เฉียวซุนไม่มีทางเลือกเธอกอดลู่เจ๋อเอาไว้แน่น ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้สะดุดล้มลงได้ ร่างกายของเขาร้อนมาก หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะกระโดดออกมา......ลู่เจ๋อจับหลังคอของเธอ แล้วบังคับให้มองดูเขาสายตาของทั้งคู่สอดประสานกัน ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความต้องการของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิง ทั้งยังมีร่องรอยของการต่อสู้ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เข้มเหมือนสีหมึก ลึกราวกับทะเลลู่เจ๋อพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ร่างกายคุณหายดีแล้วเหรอ? ”ดูแล้วเหมือนเป็นแค่คำถาม แต่จริง ๆ แล้วมันคือคำสั่งเธอมีเสน่ห์มากกว่าตอนก่อนคลอดมาก และการสัมผัสจากฝ่ามือของผู้ชายก็ไม่สามารถโกหกได้เฉียวซุนร้องไห้แบบไม่มีเสียง “หยุดพูดนะ! ”ลู่เจ๋อจูบเธอ เขากดที่หลังคอของเธอแล้วจูบเธออย่างแรง ราวกับอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว กลิ่นยาสูบจาง ๆ บนร่างกายของเขา เขาแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปข้างในตัวเธอทันใดนั้น ลู่เจ๋อก็หยุดลงเขากอดเธอ ก้มหน้ามองดูคิ้วของเธอ และเห็นว่าเธอมีท่าทีที่ดูคุ้นเคยกับความเพลิดเพลินที่ต่ำตมนี้...... ในขณะนั้น สีหน้าของลู่เจ๋อก็ค่อนข้างซับซ้อนเขาปล่อยเธอเขานั่งที่ขอบเตียง หยิบกางเกงขึ้นมาสวม แล้วหยิบกล่องบุหรี
ลู่เจ๋อมองดูเงียบ ๆทันใดนั้นเขาก็จำครั้งแรกของเขากับเฉียวซุนได้ อันที่จริงมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่มันก็ทำให้เขามีความสุข กระทั่งกลายเป็นเรื่องที่น่าจดจำสำหรับเขา ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเต็มใจตกลงแต่งงานกับเธอในภายหลังเขามองไปที่เฉียวซุน และเฉียวซุนเองก็มองไปที่ชายหญิงคู่นั้น ดูเหมือนเธอจะนึกถึงอดีตขึ้นมาได้ ดวงตาของเธอก็เกิดเปียกชื้นขึ้นมาลู่เจ๋อกอดไหล่ของเธอเอาไว้ตอนที่กำลังเช็คเอาท์ สายตาของพนักงานต้อนรับหญิงก็ดูซับซ้อนมากประธานลู่เร็วมาก!คอมพิวเตอร์แสดงผลขึ้นว่าใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น นี่พวกเขาจะไม่มีการเล้าโลมกันหน่อยเหรอ ไม่จูบหรือกอดกันเลยรึไง ยังไงระหว่างทำกิจกรรมกันมันก็ต้องใช้เวลาบ้างสิ......เธอส่งใบเสร็จรับเงินให้ลู่เจ๋อ และพูดด้วยความเคารพ “คุณลู่ เดินทางดี ๆ นะคะ! ”ลู่เจ๋อเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เลยมองดูเธออีกครั้ง ดวงตาสีเข้มคู่นั้นเวลาโกรธ กลับมีเสน่ห์เป็นพิเศษ ทำให้พนักงานต้อนรับแทบจะไม่กล้ามอง......รอจนกว่าคนจะจากไปจากนั้นเธอก็ตบหน้าอก แล้วพูดว่า “ตกใจแทบแย่! ”ณ ลานจอดรถ เหล่าหลินที่เป็นคนขับรถ เขาเองก็ไม่คิดว่าลู่เจ๋อจะเร็วขนา
เฉียวซุนกลับมาถึงบ้านเธอเอนหลังพิงบานประตู รู้สึกหอบเล็กน้อย แทบจะหมดสติไปชั่วขณะหนึ่งหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เอื้อมมือมาแตะริมฝีปากของเธอเบา ๆ ขอบตาของเธอเปียกชื้น เธอไม่สามารถยกโทษให้ลู่เจ๋อได้ แต่ในขณะเดียวกัน เธอเองก็ไม่สามารถยกโทษให้ตัวเองได้เหมือนกัน——การนัวเนียในรถ เธอแทบไม่รู้สึกอะไรเลยเธอพยายามกดมันเอาไว้ แต่ร่างกายของเธอก็ไม่สามารถโกหกตัวเองได้ ตอนที่ลู่เจ๋อสัมผัสเธอ อันที่จริงก็สามารถกระตุ้นความต้องการของเธอที่เป็นผู้หญิงขึ้นมาได้เธอรู้สึกละอายใจ......อพาร์ทเมนต์เงียบสงบ เสิ่นชิงนอนหลับไปแล้ว แต่เธอก็ทิ้งมื้อดึกเอาไว้ให้ก่อนแล้วเฉียวซุนไม่มีอารมณ์จะกินมันเธอเดินเข้าไปในห้องนอน และเปิดโคมไฟอ่านหนังสือ นั่งข้างเตียงแล้วมองดูเจ้าหนูลู่เหยียนที่กำลังนอนหลับสนิท ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เธอได้กินยาตามที่ผู้อำนวยการโจวสั่งไว้ อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว เลือดกำเดาก็ไม่ค่อยไหลแล้วด้วยแต่ความเจ็บป่วยของเธอ ยังคงอยู่ในใจของเฉียวซุนมาโดยตลอดเพราะงั้นทั้งที่คืนนี้ยากมากแท้ ๆ แต่เธอกลับยังคงโอบกอดลู่เจ๋อด้วยสภาพที่เปลือยเปล่าอยู่อีก จนเกือบจะขอร้องให้เขานอนกับเธอพอมาคิดถึง
คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่คบกับคุณฟ่านอยู่ ที่แท้ก็คือหลินเซียวความสุขที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอไม่สามารถปกปิดได้ลู่จิ้นเซิงวางเครื่องประดับลงเบา ๆ เขาก้มมองดูหลินเซียว ในสายตาของเขา การได้มาพบกันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันนานไม่ได้ทำให้เขาใจเต้นอีกแล้ว แต่กลับเป็นความรู้สึกสิ้นหวัง......อันที่จริงเขาเคยคิดไว้อยู่แล้ว ต่อไปหลินเซียวก็จะต้องแต่งงานแต่เขาไม่เคยคิดว่าจะเป็นคนแบบคุณฟ่าน ต่อไปทุกคนอาจจะได้พบกันที่สถานบันเทิงบ่อยขึ้นลู่จิ้นเซิงถามเธอออกไปตรง ๆ “คุณคบกับเขาแล้วเหรอ? ”หลินเซียวเป็นคนที่เก่งมากแท้ ๆแต่ในเวลานี้ เสียงของเธอกลับสั่นนิดหน่อย “ใช่! เหล่าฟ่านดีกับฉันมาก”ลู่จิ้นเซิงกะพริบตาเบา ๆ ขนตาของเขาทั้งยาวและสวยมาก แต่เพราะใบหน้าที่คมกริบของเขามักจะทำให้ผู้คนเพิกเฉยต่อสิ่งนี้......เขาจ้องไปที่หลินเซียวอยู่นานสองนาน แล้วถามออกไปเบา ๆ “เคยนอนด้วยกันรึยัง? ”มีหมอกปรากฏขึ้นในดวงตาของหลินเซียวเธอรู้สึกรับไม่ได้ และรีบเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว แต่ตอนที่เธอกำลังจะหันหลังเดินออกไป เธอยังทิ้งคำพูดเอาไว้สองคำกับลู่จิ้นเซิง “เคยแล้ว! ”เคยแล้ว......ลู่จิ้นเซิงเองก็ไม่ใช
กว่าที่เฉียวซุนจะเกลี้ยกล่อมเจ้าหนูลู่เหยียนได้สำเร็จ เวลาก็ปาไปสามทุ่มแล้วเธอกำลังเตรียมตัวจะอาบน้ำ หลินเซียวก็มาพอดี เธอดูสูญเสียจิตวิญญาณท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด เฉียวซุนรีบคว้าตัวเธอเข้ามา และถามออกไปเบา ๆ “ทำไมถึงมาซะดึกขนาดนี้ล่ะ? ”คอของหลินเซียวเกิดอาการสำลักหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ตาแดงก่ำ แล้วพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ “คืนนี้ฉันเจอกับลู่จิ้นเซิง! ”เฉียวซุนตกตะลึงหลังจากได้สติสักพัก เธอก็พาหลินเซียวไปที่ห้องนั่งเล่น และบิดผ้าร้อนให้เธอเช็ดหน้าหลินเซียวคว้าแขนเสื้อของเฉียวซุนไว้แน่น แล้วบ่นออกมา “เฉียวซุน ฉันกลัวว่าคุณฟ่านจะรู้เกี่ยวกับอดีตของฉัน แล้วฉันก็กลัวว่าเขาจะรังเกียจ”เธอเคยสารภาพกับคุณฟ่าน ว่าเธอเคยคบกับผู้ชายคนอื่นมาก่อน และเคยมีลูกด้วยกันแต่คุณฟ่านไม่รู้ว่าพ่อของเด็กคนนั้นคือลู่จิ้นเซิงโดยปกติแล้ว หลินเซียวจะเรียกเขาว่าเหล่าฟ่าน มีแค่สถานการณ์จริงจังแบบตอนนี้เท่านั้นที่เธอจะเรียกเขาว่าคุณฟ่าน ซึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเธอใส่ใจกับความรู้สึกของเขามากเฉียวซุนก้มศีรษะลงและเช็ดใบหน้าของหลินเซียวเธอค่อย ๆ พูดออกมา “คุณฟ่านคิดดีแล้วก่อนที่จะตามจีบเธอ
คำพูดเหล่านี้เหมือนจะทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะมีความรักหรือความเกลียดชังมากเพียงใด ไม่ว่าพวกเขาจะเหินห่างกันแค่ไหน ระหว่างพวกเขาก็ยังมีเจ้าหนูลู่เหยียนอยู่ตรงกลาง เพื่อเจ้าหนูลู่เหยียนแล้ว พวกเขายังคงต้องทำสิ่งนั้นอยู่............ครึ่งชั่วโมงต่อมา โรลส์-รอยซ์ แฟนทอมก็ค่อย ๆ ขับเข้าไปในเขตของสวนชิงพอเฉียวซุนลงจากรถ ดวงตาของเธอเปียกชื้นนิดหน่อยสวนชิงยังคงเหมือนเดิมแต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นกลับเปลี่ยนไปมาก......เจ้าหนูลู่เหยียนเอนกายในอ้อมแขนของพ่อ แล้วพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา “พ่อคะ ทำไมแม่ถึงร้องไห้เหรอคะ? ”เสียงของลู่เจ๋อทุ้มต่ำ “แม่ของลูกกำลังโกรธพ่ออยู่”เรื่องของผู้ใหญ่ เจ้าหนูลู่เหยียนไม่สามารถเข้าใจได้ เธอเลยทำได้แค่มองไปทางแม่ของเธอ มองดูท่าทางที่เสียใจจนต้องร้องไห้ของแม่เธออยู่อย่างนั้น......ไม่นานเฉียวซุนก็เก็บอารมณ์ความรู้สึกอย่างรวดเร็วคนรับใช้ในสวนชิงทุกคน ลู่เจ๋อเป็นคนพามา พวกเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าวันนี้คุณผู้หญิงจะพาคุณหนูกลับมา พวกเขาก็ใจชื้นขึ้นมา ทันทีที่เห็นเฉียวซุน ก็พากันเอ่ยปากเรียกคุณผู้หญิง พวกเขายังคงเอาใจใส่และเ
ท่ามกลางสายฝน ความหล่อเหลาและสง่างามนี้เกินจะพรรณนา......คุณหญิงลู่รีบทักทายเขาทันที “ลู่เจ๋อ ให้แม่ได้เจอกับเจ้าหนูลู่เหยียนหน่อย แม่เป็นคุณย่าแท้ ๆ ของเธอนะ! วันนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ แม่ตั้งใจทำขนมไหว้พระจันทร์แสนอร่อยมาให้เธอเป็นพิเศษ”คุณหญิงลู่รีบบอกให้คนรับใช้มารับไปลู่เจ๋อกลับสั่งห้ามไม่ให้รับด้วยเสียงที่ราบเรียบเขาพูดเบา ๆ “ไม่ต้องเปลืองแรงขนาดนั้นหรอก! ยังไงผมก็ไม่ให้คุณไปเจอเธอหรอก! แล้วอีกอย่าง...... เฉียวซุนและเจ้าหนูลู่เหยียนเป็นแค่ภรรยากับลูกของผม พวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณ! ”คุณหญิงลู่ตกตะลึงคนรับใช้ที่ถือร่มอยู่ข้าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกน “คุณหญิง! ”คุณหญิงลู่ผลักเธอออกไป เธอปล่อยให้ฝนตกกระทบลงบนใบหน้าและร่างกายของเธอ ให้ฝนได้ชะล้างดวงตาของเธอ แต่เธอก็ยังคงก้าวไปข้างหน้า และคว้าคอเสื้อของลู่เจ๋อ เสียงของเธอทำให้รู้สึกสะเทือนใจ “ลู่เจ๋อ นี่ลูกพูดอะไรออกมา ลูกรู้ตัวไหมว่าลูกพูดอะไรออกมา? แม่ไม่ใช่ย่าของเธอรึไง? แม่เป็นห่วงเธอมากนะ? ”ลู่เจ๋อปล่อยให้เธอผลักตัวเองม่านฝนตกลงมาตรงหน้าเขา จากนั้นเขาก็พูดออกมาเบา ๆ “วันนั้นฝนก็ตกแบบนี้แหละ วันที่ลู่
เฉียวซุนสงบลงเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ฉันเป็นประจำเดือน!”“ผมรู้”ลู่เจ๋อไม่ยอมละสายตาจากเธอ เขาถามเธอขึ้นทันที “ระหว่างพวกเรา เหลือแค่การทำเรื่องอย่างว่าเท่านั้นเหรอ? แค่เพื่อให้ได้มีลูกด้วยกันเท่านั้นใช่ไหม? ”เขาพูดเข้าประเด็น และต้องการคำชี้แจงที่กระจ่าง......เฉียวซุนเงยหน้าขึ้นมาทันที พร้อมกับดวงตาที่เปียกชื้น นั่นคือการประนีประนอมที่เธอต้องทำริมฝีปากของเธอสั่น และดึงแขนเสื้อของเขาเบา ๆ ด้วยนิ้วบาง ๆ ของเธอ เธอได้ยินเสียงที่แหบแห้งของลู่เจ๋อขณะที่เขาพูด “ผ่านมากี่ปีแล้ว หรือคุณไม่อยากทำความคุ้นเคยกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้เหรอ? เฉียวซุน อย่างน้อยผมก็ต้องการลดผลกระทบที่จะเกิดเหมือนกัน”ที่ผ่านมา เขาไม่เคยเป็นแบบนี้......เพื่อเรื่องแบบนี้แล้ว ที่พูดเหตุผลออกมามากมายขนาดนี้ เฉียวซุนรู้ดีว่ามันก็เป็นแค่เหตุผลของเขาเท่านั้น เขาแค่อยากจะจะอยู่กับเธอตามลำพัง เพราะห้องครัวในตอนเช้ามักจะมีคนรับใช้เข้าออกอยู่ตลอดเวลาเธอยอมประนีประนอมด้วยเธอคลายนิ้วออก ร่างกายของเธอก็ถูกเขาอุ้มในแนวนอนทันทีตอนที่ลู่เจ๋อกำลังขึ้นไปชั้นบน ดวงตาสีเข้มของเขาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของ
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว