ลู่เจ๋อขึ้นมาชั้นบน แต่เฉียวซุนไม่ได้อยู่ในห้องนอนเขาหยุดเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง เดินไปที่ชั้นสาม แล้วเปิดประตูห้องฝึกซ้อมแน่นอนว่า เฉียวซุนอยู่ที่นั่นไวโอลินตกลงบนพื้น คนก็ล้มลงบนพรม สภาพเธอน่าสังเวช... เหมือนกับว่าชีวิตของเธอถูกออกแบบมาให้ผิดพลาด และไม่มีทางซ่อมได้จู่ ๆ หัวใจของลู่เจ๋อก็เต้นแรงเขาเดินไปหาเธอเบา ๆ คุกเข่าลงแล้วพูดเบา ๆ ผมพาคุณไปพักผ่อนดีไหม ไปประเทศไหนก็ได้ เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าอยากไปฮันนีมูนเหรอ หลังจากจัดของเสร็จเรียบร้อย เราไปเที่ยวด้วยกันเดือนนึงเถอะเฉียวซุนก้มหัวลง และลูบไวโอลินด้วยนิ้วเรียวยาวจากนั้นไม่นานเธอก็พูดเบาๆ ฉันอยากไปเมืองเอสลู่เจ๋อเดาว่าเธออยากไปคอนเสิร์ต คอนเสิร์ตแรกของครูเว่ยคือวันพรุ่งนี้ จึงพูดโดยไม่คิดว่า ผมไปกับคุณนะเฉียวซุนไม่ปฏิเสธแต่เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเงียบไป ลู่เจ๋อบอกไม่ได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่...กลางคืน พวกเขาก็นอนเตียงเดียวกันแต่เป็นเพื่อนร่วมเตียงหลายครั้ง ที่ลู่เจ๋ออยากกอดเธอ แต่เฉียวซุนกลับนอนหงาย สองมือของเธอกอดร่างตัวเองไว้แสดงท่าทีปฏิเสธ เขารู้สึกหลงทางและกระซิบตรงไหล่บางของเธอ เมื่อก่อนคุณชอบนอนกอดผมนะขนตาเฉียวซุน
เพลงแรกขึ้นมา เธอควรจะปรากฏตัวแล้วแต่อาจารย์เว่ยยืนอยู่บนเวที ถูกผู้ชมดูถูก เธอก้มลงขอโทษผู้ชมครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่ต้นจนจบอาจารย์เว่ยไม่เคยเผยความเป็นส่วนตัวของเธอ ไม่เคยเอ่ยถึงอุบัติเหตุของเธอเพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้ หลินซวงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาขึ้นไปประคองอาจารย์เว่ยบนเวทีและพูดเบาๆ อาจารย์ยกเลิกตั๋วเถอะครับ คุณไม่ควรได้รับการดูถูกที่นี่อาจารย์เว่ยส่ายหัวเบาๆเขากล่าวว่า หลินซวง นี่ไม่ใช่เรื่องของการคืนเงิน หากผมคืนเงินค่าตั๋วในวันนี้ เฉียวซุนจะถูกตอกย้ำว่าบนเสาแห่งอัปยศในโลกดนตรีไปตลอดชีวิต และผมก็จะโดนตอกย้ำบนเสาแห่งความอัปยศเช่นกันหลินซวงสะอึกสะอื้นและพูดไม่ออกอาจารย์เว่ยถามผู้ฟังอีกครั้ง ผมจะเล่นแทนนักเรียนของผมให้ทุกคนฟังผู้ชมยังไม่สนใจ พวกเขาต่างบอกว่าเฉียวซุนเป็นคนเสมือนจริงที่สร้างโดยอาจารย์เว่ย ซึ่งเป็นจุดขายที่สร้างขึ้นเพื่อขายตั๋ว... ไม่มีคนแบบนี้ตั้งแต่แรกคนหลอกลวง คืนเงิน คืนเงิน คนหลอกลวง คืนเงิน คืนเงิน คนหลอกลวง คืนเงิน คืนเงิน ……เมื่อเหตุการณ์ควบคุมไม่ได้ เงาร่างผอมเพรียว ก็เดินขึ้นไปบนเวทีอาจารย์เว่ยและหลินซวงตกตะลึงคนแรกที่ตอบสนอง
ท้องฟ้ายามค่ำคืนของเมืองเอส ประดับประดาไปด้วยแสงนีออนมากมาย พวกเขาทั้งสองยืนอยู่บนถนนที่มีผู้คนคึกคัก ทว่าดูเป็นคู่สามีภรรยาที่ขาดความสนิทชิดเชื้อ มองหาถึงความสนิทสนมไม่ได้แม้แต่น้อย ใบหูของลู่เจ๋อยังคงตรึงอยู่กับคำพูดที่เฉียวซุนได้พูดออกมา เธอบอกว่า เสมือนบทเพลงนี้ได้เดินมาถึงจุดจบบริบูรณ์แล้ว...แต่ฉันคิดว่าหลังจากนี้ก็คงชอบใครสักคนที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่าที่จะชอบ ได้ไปจัดการเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของตัวเองสักทีลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนไหวเล็กน้อยยามได้ยินเธอบอกว่าจากนี้คิดจะชอบคนอื่นอีกเฉียวซุนขยับกายถอยหลังมาหนึ่งก้าว เธอมองไปยังลู่เจ๋อ พลางเอ่ยเสียงเบา ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว อย่าตามฉันมานะ แล้วก็อย่าให้คนอื่นตามฉันมาด้วย ลู่เจ๋อวิธีการสะกดรอยตามนั่นน่ะ มันทำให้ฉันขยะแขยงที่สุดเลยสายลมยามค่ำคืนที่พัดไหวเส้นผมของเขาลู่ไปตามสายลม แสงนีออนที่ส่องกระทบลงบนใบหน้าของเขายิ่งทำให้ดวงตาและคิ้วหนาดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น พลันเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าในความเป็นจริงแล้วพวกเขาก็เป็นแค่คู่สามีภรรยาวัยหนุ่มสาวเช่นกัน ตอนแต่งงานเธออายุยังไม่ถึง 21 ปีด้วยซ้ำ ในขณะที่ลู่เจ๋ออายุก็ยังไม่ถึง 25 ปีที่
เธอนี่ช่างมีพรสวรรค์เสียจริงขณะที่เขาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เธอสองมือก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสัมผัสกับส่วนที่ไวต่อความรู้สึกของหญิงสาว ลมหายใจของเขาก็ถี่ขึ้นเล็กน้อย ลูกกระเดือกก็ขยับขึ้นลงไม่หยุด...ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดเรื่องอย่างว่า เพียงแค่เขากลัวเธอจะรังเกียจสัมผัสนั้นร่างกายของเขาตอบสนองต่อการกระทำนั้นเฉียวซุนดูอาการออกในทันทีแต่เธอไม่ได้แสดงมันออกมา พลันเสียงกริ่งหน้าประตูก็ส่งเสียงขึ้น รูมเซอร์วิสมาถึงแล้ว เชิญคุณออกไปได้แล้วค่ะลู่เจ๋อค่อยๆจัดแจงเสื้อผ้าของเธอให้เข้าที่เข้าทาง แววตาที่มองเธอนั้นเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง ไม่นาน เขาก็เอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ เฉียวซุน ยังพอมีโอกาสสำหรับเรื่องของเรารึเปล่าไม่มีคำพูดเอื้อนเอ่ยออกมาจากเฉียวซุน...เสียงเคาะประตูที่รัวและดังขึ้นกว่าเดิมส่งสัญญาณให้คนในห้องรีบออกมารับสิ่งของที่สั่งไว้ ลู่เจ๋อรีบไปเปิดประตูเพื่อเข็นรถอาหารเข้ามา อาหารมื้อนี้ เป็นการทานอาหารที่เงียบเชียบไร้ซึ่งเสียงสนทนาเฉียวซุนไม่ได้เย็นชาเหมือนแต่ก่อน เมื่อไหร่ที่ลู่เจ๋อคุยกับเธอ เธอก็ยังตอบกลับมาหนึ่งหรือสองประโยคใบหน้าที่ดูไม่แยแสของเธอ ช่างดูเปราะบางแต่แฝงไปด้วยคว
เฉียวซุนเดินทางกลับถึงเมืองบี เธอใช้เงินจากการขายคฤหาสน์เพื่อซื้ออพาร์ทเมนท์120 ตารางเมตรให้แก่เฉียวต้าซวินและเสิ่นชิง แม้จะไม่ได้หรูหราเท่าที่ลู่เจ๋อเคยซื้อให้เธอมาก่อน แต่ก็ถือว่าอยู่กันได้อย่างสะดวกสบายเลยทีเดียวเสิ่นชิงรู้สึกไม่สบายใจเธอดึงแขนเฉียวซุนมาประจันหน้าและพูดด้วยความกังวล หนูได้ซื้อบ้านด้วยเงินทั้งหมดที่อยู่ในกำมือของหนู แล้วถ้าพี่ชายของหนูต้องการเงินในอนาคตขึ้นมา และจะเป็นยังไงถ้าหนูมีเหตุฉุกเฉินต้องใช้เงินขึ้นมาเฉียวซุนบอกกับเธอว่าไม่ต้องกังวลไป เธอหยิบสมุดบัญชีการเป็นเจ้าของหุ้นส่วนออกมาจากลิ้นชักแล้วพูดเบา ๆ ว่า นี่คือสมุดบัญชีการเป็นเจ้าของหุ้นส่วน 2 เปอร์เซนต์ ของกลุ่มบริษัทสกุลลู่ ซึ่งมีเงินปันผลประจำปีอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้านบาทเลย ขอแค่มีสิ่งนี้... ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไปแล้วนะคะแต่เสิ่นชิงยังคงไม่วางใจอยู่ดี เธอเคยติดต่อกับลู่เจ๋อหลายต่อหลายครั้ง และเธอก็รู้จักนิสัยของลู่เจ๋อดีในระดับหนึ่ง เงินที่เขาหามาเขาไม่ได้หามันมาง่าย ๆ นับประสาอะไรกับเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้เฉียวซุนที่เห็นถึงความอ่อนแอของเธอ จึงพูดเบา ๆ ตอนนี้เขายัง
เขาคิดว่าการประชุมคราวนี้จะได้เจอหน้าภรรยาตัวแสบของเขาเสียอีก แต่เฉียวซุนเงียบกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องพบเจอความเจ็บปวดทรมานมานักต่อนัก จนสามารถเงียบสงบเช่นนี้ ไหนจะยอมรับเงินเดือนสวัสดิการที่ไม่ยุติธรรมได้อย่างไม่หวาดหวั่นเช่นนี้อีก………ตอนที่เฉียวซุนไปเอาของที่อพาร์ทเมนท์ เขาถูกลู่เจ๋อขวางอยู่ที่หน้าประตูเขามีสีหน้าที่เศร้าหมอง เขาใช้ร่างกายกั้นเธอไว้กับบานประตู ค่อยๆ จับมือของเธอที่ไม่มีรอยแผลจากการบาดเจ็บด้วยมือเดียว…เฉียวซุนไม่สามารถเดินผ่านไปได้เธอไม่ต้องการที่จะสู้สายตากับเขา ดังนั้นเธอจึงหันศีรษะหนีเล็กน้อย ลู่เจ๋อคุณทำฉันเจ็บลู่เจ๋อดันใบหน้าของเธอให้หันมาเผชิญหน้า เขาห่างจากเธอเพียงคืบ ลมหายใจแผ่วเบาที่เป่ารดจรดใบหน้าของเธอ นิ้วเรียวยาวของเขาสัมผัสใบหน้าที่บอบบางของเธออย่างนุ่มนวล เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบห้าว เธอยังเจ็บอยู่เหรอ ฉันคิดว่าเธอหายเจ็บแผลแล้ว แล้วนี่เธอหายไปไหนมาเฉียวซุนริมฝีปากสั่นเครือ คุณยังมีหน้าตามฉันมาอีกเหรอ ลู่เจ๋อ ไอ้สารเลวลู่เจ๋อไม่ปฏิเสธในเวลานี้ ประตูห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออก และเพื่อนบ้านก็ยิ้มด้วยความไม่เต็มใจนัก คุณเฉ
ในอพาร์ทเมนท์เล็กๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน เห็นได้ชัดว่าเมื่อไม่นานมานี้เขายังพักค้างคืนอยู่ที่นี่ ความอบอุ่นเจือจางในห้องเล็กๆ พวกเขานอนแนบชิดกันบนโซฟา ในเวลานั้นเธออาศัยความอบอุ่นของเขาและยังมีความสัมพันธ์หวานชื่นอีกด้วย ความเชื่อใจที่มีมาตลอดได้พังทลายลง จนตอนนี้พวกเขาสองคนก็ไม่สามารถย้อนกลับเป็นเหมือนในอดีตได้อีกในที่สุดเธอก็พูดว่า ฉันอยากจะชอบคนอื่นแล้วลู่เจ๋อถอยหลังหนึ่งก้าว หลังแกร่งเอนพิงเข้ากับกำแพงพลางทอดสายตามองเธอแสงสีขาวสว่างจ้าสาดส่องลงบนร่างกายของเฉียวซุนทำให้ผิวของเธองดงามขาวดุจงาช้าง ดูมีเสน่ห์จนทำให้คนลุ่มหลงเธอรวบรวมเสื้อผ้าด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดเบา ๆ ว่า ลู่เจ๋อ ฉันอยากหย่ากับคุณแบบจริงจังเสียที ตอนนี้ไม่ใช่ว่าคุณกำลังยุ่งอยู่กับการทำโปรเจกต์เหรอ มีผู้ถือหุ้นหลายรายไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ใช่ไหม หุ้น 2 เปอร์เซนต์ ในมือของฉันก็กลายเป็นสิ่งสำคัญดวงตาสีดำของลู่เจ๋อหรี่ลงเล็กน้อยเฉียวซุนมองตาเขาแล้วพูดช้าๆ คนมักพูดว่าคู่รักก็เหมือนนกในป่าเดียวกัน แต่ลู่เจ๋อเราเป็นคู่รักที่กำลังจะหย่าร้าง คุณคิดว่าในสถานการณ์นี้ ฉันจะ
คุณนายพูดเยอะลู่เจ๋อเอนหลังบนเบาะแล้วฟังอย่างเงียบๆ เขาฟังจนรู้สึกคัดจมูกหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดเบาๆ ผมจัดการได้ครับหลังวางสายแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองอพาร์ทเมนท์ของเฉียวซุนเกือบจะพลบค่ำมีไฟสีส้มดวงเล็กๆสว่างในอพาร์ทเมนท์ ทันใดนั้นเขาก็อยากรู้มากว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ปกติเธอคงเก็บบ้านอย่างเรียบร้อย แล้วก็ทำขนมหวานเล็กๆ หนึ่งสองชิ้นใช่ไหม...มันเป็นฉากที่ธรรมดามาก แต่ต่อไปเขาคงไม่ได้เห็นแล้ว……เมื่อลู่เจ๋อขับรถกลับถึงคฤหาสน์ ฝนเริ่มก็ตก คนรับใช้ก็ถือร่มมาเปิดประตูให้เขาลู่เจ๋อถามแบบไม่ได้ตั้งใจ ภรรยาของฉันหล่ะคนใช้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วกระซิบว่า คุณนายย้ายออกไปแล้ว คุณลืมไปแล้วเหรอลู่เจ๋อตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดสายฝนพัดผ่านใบหน้าหล่อเหลาของเขาทำให้สีหน้าพร่ามัว เขาตกตะลึงอยู่นานก่อนจะพูดเบาๆว่ารู้แล้ว แล้วหยิบร่มเดินเข้าไปในคฤหาสน์เขาไม่ได้กินข้าว แต่ตรงไปที่ชั้นสาม ซึ่งเฉียวซุนมักฝึกไวโอลินไวโอลินของเฉียวซุนถูกทิ้งไว้ที่นั่น ดูโดดเดี่ยว อ้างว้างโดยไม่มีเจ้าของ เขาส่งเพลงบีโกเนียในสายฝน ที่ไม่ได้รับการชื่นชมอีกต่อไปฝนยังคงตกตลอด...ลู่เจ๋อรู้สึกใจชื้น เขาเดินเข
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว