เฉียวซุนตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขาเธอตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความทรงจำ สามปีที่ผ่านมา ความทรงจำเหล่านั้นที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักสรีระร่างกายของเธอ เสียการควบคุมลู่เจ๋อเตรียมจะครอบครอง โทรศัพท์ก็ดังติดต่อกันขึ้นมาเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด เป็นเลขาฉินที่โทรมา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่เจ๋อก็กดรับสายด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรห่นัก: “ดึกขนาดนี้แล้วมีเรื่องอะไร?”อีกฝ่ายของโทรศัพท์ มีเสียงร้อนใจของเลขาฉินดังขึ้นเธอพูด: “ประธานลู่ ไป๋เซียวเซียวมาที่ประเทศ B แล้ว!ลู่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเหลือบมองเฉียวซุนจากนั้นก็งอขาลุกขึ้น...แต่คำพูดเมื่อครู่ของเลขาฉินเฉียวซุนได้ยินไหมดแล้ว”ไป๋เซียวเซียวกลับมาที่เมือง B แล้วในที่สุดลู่เจ๋อก็ให้กิ๊กของเขา ไต่ไปถึงระดับสูงสุดแล้ว สำหรับเฉียวซุนในนามคุณนายลู่อันที่จริงถือว่าเป็นการเหยียดหยามกันอย่างมากประมาณสองนาทีลู่เจ๋อเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าตึงเครียดไป๋เซียวเซียวมาที่เมือง B อย่างเอิกเกริก ถูกนักข่าวล้อมที่สนามบิน และสะดุดล้มขาหักอีกครั้ง…อีกทั้งพ่อของเซียวเซียวก็ประกาศกับนักข่าว บอกว่าตระกูลไป๋แต่งงานเกี่ยวดองก
ไป๋เซียวเซียวกำมือแน่นแต่ยังคงแสดงสีหน้าอ่อนโยนอยู่เช่นเดิม “ฉันเข้าใจค่ะคุณชายลู่!”ลู่เจ๋อลุกขึ้นก่อนจะเดินหนีด้านนอก พ่อแม่ของตระกูลไป๋อยู่ตรงนั้นท่าทางสงบเสงี่ยม เห็นลู่เจ๋อเดินออกมา ก็อยากจะเข้าไปคุยด้วย แต่ทั้งสองคนยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรลู่เจ๋อก็เดินเข้าไปในลิฟต์ซะก่อนเลขาฉินจ้องมองไปทางพวกเขาก่อนจะรีบเดินตามเข้าไปภายในลิฟต์มีเพียงแค่ลู่เจ๋อและเลขาฉิน ตัวเลขสีแดงบนหน้าปัดค่อย ๆ เลื่อนลงไปด้านล่างจู่ ๆ ลู่เจ๋อก็ถามขึ้น “ทำไมถึงถึงจัดการให้ไป๋เซียวเซียวมาที่โรงพยาบาลซงชาน? ฉันจำได้ว่าพ่อของเฉียวซุนก็ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ด้วย”เลขาฉินรู้สึกประหม่าหลังจากนั้นเธอก็รีบอธิบาย “ประธานลู่นี่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะทำนะคะ! ตอนที่ฉันไปถึงสนามบินรถพยาบาลก็พาไป๋เซียวเซียวมาที่โรงพยาบาลแล้ว! การผ่าตัดของไป๋เซียวเซียวในวันพรุ่งนี้ประธานลู่จะมาดูไหมคะ?”พูดจบประตูลิฟต์ก็เปิดออกลู่เจ๋อเดินออกไปก่อนแล้ว ก่อนจะหันมาพูดประโยคหนึ่ง “ฉันไม่ใช่หมอสักหน่อย!”เลขาฉินรีบเดินตามไปลู่เจ๋อก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ กระจกของเบนท์ลีย์สีดำลดลง เข้าโผล่หน้าออกมาก่อนจะพูดกับเลขาฉิน “รอจนอาจารย
ลานจอดรถชั้น1ของลู่ซื่อกรุ๊ปลู่เจ๋อจอดรถและดับเครื่อง เขานั่งอยู่ในรถแล้วก็คิดอยู่สักพักก่อนที่กดโทรศัพท์หาเฉียวซุนเฉียวซุนกดตัดสายลู่เจ๋อไม่ได้กดโทรหาเฉียวซุนอีก เขานั่งพิงเบาะรถและจุดไฟสูบบุหรี่อย่างเงียบๆเขาคิดว่าเฉียวซุนน่าจะโกรธเขาแล้วเขาได้แต่คิดว่าเธอโกรธเพราะว่าเรื่องที่เขาปฎิบัติต่อเธอไม่ดีหรือว่าเป็นเพราะว่าเขาหายออกไปกลางดึก....เฉียวซุนน่าได้ยินคำพูดของเลขาฉินจากในโทรศัพท์ลู่เจ๋อถือโทรศัพท์ด้วยมือเดียว เขากำลังคิดว่าควรจะส่งข้อความไปหาเธอดีไหมหรือว่าจะไปง้อเธอดี?แต่ว่าความคิดนี้เข้ามาในหัวเขาเพียงไม่กี่วินาทีเขาก็หยุดคิดแล้วคู่สามีภรรยาที่รักกันถึงจะทำเรื่องแบบนี้ เขาไม่เหมาะสมที่ทำแบบนี้กับเฉียวซุน เขาไม่เคยรักเฉียวซุน เมื่อก่อนไม่เคยรัก ปัจจุบันก็ไม่รัก...อนาคตก็ไม่รักถึงได้เก็บโทรศัพท์ เลขาฉินเดินเข้ามาแล้วเปิดประตูรถให้เขาเลขาฉินไม่ได้นอนมาหนึ่งคืน แต่หน้าตาของเธอกลับดูสดชื่นมีชีวิตชีวาเธอตั้งใจทำงานมาก ซึ่งลู่เจ๋อชื่อชมเธอเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เก็บเธอไว้ข้างกายหลังจากที่เธอข้ามเส้นเขาเดินเขามาในลิฟต์ เลขาฉินก็เริ่มรายงานสิ่งที่ต
คำพูดของเขามีการท้าทายปะปนอยู่เล็กน้อยลู่เจ๋อกระตุกริมฝีปาก จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้แคดดี้ปล่อยลูกกอล์ฟ พร้อมกับโน้มตัวเล็กน้อย...แล้วก็พัตต์ออกไปดูว่าจุดตกของลูกกอล์ฟอยู่ที่ใดเขาเดินตรงไปทางนั้น พร้อมกับพูดอย่างสบายๆ ออกมาว่า "นายรู้จักฉันดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ใช่ ภรรยาที่บ้านจะต้องดูแลให้ใกล้ชิดสักหน่อย ออกไปจะได้ไม่ต้องถูกใครจับจ้องอยู่แบบนี้...หลีรุ่ย นายว่าจริงหรือเปล่าล่ะ?"สีหน้าของหลีรุ่ยไม่ค่อยสู้ดีนักผ่านไปสักพัก เขาก็กระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า "แต่บางครั้ง ต่อให้จะดูแลอย่างใกล้ชิดสักแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะเอาอยู่นะ! เหมือนกับที่ใครๆ เขาว่าไว้ไง ความรักก็เหมือนเม็ดทรายในกำมือ ยิ่งกำไว้แน่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสูญหายไปมากเท่านั้น!"ภายใต้แสงตะวัน ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีลู่เจ๋อสวมชุดลำลองสีขาว สง่างามและมีชีวิตชีวา เขาก้มลงแล้วพัตต์ลูกกอล์ฟออกไป...เพียงสองพัตต์ก็เข้าไปในหลุมแล้วและลู่เจ๋อก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นต่อไปแล้วเขายื่นไม้กอล์ฟให้กับแคดดี้ จากนั้นก็รับผ้าขนหนูมาเช็ดมือ ยิ้มให้หลีรุ่ยแล้วพูดว่า "หลีรุ่ย ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่ฉันต้องการไม่เคยพ
ในตอนที่เฉียวซุนได้รับเงินโอนจากลู่เจ๋อนั้น เธอกำลังดื่มกาแฟกับหลินเซียวอยู่พอดีเมื่อหลินเซียวได้ข่าวของเมิ่งเยียนหุยมาเล็กน้อย เธอจึงเรียกให้เฉียวซุนออกมาพูดคุยกันหลินเซียวบอกข่าวที่ได้มาให้กับเฉียวซุนฟังว่า "ตอนนี้เมิ่งเยียนหุยอยู่ที่ชนเผ่าดึกดำบรรพ์ในแอฟริกา ได้ยินมาว่าเขาไปช่วยเหลือทางกฎหมาย ตอนนี้ติดต่อไม่ได้เลย ได้ยินผู้ช่วยของเขาบอกว่าปีสองปีนี้คงยังไม่กลับมา! ฉันว่านะเฉียวซุน พวกทนายที่มีชื่อเสียงทำไม...ดูเหมือนจะปลงตกกันทุกคน ทั้งเมืองมีแต่เงินแบบนี้ ไม่อยากจะได้หรือไงกัน!"พอพูดจบ เธอก็จิบกาแฟไปอึกใหญ่ พร้อมขมวดคิ้วขึ้นมาเธอไม่ชอบคนที่เสแสร้งแกล้งทำแบบนี้เอาเสียมากๆเฉียวซุนก้มหน้าลง และค่อยๆ คนกาแฟที่อยู่ในถ้วยหลินเซียวกลัวว่าเธอจะรับไม่ได้ จึงพูดปลอบโยนขึ้นมาว่า "เราค่อยไปสอบถามกันใหม่ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่า นอกจากเขาแล้วจะไม่มีใครทำได้!"เฉียวซุนพยักหน้า ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรออกไป เธอก็ได้รับเงินโอนหนึ่งล้านบาททางไลน์พอดิบพอดีเธอชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นท่าทางของเธอ หลินเซียวก็อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้ามา"ใครส่งข้อความมาน่ะ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเชียว!""ลู
ลู่เจ๋อยิ้มเยาะเย้ย “กินเยอะจัง ไม่กลัวจะกินอิ่มเกินไปเหรอ”เฉียวซุนหัวเราะเย็นชา “กินไหวหรือไม่ไหวมันก็เรื่องของฉัน! เงินสิบล้านห้ามขาดแม้แต่บาทเดียวประธานลู่ ฉันจะจัดการเรื่องนี้แทนประธานลู่เอง”ลู่เจ๋อหรี่ตาลง “ถ้าเกิดโครงการไม่สำเร็จล่ะ”รอยยิ้มของเฉียวซุนค่อย ๆ จางลง “ก็หมายความว่าความสามารถของประธานลู่ไม่พอน่ะสิ!”……ไม่เคยมีใครยั่วยุเขามากขนาดนี้ ไม่เคยมีมาก่อนลู่เจ๋อรู้สึกสนใจเขาโน้มตัวไปข้างหน้าก่อนจะกระซิบข้างหูเฉียวซุน: “ดูท่าผมคงต้องคว้าโครงการนี้มาให้ได้ ไม่อย่างนั้นคุณนายลู่ก็คงจะคิดว่าผมไร้ความสามารถ”ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ กลิ่นแบบชายหนุ่มบริสุทธิ์ก็ฟุ้งไปที่หูของเฉียวซุน ทำให้เกิดอาการร้อนเผ่าเฉียวซุนผลักเขาออกไป "เราไม่ได้กำลังเจรจาเรื่องงานกันอยู่เหรอคะ เลิกทำเป็นล้อเล่นได้แล้วนะคะ!”เธอยังรู้สึกไม่ดีต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนนั้นอยู่เลยสามีที่ไม่ซื่อสัตย์จนชอบทำให้เธอนึกถึงฉากที่เขากำลังเล่นบทรักเร่าร้อนอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเสมอ แค่คิดก็ทำให้เธอรังเกียจแล้วเมื่อลงจากรถ ลู่เจ๋อก็คว้าข้อมือของเธอไว้เฉียวซุนระงับอารมณ์แล้วพูดว่า “ฉันจะติดต่อคุณนายหลี่พรุ
หลีรุ่ยไม่แปลกใจที่เห็นเฉียวซุนเขามองลงด้านล่างด้วยสายตาพิจารณาเฉียวซุน รวมไปถึงเสื้อผ้าอันงดงามของเธอไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เดินลงบันไดไปหาเฉียวซุนแล้วพูดเบา ๆ เป็นเชิงชมเชยว่า “กระโปรงดูสวยดีนะ แต่วันนั้นที่คุณใส่ที่โรงพยาบาลดูเหมาะกับคุณมากกว่าอีก”เฉียวซุนเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ดูแปลกประหลาดของหลีรุ่ย หรือการที่เขาไปที่รอยัลทุกวัน ล้วนทำให้เธอรู้สึกอะไรบางอย่าง... แต่เธอทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเพราะหลีรุ่ยไม่ใช่คนที่เธอสามารถยั่วโมโหเขาได้คุณนายหลี่ไม่เห็นความผิดปกติ เธอตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เฉียวซุน นี่คือลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลหลี่ นิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เล็ก...เขามักจะมาเล่นที่นี่เป็นประจำ”เฉียวซุนยิ้มเล็กน้อย “เรารู้จักกันค่ะ”คุณนายหลี่ตบไหล่ของเธอ “ฉันลืมไป หลีรุ่ยกับลู่เจ๋อเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน! พวกหนูคุยกันไปก่อนนะ ฉันไปนับแก้วคริสตัลก่อน คนใช้มักจะขี้หลงขี้ลืมอยู่เรื่อย”หลังจากที่คุณนายหลี่พูดจบ เธอก็เดินออกไปก่อนเมื่อเธอออกไป หลีรุ่ยก็เอามือสองข้างล้วงกระเป๋าเสื้อแล้วมองไปที่เฉียวซุนเขาจุดบุหรี่แล้วถาม
ลู่เจ๋อจ้องมองเธอจากนั้นไม่นาน เขาก็ยิ้มเบาๆ “เป็นผู้หญิงด้วยกันก็คิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?”ขณะที่เขาพูด จู่ ๆ น้ำเสียงของเขาก็เข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังแสดงความอ่อนโยน “เฉียวซุน คุณไปเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ตั้งแต่เป็นคุณนายลู่งั้นเหรอครับ”คำพูดเหล่านี้ค่อนข้างแทงใจเพราะเป็นคำพูดที่เอาไว้ใช้พูดเล่นกันระหว่างคนรักแบบสามีภรรยาเท่านั้นเฉียวซุนไม่ได้คิดแบบนั้น เธอหันหน้าหนีไปที่นอกหน้าต่างรถแล้วพูดอย่างเย็นชา “รู้จักกันนาน ๆ ก็เข้าใจได้แล้ว”ลู่เจ๋อต้องการพูดอะไรอีกไฟเขียวสว่างขึ้นที่ทางแยกข้างหน้า รถที่อยู่ข้างหลังเขาก็ต่างพากันบีบแตร... ลู่เจ๋อทำได้แค่เหยียบคันเร่งเบาๆ แล้วขับออกไป……ร้านจัดแต่งทรงผมระดับไฮเอนด์ที่สุดในเมือง Bลู่เจ๋อพาเฉียวซุนมา และด้วยสถานะของเขาค่อนข้างจะพิเศษ ทำให้ผู้จัดการเข้ามาต้อนรับเขาเป็นการส่วนตัวผู้จัดการปากหวานและพูดเป็น “คุณนายลู่มีผิวที่ขาวกระจ่างใสและมีรูปร่างเพรียว ร้านของเรามีชุดดีไซน์พิเศษของ Marchesa อยู่ คุณนายลู่ต้องเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดของเมือง B อย่างแน่นอนค่ะ”พูดจบ เธอก็ให้คนนำชุดออกมาสวยงาม