ลู่เจ๋อมักจะเป็นคนที่ใส่ใจอยู่เสมอเขาพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เมื่อก่อน ตอนที่คุณยังคบกับผมอยู่ คุณไม่เคยเป็นแบบนี้! ”ด้านนอก ตอนนี้ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้วภายในห้องพักให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่นและสว่างสดใส เฉียวซุนยืนอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เป็นใจ เธอดูอ่อนโยนและนุ่มนวลเธอจ้องมองไปทางลู่เจ๋อ แล้วพูดเบา ๆ “เพราะพวกเราต่างกันเกินไป! ตั้งแต่แต่งงานกันมา สถานะของเราทั้งคู่ก็ไม่เท่าเดิมอีกเลย สิ่งที่ต้องจัดการในทุก ๆ วันก็คือสามีที่เย็นชา ฉันไม่รู้ว่าฉันพูดอะไรผิดไป ถึงได้ทำให้เขาไม่พอใจ ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิดกันแน่ เขาถึงไม่ยอมพูดกับฉันเป็นอาทิตย์ ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาแบบนี้ จะมีผู้หญิงที่ไหนที่จะสบายใจกับความสัมพันธ์แบบนี้บ้าง”ดวงตาของลู่เจ๋อร้อนผ่าว “งั้นถ้าหากผมบอกว่าจะเริ่มใส่ใจคุณตั้งแต่ตอนนี้ เคารพคุณตั้งแต่ตอนนี้ล่ะ? ”เฉียวซุนยิ้มเบา ๆ “มันจะมีประโยชน์อะไร? ”เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนออกจากอ้อมแขนของเขา เธอปลอบเจ้าตัวน้อยไปพลาง พูดกับเขาไปพลาง “ลูกคุณก็ได้เห็นแล้ว งั้นฉันก็ขอไปส่งละกันนะคะ! ”ในเวลานี้ เสิ่นชิงนำเกี๊ยวสองสามจานออกมาลู่เจ๋อไม่สามารถอยู่ต่
ทันทีที่เฉียวซุนพูดจบ ริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดกั้นบางทีอาจเป็นเพราะอารมณ์ของเขาถูกกดไว้มากเกินไป หรืออาจเพราะเขาถูกกระตุ้นโดยเมิ่งเยียนหุยผ่านทางโทรศัพท์ ลู่เจ๋อจึงประกบริมฝีปากสีแดงของเธอไว้กับปากของเขาอย่างไม่สนใจ เป็นกระทำที่ค่อนข้างป่าเถื่อน......ร่างกายถูกบดขยี้ ริมฝีปากและลิ้นก็พันกันยุ่งเหยิงอย่างไรก็ตาม แม้จะจูบกันอย่างเร่าร้อนแค่ไหน ทั้งสองฝ่ายก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบางอย่างของอีกฝ่ายได้หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดลู่เจ๋อก็ปล่อยมือทันทีที่เขาปล่อยมือ เขาก็ถูกเฉียวซุนตบหน้าทันที แทนที่เขาจะโกรธ แต่เขากลับโน้มตัวไปตรงคอของเธอ เพื่อทำให้เธอสงบลงอย่างอ่อนโยน รสชาติของเฉียวซุนดูเหมือนจะยังคงติดอยู่ตรงริมฝีปากและฟันของเขาเฉียวซุนผลักเขาออกอย่างแรงแต่เธอกลับผลักเขาไม่ได้ เพราะลู่เจ๋อล็อกเธอเอาไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา หัวใจของเขาเต้นแรง เพียงเพื่อจะกระซิบข้างหูเธอ “เฉียวซุน ผมชอบคุณ”เขาชอบเธอตั้งแต่ต้นจนจบ เธอคือคนเดียวที่เขาชอบมาโดยตลอดแต่ช่วงเวลานี้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมเอาซะเลย แต่เขากลับทนรอไม่ไหวที่จะสารภาพรักกับเธอ เมื่อก่อนเขาปฏิบัติต่อเธออย่างเลวร้าย แต่
ลู่เจ๋อไม่ยอมให้เธอพูดต่อเขามองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ และบอกเธออย่างตรงไปตรงมา “ผมไม่ได้สนใจคุณ! คุณไป๋ คำพูดที่ตรงไปตรงมาแบบนี้ ผมคิดว่าคุณน่าจะฟังออกนะครับ! ”ดวงตาของไป๋เสวี่ยก็มีน้ำตาคลอเบ้าทันทีริมฝีปากของเธอสั่น รออยู่นานมาก แต่เธอก็พูดอะไรไม่ออกอยู่ดีลู่เจ๋อปิดหน้าต่างขึ้น เหยียบคันเร่งเบา ๆ แล้วจากไปภายใต้แสงไฟบนถนนอันหนาวเย็น ไป๋เสวี่ยก็ถูกทิ้งให้ยืนอยู่คนเดียว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา......เป็นเวลานานกว่าเธอจะค่อย ๆ นั่งลง และกอดร่างกายของตัวเองเอาไว้เธอรู้สึกอับอายอย่างมาก......ลู่เจ๋อขับรถกลับไปที่วิลล่าหลังจากที่ลงจากรถ เขาก็เอามือลูบหน้าผากก่อนที่จะเดินเข้าประตูไป คนใช้หยิบเสื้อคลุมจากมือ แล้วพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “วันนี้เป็นวันที่สิบห้าของเดือนแรก ทางห้องครัวตั้งใจทำบัวลอยข้าวหมากเอาไว้ อีกเดี๋ยวจะตักมาให้นายท่านชิมนะคะ”บัวลอยข้าวหมาก......ลู่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อยคนรับใช้ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงพูดโพล่งออกมา “คุณผู้หญิงชอบมันมากเลยนะคะ วันที่สิบหน้าของเดือนแรกในปีที่แล้วก็สั่งให้ห้องครัวทำด้วย นายท่านลืมไปแล้วเหรอคะ? ”ลู่เจ๋อหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยสีห
ตอนนี้ลู่เจ๋อก็อารมณ์เสียทันทีเขาจ้องไปที่โต๊ะประชุมอย่างว่างเปล่า ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถามออกมาเบาๆ “เธอไปที่ไหน? ”เลขาฉินกล่าวว่า “เมืองเซียงค่ะ! ”เมืองเซียง......ลู่เจ๋อจำได้ว่าคุณฟ่านที่อยู่ในเมืองเซียง เขาเองก็เหมือนจะรู้สึกดีกับเฉียวซุนด้วยเหมือนกัน แถมยังเคยตามจีบเฉียวซุนด้วยลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เสียงของเขาเหมือนพยายามระงับอารมณ์และอดกลั้นเอาไว้อยู่ เขาพูดกับผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นของลู่ซื่อกรุ๊ปว่า “ต้องขออภัยทุกท่านด้วย! ขอพักการประชุมสามสิบนาที”คนข้างล่างต่างก็พากันกระซิบกระซาบต้องบอกก่อนว่า ลู่เจ๋อปกติเป็นคนบ้างานมาก แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีเรื่องที่สามารถทำให้เขาทิ้งงานได้รอจนลู่เจ๋อลุกขึ้นและเดินออกไป ก็มีคนซุบซิบขึ้นว่า “คุณนายลู่น่าจะหนีไปแล้ว! นอกจากเธอคนนั้นแล้ว เคยเห็นประธานลู่อารมณ์เสียแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”ผู้ผู้อาวุโสของบริษัทก็ถอนหายใจ “ลู่เจ๋อบริหารธุรกิจมาได้ดีตลอด แต่เขากลับไม่รู้ว่าจะบริหารครอบครัวยังไง”......ลู่เจ๋อกลับมาที่ห้องทำงานตัวเอง เขายืนอยู่หน้าหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน และเริ่มโทรหาเฉียวซุนเสียงในสายบอกว่าไม
พอเฉียวซุนจากไปแล้ว ลู่เจ๋อก็ไม่ได้ตามหาเธออีกเช่นเดียวกับที่เขาเคยพูดกับเลขาฉิน เขาจะมอบอิสระให้เธอ และปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการลู่เจ๋อค่อย ๆ ทำความเคยชิน......เขาต้องชินกับการมีชีวิตอยู่โดยไม่มีเฉียวซุนให้ได้ ชินกับการไม่มีเจ้าหนูลู่เหยียนอยู่ข้าง ๆ และเขาก็ต้องชินกับการไม่มีข่าวคราวหรือคำพูดใด ๆ ของพวกเธอให้ได้......บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าเฉียวซุนโหดร้ายกับเขามาก ที่เธอจากไปง่าย ๆ แบบนี้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูใบไม้ผลิเพิ่งผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึงฤดูใบไม้ร่วงสีทองในเดือนตุลาคมสำนักงานประธานกรรมการลู่ซื่อกรุ๊ปลู่เจ๋อนั่งอยู่หลังโต๊ะเพื่อจัดการเอกสาร แสงแดดยามบ่ายในฤดูใบไม้ร่วงส่องผ่านหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน และสาดส่องไปทั่วตัวเขา ทำให้เขายิ่งดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรมีเสียงผลักประตูดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นเลขาฉินที่เข้ามา เขาจึงถามอย่างใจเย็น “ผมมีนัดตีกอล์ฟกับประธานหลูตอนสี่โมง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการใช่ไหม? ”เลขาฉินไม่ได้พูดอะไร เธอเดินตรงไป และวางซองจดหมายสีน้ำตาลไว้ตรงหน้าของลู่เจ๋อลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นมองเธอผ่านไปสักพัก ดูเหมือนเขาจะเข้าใจ
สามปีต่อมาร้านอาหารระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่งในเครือ THE ONEในตอนเย็น ลู่เจ๋อต้องรับประทานอาหารเย็นกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นรองประธานอาวุโสของบริษัทหุ้นส่วน และเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของประธานบริหารสกุลซ่ง ชื่อของเธอคือซ่งหร่วนซ่งหร่วนชอบลู่เจ๋อมาก และใช้ประโยชน์จากงาน เพื่อเชิญลู่เจ๋อออกมาทานอาหารเย็นด้วย และพูดคุยงานกันเมื่อลู่เจ๋อมาถึงร้านอาหารแห่งนี้ บรรยากาศที่ทั้งสวยและโรแมนติกมาก การแต่งกายด้วยชุดเดรสยาวสุดเซ็กซี่ของอีกฝ่ายทำให้เขาเดาความคิดของผู้หญิงคนนั้นได้ง่ายมากแต่ลู่เจ๋อก็ไม่ได้คิดว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่นในขณะที่เขากำลังรับประทานอาหาร ก็ได้พูดคุยถึงรายละเอียดของความร่วมมือกับอีกฝ่ายไปด้วย เขาไม่ได้แสดงความสนใจในกระโปรงสุดเซ็กซี่ของผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับหลิวเซี่ยฮุยที่นั่งอยู่นิ่ง ๆ อย่างสงบเมื่อเวลาผ่านไป หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลใจซ่งหร่วนถือไวน์แดงขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยให้ลู่เจ๋อ “ถ้าคุยเรื่องธุรกิจกันเสร็จแล้ว พวกเรามาคุยเรื่องส่วนตัวกันดีกว่านะคะ! ลู่เจ๋อ ฉันรู้สึกสนใจชีวิตส่วนตัวของคุณมากเลยค่ะ! ”เธอแสดงจุดประสงค์ของเธอออกมา
เฉียวซุนรู้ลูกไม้นี้ดี เธอจึงเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ในนามหัวหน้าของเสี่ยวเหวิน ฉันอยากจะขอบคุณ คุณซ่งสำหรับความมีน้ำใจครั้งนี้ด้วยค่ะ! เอาอย่างนี้นะคะ......อาหารมื้อนี้ฉันเลี้ยงคุณซ่งและคุณลู่เป็นการตอบแทนก็แล้วกันค่ะ ขอให้ทั้งสองท่านเพลิดเพลินกับอาหารมื้อนี้นะคะ”หลังพูดจบ เธอก็ออกไปอย่างสง่างามซ่งหร่วนยังคงไม่พอใจอยู่ดีเธอใช้เวลาสักพักกว่าจะเรียกสติกลับมาได้ “ลู่เจ๋อ......เธอรู้จักพวกเราได้ยังไง? ”หลู่เจ๋อจ้องมองไปยังทิศทางที่เฉียวซุนหายตัวไป ไม่นาน เขาก็พูดด้วยท่าทางที่ไร้อารมณ์ออกมา “เธอเป็นภรรยาเก่าของผมเอง”ซ่งหร่วนตกตะลึง......ในห้องน้ำก๊อกน้ำสีทองสไตล์ตะวันตกที่มีน้ำไหลออกมาตลอดเวลาเฉียวซุนกดตรงหัวใจตัวเองเบา ๆจนถึงตอนนี้หัวใจของเธอก็ยังคงเต้นแรงอยู่ แม้จะเตรียมตัวไว้บ้างแล้วก็ตาม แต่พอเธอต้องมาพบกับลู่เจ๋ออย่างกะทันหัน ขาของเธอก็เริ่มรู้สึกอ่อนแรงขึ้นมาอดีตอันแสนเจ็บปวดก็พุ่งเข้ามาหาเธอราวกับคลื่นยักษ์เธอใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว และเมื่อเธอกำลังจะล้างมือ ดวงตาของเธอก็สบกับคนในกระจก......เธอตัวแข็งทื่อลู่เจ๋อยืนพิงกำแพงแล้วสูบบุหรี่อยู่เขาหันไปด้านข้าง
ตอนที่หลู่เจ๋อกลับไป ฝนก็เริ่มตกลงมาเขาเปิดที่ปัดน้ำฝน ยกขึ้นมาบังกระจกหน้ารถ ไฟนีออนในเมืองก็ถูกสายฝนที่ตกกระทบกับกระจกหน้ารถจนทำให้เบลอไปหมดกลางคืนเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆรถขับมาได้ประมาณห้านาทีจากระยะไกล ก็เห็นรถมาเซราติสีขาวเสียหลักจอดอยู่ข้างถนน หญิงสาวยืนถือร่มเปิดฝากระโปรงรถ มองดูอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงกลับขึ้นรถไป......ที่แท้ก็เป็นเฉียวซุนลู่เจ๋อชะลอความเร็วของรถลง และค่อย ๆ จอดอยู่ข้าง ๆหน้าต่างของรถสองคันจอดขนานกันอยู่ เขามองเธออย่างเงียบ ๆเขามองดูท่าทางสิ้นหวังของเธอ และเห็นเธอกำลังมองหาบางอย่างในรถ อาจจะมองหานามบัตรหรืออะไรสักอย่าง......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็เงยหน้าขึ้น และแล้วเธอก็สังเกตเห็นเขาเมื่อทั้งสองมองหน้ากัน ก็ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไรออกมาก่อน ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองยังคงจมอยู่กับความสุขและความเศร้าครั้งใหญ่เมื่อสองสามปีก่อนอยู่......ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้ด้านนอกกระจกรถ มีหยดน้ำหยดลงมา ราวกับเป็นน้ำตาของคนรักไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ลู่เจ๋อก็ลงจากรถพร้อมกับร่มหนึ่งคัน เขาเดินไปที่รถของเธอ แล้วเคาะที่หน้าต่างเบา ๆเฉียวซุนก็ดูเ