ในตอนที่เฉียวซุนได้รับเงินโอนจากลู่เจ๋อนั้น เธอกำลังดื่มกาแฟกับหลินเซียวอยู่พอดีเมื่อหลินเซียวได้ข่าวของเมิ่งเยียนหุยมาเล็กน้อย เธอจึงเรียกให้เฉียวซุนออกมาพูดคุยกันหลินเซียวบอกข่าวที่ได้มาให้กับเฉียวซุนฟังว่า "ตอนนี้เมิ่งเยียนหุยอยู่ที่ชนเผ่าดึกดำบรรพ์ในแอฟริกา ได้ยินมาว่าเขาไปช่วยเหลือทางกฎหมาย ตอนนี้ติดต่อไม่ได้เลย ได้ยินผู้ช่วยของเขาบอกว่าปีสองปีนี้คงยังไม่กลับมา! ฉันว่านะเฉียวซุน พวกทนายที่มีชื่อเสียงทำไม...ดูเหมือนจะปลงตกกันทุกคน ทั้งเมืองมีแต่เงินแบบนี้ ไม่อยากจะได้หรือไงกัน!"พอพูดจบ เธอก็จิบกาแฟไปอึกใหญ่ พร้อมขมวดคิ้วขึ้นมาเธอไม่ชอบคนที่เสแสร้งแกล้งทำแบบนี้เอาเสียมากๆเฉียวซุนก้มหน้าลง และค่อยๆ คนกาแฟที่อยู่ในถ้วยหลินเซียวกลัวว่าเธอจะรับไม่ได้ จึงพูดปลอบโยนขึ้นมาว่า "เราค่อยไปสอบถามกันใหม่ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่า นอกจากเขาแล้วจะไม่มีใครทำได้!"เฉียวซุนพยักหน้า ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรออกไป เธอก็ได้รับเงินโอนหนึ่งล้านบาททางไลน์พอดิบพอดีเธอชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นท่าทางของเธอ หลินเซียวก็อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้ามา"ใครส่งข้อความมาน่ะ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเชียว!""ลู
ลู่เจ๋อยิ้มเยาะเย้ย “กินเยอะจัง ไม่กลัวจะกินอิ่มเกินไปเหรอ”เฉียวซุนหัวเราะเย็นชา “กินไหวหรือไม่ไหวมันก็เรื่องของฉัน! เงินสิบล้านห้ามขาดแม้แต่บาทเดียวประธานลู่ ฉันจะจัดการเรื่องนี้แทนประธานลู่เอง”ลู่เจ๋อหรี่ตาลง “ถ้าเกิดโครงการไม่สำเร็จล่ะ”รอยยิ้มของเฉียวซุนค่อย ๆ จางลง “ก็หมายความว่าความสามารถของประธานลู่ไม่พอน่ะสิ!”……ไม่เคยมีใครยั่วยุเขามากขนาดนี้ ไม่เคยมีมาก่อนลู่เจ๋อรู้สึกสนใจเขาโน้มตัวไปข้างหน้าก่อนจะกระซิบข้างหูเฉียวซุน: “ดูท่าผมคงต้องคว้าโครงการนี้มาให้ได้ ไม่อย่างนั้นคุณนายลู่ก็คงจะคิดว่าผมไร้ความสามารถ”ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ กลิ่นแบบชายหนุ่มบริสุทธิ์ก็ฟุ้งไปที่หูของเฉียวซุน ทำให้เกิดอาการร้อนเผ่าเฉียวซุนผลักเขาออกไป "เราไม่ได้กำลังเจรจาเรื่องงานกันอยู่เหรอคะ เลิกทำเป็นล้อเล่นได้แล้วนะคะ!”เธอยังรู้สึกไม่ดีต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนนั้นอยู่เลยสามีที่ไม่ซื่อสัตย์จนชอบทำให้เธอนึกถึงฉากที่เขากำลังเล่นบทรักเร่าร้อนอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเสมอ แค่คิดก็ทำให้เธอรังเกียจแล้วเมื่อลงจากรถ ลู่เจ๋อก็คว้าข้อมือของเธอไว้เฉียวซุนระงับอารมณ์แล้วพูดว่า “ฉันจะติดต่อคุณนายหลี่พรุ
หลีรุ่ยไม่แปลกใจที่เห็นเฉียวซุนเขามองลงด้านล่างด้วยสายตาพิจารณาเฉียวซุน รวมไปถึงเสื้อผ้าอันงดงามของเธอไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เดินลงบันไดไปหาเฉียวซุนแล้วพูดเบา ๆ เป็นเชิงชมเชยว่า “กระโปรงดูสวยดีนะ แต่วันนั้นที่คุณใส่ที่โรงพยาบาลดูเหมาะกับคุณมากกว่าอีก”เฉียวซุนเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ดูแปลกประหลาดของหลีรุ่ย หรือการที่เขาไปที่รอยัลทุกวัน ล้วนทำให้เธอรู้สึกอะไรบางอย่าง... แต่เธอทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเพราะหลีรุ่ยไม่ใช่คนที่เธอสามารถยั่วโมโหเขาได้คุณนายหลี่ไม่เห็นความผิดปกติ เธอตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เฉียวซุน นี่คือลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลหลี่ นิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เล็ก...เขามักจะมาเล่นที่นี่เป็นประจำ”เฉียวซุนยิ้มเล็กน้อย “เรารู้จักกันค่ะ”คุณนายหลี่ตบไหล่ของเธอ “ฉันลืมไป หลีรุ่ยกับลู่เจ๋อเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน! พวกหนูคุยกันไปก่อนนะ ฉันไปนับแก้วคริสตัลก่อน คนใช้มักจะขี้หลงขี้ลืมอยู่เรื่อย”หลังจากที่คุณนายหลี่พูดจบ เธอก็เดินออกไปก่อนเมื่อเธอออกไป หลีรุ่ยก็เอามือสองข้างล้วงกระเป๋าเสื้อแล้วมองไปที่เฉียวซุนเขาจุดบุหรี่แล้วถาม
ลู่เจ๋อจ้องมองเธอจากนั้นไม่นาน เขาก็ยิ้มเบาๆ “เป็นผู้หญิงด้วยกันก็คิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?”ขณะที่เขาพูด จู่ ๆ น้ำเสียงของเขาก็เข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังแสดงความอ่อนโยน “เฉียวซุน คุณไปเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ตั้งแต่เป็นคุณนายลู่งั้นเหรอครับ”คำพูดเหล่านี้ค่อนข้างแทงใจเพราะเป็นคำพูดที่เอาไว้ใช้พูดเล่นกันระหว่างคนรักแบบสามีภรรยาเท่านั้นเฉียวซุนไม่ได้คิดแบบนั้น เธอหันหน้าหนีไปที่นอกหน้าต่างรถแล้วพูดอย่างเย็นชา “รู้จักกันนาน ๆ ก็เข้าใจได้แล้ว”ลู่เจ๋อต้องการพูดอะไรอีกไฟเขียวสว่างขึ้นที่ทางแยกข้างหน้า รถที่อยู่ข้างหลังเขาก็ต่างพากันบีบแตร... ลู่เจ๋อทำได้แค่เหยียบคันเร่งเบาๆ แล้วขับออกไป……ร้านจัดแต่งทรงผมระดับไฮเอนด์ที่สุดในเมือง Bลู่เจ๋อพาเฉียวซุนมา และด้วยสถานะของเขาค่อนข้างจะพิเศษ ทำให้ผู้จัดการเข้ามาต้อนรับเขาเป็นการส่วนตัวผู้จัดการปากหวานและพูดเป็น “คุณนายลู่มีผิวที่ขาวกระจ่างใสและมีรูปร่างเพรียว ร้านของเรามีชุดดีไซน์พิเศษของ Marchesa อยู่ คุณนายลู่ต้องเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดของเมือง B อย่างแน่นอนค่ะ”พูดจบ เธอก็ให้คนนำชุดออกมาสวยงาม
ร่างทั้งสองแนบชิดและสัมผัสกันการที่จะบอกว่าเฉียวซุนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยคงเป็นเรื่องโกหกแต่เธอมักจะปฏิเสธลู่เจ๋ออยู่เสมอเพื่อเป็นข้อแก้ตัว “งานเลี้ยงเริ่มเวลาหนึ่งทุ่มนะคะ คุณให้ความสำคัญกับโครงการนี้มากคงไม่อยากสายใช่ไหมคะ!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ลู่เจ๋อก็ค่อย ๆ ปล่อยเธอไปเขามองเธอในกระจกแล้วหัวเราะเบา ๆ “คุณนายลู่ คุณนี่จอมทำลายความสนุกจริง ๆ”แต่วิกฤติก็คลี่คลายในที่สุดระหว่างทางกลับไปที่รถทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรสักคำเมื่อเวลาหนึ่งทุ่ม รถเบนท์ลีย์สีดำของลู่เจ๋อค่อย ๆ ขับเข้าไปในวิลล่าของตระกูลหลี่... เขาลงจากรถแล้วเปิดประตูให้เฉียวซุน ขณะที่เธอโค้งตัวลงจากรถ มือของเธอก็ถูกเขาคว้าเอาไว้เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายลมยามค่ำคืนภายใต้โคมไฟอันงดงาม พวกเขาก็เป็นที่ถูกจับตามองลู่เจ๋อจับมือเธอเบา ๆ ดึงเธอเข้าหาเขาแล้วกระซิบข้างหู “คืนนี้คุณต้องอยู่กับผม! ห้ามยุ่งกับผู้ชายคนอื่นเด็ดขาดเข้าใจหรือเปล่า?”คำพูดนี้ ดูเหมือนเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของเฉียวซุนพิงไหล่ของเขาแล้วมองไปที่หลีรุ่ยหลีรุ่ยยืนอยู่ใต้โคมไฟที่ประตูวิลล่า มือถือแก้วไวน์แดงอยู่ในมือแล้วจ้องมองด้วยแวว
ในใจประธานหลี่ก็ตระหนักดีว่าเธอกำลังพูดถึงโครงการนี้!เขามีภารกิจอื่นเลยออกไปก่อน...ลู่เจ๋อขอบคุณนายหลี่คุณนายหลี่มองดูแผ่นหลังของสามีด้วยสายตาที่น้ำตาคลอเธอหันไปมองลู่เจ๋อแล้วพูดว่า “ลู่เจ๋อ คุณคงจะไม่รู้ว่าปีแรก ๆ ประธานหลี่หมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงข้างนอกและเขาก็คิดที่จะหย่ากับฉันด้วย คนในชนชั้นสูงมองมามีแต่คนที่เอาแต่ดูถูกฉัน ตอนนั้นฉันได้พบกับเฉียวซุนในงานเลี้ยง ตอนนั้นเธออายุเพียงสิบห้าหรือสิบหกปีเอง แต่เธอมักจะทำให้คนอื่นมีความสุข... เธอมากับเฉียวซื้อยั่นและเธอก็สวมชุดเจ้าหญิงที่สวยงาม ตอนนั้นคนในงานน้อยพอตัว ฉันก็เลยเต้นบัลเล่ต์ คุณคงนึกไม่ถึงหรอกว่าฉันไม่ได้หัวเราะมานานและตัวของฉันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง”หลังจากคุณนายหลี่พูดจบ เธอก็ยิ้มเบา ๆ “ทำให้คุณต้องมาเห็นสภาพน่าตลกเสียแล้วนะคะ!”เมื่อเธอจากไป แผ่นหลังที่โดดเดียวแต่ก็มีความภูมิใจแม้ว่าฐานะปัจจุบันของเธอในฐานะคุณนายหลี่ที่มั่นคงราวกับภูเขากับสามีที่เคารพเธอ... แต่เธอก็เข้าใจว่าคนแบบนี้เหมือนคนที่เดินบนน้ำแข็งบาง ๆ อยู่เสมอเธอรู้ด้วยว่าเฉียวซุนกำลังยากลำบาก ดังนั้นเธอจึงยื่นมือเข้าไปช่วยเธอลู่เจ๋อยังยืนอยู่ที่เดิ
เฉียวซุนออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักลู่เจ๋อวางแก้วทรงสูงแล้วมองเธอด้วยสายตากดต่ำ “มีอะไรหรือเปล่า ไม่สบายเหรอ ผมจะบอกคุณหลี่ แล้วเรากลับไปกันเถอะ”เฉียวซุนไม่ได้ปฏิเสธลู่เจ๋อส่งข้อความไลน์ไปหาคุณหลี่และคุณนายหลี่แล้วก็พาเฉียวซุนออกไป ขณะที่ทั้งสองนั่งในรถเขามองเธอจากด้านข้าง ด้วยสีหน้าอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “โครงการนี้สำเร็จแล้วล่ะ! คุณนายลู่ผมควรจะขอบคุณคุณนะ ไม่ยักรู้ว่าคุณมีความสามารถมากขนาดนี้มาก่อน"เฉียวซุนเอนกายพิงพนักพิงเก้าอี้หนังเธอยุ่งมาทั้งวัน และตอนนี้เธอเหนื่อยจนไม่อยากขยับนิ้วเลยหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็หันไปมองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “จริง ๆ แล้ว เมื่อก่อนฉันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน! เพียงแต่ลู่เจ๋อคุณไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด”หลังจากแต่งงานกันมาสามปี ส่วนใหญ่เขากับเธอจะเจอกันเฉพาะตอนอยู่บนเตียงเวลาที่เหลือ ถ้าเขาไม่ทำงานในบริษัทก็ไปที่เมือง H เพื่อพบกับไป๋เซียวเซียว... ความรู้สึกของเฉียวซุนถูกเขาทำจนชินชาแต่กลับมาอ่อนโยนมากขนาดนี้เธอที่ดูช่างดูมีเสน่ห์จริง ๆลู่เจ๋ออดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะลงเขาต้องการจูบเธอเมื่อเฉียวซุนจับริมฝีปากของเ
ดวงตาของลู่เจ๋อที่อ่อนโยน เสียงของเขาก็แหบแห้งเล็กน้อยเขาพูดว่า “ชุดนี้สวยดีนะ”พวกเขาแต่งงานมาเป็นเวลานานสามปี เวลาที่แสนอบอุ่นในตอนนี้ เฉียวซุนรู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็พูดเบา ๆ “ขอบคุณค่ะ”ทั้งสองแยกย้ายกันขึ้นไปชั้นบนอุปกรณ์เก่า ๆ ทำให้ลู่เจ๋อขมวดคิ้ว แต่โชคดีที่ไฟที่ชำรุดซ่อมเสร็จแล้วด้านหลัง เขามีรถสีเงินคันหนึ่งจอดอยู่ในตอนกลางคืนฉินหยูนั่งอยู่ในรถ มองดูทิศทางที่พวกเขาหายตัวไปอย่างเงียบ ๆ เธอสวมชุดสีขาวที่เหมาะสมกับงานเลี้ยง...สวยงามและมีสีสันเธอตามมาจากบ้านตระกูลหลี่เธอมองลู่เจ๋อที่พาเฉียวซุนออกมา เธอไม่เคยเห็นการแสดงออกที่อ่อนโยนของลู่เจ๋อ และก็ไม่เคยเห็นลู่เจ๋อหวงแหนมากขนาดนี้ ฝ่ามือของเขามักจะโอบเอวเล็ก ๆ ของเฉียวซุนไว้เสมอเธอคิดมาตลอดว่าลู่เจ๋อไม่ได้สนใจเฉียวซุนเธอคิดมาโดยตลอดว่าเฉียวซุนทรมานที่แต่งงานที่เป็นเวลาสามปีแล้วแล้วเต็มไปด้วยความช้ำใจ แต่เฉียวซุนเป็นศูนย์กลางของความสนใจในงานเลี้ยง! เธอตอนที่เธอเล่นไวโอลินนั้นก็งดงามจนน่าทึ่ง!เพราะอย่างนั้น ลู่เจ๋อก็เลยอดไม่ได้ที่จะจูบเธอในรถเมื่อกี้เลขาฉินจับพวงมาลัยด้วยสีหน้าหงุดหงิดเธอยอมรับควา
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว