ลู่เจ๋อมองดูเงียบ ๆทันใดนั้นเขาก็จำครั้งแรกของเขากับเฉียวซุนได้ อันที่จริงมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่มันก็ทำให้เขามีความสุข กระทั่งกลายเป็นเรื่องที่น่าจดจำสำหรับเขา ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเต็มใจตกลงแต่งงานกับเธอในภายหลังเขามองไปที่เฉียวซุน และเฉียวซุนเองก็มองไปที่ชายหญิงคู่นั้น ดูเหมือนเธอจะนึกถึงอดีตขึ้นมาได้ ดวงตาของเธอก็เกิดเปียกชื้นขึ้นมาลู่เจ๋อกอดไหล่ของเธอเอาไว้ตอนที่กำลังเช็คเอาท์ สายตาของพนักงานต้อนรับหญิงก็ดูซับซ้อนมากประธานลู่เร็วมาก!คอมพิวเตอร์แสดงผลขึ้นว่าใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น นี่พวกเขาจะไม่มีการเล้าโลมกันหน่อยเหรอ ไม่จูบหรือกอดกันเลยรึไง ยังไงระหว่างทำกิจกรรมกันมันก็ต้องใช้เวลาบ้างสิ......เธอส่งใบเสร็จรับเงินให้ลู่เจ๋อ และพูดด้วยความเคารพ “คุณลู่ เดินทางดี ๆ นะคะ! ”ลู่เจ๋อเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เลยมองดูเธออีกครั้ง ดวงตาสีเข้มคู่นั้นเวลาโกรธ กลับมีเสน่ห์เป็นพิเศษ ทำให้พนักงานต้อนรับแทบจะไม่กล้ามอง......รอจนกว่าคนจะจากไปจากนั้นเธอก็ตบหน้าอก แล้วพูดว่า “ตกใจแทบแย่! ”ณ ลานจอดรถ เหล่าหลินที่เป็นคนขับรถ เขาเองก็ไม่คิดว่าลู่เจ๋อจะเร็วขนา
เฉียวซุนกลับมาถึงบ้านเธอเอนหลังพิงบานประตู รู้สึกหอบเล็กน้อย แทบจะหมดสติไปชั่วขณะหนึ่งหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เอื้อมมือมาแตะริมฝีปากของเธอเบา ๆ ขอบตาของเธอเปียกชื้น เธอไม่สามารถยกโทษให้ลู่เจ๋อได้ แต่ในขณะเดียวกัน เธอเองก็ไม่สามารถยกโทษให้ตัวเองได้เหมือนกัน——การนัวเนียในรถ เธอแทบไม่รู้สึกอะไรเลยเธอพยายามกดมันเอาไว้ แต่ร่างกายของเธอก็ไม่สามารถโกหกตัวเองได้ ตอนที่ลู่เจ๋อสัมผัสเธอ อันที่จริงก็สามารถกระตุ้นความต้องการของเธอที่เป็นผู้หญิงขึ้นมาได้เธอรู้สึกละอายใจ......อพาร์ทเมนต์เงียบสงบ เสิ่นชิงนอนหลับไปแล้ว แต่เธอก็ทิ้งมื้อดึกเอาไว้ให้ก่อนแล้วเฉียวซุนไม่มีอารมณ์จะกินมันเธอเดินเข้าไปในห้องนอน และเปิดโคมไฟอ่านหนังสือ นั่งข้างเตียงแล้วมองดูเจ้าหนูลู่เหยียนที่กำลังนอนหลับสนิท ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เธอได้กินยาตามที่ผู้อำนวยการโจวสั่งไว้ อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว เลือดกำเดาก็ไม่ค่อยไหลแล้วด้วยแต่ความเจ็บป่วยของเธอ ยังคงอยู่ในใจของเฉียวซุนมาโดยตลอดเพราะงั้นทั้งที่คืนนี้ยากมากแท้ ๆ แต่เธอกลับยังคงโอบกอดลู่เจ๋อด้วยสภาพที่เปลือยเปล่าอยู่อีก จนเกือบจะขอร้องให้เขานอนกับเธอพอมาคิดถึง
คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่คบกับคุณฟ่านอยู่ ที่แท้ก็คือหลินเซียวความสุขที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอไม่สามารถปกปิดได้ลู่จิ้นเซิงวางเครื่องประดับลงเบา ๆ เขาก้มมองดูหลินเซียว ในสายตาของเขา การได้มาพบกันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันนานไม่ได้ทำให้เขาใจเต้นอีกแล้ว แต่กลับเป็นความรู้สึกสิ้นหวัง......อันที่จริงเขาเคยคิดไว้อยู่แล้ว ต่อไปหลินเซียวก็จะต้องแต่งงานแต่เขาไม่เคยคิดว่าจะเป็นคนแบบคุณฟ่าน ต่อไปทุกคนอาจจะได้พบกันที่สถานบันเทิงบ่อยขึ้นลู่จิ้นเซิงถามเธอออกไปตรง ๆ “คุณคบกับเขาแล้วเหรอ? ”หลินเซียวเป็นคนที่เก่งมากแท้ ๆแต่ในเวลานี้ เสียงของเธอกลับสั่นนิดหน่อย “ใช่! เหล่าฟ่านดีกับฉันมาก”ลู่จิ้นเซิงกะพริบตาเบา ๆ ขนตาของเขาทั้งยาวและสวยมาก แต่เพราะใบหน้าที่คมกริบของเขามักจะทำให้ผู้คนเพิกเฉยต่อสิ่งนี้......เขาจ้องไปที่หลินเซียวอยู่นานสองนาน แล้วถามออกไปเบา ๆ “เคยนอนด้วยกันรึยัง? ”มีหมอกปรากฏขึ้นในดวงตาของหลินเซียวเธอรู้สึกรับไม่ได้ และรีบเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว แต่ตอนที่เธอกำลังจะหันหลังเดินออกไป เธอยังทิ้งคำพูดเอาไว้สองคำกับลู่จิ้นเซิง “เคยแล้ว! ”เคยแล้ว......ลู่จิ้นเซิงเองก็ไม่ใช
กว่าที่เฉียวซุนจะเกลี้ยกล่อมเจ้าหนูลู่เหยียนได้สำเร็จ เวลาก็ปาไปสามทุ่มแล้วเธอกำลังเตรียมตัวจะอาบน้ำ หลินเซียวก็มาพอดี เธอดูสูญเสียจิตวิญญาณท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด เฉียวซุนรีบคว้าตัวเธอเข้ามา และถามออกไปเบา ๆ “ทำไมถึงมาซะดึกขนาดนี้ล่ะ? ”คอของหลินเซียวเกิดอาการสำลักหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ตาแดงก่ำ แล้วพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ “คืนนี้ฉันเจอกับลู่จิ้นเซิง! ”เฉียวซุนตกตะลึงหลังจากได้สติสักพัก เธอก็พาหลินเซียวไปที่ห้องนั่งเล่น และบิดผ้าร้อนให้เธอเช็ดหน้าหลินเซียวคว้าแขนเสื้อของเฉียวซุนไว้แน่น แล้วบ่นออกมา “เฉียวซุน ฉันกลัวว่าคุณฟ่านจะรู้เกี่ยวกับอดีตของฉัน แล้วฉันก็กลัวว่าเขาจะรังเกียจ”เธอเคยสารภาพกับคุณฟ่าน ว่าเธอเคยคบกับผู้ชายคนอื่นมาก่อน และเคยมีลูกด้วยกันแต่คุณฟ่านไม่รู้ว่าพ่อของเด็กคนนั้นคือลู่จิ้นเซิงโดยปกติแล้ว หลินเซียวจะเรียกเขาว่าเหล่าฟ่าน มีแค่สถานการณ์จริงจังแบบตอนนี้เท่านั้นที่เธอจะเรียกเขาว่าคุณฟ่าน ซึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเธอใส่ใจกับความรู้สึกของเขามากเฉียวซุนก้มศีรษะลงและเช็ดใบหน้าของหลินเซียวเธอค่อย ๆ พูดออกมา “คุณฟ่านคิดดีแล้วก่อนที่จะตามจีบเธอ
คำพูดเหล่านี้เหมือนจะทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะมีความรักหรือความเกลียดชังมากเพียงใด ไม่ว่าพวกเขาจะเหินห่างกันแค่ไหน ระหว่างพวกเขาก็ยังมีเจ้าหนูลู่เหยียนอยู่ตรงกลาง เพื่อเจ้าหนูลู่เหยียนแล้ว พวกเขายังคงต้องทำสิ่งนั้นอยู่............ครึ่งชั่วโมงต่อมา โรลส์-รอยซ์ แฟนทอมก็ค่อย ๆ ขับเข้าไปในเขตของสวนชิงพอเฉียวซุนลงจากรถ ดวงตาของเธอเปียกชื้นนิดหน่อยสวนชิงยังคงเหมือนเดิมแต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นกลับเปลี่ยนไปมาก......เจ้าหนูลู่เหยียนเอนกายในอ้อมแขนของพ่อ แล้วพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา “พ่อคะ ทำไมแม่ถึงร้องไห้เหรอคะ? ”เสียงของลู่เจ๋อทุ้มต่ำ “แม่ของลูกกำลังโกรธพ่ออยู่”เรื่องของผู้ใหญ่ เจ้าหนูลู่เหยียนไม่สามารถเข้าใจได้ เธอเลยทำได้แค่มองไปทางแม่ของเธอ มองดูท่าทางที่เสียใจจนต้องร้องไห้ของแม่เธออยู่อย่างนั้น......ไม่นานเฉียวซุนก็เก็บอารมณ์ความรู้สึกอย่างรวดเร็วคนรับใช้ในสวนชิงทุกคน ลู่เจ๋อเป็นคนพามา พวกเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าวันนี้คุณผู้หญิงจะพาคุณหนูกลับมา พวกเขาก็ใจชื้นขึ้นมา ทันทีที่เห็นเฉียวซุน ก็พากันเอ่ยปากเรียกคุณผู้หญิง พวกเขายังคงเอาใจใส่และเ
ท่ามกลางสายฝน ความหล่อเหลาและสง่างามนี้เกินจะพรรณนา......คุณหญิงลู่รีบทักทายเขาทันที “ลู่เจ๋อ ให้แม่ได้เจอกับเจ้าหนูลู่เหยียนหน่อย แม่เป็นคุณย่าแท้ ๆ ของเธอนะ! วันนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ แม่ตั้งใจทำขนมไหว้พระจันทร์แสนอร่อยมาให้เธอเป็นพิเศษ”คุณหญิงลู่รีบบอกให้คนรับใช้มารับไปลู่เจ๋อกลับสั่งห้ามไม่ให้รับด้วยเสียงที่ราบเรียบเขาพูดเบา ๆ “ไม่ต้องเปลืองแรงขนาดนั้นหรอก! ยังไงผมก็ไม่ให้คุณไปเจอเธอหรอก! แล้วอีกอย่าง...... เฉียวซุนและเจ้าหนูลู่เหยียนเป็นแค่ภรรยากับลูกของผม พวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณ! ”คุณหญิงลู่ตกตะลึงคนรับใช้ที่ถือร่มอยู่ข้าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกน “คุณหญิง! ”คุณหญิงลู่ผลักเธอออกไป เธอปล่อยให้ฝนตกกระทบลงบนใบหน้าและร่างกายของเธอ ให้ฝนได้ชะล้างดวงตาของเธอ แต่เธอก็ยังคงก้าวไปข้างหน้า และคว้าคอเสื้อของลู่เจ๋อ เสียงของเธอทำให้รู้สึกสะเทือนใจ “ลู่เจ๋อ นี่ลูกพูดอะไรออกมา ลูกรู้ตัวไหมว่าลูกพูดอะไรออกมา? แม่ไม่ใช่ย่าของเธอรึไง? แม่เป็นห่วงเธอมากนะ? ”ลู่เจ๋อปล่อยให้เธอผลักตัวเองม่านฝนตกลงมาตรงหน้าเขา จากนั้นเขาก็พูดออกมาเบา ๆ “วันนั้นฝนก็ตกแบบนี้แหละ วันที่ลู่
เฉียวซุนสงบลงเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ฉันเป็นประจำเดือน!”“ผมรู้”ลู่เจ๋อไม่ยอมละสายตาจากเธอ เขาถามเธอขึ้นทันที “ระหว่างพวกเรา เหลือแค่การทำเรื่องอย่างว่าเท่านั้นเหรอ? แค่เพื่อให้ได้มีลูกด้วยกันเท่านั้นใช่ไหม? ”เขาพูดเข้าประเด็น และต้องการคำชี้แจงที่กระจ่าง......เฉียวซุนเงยหน้าขึ้นมาทันที พร้อมกับดวงตาที่เปียกชื้น นั่นคือการประนีประนอมที่เธอต้องทำริมฝีปากของเธอสั่น และดึงแขนเสื้อของเขาเบา ๆ ด้วยนิ้วบาง ๆ ของเธอ เธอได้ยินเสียงที่แหบแห้งของลู่เจ๋อขณะที่เขาพูด “ผ่านมากี่ปีแล้ว หรือคุณไม่อยากทำความคุ้นเคยกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้เหรอ? เฉียวซุน อย่างน้อยผมก็ต้องการลดผลกระทบที่จะเกิดเหมือนกัน”ที่ผ่านมา เขาไม่เคยเป็นแบบนี้......เพื่อเรื่องแบบนี้แล้ว ที่พูดเหตุผลออกมามากมายขนาดนี้ เฉียวซุนรู้ดีว่ามันก็เป็นแค่เหตุผลของเขาเท่านั้น เขาแค่อยากจะจะอยู่กับเธอตามลำพัง เพราะห้องครัวในตอนเช้ามักจะมีคนรับใช้เข้าออกอยู่ตลอดเวลาเธอยอมประนีประนอมด้วยเธอคลายนิ้วออก ร่างกายของเธอก็ถูกเขาอุ้มในแนวนอนทันทีตอนที่ลู่เจ๋อกำลังขึ้นไปชั้นบน ดวงตาสีเข้มของเขาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของ
แล้วจะขอบคุณเธอทำไมกัน......หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เฉียวซุนก็ถึงเข้าใจ เขากำลังขอบคุณเธอที่ไม่ถ่ายทอดความเกลียดชังของเธอไปยังเจ้าหนูลู่เหยียน เจ้าหนูลู่เหยียนสนิทกับเขามาก......ในใจของเฉียวซุนรู้สึกขมขื่นอยู่ครู่หนึ่งเธอพูดเสียงเบา “ตอนที่ฉันพาเธอไป ฉันเคยบอกเอาไว้แล้ว ว่าฉันจะสอนให้เธอรู้จักกับความรักและความสุข”เธอเบา ๆ ออกมาอีกครั้ง “เธอเป็นลูกของฉัน ไม่ใช่เครื่องมือของฉัน”ลู่เจ๋อไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเขานั่งอยู่ในรถด้วยใบหน้าที่จริงจัง เจ้าหนูลู่เหยียนใช้มือเล็ก ๆ ของเธอพยุงหน้าของเขา และพูดด้วยเสียงหวาน ๆ “พ่อคะ พ่อยิ้มหน่อยสิ! ”ลู่เจ๋อยิ้มให้เจ้าหนูลู่เหยียนเจ้าหนูลู่เหยียนก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน ตอนที่เธอยิ้ม ก็เผยให้เห็นฟันน้ำนมที่เรียงกันเป็นแถว เหมือนกับเฉียวซุนตอนที่เธอยังเป็นเด็กไม่มีผิดจมูกของเขาก็รู้สึกแสบขึ้นมานิดหน่อยเขาคิดว่า หากเมื่อก่อนเขาไม่โง่ขนาดนั้นก็คงจะดี ครอบครัวของพวกเขาในตอนนี้รู้สึกว่ามีความสุขมาก เขาเองก็ไม่จำเป็นต้อง “แบ่งปัน" เธอให้กับใครอีกด้วย......ทันใดนั้นลู่เจ๋อก็พูดขึ้นว่า “ชีวิตในเมืองเซียง ดีมากเหรอ? ”เฉียวซุนตอบ อืม ออกมา “ดีมาก