น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความถากถาง: “เฉียวซุน ตอนนี้คุณใจกว้างมากจริง ๆ!”พูดจบเขาก็ทิ้งเธอเอาไว้ ตัวเขาเข้าไปอาบน้ำเย็นสิบนาทีต่อมา ลู่เจ๋อเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาเห็นเฉียวซุนกำลังปูผ้าห่มผืนบางบนโซฟา เห็นได้ในคืนนี้เธออยากจะนอนที่บนนั้นในใจของเขาก็เกิดความโมโหขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ความขุ่นเคืองที่เพิ่งข่มลงไปเมื่อครู่ก็พุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เขาอุ้มเฉียวซุนขึ้นมาโดยไม่ได้ครุ่นคิด และโยนเธอลงไปบนเตียงใหญ่ที่อ่อนนุ่ม จากนั้นก็กดทับร่างกายลงมาใบหน้าของเฉียวซุนฝังลงไปในหมอนลู่เจ๋อไม่ได้อยากจะแตะต้องเธอ แต่เป็นเพราะรู้สึกโมโห ในตอนที่เขาคิดจะปล่อยเธอ โทรศัพท์ของเฉียวซุนก็ดังขึ้น...มีข้อความส่งเข้ามาลู่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ดึกขนาดนี้แล้ว ใครส่งข้อความมาให้คุณ?”เฉียวซุนถูกเขากดทับจนรู้สึกเจ็บ น้ำเสียงก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก: “คุณยุ่งอะไรด้วย!”ลู่เจ๋อหัวเราะเยาะออกมาเขาใช้มือกดแผ่นหลังบางของเธอเอาไว้ จากนั้นขยับตัวไปหยิบโทรศัพท์ของเธอที่อยู่บนโต๊ะหัวเตียงมา และใช้ลายนิ้วมือของเธอปลดล็อค...เซียวฉุนรู้สึกน่าอึดอัด: “ลู่เจ๋อ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!”ลู่เจ๋อไม่ได้สนใจเธอเขาจ้องมอง
เฉียวซุนตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขาเธอตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความทรงจำ สามปีที่ผ่านมา ความทรงจำเหล่านั้นที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักสรีระร่างกายของเธอ เสียการควบคุมลู่เจ๋อเตรียมจะครอบครอง โทรศัพท์ก็ดังติดต่อกันขึ้นมาเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด เป็นเลขาฉินที่โทรมา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่เจ๋อก็กดรับสายด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรห่นัก: “ดึกขนาดนี้แล้วมีเรื่องอะไร?”อีกฝ่ายของโทรศัพท์ มีเสียงร้อนใจของเลขาฉินดังขึ้นเธอพูด: “ประธานลู่ ไป๋เซียวเซียวมาที่ประเทศ B แล้ว!ลู่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเหลือบมองเฉียวซุนจากนั้นก็งอขาลุกขึ้น...แต่คำพูดเมื่อครู่ของเลขาฉินเฉียวซุนได้ยินไหมดแล้ว”ไป๋เซียวเซียวกลับมาที่เมือง B แล้วในที่สุดลู่เจ๋อก็ให้กิ๊กของเขา ไต่ไปถึงระดับสูงสุดแล้ว สำหรับเฉียวซุนในนามคุณนายลู่อันที่จริงถือว่าเป็นการเหยียดหยามกันอย่างมากประมาณสองนาทีลู่เจ๋อเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าตึงเครียดไป๋เซียวเซียวมาที่เมือง B อย่างเอิกเกริก ถูกนักข่าวล้อมที่สนามบิน และสะดุดล้มขาหักอีกครั้ง…อีกทั้งพ่อของเซียวเซียวก็ประกาศกับนักข่าว บอกว่าตระกูลไป๋แต่งงานเกี่ยวดองก
ไป๋เซียวเซียวกำมือแน่นแต่ยังคงแสดงสีหน้าอ่อนโยนอยู่เช่นเดิม “ฉันเข้าใจค่ะคุณชายลู่!”ลู่เจ๋อลุกขึ้นก่อนจะเดินหนีด้านนอก พ่อแม่ของตระกูลไป๋อยู่ตรงนั้นท่าทางสงบเสงี่ยม เห็นลู่เจ๋อเดินออกมา ก็อยากจะเข้าไปคุยด้วย แต่ทั้งสองคนยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรลู่เจ๋อก็เดินเข้าไปในลิฟต์ซะก่อนเลขาฉินจ้องมองไปทางพวกเขาก่อนจะรีบเดินตามเข้าไปภายในลิฟต์มีเพียงแค่ลู่เจ๋อและเลขาฉิน ตัวเลขสีแดงบนหน้าปัดค่อย ๆ เลื่อนลงไปด้านล่างจู่ ๆ ลู่เจ๋อก็ถามขึ้น “ทำไมถึงถึงจัดการให้ไป๋เซียวเซียวมาที่โรงพยาบาลซงชาน? ฉันจำได้ว่าพ่อของเฉียวซุนก็ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ด้วย”เลขาฉินรู้สึกประหม่าหลังจากนั้นเธอก็รีบอธิบาย “ประธานลู่นี่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะทำนะคะ! ตอนที่ฉันไปถึงสนามบินรถพยาบาลก็พาไป๋เซียวเซียวมาที่โรงพยาบาลแล้ว! การผ่าตัดของไป๋เซียวเซียวในวันพรุ่งนี้ประธานลู่จะมาดูไหมคะ?”พูดจบประตูลิฟต์ก็เปิดออกลู่เจ๋อเดินออกไปก่อนแล้ว ก่อนจะหันมาพูดประโยคหนึ่ง “ฉันไม่ใช่หมอสักหน่อย!”เลขาฉินรีบเดินตามไปลู่เจ๋อก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ กระจกของเบนท์ลีย์สีดำลดลง เข้าโผล่หน้าออกมาก่อนจะพูดกับเลขาฉิน “รอจนอาจารย
ลานจอดรถชั้น1ของลู่ซื่อกรุ๊ปลู่เจ๋อจอดรถและดับเครื่อง เขานั่งอยู่ในรถแล้วก็คิดอยู่สักพักก่อนที่กดโทรศัพท์หาเฉียวซุนเฉียวซุนกดตัดสายลู่เจ๋อไม่ได้กดโทรหาเฉียวซุนอีก เขานั่งพิงเบาะรถและจุดไฟสูบบุหรี่อย่างเงียบๆเขาคิดว่าเฉียวซุนน่าจะโกรธเขาแล้วเขาได้แต่คิดว่าเธอโกรธเพราะว่าเรื่องที่เขาปฎิบัติต่อเธอไม่ดีหรือว่าเป็นเพราะว่าเขาหายออกไปกลางดึก....เฉียวซุนน่าได้ยินคำพูดของเลขาฉินจากในโทรศัพท์ลู่เจ๋อถือโทรศัพท์ด้วยมือเดียว เขากำลังคิดว่าควรจะส่งข้อความไปหาเธอดีไหมหรือว่าจะไปง้อเธอดี?แต่ว่าความคิดนี้เข้ามาในหัวเขาเพียงไม่กี่วินาทีเขาก็หยุดคิดแล้วคู่สามีภรรยาที่รักกันถึงจะทำเรื่องแบบนี้ เขาไม่เหมาะสมที่ทำแบบนี้กับเฉียวซุน เขาไม่เคยรักเฉียวซุน เมื่อก่อนไม่เคยรัก ปัจจุบันก็ไม่รัก...อนาคตก็ไม่รักถึงได้เก็บโทรศัพท์ เลขาฉินเดินเข้ามาแล้วเปิดประตูรถให้เขาเลขาฉินไม่ได้นอนมาหนึ่งคืน แต่หน้าตาของเธอกลับดูสดชื่นมีชีวิตชีวาเธอตั้งใจทำงานมาก ซึ่งลู่เจ๋อชื่อชมเธอเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เก็บเธอไว้ข้างกายหลังจากที่เธอข้ามเส้นเขาเดินเขามาในลิฟต์ เลขาฉินก็เริ่มรายงานสิ่งที่ต
คำพูดของเขามีการท้าทายปะปนอยู่เล็กน้อยลู่เจ๋อกระตุกริมฝีปาก จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้แคดดี้ปล่อยลูกกอล์ฟ พร้อมกับโน้มตัวเล็กน้อย...แล้วก็พัตต์ออกไปดูว่าจุดตกของลูกกอล์ฟอยู่ที่ใดเขาเดินตรงไปทางนั้น พร้อมกับพูดอย่างสบายๆ ออกมาว่า "นายรู้จักฉันดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ใช่ ภรรยาที่บ้านจะต้องดูแลให้ใกล้ชิดสักหน่อย ออกไปจะได้ไม่ต้องถูกใครจับจ้องอยู่แบบนี้...หลีรุ่ย นายว่าจริงหรือเปล่าล่ะ?"สีหน้าของหลีรุ่ยไม่ค่อยสู้ดีนักผ่านไปสักพัก เขาก็กระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า "แต่บางครั้ง ต่อให้จะดูแลอย่างใกล้ชิดสักแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะเอาอยู่นะ! เหมือนกับที่ใครๆ เขาว่าไว้ไง ความรักก็เหมือนเม็ดทรายในกำมือ ยิ่งกำไว้แน่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสูญหายไปมากเท่านั้น!"ภายใต้แสงตะวัน ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีลู่เจ๋อสวมชุดลำลองสีขาว สง่างามและมีชีวิตชีวา เขาก้มลงแล้วพัตต์ลูกกอล์ฟออกไป...เพียงสองพัตต์ก็เข้าไปในหลุมแล้วและลู่เจ๋อก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นต่อไปแล้วเขายื่นไม้กอล์ฟให้กับแคดดี้ จากนั้นก็รับผ้าขนหนูมาเช็ดมือ ยิ้มให้หลีรุ่ยแล้วพูดว่า "หลีรุ่ย ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่ฉันต้องการไม่เคยพ
ในตอนที่เฉียวซุนได้รับเงินโอนจากลู่เจ๋อนั้น เธอกำลังดื่มกาแฟกับหลินเซียวอยู่พอดีเมื่อหลินเซียวได้ข่าวของเมิ่งเยียนหุยมาเล็กน้อย เธอจึงเรียกให้เฉียวซุนออกมาพูดคุยกันหลินเซียวบอกข่าวที่ได้มาให้กับเฉียวซุนฟังว่า "ตอนนี้เมิ่งเยียนหุยอยู่ที่ชนเผ่าดึกดำบรรพ์ในแอฟริกา ได้ยินมาว่าเขาไปช่วยเหลือทางกฎหมาย ตอนนี้ติดต่อไม่ได้เลย ได้ยินผู้ช่วยของเขาบอกว่าปีสองปีนี้คงยังไม่กลับมา! ฉันว่านะเฉียวซุน พวกทนายที่มีชื่อเสียงทำไม...ดูเหมือนจะปลงตกกันทุกคน ทั้งเมืองมีแต่เงินแบบนี้ ไม่อยากจะได้หรือไงกัน!"พอพูดจบ เธอก็จิบกาแฟไปอึกใหญ่ พร้อมขมวดคิ้วขึ้นมาเธอไม่ชอบคนที่เสแสร้งแกล้งทำแบบนี้เอาเสียมากๆเฉียวซุนก้มหน้าลง และค่อยๆ คนกาแฟที่อยู่ในถ้วยหลินเซียวกลัวว่าเธอจะรับไม่ได้ จึงพูดปลอบโยนขึ้นมาว่า "เราค่อยไปสอบถามกันใหม่ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่า นอกจากเขาแล้วจะไม่มีใครทำได้!"เฉียวซุนพยักหน้า ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรออกไป เธอก็ได้รับเงินโอนหนึ่งล้านบาททางไลน์พอดิบพอดีเธอชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นท่าทางของเธอ หลินเซียวก็อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้ามา"ใครส่งข้อความมาน่ะ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเชียว!""ลู
ลู่เจ๋อยิ้มเยาะเย้ย “กินเยอะจัง ไม่กลัวจะกินอิ่มเกินไปเหรอ”เฉียวซุนหัวเราะเย็นชา “กินไหวหรือไม่ไหวมันก็เรื่องของฉัน! เงินสิบล้านห้ามขาดแม้แต่บาทเดียวประธานลู่ ฉันจะจัดการเรื่องนี้แทนประธานลู่เอง”ลู่เจ๋อหรี่ตาลง “ถ้าเกิดโครงการไม่สำเร็จล่ะ”รอยยิ้มของเฉียวซุนค่อย ๆ จางลง “ก็หมายความว่าความสามารถของประธานลู่ไม่พอน่ะสิ!”……ไม่เคยมีใครยั่วยุเขามากขนาดนี้ ไม่เคยมีมาก่อนลู่เจ๋อรู้สึกสนใจเขาโน้มตัวไปข้างหน้าก่อนจะกระซิบข้างหูเฉียวซุน: “ดูท่าผมคงต้องคว้าโครงการนี้มาให้ได้ ไม่อย่างนั้นคุณนายลู่ก็คงจะคิดว่าผมไร้ความสามารถ”ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ กลิ่นแบบชายหนุ่มบริสุทธิ์ก็ฟุ้งไปที่หูของเฉียวซุน ทำให้เกิดอาการร้อนเผ่าเฉียวซุนผลักเขาออกไป "เราไม่ได้กำลังเจรจาเรื่องงานกันอยู่เหรอคะ เลิกทำเป็นล้อเล่นได้แล้วนะคะ!”เธอยังรู้สึกไม่ดีต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนนั้นอยู่เลยสามีที่ไม่ซื่อสัตย์จนชอบทำให้เธอนึกถึงฉากที่เขากำลังเล่นบทรักเร่าร้อนอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเสมอ แค่คิดก็ทำให้เธอรังเกียจแล้วเมื่อลงจากรถ ลู่เจ๋อก็คว้าข้อมือของเธอไว้เฉียวซุนระงับอารมณ์แล้วพูดว่า “ฉันจะติดต่อคุณนายหลี่พรุ
หลีรุ่ยไม่แปลกใจที่เห็นเฉียวซุนเขามองลงด้านล่างด้วยสายตาพิจารณาเฉียวซุน รวมไปถึงเสื้อผ้าอันงดงามของเธอไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เดินลงบันไดไปหาเฉียวซุนแล้วพูดเบา ๆ เป็นเชิงชมเชยว่า “กระโปรงดูสวยดีนะ แต่วันนั้นที่คุณใส่ที่โรงพยาบาลดูเหมาะกับคุณมากกว่าอีก”เฉียวซุนเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ดูแปลกประหลาดของหลีรุ่ย หรือการที่เขาไปที่รอยัลทุกวัน ล้วนทำให้เธอรู้สึกอะไรบางอย่าง... แต่เธอทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเพราะหลีรุ่ยไม่ใช่คนที่เธอสามารถยั่วโมโหเขาได้คุณนายหลี่ไม่เห็นความผิดปกติ เธอตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เฉียวซุน นี่คือลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลหลี่ นิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เล็ก...เขามักจะมาเล่นที่นี่เป็นประจำ”เฉียวซุนยิ้มเล็กน้อย “เรารู้จักกันค่ะ”คุณนายหลี่ตบไหล่ของเธอ “ฉันลืมไป หลีรุ่ยกับลู่เจ๋อเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน! พวกหนูคุยกันไปก่อนนะ ฉันไปนับแก้วคริสตัลก่อน คนใช้มักจะขี้หลงขี้ลืมอยู่เรื่อย”หลังจากที่คุณนายหลี่พูดจบ เธอก็เดินออกไปก่อนเมื่อเธอออกไป หลีรุ่ยก็เอามือสองข้างล้วงกระเป๋าเสื้อแล้วมองไปที่เฉียวซุนเขาจุดบุหรี่แล้วถาม
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว