ทันทีที่เฉียวซุนพูดจบ ริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดกั้นบางทีอาจเป็นเพราะอารมณ์ของเขาถูกกดไว้มากเกินไป หรืออาจเพราะเขาถูกกระตุ้นโดยเมิ่งเยียนหุยผ่านทางโทรศัพท์ ลู่เจ๋อจึงประกบริมฝีปากสีแดงของเธอไว้กับปากของเขาอย่างไม่สนใจ เป็นกระทำที่ค่อนข้างป่าเถื่อน......ร่างกายถูกบดขยี้ ริมฝีปากและลิ้นก็พันกันยุ่งเหยิงอย่างไรก็ตาม แม้จะจูบกันอย่างเร่าร้อนแค่ไหน ทั้งสองฝ่ายก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบางอย่างของอีกฝ่ายได้หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดลู่เจ๋อก็ปล่อยมือทันทีที่เขาปล่อยมือ เขาก็ถูกเฉียวซุนตบหน้าทันที แทนที่เขาจะโกรธ แต่เขากลับโน้มตัวไปตรงคอของเธอ เพื่อทำให้เธอสงบลงอย่างอ่อนโยน รสชาติของเฉียวซุนดูเหมือนจะยังคงติดอยู่ตรงริมฝีปากและฟันของเขาเฉียวซุนผลักเขาออกอย่างแรงแต่เธอกลับผลักเขาไม่ได้ เพราะลู่เจ๋อล็อกเธอเอาไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา หัวใจของเขาเต้นแรง เพียงเพื่อจะกระซิบข้างหูเธอ “เฉียวซุน ผมชอบคุณ”เขาชอบเธอตั้งแต่ต้นจนจบ เธอคือคนเดียวที่เขาชอบมาโดยตลอดแต่ช่วงเวลานี้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมเอาซะเลย แต่เขากลับทนรอไม่ไหวที่จะสารภาพรักกับเธอ เมื่อก่อนเขาปฏิบัติต่อเธออย่างเลวร้าย แต่
ลู่เจ๋อไม่ยอมให้เธอพูดต่อเขามองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ และบอกเธออย่างตรงไปตรงมา “ผมไม่ได้สนใจคุณ! คุณไป๋ คำพูดที่ตรงไปตรงมาแบบนี้ ผมคิดว่าคุณน่าจะฟังออกนะครับ! ”ดวงตาของไป๋เสวี่ยก็มีน้ำตาคลอเบ้าทันทีริมฝีปากของเธอสั่น รออยู่นานมาก แต่เธอก็พูดอะไรไม่ออกอยู่ดีลู่เจ๋อปิดหน้าต่างขึ้น เหยียบคันเร่งเบา ๆ แล้วจากไปภายใต้แสงไฟบนถนนอันหนาวเย็น ไป๋เสวี่ยก็ถูกทิ้งให้ยืนอยู่คนเดียว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา......เป็นเวลานานกว่าเธอจะค่อย ๆ นั่งลง และกอดร่างกายของตัวเองเอาไว้เธอรู้สึกอับอายอย่างมาก......ลู่เจ๋อขับรถกลับไปที่วิลล่าหลังจากที่ลงจากรถ เขาก็เอามือลูบหน้าผากก่อนที่จะเดินเข้าประตูไป คนใช้หยิบเสื้อคลุมจากมือ แล้วพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “วันนี้เป็นวันที่สิบห้าของเดือนแรก ทางห้องครัวตั้งใจทำบัวลอยข้าวหมากเอาไว้ อีกเดี๋ยวจะตักมาให้นายท่านชิมนะคะ”บัวลอยข้าวหมาก......ลู่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อยคนรับใช้ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงพูดโพล่งออกมา “คุณผู้หญิงชอบมันมากเลยนะคะ วันที่สิบหน้าของเดือนแรกในปีที่แล้วก็สั่งให้ห้องครัวทำด้วย นายท่านลืมไปแล้วเหรอคะ? ”ลู่เจ๋อหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยสีห
ตอนนี้ลู่เจ๋อก็อารมณ์เสียทันทีเขาจ้องไปที่โต๊ะประชุมอย่างว่างเปล่า ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถามออกมาเบาๆ “เธอไปที่ไหน? ”เลขาฉินกล่าวว่า “เมืองเซียงค่ะ! ”เมืองเซียง......ลู่เจ๋อจำได้ว่าคุณฟ่านที่อยู่ในเมืองเซียง เขาเองก็เหมือนจะรู้สึกดีกับเฉียวซุนด้วยเหมือนกัน แถมยังเคยตามจีบเฉียวซุนด้วยลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เสียงของเขาเหมือนพยายามระงับอารมณ์และอดกลั้นเอาไว้อยู่ เขาพูดกับผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นของลู่ซื่อกรุ๊ปว่า “ต้องขออภัยทุกท่านด้วย! ขอพักการประชุมสามสิบนาที”คนข้างล่างต่างก็พากันกระซิบกระซาบต้องบอกก่อนว่า ลู่เจ๋อปกติเป็นคนบ้างานมาก แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีเรื่องที่สามารถทำให้เขาทิ้งงานได้รอจนลู่เจ๋อลุกขึ้นและเดินออกไป ก็มีคนซุบซิบขึ้นว่า “คุณนายลู่น่าจะหนีไปแล้ว! นอกจากเธอคนนั้นแล้ว เคยเห็นประธานลู่อารมณ์เสียแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”ผู้ผู้อาวุโสของบริษัทก็ถอนหายใจ “ลู่เจ๋อบริหารธุรกิจมาได้ดีตลอด แต่เขากลับไม่รู้ว่าจะบริหารครอบครัวยังไง”......ลู่เจ๋อกลับมาที่ห้องทำงานตัวเอง เขายืนอยู่หน้าหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน และเริ่มโทรหาเฉียวซุนเสียงในสายบอกว่าไม
พอเฉียวซุนจากไปแล้ว ลู่เจ๋อก็ไม่ได้ตามหาเธออีกเช่นเดียวกับที่เขาเคยพูดกับเลขาฉิน เขาจะมอบอิสระให้เธอ และปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการลู่เจ๋อค่อย ๆ ทำความเคยชิน......เขาต้องชินกับการมีชีวิตอยู่โดยไม่มีเฉียวซุนให้ได้ ชินกับการไม่มีเจ้าหนูลู่เหยียนอยู่ข้าง ๆ และเขาก็ต้องชินกับการไม่มีข่าวคราวหรือคำพูดใด ๆ ของพวกเธอให้ได้......บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าเฉียวซุนโหดร้ายกับเขามาก ที่เธอจากไปง่าย ๆ แบบนี้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูใบไม้ผลิเพิ่งผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึงฤดูใบไม้ร่วงสีทองในเดือนตุลาคมสำนักงานประธานกรรมการลู่ซื่อกรุ๊ปลู่เจ๋อนั่งอยู่หลังโต๊ะเพื่อจัดการเอกสาร แสงแดดยามบ่ายในฤดูใบไม้ร่วงส่องผ่านหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน และสาดส่องไปทั่วตัวเขา ทำให้เขายิ่งดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรมีเสียงผลักประตูดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นเลขาฉินที่เข้ามา เขาจึงถามอย่างใจเย็น “ผมมีนัดตีกอล์ฟกับประธานหลูตอนสี่โมง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการใช่ไหม? ”เลขาฉินไม่ได้พูดอะไร เธอเดินตรงไป และวางซองจดหมายสีน้ำตาลไว้ตรงหน้าของลู่เจ๋อลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นมองเธอผ่านไปสักพัก ดูเหมือนเขาจะเข้าใจ
สามปีต่อมาร้านอาหารระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่งในเครือ THE ONEในตอนเย็น ลู่เจ๋อต้องรับประทานอาหารเย็นกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นรองประธานอาวุโสของบริษัทหุ้นส่วน และเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของประธานบริหารสกุลซ่ง ชื่อของเธอคือซ่งหร่วนซ่งหร่วนชอบลู่เจ๋อมาก และใช้ประโยชน์จากงาน เพื่อเชิญลู่เจ๋อออกมาทานอาหารเย็นด้วย และพูดคุยงานกันเมื่อลู่เจ๋อมาถึงร้านอาหารแห่งนี้ บรรยากาศที่ทั้งสวยและโรแมนติกมาก การแต่งกายด้วยชุดเดรสยาวสุดเซ็กซี่ของอีกฝ่ายทำให้เขาเดาความคิดของผู้หญิงคนนั้นได้ง่ายมากแต่ลู่เจ๋อก็ไม่ได้คิดว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่นในขณะที่เขากำลังรับประทานอาหาร ก็ได้พูดคุยถึงรายละเอียดของความร่วมมือกับอีกฝ่ายไปด้วย เขาไม่ได้แสดงความสนใจในกระโปรงสุดเซ็กซี่ของผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับหลิวเซี่ยฮุยที่นั่งอยู่นิ่ง ๆ อย่างสงบเมื่อเวลาผ่านไป หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลใจซ่งหร่วนถือไวน์แดงขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยให้ลู่เจ๋อ “ถ้าคุยเรื่องธุรกิจกันเสร็จแล้ว พวกเรามาคุยเรื่องส่วนตัวกันดีกว่านะคะ! ลู่เจ๋อ ฉันรู้สึกสนใจชีวิตส่วนตัวของคุณมากเลยค่ะ! ”เธอแสดงจุดประสงค์ของเธอออกมา
เฉียวซุนรู้ลูกไม้นี้ดี เธอจึงเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ในนามหัวหน้าของเสี่ยวเหวิน ฉันอยากจะขอบคุณ คุณซ่งสำหรับความมีน้ำใจครั้งนี้ด้วยค่ะ! เอาอย่างนี้นะคะ......อาหารมื้อนี้ฉันเลี้ยงคุณซ่งและคุณลู่เป็นการตอบแทนก็แล้วกันค่ะ ขอให้ทั้งสองท่านเพลิดเพลินกับอาหารมื้อนี้นะคะ”หลังพูดจบ เธอก็ออกไปอย่างสง่างามซ่งหร่วนยังคงไม่พอใจอยู่ดีเธอใช้เวลาสักพักกว่าจะเรียกสติกลับมาได้ “ลู่เจ๋อ......เธอรู้จักพวกเราได้ยังไง? ”หลู่เจ๋อจ้องมองไปยังทิศทางที่เฉียวซุนหายตัวไป ไม่นาน เขาก็พูดด้วยท่าทางที่ไร้อารมณ์ออกมา “เธอเป็นภรรยาเก่าของผมเอง”ซ่งหร่วนตกตะลึง......ในห้องน้ำก๊อกน้ำสีทองสไตล์ตะวันตกที่มีน้ำไหลออกมาตลอดเวลาเฉียวซุนกดตรงหัวใจตัวเองเบา ๆจนถึงตอนนี้หัวใจของเธอก็ยังคงเต้นแรงอยู่ แม้จะเตรียมตัวไว้บ้างแล้วก็ตาม แต่พอเธอต้องมาพบกับลู่เจ๋ออย่างกะทันหัน ขาของเธอก็เริ่มรู้สึกอ่อนแรงขึ้นมาอดีตอันแสนเจ็บปวดก็พุ่งเข้ามาหาเธอราวกับคลื่นยักษ์เธอใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว และเมื่อเธอกำลังจะล้างมือ ดวงตาของเธอก็สบกับคนในกระจก......เธอตัวแข็งทื่อลู่เจ๋อยืนพิงกำแพงแล้วสูบบุหรี่อยู่เขาหันไปด้านข้าง
ตอนที่หลู่เจ๋อกลับไป ฝนก็เริ่มตกลงมาเขาเปิดที่ปัดน้ำฝน ยกขึ้นมาบังกระจกหน้ารถ ไฟนีออนในเมืองก็ถูกสายฝนที่ตกกระทบกับกระจกหน้ารถจนทำให้เบลอไปหมดกลางคืนเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆรถขับมาได้ประมาณห้านาทีจากระยะไกล ก็เห็นรถมาเซราติสีขาวเสียหลักจอดอยู่ข้างถนน หญิงสาวยืนถือร่มเปิดฝากระโปรงรถ มองดูอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงกลับขึ้นรถไป......ที่แท้ก็เป็นเฉียวซุนลู่เจ๋อชะลอความเร็วของรถลง และค่อย ๆ จอดอยู่ข้าง ๆหน้าต่างของรถสองคันจอดขนานกันอยู่ เขามองเธออย่างเงียบ ๆเขามองดูท่าทางสิ้นหวังของเธอ และเห็นเธอกำลังมองหาบางอย่างในรถ อาจจะมองหานามบัตรหรืออะไรสักอย่าง......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็เงยหน้าขึ้น และแล้วเธอก็สังเกตเห็นเขาเมื่อทั้งสองมองหน้ากัน ก็ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไรออกมาก่อน ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองยังคงจมอยู่กับความสุขและความเศร้าครั้งใหญ่เมื่อสองสามปีก่อนอยู่......ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้ด้านนอกกระจกรถ มีหยดน้ำหยดลงมา ราวกับเป็นน้ำตาของคนรักไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ลู่เจ๋อก็ลงจากรถพร้อมกับร่มหนึ่งคัน เขาเดินไปที่รถของเธอ แล้วเคาะที่หน้าต่างเบา ๆเฉียวซุนก็ดูเ
ระหว่างผู้ใหญ่ บางทีก็มีบางเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา......ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่เจ๋อก็จอดรถของเขาไว้ที่ชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์ฝนยังคงตกอยู่......ภายในรถก็เกิดความรู้สึกคลุมเครือขึ้นมายังไงซะ พวกเขาก็เคยเป็นสามีภรรยากัน ยังไงซะ พวกเขาก็เคยซื่อสัตย์ต่อกันมานับครั้งไม่ถ้วน และพวกเขาก็เคยทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ด้วยกันมากมายสิ่งเหล่านั้น ล้วนเป็นความทรงจำที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ลบไม่ออกเฉียวซุนพูดอย่างใจเย็น “ขอบคุณที่มาส่งฉันนะคะ ฉันต้องขอตัวก่อน! ”เธอกำลังจะปลดเข็มขัดนิรภัย แต่ลู่เจ๋อก็รั้งข้อมือของเธอเอาไว้ เธอกะพริบตาเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความโกรธ “ลู่เจ๋อ ปล่อยมือ! ”เขาจ้องมองเธอ ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความหมายที่ไม่อาจอธิบายได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเท่านั้นที่จะเข้าใจมันเป็นความปรารถนาอย่างแรงกล้าของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิงมีร่างกาย ก็ต้องมีจิตใจลมหายใจของเฉียวซุนก็รู้สึกสับสนขึ้นมา เธอพยายามดิ้นรนอีกครั้ง แต่กลับล้มเหลว ฝ่ามือของลู่เจ๋อค่อนข้างใหญ่ เขาคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอได้อย่างง่ายดายเขาไม่ได้บังคับดึงเข้ามาหาตัวเอง เขาแค่จับม
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว