องน้ำ สวมเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวปกติ.....คอเสื้อเปิดเล็กน้อย หน้าอกที่ขาวและแข็งแรงเต็มไปด้วยหยดน้ำ หยดลงมาตามร่างกายผู้ชายลู่เจ๋อไม่ได้สนใจเรื่องนี้เขาเดินมาอย่างเงียบ ๆ ยืนอยู่หน้าเตียง มองดูเฉียวซุนที่กำลังอึ้งอยู่สักพักใหญ่ เฉียวซุนเงยหน้ามองไปที่เขาหางตาของเธอแดงและดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความเปียกชื้น ไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมรับการปฏิบัติที่เลวร้ายจากสามีของเธอได้ แม้ว่าเธอจะอดทนกับการแต่งงานแบบนี้มา 3 ปีแล้วก็ตามเธอคิดว่า ตัวเองชินไปตั้งนานแล้ว.....ลู่เจ๋อมองดูใบหน้าที่น่าสงสารของเธอ ไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ความสงสารของเขาทั้งหมดที่มีต่อเฉียวซุน กลบล้างออกไปด้วยเค้กก้อนนั้นเพียงก้อนเดียวถ้าเป็นคนอื่นก็ยังดี แต่นี่เป็นเฮ่อจี้ถัง........แววตาของลู่เจ๋อดูลึกล้ำ เสียงของเขาก็สงบและยับยั้ง
“แน่นอน คุณสามารถปฏิเสธได้เช่นกัน!”“แต่ผมกล้ารับรองนะ ว่าถ้าไม่รับความช่วยเหลือจากผม เฉียวสือเยี่ยนต้องติดคุกสิบปีแน่นอน เฉียวซุน ให้ผมช่วยคุณรำลึกถึงอดีตว่าพี่ชายคุณยอดเยี่ยมแค่ไหน และมีผู้หญิงที่ร่ำรวยกี่คนที่คิดถึงเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพลาดพลั้งเข้าไป ถ้าครอบครัวเฉียวไม่ล้มละลาย อีกสองปีเขาก็น่าจะมีลูกเต็มบ้านแล้วไปหมด”.......ถ้าเราพูดถึงอดีต สิ่งที่ลู่เจ๋อฉีกเป็นชิ้น ๆ คือร่างกายของเฉียวซุนแต่ตอนนี้ สิ่งที่เขากำลังจะฉีกเป็นชิ้น ๆ กลับคือหัวใจของเฉียวซุนในที่สุดพวกเขาก็ไม่ปิดบัง เปิดเผยและพูดอย่างตรงไปตรงมา เขาต้องการให้เธอเป็นภรรยาเขาที่ไม่ใช่เพราะความรู้สึก แต่เป็นเพราะผลประโยชน์และชื่อเสียงอิสรภาพของเฉียวสือเยี่ยน ก็คือเงื่อนไขที่เขาเสนอให้กับเธอเฉียวซุนไม่ได้เสแสร้งปฏิเสธออกไปแต่เธอก็ไม่ได้ยินยอมทันที มือของเธอจับผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น เธอระงับอารมณ์ทั้งหมดของตัวเอง และจ้องมองเขา พูดเบา ๆ ว่า “ฉันต้องพิจารณาดูก่อน”ลู่เจ๋อไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียวเขาคิดในใจว่า ไม่แปลกใจที่ทุกคนจะต้องเติบโตขึ้น เฉียวซุนก็เช่นกัน เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ใบหน้าแดงก่ำที่ม
เฉียวซุนไม่ได้สบตากับเขาเธอพิงหัวเตียงและพูดเบา ๆ “ฉันคิดว่าเงื่อนไขที่คุณเสนอเมื่อคืน รวมถึงฉันที่แกล้งหูหนวกและเป็นใบ้กับไป๋เซียวเซียว คนที่จะเป็นคนรักของคุณในอนาคต ไม่ใช่เหรอ”ลู่เจ๋อไม่ได้ส่งเสียงใดๆเฉียวซุนพูดต่อว่า “ลู่เจ๋อ เมื่อคุณเลือกที่จะมีความสัมพันธ์กับไป๋เซียวเซียว ก็ไม่จำเป็นต้องมาพะวงอารมณ์ของฉันอีกแล้ว ว่าไปแล้ว เราไม่ใช่คู่สามีและภรรยาเหรอ ก็เหมือนอย่างที่คุณพูดเราก็แค่.....เราก็แค่เป็นพาร์ทเนอร์แต่งงานกันเท่านั้นเอง”เขาพูดได้ชัดเจนขนาดนั้นแล้วเธอยังจะแสดงความเพ้อฝันและความคับข้องใจอีก ช่างน่าขันมากแล้วเฉียวซุนพูดจบ ลู่เจ๋อก็หัวเราะเยาะออกเสียงเขาเดินไปข้างหน้าเธอและจับคางของเธอเบาๆ นิ้วชี้เรียวลูบริมฝีปากที่แดงก่ำของเธอเบา ๆ เขาจ้องมองด้วยสายตาเร่าร้อน และเสียงของเขาก็แหบห้าว “คุณช่างพูดได้คมคายจริงๆ!”เฉียวซูนสุดจะทน และอยากจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทันใดนั้นลู่เจ๋อก็โน้มตัวเข้าหาเธอ แล้วกดเธอไว้กับหัวเตียง สันจมูกที่โด่งเป็นสันของเขาแนบชิดกับเธอ เช่นเดียวกับริมฝีปากของเขา สัมผัสที่นุ่มนวลนั้นเย้ายวนมากลู่เจ๋อจ้องมองลง หรี่ตาลงและจ้องมอง ต้นคอ จมูกแล
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว