เมื่อเฉียวซุนกินโจ๊กเสร็จ ลู่เจ๋อก็ดับบุหรี่ และหันมามองเธอ“คุณย่าโทรมาบอกว่าให้พวกเรากลับไปเยี่ยมท่านสักหน่อย คุณว่าไงล่ะ?”คุณย่าของลู่เจ๋อเอ็นดูเฉียวซุนมากต่อให้เฉียวซุนจะทะเลาะกับเขามากแค่ไหน หรืออยากจะหย่ากันสักเท่าไหร่ เธอก็ไม่เอาสุขภาพของตัวเองมาล้อเล่นอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เธอหิวจริงๆแล้วในตอนนี้โจ๊กเนื้อปลาหอมและนุ่มมาก เมื่อเฉียวซุนกินหมดไปหนึ่งชาม เธอก็รู้สึกสบายขึ้นมากที่หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานลู่เจ๋อยืนพิงผนังอยู่แสงตะวันยามพลบค่ำส่องผ่านหน้าต่างและกระทบไปที่ใบหน้าด้านข้างของเขา ทำให้โครงหน้าของเขาคมชัดมากยิ่งขึ้น ประกอบกับปลายผมที่ถูกจัดแต่งมาเป็นอย่างดี และการแต่งตัวที่ประณีต มันจึงทำให้เขาดูเพอร์เฟกต์เป็นอย่างมากเขาจุดบุหรี่แต่ยังไม่ได้สูบ ข้อมือที่คีบบุหรี่เอาไว้ยื่นออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้ควันสีเทาจางหายไปกับสายลมยามพลบค่ำโดยที่ในห้องนอนก็มีกลิ่นนิโคตินจางๆ อยู่เล็กน้อยด้วยเช่นกันและกลิ่นอายของลู่เจ๋อก็กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวซึ่งเฉียวซุนก็ไม่สามารถทำร้ายจิตใจของคนแก่ได้ แต่เรื่องที่เธอหย่ากับลู่เจ๋อ คุณย่าก็คงรับรู้ได้ในไม่ช้าก็เร็วอยู่ดีเ
และเฉียวซุนก็มีสติกลับมาได้เล็กน้อย เธอจะยอมได้ยังไงล่ะ?เธอเอื้อมมือไปหาเขา และแกว่งศีรษะซ้ายขวาเพื่อหลบจูบของเขา โดยที่แม้แต่เสียงก็ยังมีเสน่ห์แบบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่อยู่อีกด้วย“ลู่เจ๋อ เราทำเรื่องแบบนี้กันอีกไม่ได้แล้วนะ”แต่ในเวลานี้ ลู่เจ๋อจะอดทนได้อย่างไรกัน?เขาประกบริมฝีปากสีแดงของเธอ แล้วพูดอย่างมั่นใจออกมาว่า“ได้ยังไงล่ะ?คุณนายลู่ เรายังเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่นะ”เฉียวซุนซุกอยู่ในอ้อมแขนของเขาเมื่อคืนเขาได้เก็บกดมาทั้งคืน และตอนนี้เขาก็คงไม่คิดที่จะปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน...ลู่เจ๋อเพลิดเพลินกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญิงสาว เขาก้มมองเธออย่างใจจดใจจ่อ และมองดูท่าทางที่อ่อนปวกเปียกจากการที่เขาได้รังแกเธอผู้ชายก็มีนิสัยที่เกเรแบบนี้แหละ ยิ่งผู้หญิงขอร้องอ้อนวอนมากเท่าไหร่ ผู้ชายก็จะยิ่งอยากรังแกมากเท่านั้นแม้แต่ลู่เจ๋อก็ไม่มีข้อยกเว้นเขายกตัวเธอขึ้นและจู่โจม ดวงดำขลับนั่นล็อกเธอเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่วาบหวิวออกมาว่า“ปากบอกว่าไม่ต้องการ ที่ร่างกายซื่อสัตย์มากเลยนะ!คุณนายลู่ ผมอยากจะให้คุณเห็นสภาพของตัวเองในตอนนี้เสียเหลือเกิน...มันดูหื่นมากเลยนะ!”เฉียว
เมื่อเฉียวซุนดึงสติกลับมาได้ เธอก็พบว่ารถจอดอยู่บริเวณสี่แยกเสียแล้วและด้านหน้าก็คือไฟแดงเธอดึงฝ่ามือที่ลู่เจ๋อจับเอาไว้ออก หันไปด้านข้าง แล้วพูดด้วยท่าทางที่เย็นชาออกมาว่า“ไม่ได้คิดอะไรนี่!”ลู่เจ๋อมองใบหน้าด้านจืดชืดของเธอและรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อยจู่ๆเขาก็นึกถึงเมื่อครั้งก่อน วันที่เขาแต่งงานกับเฉียวซุน ตอนนั้นเฉียวซุนเพิ่งอายุ 20 ต้นๆ ... ตอนนั้นเฉียวซุนรักเขามาก ทุกคืนเมื่อเขาเลิกงานและกลับไปถึงบ้าน เธอก็มักจะวิ่งลงมาถือกระเป๋าทำงานให้กับเขา เล่าอาหารในคืนนั้นให้เขาฟังอย่างเอาใจ แถมยังช่วยเขาเตรียมน้ำอาบให้อีกพอตกตอนกลางคืน เราก็จะใช้ชีวิตสามีภรรยา และเขาก็จะจงใจทำให้เธอเจ็บโดยที่เธอก็แค่จมูกแดงๆ กอดคอของเขาเอาไว้แน่น และก็อ้อนวอนเขาเบาๆตอนแต่งงานใหม่ จริงๆแล้วเธอมีความสุขมากแต่พอนานๆไป เฉียวซุนก็ไม่ค่อยจะยิ้มแย้ม และก็ไม่ได้ออดอ้อนเขาอีกต่อไปในที่สุดเธอก็ดูเหมือนจะยอมรับความจริงที่ว่า เขาไม่ได้รักเธอ และค่อยๆ พบว่าต่อให้เธอจะพยายามมากแค่ไหน มันก็ไม่มีความหมายในสายตาของเขา และมันก็แลกมาด้วยความเย็นชาและไม่แคร์เสมอๆเฉียวซุนยังคงเอาใจใส่เขา แต่การเอาใจใส่น
……เฉียวซุนขึ้นไปชั้นบน แต่คุณป้าเสิ่นกลับไม่ได้อยู่บ้าน พอโทรไปถามจึงรู้ว่าเสิ่นชิงไม่ได้โทรมาที่วิลล่าของลู่เจ๋อเฉียวซุนวางโทรศัพท์มือถือลง เธอเดาว่าน่าจะเป็นคนรับใช้ที่วิลล่าโกหกเพื่อช่วยให้เธอได้หลุดพ้นเฉียวซุนไม่ได้คิดอะไรมากคืนนี้ไม่ต้องไปทำงาน เธออาบน้ำเสร็จก็เข้านอนแต่หัวค่ำในเวลากลางคืนเธอฝันถึงชีวิตที่เพิ่งแต่งงานกับลู่เจ๋ออีกครั้ง ในฝันลู่เจ๋อยังคงปฏิบัติกับเธอด้วยความเย็นชาถึงที่สุด เขาใจร้อนตลอดเวลาที่พูดกับเธอเธอตื่นมาเพราะเสียงโทรศัพท์นั้นดังขึ้นพอเปิดดู ก็ไม่คิดว่าจะเป็นข้อความไลน์ที่ลู่เจ๋อส่งมา มันมีเพียงไม่กี่คําสั้น ๆ [อย่าลืมว่าพรุ่งนี้ต้องไปเยี่ยมคุณย่า พอเลิกงานแล้วผมจะไปรอคุณที่รอยัลธันเดอร์]เฉียวซุนจะลืมไปได้อย่างไรกัน?พอนึกถึงการจุดดอกไม้ไฟครั้งที่แล้วของไป๋เซียวเซียว เฉียวซุนรับเงินที่ถูกโอนมาโดยตรง จากนั้นก็บริจาคให้กับบ้านสัตว์จรจัดเวลาตีหนึ่ง รถของลู่เจ๋อจอดอยู่ที่ริมถนนเขาพิงพนักพิงของเก้าอี้ นิ้วมือเรียวยาวกำลังเล่นมือถืออยู่.....เฉียวซุนได้รับเงินโอน 100,000 บาทแล้วเขาคิดว่าเธอควรจะส่งข้อความกลับมาหน่อยไหม!แต่ก่อน เธอชอบส่งไลน
เฉียวซุนรู้สึกประหลาดใจมากเนื่องจากเป็นเพราะหลีชิงเฉิง หลีรุ่ยปฏิบัติต่อเธอไม่ถือว่าเป็นมิตรจริง ๆ คืนก่อนเขายังหาเรื่องเธออยู่เลยตอนนี้เขากลับเสนอไปส่งเธอเฉียวซุนก็รู้สึกได้ด้วยจิตใตสำนึก ว่าเขาไม่ได้มาดีเธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ท่าทางเย็นชาเล็กน้อย: “หลีรุ่ย คุณเคยบอกว่าจะไม่กลั่นแกล้งฉันอีกแล้ว”หลีรุ่ยจ้องมองเธอผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพูดออกมาเบา ๆ ไม่กี่คำ: “ฉันเคยพูดไว้จริง ๆ นั่นแหละ” พูดจบเขาก็ขับรถออกไป ท้ายรถของรถแลนด์โรเวอร์คันสีดำทิ้งควันดำเอาไว้……เฉียวซุนคิดว่าเรื่องของหลีรุ่ย คงจะเว้นช่วงไประยะหนึ่งแต่คิดไม่ถึงว่าในคืนนั้น เธอได้เจอกับเขาที่ชั้น 56 ของโรงแรมรอยัล ธันเดอร์อีกครั้ง เขานั่งเล่นไพ่อยู่กับพวกลู่จิ้นเซิง แต่ข้างกายไม่ได้มีดาราหรือนางแบบอะไรตอนที่เฉียนซุนขึ้นเวที หลีรุ่ยก็เงยหน้าขึ้นท่าทางเหมือนไม่ได้ตั้งใจแบบนี้ ถูกลู่จิ้นเซิงจับได้แล้วลู่จิ้นเซิงก็หันไปมองเฉียวซุนที่อยู่บนเวที จากนั้นก็วางไพ่โจกเกอร์สองใบออกมาอย่างไม่รีบร้อน: “หลีรุ่ย ปกตินายไม่ค่อยมาที่ฉันนะ! วันนี้เป็นอะไร ลมที่ไหนพัดนายมาถึงที่นี่?”หลีรุ่ยน้ำเสียงเรียบเฉย: “ไม่ต้อนรับเหรอ
“ตรงนี้ของนายที่ป่วย!”“นายอย่าลืมนะว่าเธอคือภรรยาของใคร!”……ห้องเปลี่ยนชุดของผู้หญิง มีเพียงแค่เฉียวซุนคนเดียวเธอถอดชุดราตรีสีดำตัวนั้นออก เหลือเพียงร่างกายขางผ่องที่สวมใส่ชุดชั้นในสีดำ ภายใต้แสงไฟสีเหลืองสลัวเผยความเปล่งประกายขาวผ่องเสียงแอ๊ดดังขึ้น ประตูถูกเปิดออกเฉียวซุนตื่นตระหนก และหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองแล้วหันกลับไปที่ประตู กลับเป็นลู่เจ๋อเขาจ้องมองเธอ จากนั้นก็พลิกมือปิดประตูห้องเปลี่ยนชุดช้า ๆ...เฉียวซุนกัดปาก: “ลู่เจ๋อ นี่มันห้องเปลี่ยนชุดผู้หญิงนะ!”ลู่เจ๋อกลับเหมือนกับไม่ได้ยิน เขาเดินไปหาเธอ และหยิบเสื้อเชิ้ตในมือของเธอออกในขณะที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว...จากนั้นเขาใช้มือข้างหนึ่งดันเธอไปที่หน้าตู้เปลี่ยนชุด แล้วจ้องมองเธออย่างละเอียดภายใต้แสงไฟเฉียวซุนไม่เคยชินกับแบบนี้ ผิวพรรณปฏิกิริยาไรจนเกิดเป็นเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นมาบนผิวหนังเธอตัวสั่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่กล้าตะโกน กลัวจะดึงดูดคนเข้ามาแต่ลู่เจ๋อไม่ได้ทำอะไร เขาเพียงแค่จ้องมองเธออยู่เงียบ ๆ เหมือนกับพวกเขาไม่เคยเป็นสามีภรรยากัน...เหมือนกับนี่เป็นครั้งแรกที่เขามองดูร่างกายของเธอในสายตาของเขา ถึง
บ้านพักลู่ ไฟสว่างไสวพวกคนใช้ยุ่งวุ่นวายกันอย่างมาก อาหารบำรุงร่างกายเมนูต่าง ๆ ถูกยกขึ้นมาเสิร์ฟ จัดวางเต็มโต๊ะอาหารขนาดใหญ่คุณย่าลู่ดูพวกเขาทานข้าวด้วยตัวเองเธอกลัวว่าตอนกลางคืนหลานชายจะไม่สบายตัว จึงให้ห้องครัวต้มซุปตะพาบมาให้เขาบำรุงร่างกาย และก็ทำอาหารที่รักษาอาการอินพร่องสำหรับผู้หญิงให้เฉียวซุน ส่งไปข้างมือเฉียวซุนด้วยความกระตือรือร้น...เต็ม ๆ หนึ่งชามคุณย่ายิ้มตาหยี: “ฉันนับวันแล้ว! คืนนี้จะต้องตั้งครรภ์แน่นอน”ต่อให้เฉียวซุนแต่งงานสามปีแล้วแต่คำพูดเรื่องส่วนตัวแบบนี้ เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง อีกอย่างในห้องโถงยังมีคนรับใช้หลายคนยืนอยู่ลู่เจ๋อเหลือบตามองเธอเขาพูดเอาอกเอาใจคุณย่าโดยที่หน้าไม่แดง หัวใจไม่เต้นแรง: “งั้นอีกเดี๋ยวผมต้องพยายามหน่อย ทำให้คุณย่าได้อุ้มเหลนเร็ว ๆ หน่อย”คุณย่าฉีกยิ้มกว้าง เหมือนกับเหลนตัวขาวอ้วนโบกมือมาทางเธอแล้ว เธอตักซุปตะพาบให้หลานชายอีกชามหนึ่ง: “น้ำซุปนี้ตุ๋นตั้งหลายชั่วโมง รีบดื่มตอนร้อน ๆ เถอะ...ผู้ชายดื่มแล้วมีแรง”ลู่เจ๋อสีหน้านิ่งเฉยเฉียวซุนคิดว่าเขาเสแสร้งได้เก่งมาก และก็หลอกลวงได้เก่งแต่งงานสามปีทุกครั้งที่ทำเรื่องระห
น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความถากถาง: “เฉียวซุน ตอนนี้คุณใจกว้างมากจริง ๆ!”พูดจบเขาก็ทิ้งเธอเอาไว้ ตัวเขาเข้าไปอาบน้ำเย็นสิบนาทีต่อมา ลู่เจ๋อเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาเห็นเฉียวซุนกำลังปูผ้าห่มผืนบางบนโซฟา เห็นได้ในคืนนี้เธออยากจะนอนที่บนนั้นในใจของเขาก็เกิดความโมโหขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ความขุ่นเคืองที่เพิ่งข่มลงไปเมื่อครู่ก็พุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เขาอุ้มเฉียวซุนขึ้นมาโดยไม่ได้ครุ่นคิด และโยนเธอลงไปบนเตียงใหญ่ที่อ่อนนุ่ม จากนั้นก็กดทับร่างกายลงมาใบหน้าของเฉียวซุนฝังลงไปในหมอนลู่เจ๋อไม่ได้อยากจะแตะต้องเธอ แต่เป็นเพราะรู้สึกโมโห ในตอนที่เขาคิดจะปล่อยเธอ โทรศัพท์ของเฉียวซุนก็ดังขึ้น...มีข้อความส่งเข้ามาลู่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ดึกขนาดนี้แล้ว ใครส่งข้อความมาให้คุณ?”เฉียวซุนถูกเขากดทับจนรู้สึกเจ็บ น้ำเสียงก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก: “คุณยุ่งอะไรด้วย!”ลู่เจ๋อหัวเราะเยาะออกมาเขาใช้มือกดแผ่นหลังบางของเธอเอาไว้ จากนั้นขยับตัวไปหยิบโทรศัพท์ของเธอที่อยู่บนโต๊ะหัวเตียงมา และใช้ลายนิ้วมือของเธอปลดล็อค...เซียวฉุนรู้สึกน่าอึดอัด: “ลู่เจ๋อ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!”ลู่เจ๋อไม่ได้สนใจเธอเขาจ้องมอง
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว