น้ำตาไหลออกมาจากหางตา ตอนที่ลู่เจ๋อจูบเธอได้ลิ้มรสเค็มที่เปียกอยู่ที่หางตาเขาไม่ไปต่อแล้ว เขาวางมือข้างหนึ่งข้างเธอและจ้องมองเธออย่างถ่อมตัวเป็นเวลานานก่อนจะพูดเบาๆ ผมจะไม่แตะต้องคุณอีกต่อไปแล้ว ผมช่วยคุณเปลี่ยนเสื้อผ้าดีไหมเมื่อลู่เจ๋อเปลี่ยนเสื้อผ้า เฉียวซุนก็ไม่ได้ตอบโต้ร่างสีขาวของเธอนอนในแนวนอนบนผ้าล้ำค่าสีดำเข้ม ดูบอบบางและยุ่งเหยิง... เมื่อลู่เจ๋อสัมผัสเธอการหายใจของเขาก็ผิดปกติเขาเป็นคนที่มีความต้องการสูงมาโดยตลอด อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ทำมาหลายวันแล้วเฉียวซุนจ้องไปที่โคมไฟคริสตัลข้างบน ดวงตาของเธอไม่มีความรู้สึกใดๆ และเสียงของเธอก็งุนงงยิ่งกว่าเดิมลู่เจ๋อมันไร้ประโยชน์ ถ้าคุณแตะต้องตัวฉัน ฉันจะนึกถึงคืนนั้นในห้องหนังสือ นึกได้ว่าคุณทำกับฉันยังไง ทำไมคุณถึงบังคับให้ฉันทำแบบที่ผู้หญิงราคาถูกพวกนั้นทำ…ฉันยังจำช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ คุณเลือกได้ยังไงฉันเกลียดการสัมผัสของคุณ ฉันเกลียดการที่จะต้องคุยกับคุณ ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยตอนคุณสัมผัสฉัน... ลู่เจ๋อ การแต่งงานแบบนี้คุณยังต้องการอะไรอีก…ร่างกายของลู่เจ๋อเย็นเล็กน้อยจากนั้นไม่นาน เหมือนกับว่าเขาไม่เต็ม
ลู่เจ๋อขึ้นมาชั้นบน แต่เฉียวซุนไม่ได้อยู่ในห้องนอนเขาหยุดเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง เดินไปที่ชั้นสาม แล้วเปิดประตูห้องฝึกซ้อมแน่นอนว่า เฉียวซุนอยู่ที่นั่นไวโอลินตกลงบนพื้น คนก็ล้มลงบนพรม สภาพเธอน่าสังเวช... เหมือนกับว่าชีวิตของเธอถูกออกแบบมาให้ผิดพลาด และไม่มีทางซ่อมได้จู่ ๆ หัวใจของลู่เจ๋อก็เต้นแรงเขาเดินไปหาเธอเบา ๆ คุกเข่าลงแล้วพูดเบา ๆ ผมพาคุณไปพักผ่อนดีไหม ไปประเทศไหนก็ได้ เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าอยากไปฮันนีมูนเหรอ หลังจากจัดของเสร็จเรียบร้อย เราไปเที่ยวด้วยกันเดือนนึงเถอะเฉียวซุนก้มหัวลง และลูบไวโอลินด้วยนิ้วเรียวยาวจากนั้นไม่นานเธอก็พูดเบาๆ ฉันอยากไปเมืองเอสลู่เจ๋อเดาว่าเธออยากไปคอนเสิร์ต คอนเสิร์ตแรกของครูเว่ยคือวันพรุ่งนี้ จึงพูดโดยไม่คิดว่า ผมไปกับคุณนะเฉียวซุนไม่ปฏิเสธแต่เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเงียบไป ลู่เจ๋อบอกไม่ได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่...กลางคืน พวกเขาก็นอนเตียงเดียวกันแต่เป็นเพื่อนร่วมเตียงหลายครั้ง ที่ลู่เจ๋ออยากกอดเธอ แต่เฉียวซุนกลับนอนหงาย สองมือของเธอกอดร่างตัวเองไว้แสดงท่าทีปฏิเสธ เขารู้สึกหลงทางและกระซิบตรงไหล่บางของเธอ เมื่อก่อนคุณชอบนอนกอดผมนะขนตาเฉียวซุน
เพลงแรกขึ้นมา เธอควรจะปรากฏตัวแล้วแต่อาจารย์เว่ยยืนอยู่บนเวที ถูกผู้ชมดูถูก เธอก้มลงขอโทษผู้ชมครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่ต้นจนจบอาจารย์เว่ยไม่เคยเผยความเป็นส่วนตัวของเธอ ไม่เคยเอ่ยถึงอุบัติเหตุของเธอเพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้ หลินซวงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาขึ้นไปประคองอาจารย์เว่ยบนเวทีและพูดเบาๆ อาจารย์ยกเลิกตั๋วเถอะครับ คุณไม่ควรได้รับการดูถูกที่นี่อาจารย์เว่ยส่ายหัวเบาๆเขากล่าวว่า หลินซวง นี่ไม่ใช่เรื่องของการคืนเงิน หากผมคืนเงินค่าตั๋วในวันนี้ เฉียวซุนจะถูกตอกย้ำว่าบนเสาแห่งอัปยศในโลกดนตรีไปตลอดชีวิต และผมก็จะโดนตอกย้ำบนเสาแห่งความอัปยศเช่นกันหลินซวงสะอึกสะอื้นและพูดไม่ออกอาจารย์เว่ยถามผู้ฟังอีกครั้ง ผมจะเล่นแทนนักเรียนของผมให้ทุกคนฟังผู้ชมยังไม่สนใจ พวกเขาต่างบอกว่าเฉียวซุนเป็นคนเสมือนจริงที่สร้างโดยอาจารย์เว่ย ซึ่งเป็นจุดขายที่สร้างขึ้นเพื่อขายตั๋ว... ไม่มีคนแบบนี้ตั้งแต่แรกคนหลอกลวง คืนเงิน คืนเงิน คนหลอกลวง คืนเงิน คืนเงิน คนหลอกลวง คืนเงิน คืนเงิน ……เมื่อเหตุการณ์ควบคุมไม่ได้ เงาร่างผอมเพรียว ก็เดินขึ้นไปบนเวทีอาจารย์เว่ยและหลินซวงตกตะลึงคนแรกที่ตอบสนอง
ท้องฟ้ายามค่ำคืนของเมืองเอส ประดับประดาไปด้วยแสงนีออนมากมาย พวกเขาทั้งสองยืนอยู่บนถนนที่มีผู้คนคึกคัก ทว่าดูเป็นคู่สามีภรรยาที่ขาดความสนิทชิดเชื้อ มองหาถึงความสนิทสนมไม่ได้แม้แต่น้อย ใบหูของลู่เจ๋อยังคงตรึงอยู่กับคำพูดที่เฉียวซุนได้พูดออกมา เธอบอกว่า เสมือนบทเพลงนี้ได้เดินมาถึงจุดจบบริบูรณ์แล้ว...แต่ฉันคิดว่าหลังจากนี้ก็คงชอบใครสักคนที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่าที่จะชอบ ได้ไปจัดการเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของตัวเองสักทีลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนไหวเล็กน้อยยามได้ยินเธอบอกว่าจากนี้คิดจะชอบคนอื่นอีกเฉียวซุนขยับกายถอยหลังมาหนึ่งก้าว เธอมองไปยังลู่เจ๋อ พลางเอ่ยเสียงเบา ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว อย่าตามฉันมานะ แล้วก็อย่าให้คนอื่นตามฉันมาด้วย ลู่เจ๋อวิธีการสะกดรอยตามนั่นน่ะ มันทำให้ฉันขยะแขยงที่สุดเลยสายลมยามค่ำคืนที่พัดไหวเส้นผมของเขาลู่ไปตามสายลม แสงนีออนที่ส่องกระทบลงบนใบหน้าของเขายิ่งทำให้ดวงตาและคิ้วหนาดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น พลันเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าในความเป็นจริงแล้วพวกเขาก็เป็นแค่คู่สามีภรรยาวัยหนุ่มสาวเช่นกัน ตอนแต่งงานเธออายุยังไม่ถึง 21 ปีด้วยซ้ำ ในขณะที่ลู่เจ๋ออายุก็ยังไม่ถึง 25 ปีที่
เธอนี่ช่างมีพรสวรรค์เสียจริงขณะที่เขาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เธอสองมือก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสัมผัสกับส่วนที่ไวต่อความรู้สึกของหญิงสาว ลมหายใจของเขาก็ถี่ขึ้นเล็กน้อย ลูกกระเดือกก็ขยับขึ้นลงไม่หยุด...ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดเรื่องอย่างว่า เพียงแค่เขากลัวเธอจะรังเกียจสัมผัสนั้นร่างกายของเขาตอบสนองต่อการกระทำนั้นเฉียวซุนดูอาการออกในทันทีแต่เธอไม่ได้แสดงมันออกมา พลันเสียงกริ่งหน้าประตูก็ส่งเสียงขึ้น รูมเซอร์วิสมาถึงแล้ว เชิญคุณออกไปได้แล้วค่ะลู่เจ๋อค่อยๆจัดแจงเสื้อผ้าของเธอให้เข้าที่เข้าทาง แววตาที่มองเธอนั้นเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง ไม่นาน เขาก็เอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ เฉียวซุน ยังพอมีโอกาสสำหรับเรื่องของเรารึเปล่าไม่มีคำพูดเอื้อนเอ่ยออกมาจากเฉียวซุน...เสียงเคาะประตูที่รัวและดังขึ้นกว่าเดิมส่งสัญญาณให้คนในห้องรีบออกมารับสิ่งของที่สั่งไว้ ลู่เจ๋อรีบไปเปิดประตูเพื่อเข็นรถอาหารเข้ามา อาหารมื้อนี้ เป็นการทานอาหารที่เงียบเชียบไร้ซึ่งเสียงสนทนาเฉียวซุนไม่ได้เย็นชาเหมือนแต่ก่อน เมื่อไหร่ที่ลู่เจ๋อคุยกับเธอ เธอก็ยังตอบกลับมาหนึ่งหรือสองประโยคใบหน้าที่ดูไม่แยแสของเธอ ช่างดูเปราะบางแต่แฝงไปด้วยคว
เฉียวซุนเดินทางกลับถึงเมืองบี เธอใช้เงินจากการขายคฤหาสน์เพื่อซื้ออพาร์ทเมนท์120 ตารางเมตรให้แก่เฉียวต้าซวินและเสิ่นชิง แม้จะไม่ได้หรูหราเท่าที่ลู่เจ๋อเคยซื้อให้เธอมาก่อน แต่ก็ถือว่าอยู่กันได้อย่างสะดวกสบายเลยทีเดียวเสิ่นชิงรู้สึกไม่สบายใจเธอดึงแขนเฉียวซุนมาประจันหน้าและพูดด้วยความกังวล หนูได้ซื้อบ้านด้วยเงินทั้งหมดที่อยู่ในกำมือของหนู แล้วถ้าพี่ชายของหนูต้องการเงินในอนาคตขึ้นมา และจะเป็นยังไงถ้าหนูมีเหตุฉุกเฉินต้องใช้เงินขึ้นมาเฉียวซุนบอกกับเธอว่าไม่ต้องกังวลไป เธอหยิบสมุดบัญชีการเป็นเจ้าของหุ้นส่วนออกมาจากลิ้นชักแล้วพูดเบา ๆ ว่า นี่คือสมุดบัญชีการเป็นเจ้าของหุ้นส่วน 2 เปอร์เซนต์ ของกลุ่มบริษัทสกุลลู่ ซึ่งมีเงินปันผลประจำปีอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้านบาทเลย ขอแค่มีสิ่งนี้... ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไปแล้วนะคะแต่เสิ่นชิงยังคงไม่วางใจอยู่ดี เธอเคยติดต่อกับลู่เจ๋อหลายต่อหลายครั้ง และเธอก็รู้จักนิสัยของลู่เจ๋อดีในระดับหนึ่ง เงินที่เขาหามาเขาไม่ได้หามันมาง่าย ๆ นับประสาอะไรกับเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้เฉียวซุนที่เห็นถึงความอ่อนแอของเธอ จึงพูดเบา ๆ ตอนนี้เขายัง
เขาคิดว่าการประชุมคราวนี้จะได้เจอหน้าภรรยาตัวแสบของเขาเสียอีก แต่เฉียวซุนเงียบกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องพบเจอความเจ็บปวดทรมานมานักต่อนัก จนสามารถเงียบสงบเช่นนี้ ไหนจะยอมรับเงินเดือนสวัสดิการที่ไม่ยุติธรรมได้อย่างไม่หวาดหวั่นเช่นนี้อีก………ตอนที่เฉียวซุนไปเอาของที่อพาร์ทเมนท์ เขาถูกลู่เจ๋อขวางอยู่ที่หน้าประตูเขามีสีหน้าที่เศร้าหมอง เขาใช้ร่างกายกั้นเธอไว้กับบานประตู ค่อยๆ จับมือของเธอที่ไม่มีรอยแผลจากการบาดเจ็บด้วยมือเดียว…เฉียวซุนไม่สามารถเดินผ่านไปได้เธอไม่ต้องการที่จะสู้สายตากับเขา ดังนั้นเธอจึงหันศีรษะหนีเล็กน้อย ลู่เจ๋อคุณทำฉันเจ็บลู่เจ๋อดันใบหน้าของเธอให้หันมาเผชิญหน้า เขาห่างจากเธอเพียงคืบ ลมหายใจแผ่วเบาที่เป่ารดจรดใบหน้าของเธอ นิ้วเรียวยาวของเขาสัมผัสใบหน้าที่บอบบางของเธออย่างนุ่มนวล เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบห้าว เธอยังเจ็บอยู่เหรอ ฉันคิดว่าเธอหายเจ็บแผลแล้ว แล้วนี่เธอหายไปไหนมาเฉียวซุนริมฝีปากสั่นเครือ คุณยังมีหน้าตามฉันมาอีกเหรอ ลู่เจ๋อ ไอ้สารเลวลู่เจ๋อไม่ปฏิเสธในเวลานี้ ประตูห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออก และเพื่อนบ้านก็ยิ้มด้วยความไม่เต็มใจนัก คุณเฉ
ในอพาร์ทเมนท์เล็กๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน เห็นได้ชัดว่าเมื่อไม่นานมานี้เขายังพักค้างคืนอยู่ที่นี่ ความอบอุ่นเจือจางในห้องเล็กๆ พวกเขานอนแนบชิดกันบนโซฟา ในเวลานั้นเธออาศัยความอบอุ่นของเขาและยังมีความสัมพันธ์หวานชื่นอีกด้วย ความเชื่อใจที่มีมาตลอดได้พังทลายลง จนตอนนี้พวกเขาสองคนก็ไม่สามารถย้อนกลับเป็นเหมือนในอดีตได้อีกในที่สุดเธอก็พูดว่า ฉันอยากจะชอบคนอื่นแล้วลู่เจ๋อถอยหลังหนึ่งก้าว หลังแกร่งเอนพิงเข้ากับกำแพงพลางทอดสายตามองเธอแสงสีขาวสว่างจ้าสาดส่องลงบนร่างกายของเฉียวซุนทำให้ผิวของเธองดงามขาวดุจงาช้าง ดูมีเสน่ห์จนทำให้คนลุ่มหลงเธอรวบรวมเสื้อผ้าด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดเบา ๆ ว่า ลู่เจ๋อ ฉันอยากหย่ากับคุณแบบจริงจังเสียที ตอนนี้ไม่ใช่ว่าคุณกำลังยุ่งอยู่กับการทำโปรเจกต์เหรอ มีผู้ถือหุ้นหลายรายไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ใช่ไหม หุ้น 2 เปอร์เซนต์ ในมือของฉันก็กลายเป็นสิ่งสำคัญดวงตาสีดำของลู่เจ๋อหรี่ลงเล็กน้อยเฉียวซุนมองตาเขาแล้วพูดช้าๆ คนมักพูดว่าคู่รักก็เหมือนนกในป่าเดียวกัน แต่ลู่เจ๋อเราเป็นคู่รักที่กำลังจะหย่าร้าง คุณคิดว่าในสถานการณ์นี้ ฉันจะ