เฉียวซุนสงบลงเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ฉันเป็นประจำเดือน!”“ผมรู้”ลู่เจ๋อไม่ยอมละสายตาจากเธอ เขาถามเธอขึ้นทันที “ระหว่างพวกเรา เหลือแค่การทำเรื่องอย่างว่าเท่านั้นเหรอ? แค่เพื่อให้ได้มีลูกด้วยกันเท่านั้นใช่ไหม? ”เขาพูดเข้าประเด็น และต้องการคำชี้แจงที่กระจ่าง......เฉียวซุนเงยหน้าขึ้นมาทันที พร้อมกับดวงตาที่เปียกชื้น นั่นคือการประนีประนอมที่เธอต้องทำริมฝีปากของเธอสั่น และดึงแขนเสื้อของเขาเบา ๆ ด้วยนิ้วบาง ๆ ของเธอ เธอได้ยินเสียงที่แหบแห้งของลู่เจ๋อขณะที่เขาพูด “ผ่านมากี่ปีแล้ว หรือคุณไม่อยากทำความคุ้นเคยกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้เหรอ? เฉียวซุน อย่างน้อยผมก็ต้องการลดผลกระทบที่จะเกิดเหมือนกัน”ที่ผ่านมา เขาไม่เคยเป็นแบบนี้......เพื่อเรื่องแบบนี้แล้ว ที่พูดเหตุผลออกมามากมายขนาดนี้ เฉียวซุนรู้ดีว่ามันก็เป็นแค่เหตุผลของเขาเท่านั้น เขาแค่อยากจะจะอยู่กับเธอตามลำพัง เพราะห้องครัวในตอนเช้ามักจะมีคนรับใช้เข้าออกอยู่ตลอดเวลาเธอยอมประนีประนอมด้วยเธอคลายนิ้วออก ร่างกายของเธอก็ถูกเขาอุ้มในแนวนอนทันทีตอนที่ลู่เจ๋อกำลังขึ้นไปชั้นบน ดวงตาสีเข้มของเขาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของ
แล้วจะขอบคุณเธอทำไมกัน......หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เฉียวซุนก็ถึงเข้าใจ เขากำลังขอบคุณเธอที่ไม่ถ่ายทอดความเกลียดชังของเธอไปยังเจ้าหนูลู่เหยียน เจ้าหนูลู่เหยียนสนิทกับเขามาก......ในใจของเฉียวซุนรู้สึกขมขื่นอยู่ครู่หนึ่งเธอพูดเสียงเบา “ตอนที่ฉันพาเธอไป ฉันเคยบอกเอาไว้แล้ว ว่าฉันจะสอนให้เธอรู้จักกับความรักและความสุข”เธอเบา ๆ ออกมาอีกครั้ง “เธอเป็นลูกของฉัน ไม่ใช่เครื่องมือของฉัน”ลู่เจ๋อไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเขานั่งอยู่ในรถด้วยใบหน้าที่จริงจัง เจ้าหนูลู่เหยียนใช้มือเล็ก ๆ ของเธอพยุงหน้าของเขา และพูดด้วยเสียงหวาน ๆ “พ่อคะ พ่อยิ้มหน่อยสิ! ”ลู่เจ๋อยิ้มให้เจ้าหนูลู่เหยียนเจ้าหนูลู่เหยียนก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน ตอนที่เธอยิ้ม ก็เผยให้เห็นฟันน้ำนมที่เรียงกันเป็นแถว เหมือนกับเฉียวซุนตอนที่เธอยังเป็นเด็กไม่มีผิดจมูกของเขาก็รู้สึกแสบขึ้นมานิดหน่อยเขาคิดว่า หากเมื่อก่อนเขาไม่โง่ขนาดนั้นก็คงจะดี ครอบครัวของพวกเขาในตอนนี้รู้สึกว่ามีความสุขมาก เขาเองก็ไม่จำเป็นต้อง “แบ่งปัน" เธอให้กับใครอีกด้วย......ทันใดนั้นลู่เจ๋อก็พูดขึ้นว่า “ชีวิตในเมืองเซียง ดีมากเหรอ? ”เฉียวซุนตอบ อืม ออกมา “ดีมาก
เพราะในใจของลู่เจ๋อยังคงกังวลอยู่หลังจากที่เขากลับมาจากเมือง H ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉียวซุนก็ยังคงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่เหมือนเดิมตอนที่เขาไปเยี่ยมลูก เฉียวซุนเองก็พยายามหลบหน้า ตอนแรกลู่เจ๋อก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย แต่แล้วเขาก็คิดว่า ในใจเธอตอนนี้คุณฟ่านคงสำคัญกับเธอที่สุด และที่เธอเข้ามาพัวพันกับเขาก็เพื่อลูกเท่านั้นพอพูดถึงความรู้สึก อันที่จริงก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็เหมือนยิ่งออกห่างจากเฉียวซุนมากขึ้นเท่านั้น ระหว่างพวกเขา นอกจากลูกแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องอื่นอีก......วันหยุดสุดสัปดาห์ตึกลู่ซื่อกรุ๊ป มองลงมาจากหน้าต่างสูง ก็ต้นเมเปิลสีแดงที่ดูเหมือนเปลวไฟกำลังลุกโชนถึงปลายฤดูใบไม้ร่วงอีกแล้ว!ลู่เจ๋อตกตะลึง เมื่อเห็นว่าโทรศัพท์มือถือของเขาได้รับสายจากเฉียวซุน คำพูดของเธอสั้นมาก มีเพียงแค่สามคำเท่านั้น “สะดวกไหม”ลู่เจ๋อไม่ได้ตอบกลับในทันทีเขาเดาว่าประจำเดือนของเธอคงหมดลงแล้ว เขามองออกไปไกล ๆ มองอยู่นานก่อนที่จะตอบกลับข้อความของเธอ “สะดวก! ”......ตอนกลางคืน ประมาณสองทุ่มพวกเขาพบกันที่โรงแรมฮิลตันภายในห้องสวีทไม
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถหยุดเขาได้ เขาจู่โจมทันทีภายในไม่กี่วินาที ริมฝีปากบางของเขาปิดหูของเธอจนมิด และเสียงของเขาก็แหบแห้ง เขาพูดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ใส่หูของเธอ “บอกผมมาสิ ว่าคุณชอบแนวไหน แล้วต้องทำยังไงถึงจะทำให้คุณพอใจ?”เฉียวซุนมองไม่เห็นเขาแต่กระจกกลับสะท้อนร่างของทั้งคู่......เขากอดเธอ ใบหน้าสง่างามที่เต็มไปด้วยความเข้มงวด เมื่อมีผู้หญิงมองก็มักจะเกิดอารมณ์ตาม......เฉียวซุนเองก็ไม่สามารถต้านทานได้ และทำได้เพียงอดทนเท่านั้นหลังจากทำกันตรงข้างหน้าต่างเสร็จไปแล้วหนึ่งรอบ ลู่เจ๋อก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอน กดตัวเธอไว้ แล้วรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ...... ความต้องการของผู้ชายที่เขาเก็บสะสมมานานสามปี ก็ถูกปล่อยออกมาในเวลานี้ทั้งหมดเขาไม่มีความเมตตาใด ๆ ทั้งสิ้น เขาทั้งหยาบคายและน่ารังเกียจ......พวกเขาทำกันเสร็จไปแล้วหลายรอบห้องนอนมืดสลัว และการหายใจของทั้งสองก็เปลี่ยนจากเร็วเป็นอ่อนโยน ลู่เจ๋อหันศีรษะ แล้วถามเบา ๆ “สบายตัวไหม? ”เฉียวซุนพลิกตัว หันหลังให้กับเขาเธอแสร้งทำเป็นคนที่ชำนาญ “ก็ใช้ได้! ”ลู่เจ๋อมองไปที่แผ่นหลังของเธอ เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะพลิกตัวเธอกลับมา
ในใจของพวกเขาเกิดความรู้สึกที่ท่วมท้นขึ้นแม้กระทั่งเมื่อกี้ ตอนที่พวกเขาทำกันอย่างดุเดือด มันก็ไม่ได้ซาบซึ้งเท่าช่วงเวลาในตอนนี้น้ำตาที่หางตาของเฉียวซุน มันเต็มไปด้วยความรักและความเกลียดชังที่เธอเคยมีต่อเขา น้ำตาไหลทีละหยดอย่างไม่เต็มใจ ก็ถูกลู่เจ๋อทั้งเลียและจูบออกไปจนหมดเสียงของเขาฟังดูแหบแห้ง “คุณยังเกลียดผมยู่ใช่ไหม? ยังรักผมอยู่รึเปล่า? ”เฉียวซุนเบือนหน้าหนีเธอไม่อยากที่จะตอบคำถามนี้เธอปฏิเสธที่จะตอบ ลู่เจ๋อจึงต้องกดเธอและลูบไล้เธออย่างแรง ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง เพื่อเฝ้าดูปฏิกิริยาของเธอ เขาอยากจะเห็นความรู้สึกเก่า ๆ บนใบหน้าของเธอ เผื่อว่าจะเจอร่องรอยของความรักที่เธอมีต่อเขา......แต่เฉียวซุนก็ไม่เคยโต้ตอบเขาเลยลู่เจ๋อพลิกตัว และนอนอยู่ข้าง ๆ เธอ แต่มือข้างหนึ่งของเขาก็ยังคงพาดอยู่บนร่างกายของเธออยู่ ใบหน้าของเขาซุกเข้าไปที่ช่วงคอของเธอ และท่าทางของเขาก็ต่ำมาก “ช่วงไม่กี่ปีมานี้ผมไม่เคยมีใคร ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการ แต่เป็นเพราะผมไม่คิดจะหาต่างหาก เฉียวซุน ผมกลัวว่าคุณกลับมาแล้วจะไม่พอใจ”เขาเคยคิดเอาไว้ ว่าเธอก็อาจจะหาใครสักคนเหมือนกันแต่พอเขาเห
แม้ปากจะบอกว่าทำเพื่อเด็กแต่พวกเขาก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาสองสามปีแล้ว ประสบการณ์ในฐานะสามีภรรยาทั้งหมดของพวกเขาก็มาจากการที่ต่างฝ่ายต่างเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ค่ำคืนอันแสนเร่าร้อนเหล่านั้น ต่อให้พวกเขาจะเกลียดจนถึงขั้นไม่เผาผีกัน ยังไงพวกเขาก็ลืมมันไปไม่ได้ง่าย ๆ อยู่ดี......ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ พวกเขาก็กำลังหวนนึกถึงวันคืนเก่า ๆ อีกครั้งลู่เจ๋อยืนอยู่ข้างเตียง มองดูเฉียวซุนแต่งตัวอย่างเงียบ ๆ เธอเองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงเขา ยังไงซะ สิ่งที่ควรเห็นก็เคยเห็นมาก่อนแล้ว มันไม่ได้มีอะไรน่าอวดขนาดนั้นพอถึงตอนที่กำลังจะไป เธอก็เห็นว่าปกเสื้อของเขางอนิดหน่อย เธอชินกับการช่วยเขาปรับให้ตรงจนเป็นนิสัยก่อนที่จะวางมือลง ลู่เจ๋อก็คว้าเอาไว้ดวงตาสีเข้มของเขาที่ไม่อาจคาดเดาได้ ก็กำลังจ้องมองเธออยู่ แล้วถามคำถามที่เข้าใจยากออกมา “คุณเองก็ช่วยเขาจัดเสื้อแบบนี้เหรอ? ”เขาคนไหน......เฉียวซุนยังไม่ทันได้ตอบอะไร แต่ลู่เจ๋อก็ปล่อยมือเธอ แล้วเข้าไปในลิฟต์ก่อนเฉียวซุนเดาว่าเขาน่าจะเข้าใจอะไรผิดอยู่หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอก็เดาได้ว่าคงจะกำลังเข้าใจคุณฟ่านผิดอยู่ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้เธอได้เข้
วอร์ดพิเศษ VIP ของโรงพยาบาลลู่เจ้าหนูลู่เหยียนสวมชุดของโรงพยาบาล นอนอยู่บนเตียงสีชมพู และนอนหลับอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอแดงก่ำไปด้วยพิษไข้หมอได้ให้น้ำเกลือแก่เธอแล้วของเหลวใส ๆ ค่อย ๆ ตกลงมาทีละหยด......ผู้อำนวยการโจวรีบวิ่งเข้ามาเธอแบ่งปันข้อมูลของเจ้าหนูลู่เหยียนให้กับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลลู่ หลังจากพูดคุยกันสักพัก รองผู้อำนวยการก็พูดขึ้นเบา ๆ ว่า “เราจำเป็นต้องเจาะอีกครั้ง เพื่อดูสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง! ประธานลู่มีความคิดเห็นอย่างไรครับ? ”ลู่เจ๋อมองไปที่เฉียวซุนเฉียวซุนในเวลานี้ เธอก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ได้ เธอพยายามปิดปากเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองพ่นคำที่ไม่สุภาพออกมา และเดินตรงเข้าไปในห้อง......หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เจ๋อก็เดินตามเข้ามาเฉียวซุนยืนอยู่หน้าต่าง เธอแค่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็รู้ว่าเป็นลู่เจ๋อ ยากมากที่เธอจะอารมณ์เสียที่ขนาดนี้ “เธอเพิ่งจะอายุแค่สี่ขวบเอง...... ลู่เจ๋อ เธอเพิ่งจะสี่ขวบเองนะ! ”“ผมรู้! เฉียวซุน ผมรู้ดี”ลู่เจ๋อเข้ามาข้างหลังเธอ ใช้แขนโอบไหล่เธอเพื่อปลอบ “ผมเองก็เป็นห่วง ผมก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน! แต่ว่านะ เฉียวซุน เจ้าหนูลู่เหยียนเธอกล้าหาญ
เขารู้สึกผิดกับเด็กคนนี้มากขนาดไหน!กลิ่นควันตลบอบอวน แล้วหางตาของลู่เจ๋อก็มีน้ำตาไหลออกมา เขาไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าเจ้าหนูลู่เหยียนเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนจะเป็นยังไง แล้วเฉียวซุนล่ะ จะเป็นยังไง.....เขาไม่ร้องขอการให้อภัยจากเฉียวซุนอีกต่อไปเขาแค่อยากให้พวกเธอทั้งคู่ปลอดภัย......พอถึงรุ่งสาง ลู่เจ๋อก็ไปที่วัดหลิงเซียววัดโบราณที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขา ทั้งสะอาดและปราศจากฝุ่นเขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า แต่กลับคุกเข่าลงต่อหน้าพระพุทธรูปเป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมง เพียงเพื่อต้องการขอพรให้ท่านคุ้มครองเจ้าหนูลู่เหยียนตอนที่ลงจากภูเขา ลู่เจ๋อก็พบกับพระภิกษุรูปหนึ่งที่กำลังกวาดพื้นอยู่พระภิกษุรูปนั้นชี้ไปทางเขาแล้วยิ้ม “ไม่ว่าคุณจะบริจาคธูปมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถล้างบาปของคุณได้ เลือดก็ต้องล้างด้วยเลือด ชีวิตก็ต้องแลกด้วยชีวิต! ”เมื่อพระภิกษุจากไป เขาก็พึมพำอะไรบางอย่างออกมา “บนโลกนี้ผู้ชายช่างโหดเหี้ยมเสียจริง จะมีใครบ้างที่ยอมแลกชีวิตของตัวเองให้กับภรรยาและลูก? น่าขัน! น่าขันสิ้นดี! ”ลู่เจ๋อกลับยืนอยู่เงียบ ๆเขากำเครื่องรางไว้ในมือ แล้วพูดกับพระภิกษุเบา ๆ “ผมยอม! ”เขาติ
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว