Share

บทที่ 3

Author: ลู่เหวินซี
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
เขามองมาที่ฉัน ยิ้มไม่ถึงตา “สัญญาอะไร?”

“ขอเงินหรือบ้าน แสร้งถือตัวมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็อดเอ่ยปากขอเงินไม่ได้แล้วสินะ?”

ฉันชินกับการเยาะเย้ยถากถางของเขา และเขาก็พูดไม่ผิด หัวใจสำคัญของสัญญายังคงเป็นการขอเงิน

“ไม่มีปัญหา ฉันรับปากกับเรื่องที่เธอขอได้ เงื่อนไขคือเธอขอโทษเหวินเหวินซะ”

ฉินเซียวแค้นฉันมาตลอดที่ทอดทิ้งเขาในตอนแรก พอสบโอกาสหายากที่ทำให้ฉันอับอายได้ เขาจะพลาดไปได้อย่างไร

ฉันค่อย ๆ กำหมัดที่ห้อยอยู่สองฝั่งของร่างกายแน่นขึ้น “นายคิดว่าฉันรังแกเธอจริง ๆ เหรอ?”

“ใช่หรือไม่ใช่มันไม่สำคัญ ตอนนี้ฉันแค่อยากให้เธอขอโทษ เธอจะขอโทษหรือไม่ขอโทษล่ะ?”

เขาแค่อยากใช้โอกาสนี้ทำให้ฉันอับอาย เพียงเพื่อเอาใจผู้หญิงอีกคน

หางตาของฉันแห้งผากเล็กน้อย ทันใดนั้นภาพที่แล่นวาบในสมองคือช่วงมัธยมปลาย เขาออกหน้าแทนฉัน สั่งสอนคนที่กลั่นแกล้งฉัน

ตอนนั้นเขายังไม่ใช่ประธานฉินในเวลานี้ เด็กวัยรุ่นที่ยังไม่โตเต็มไวถูกคนรุ่นเดียวกันประมาณสามถึงห้าคนต่อยจนจมูกเขียวหน้าบวมช้ำ แต่เขายังคงอาศัยความกล้าหาญเดียวดายปกป้องฉันไว้ด้านหลัง “ขอโทษฟางมี่ซะ”

เงาของฉินเซียวในช่วงเวลาที่แตกต่างกันค่อย ๆ ซ้อนทับกันต่อหน้าฉัน ก่อนจะแยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว

ฉันดึงสติกลับมา หัวเราะหยันก่อนจะเดินไปหาสวี่เหวิน “ขอโทษด้วยค่ะ คุณสวี่ ฉันไม่ควรฉวยโอกาสสาดน้ำใส่คุณตอนที่ประธานฉินไม่อยู่”

สวี่เหวินเห็นแบบนั้นก็แสร้งทำเป็นเสยผม “ขอโทษแค่ลมปาก ไม่มีความจริงใจเลย”

“งั้นเหวินเหวินคิดว่าขอโทษแบบไหนถึงจะมีความจริงใจล่ะ? ไม่งั้นเอาแบบนี้...”

ฉินเซียวโอบไหล่ของเธอแล้วยื่นแก้วน้ำมา “ตอบโต้ด้วยวิธีการเดียวกันสิ”

ความหมายของเขาชัดเจนมาก สวี่เหวินรับแก้วน้ำ ก่อนจะราดใส่หน้าฉันโดยที่มีรอยยิ้มมุมปาก

น้ำแก้วนั้นเย็นแล้ว ราดใส่หน้าฉันอย่างแรง ต่อให้มีเครื่องทำความร้อนอยู่ภายในห้อง แต่ฉันยังคงรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบไปจนถึงกระดูก

ฉันทำหน้าเคร่งขรึม สีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่ได้ดูจนตรอกเหมือนอย่างเธอเลย

สวี่เหวินไม่ยอม “ทำไมรู้สึกว่าเธอยังเพลิดเพลินมากเลยล่ะ?”

“เหรอ?” สายตาของฉินเซียวหยุดอยู่ที่ใบหน้าของฉัน แต่พูดกับเธอว่า “ถ้าเกิดเธอไม่พอใจ สาดเพิ่มอีกหลายแก้วก็ได้นะ”

หลายปีมานี้ การทรมานฉันกลายเป็นการ Play ระหว่างเขากับผู้หญิงของเขาแล้ว

ซื้อถุงยางให้พวกเขา ทำความสะอาดสถานที่หลังจากที่พวกเขาเสร็จกิจ ไปแผนกสูตินรีเวชเป็นเพื่อนฝ่ายหญิง มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่เคยทำบ้าง

ก็แค่โดนสาดน้ำไม่ใช่เหรอ ฉันยอมรับได้

บางทีสวี่เหวินคิดไม่ถึงว่าฉันจะอ่อนแอขนาดนี้ เธอเลยหมดความสนใจที่จะทรมานฉันไปชั่วขณะ เธอซบลงในอ้อมอกของฉินเซียวแล้วเอ่ยด้วยเสียงแผ่วต่ำว่า “ไม่สนใจเธอแล้ว ฉันเพิ่งซื้อชุดชั้นในตัวใหม่มา ไปสวมให้คุณดูในห้องทำงานดีไหมคะ?”

ฉินเซียวยิ้มพลางพยักหน้า จูบหน้าผากของเธอเบา ๆ แล้วค่อยหันมามองฉัน “ทิ้งสัญญาที่จะเซ็นไว้แล้วไสหัวไปได้แล้ว”

ฉันพยักหน้า หยิบเอกสารขึ้นมาก่อนจะหันตัวเดินจากไป

ความเจ็บปวดส่งมาจากในหัว นี่เป็นหนึ่งในอาการของโรค ระยะหลังมีแต่จะแย่ลงเรื่อย ๆ

ฉินเซียว ฉันไม่ต้องการให้คุณเซ็นสัญญาให้ฉันแล้ว

ฉันแค่อยากรู้นิดหน่อยว่า ถ้ามีวันหนึ่งนายรู้ว่าฉันลืมนายไปแล้ว นายจะนึกเสียใจสักนิดไหม?

Related chapters

  • หากคุณรู้   บทที่ 4

    ฉันเดินอยู่บนถนนอย่างไร้จุดหมาย ร่างกายเจ็บปวดจนยากจะทานทน ในช่วงที่พร่าเลือนนั้น ฉันเหมือนกับเห็นฉินเซียวในวัยสิบหกยืนอยู่ตรงหน้าฉันปีนั้นฉันเพิ่งเข้ามัธยมปลายมาได้ไม่นาน เนื่องจากพ่อแม่เสียชีวิตอย่างไม่มีเค้าลางล่วงหน้าจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ฉันเลยซึมเศร้า นิสัยก็เก็บตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉินเซียวเป็นเพื่อนบ้านที่ย้ายมาใหม่ อยู่ข้างบ้านฉันฐานะครอบครัวของเขาก็ไม่ดีเหมือนกัน พ่อหนีไปกับผู้หญิงอื่น แม่ก็อาศัยการทำงานเป็นแม่บ้านเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่เขากลับร่าเริงมองโลกในแง่ดี เมื่อเจอฉันก็ยิ้มให้ แต่ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเขาเลยจริง ๆสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันมีความสุขขึ้นมาได้เล็กน้อยคือการไปเก็บทับทิมที่ภูเขาหลังโรงเรียน ภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง ทับทิมเติบโตขึ้นจนทั้งแดงทั้งลูกใหญ่ฉันยังจำได้ว่าวันนั้นเป็นช่วงพลบค่ำพอดี ฉันปีนขึ้นต้นไม้อย่างยากลำบาก มือยังไม่ทันคว้าทับทิม ฉันก็พลัดตกลงมาจากต้นไม้แต่ความเจ็บปวดจากอุบัติเหตุกลับไม่มา ฉันก้มหน้าลงมองก็พบว่าฉินเซียวที่หน้าซีดเผือดถูกฉันทับไว้ใต้ร่างอย่างแรง“ขอโทษนะ...”ตอนนั้นเขามีรูปร่างผอมบาง ถูกฉันกระแทกใส่จนกระดูกหักทันทีในห้อ

  • หากคุณรู้   บทที่ 5

    ฉันเดินเตร็ดเตร่อยู่เนิ่นนานถึงค่อยเจอที่อยู่ปัจจุบันจากในโทรศัพท์มือถือ ฉันกลับบ้านอย่างเชื่องช้าแล้วก็พบว่ามีคนอยู่ในห้องครัวฉินเซียวกลับมาแล้ว นับตั้งแต่ที่สวี่เหวินปรากฏตัวข้างกายเขาก็ไม่มานานมากแล้วเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ถือขวดเหล้า สายตามองทะลุผ่านร่างฉันไปยังโต๊ะน้ำชาที่อยู่ข้างหลังเป็นทับทิมสองลูกที่ทั้งแดงทั้งลูกใหญ่ เหมือนกับที่ภูเขาหลังโรงเรียนในอดีต “กิน” เขามองลงมาพลางเอ่ยปาก น้ำเสียงเต็มไปด้วยการไม่ยินยอมให้ปฏิเสธฉันไม่สนใจ เดินผ่านตัวเขา แต่ร่างกายถูกลากไปอย่างแรงนัยน์ตาของเขามีเปลวไฟสุมอยู่ “เมินฉัน? ยังคิดว่าฉันเป็นไอ้บอดที่มองไม่เห็นอีกหรือไง?” น้ำเสียด่าทออย่างรุนแรง เหมือนอยากจะฉีกคนเป็นชิ้น ๆเรื่องที่เขาเคยสูญเสียการมองเห็นเป็นจุดอ่อนของเขามาโดยตลอด เขาไม่เคยพูดถึงก่อนเลย นอกเสียจากว่าเจอเรื่องที่ทำให้โกรธมากเป็นพิเศษ ฉันตกตะลึง พยายามสุดชีวิตหวนนึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน แต่ความทรงจำยังคงเลือนราง มีเพียงภาพโดด ๆ ที่จำได้ไม่กี่ภาพ“นายเป็นบ้าอะไร ฉันไปยั่วโมโหนายเหรอ?” เขาจับมือฉันไว้แน่น ฉันออกแรงสลัดออก สีหน้าก็เย็นชาลง “ฉันมึนหัวอยากนอ

  • หากคุณรู้   บทที่ 6

    ฉินเซียวตกตะลึง แต่ก็ยังรับสาย“ประธานฉิน มีเวลาว่างไหม ผมอยากคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของคุณกับเหวินเหวิน”เป็นประธานของซ่างซินกรุ๊ป พ่อของสวี่เหวินในคำเล่าลือที่โทรมา“ตอนนี้ผม...”“มาเถอะครับ กินข้าวเป็นแค่เรื่องเล็ก ผมยังอยากคุยกับคุณเรื่องรายละเอียดธุรกิจหน่อย”ฉินเซียวไม่พูดอะไร เขาเพียงแต่มองฉัน เลื่อนโทรศัพท์มือถือไปทางด้านข้าง“ขอร้องฉันสิ ฟางมี่ ขอแค่เธอเอ่ยปาก ฉันก็จะปฏิเสธเขา”“ฉันจะไม่แต่งงานกับสวี่เหวิน และจะไม่มีใครอีก”ครั้งหนึ่ง เหมือนฉันก็เคยขอร้องเขาแบบนี้ในตอนที่เขากอดผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าต่อหน้าฉัน ฉันรวบรวมความกล้าอยากบอกเขาถึงสาเหตุที่ฉันจากไปโดยไม่บอกลาในตอนแรกแต่วันนั้น เขาพูดว่าอย่างไรนะ? เขาพูดว่า “ฟางมี่ เลิกหาข้ออ้างสักที”“คำพูดของคนหลอกลวง เธอคิดว่าฉันยังจะเชื่อเหรอ?” “อยากให้ฉันฟังเธออธิบาย งั้นก็คุกเข่าลงมาอ้อนวอนฉันสิ”เขาทำลายศักดิ์ศรีของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่พวกเราทะเลาะจนสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย เขายังเพ้อฝันว่าฉันจะไปอ้อนวอนเขาอีกฉันจ้องมองดวงตาคู่นั้นของเขา แล้วเอ่ยประณามทีละคำว่า “แตงกว่าเน่า ๆ ชิ้นหนึ่ง ไม่มี

  • หากคุณรู้   บทที่ 7

    หลายวันต่อมา รูปถ่ายของฉินเซียวกับประธานซ่างซินกรุ๊ปพบหน้ากันได้ขึ้นพาดหัวข่าวตามสื่อหลักต่าง ๆหลังจากนั้นเขากับสวี่เหวินยืนเคียงข้างกันรับสัมภาษณ์จากนักข่าว สวี่เหวินควงแขนของเขาอย่างสนิทสนม หนุ่มหล่อสาวสวยน่าอิจฉาเป็นที่สุด“คุณสวี่ ไม่ทราบว่าคุณเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับคุณฟางมี่บ้างไหม คุณมีอะไรอยากพูดหรือเปล่า?” สวี่เหวินเอ่ยอย่างสง่างามใจกว้างว่า “สมัยนี้ไม่ว่าใครก็มีอดีตที่เลวร้ายทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือตอนนี้ฉันกับฉินเซียวหากันจนเจอ ใช้ชีวิตดี ๆ ในอนาคต คนที่ไม่สำคัญก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดถึงอีกค่ะ” ฉันนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ ดูการสัมภาษณ์ทั้งหมดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก หญิงสาวที่ยืนทำหน้าลำพองใจอย่างเต็มเปี่ยมด้านหลังฉันหนึ่งในนั้นแค่นเสียงเย็น แล้วเดินเข้ามาใกล้ฉัน “เดี๋ยวพี่เหวินก็เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของประธานฉินแล้ว บ้านหลังนี้ก็จะเป็นทรัพย์สินร่วมกันของพวกเขา คุณรีบฉวยโอกาสย้ายออกไปตอนนี้เถอะ” ฉันคร้านจะสนใจเธอ หยิบสมุดจดเล่มเล็กขึ้นมาจดบันทึก “วันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน ฉินเซียวประกาศหมั้นกับผู้หญิงอื่น”วันสองวันนี้ ความทรงจำของฉันแย่ลงเรื่อย ๆ จำเป็นต้องใช้สมุ

  • หากคุณรู้   บทที่ 8

    วันนี้น่าจะเป็นวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน ฉันลืมตามองปฏิทินในโทรศัพท์มือถือเมื่อฉันตื่นขึ้นมา มีหมอที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่ข้างกายฉัน ฉันนึกขึ้นมาได้แล้ว เขาชื่อลี่หัง เป็นรุ่นพี่ของฉันและก็เป็นหมอเจ้าของไข้ของฉันด้วย ยังมีผู้ชายอีกคน...เวลานี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว“บอกว่าเป็นลมก็เป็นลม ฟางมี่ เธอเริ่มเรียนการแสดงตั้งแต่เมื่อไหร่” ฉันปวดหัวไปวินาทีหนึ่ง ในที่สุดก็นึกสถานะของเขาได้แล้ว“นายหมั้นแล้วไม่ใช่เหรอ ยังมาหาฉันทำไมอีก?”ฉินเซียวหัวเราะ ตอบไม่ตรงคำถามว่า “หลังจากที่ฉันมาส่งเธอ ได้ยินว่าช่วงนี้เธอมาหาไอ้ไก่อ่อนนี่บ่อย ๆ” “ก่อนหน้านี้ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่า สองปีที่หายตัวไปเธอใช้ชีวิตยังไง ตอนนี้ดูเหมือนว่าคำตอบจะชัดเจนมากแล้ว”เขาเดินมาหาลี่หัง มองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตรอย่างเต็มเปี่ยม “แต่น่าเสียดายนะ นายใช้การไม่ได้ สองปีก็ยังทำไม่สำเร็จ”“สุดท้ายฉันยังคงได้กำไร”คำบอกใบ้ชัดเจนทำให้ฉันปวดใจทันที ฉันหยิบหมอนขึ้นมาปาใส่เขา “ไปให้พ้น นายไสหัวไปเลยนะ”ฉินเซียวไม่หลบ รับการกระทำนี้ไว้เต็ม ๆ ร่างสูงของลี่หังขวางอยู่หน้าพวกเ

  • หากคุณรู้   บทที่ 9

    ลี่หังจองตั๋วเครื่องบินไปเยอรมนีในสัปดาห์หน้าให้ฉัน ก่อนออกเดินทาง ฉันซื้อมังคุดที่แม่ของฉินเซียวชอบกินที่สุดเตรียมตัวไปเยี่ยมหลุมศพเธอเป็นครั้งสุดท้ายนี่ไม่เกี่ยวกับฉินเซียว เธอมีบุญคุณต่อฉัน แม่ของฉินเซียวถูกฝังอยู่ในสุสานหรูหราที่สุดในชานเมือง รอยยิ้มอบอุ่นและสงบสุขของเธอบนรูปภาพเหมือนกับในความทรงจำของฉันฉันก้มตัวกำลังคิดจะทำความสะอาดหลุมศพ ก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง “คุณฟาง คุณมาได้ยังไง”เป็นสวี่เหวิน เธอพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ทำความสะอาดหลุมศพให้แม่สามีฉันเหรอ คุณใจดีจริง ๆ แต่ว่าต่อไปไม่จำเป็นแล้ว ฉันจะส่งคนมาทำความสะอาดเอง”เธอทิ้งดอกไม้ที่ฉันนำมาไว้ทางด้านข้างต่อหน้าฉัน สายตาของฉันเหลือบมองข้อมือของเธอ สร้อยข้อมือที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าฉัน ฉันกำหมัดแน่นทันที “สร้อยข้อมือเส้นนี้อยู่ที่คุณได้ยังไง?” สวี่เหวินแสดงท่าทีภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด “ฉินเซียวมอบให้ฉัน เขาบอกว่าเป็นของที่แม่เขามอบให้ลูกสะใภ้ในอนาคต” “ผิดแล้ว ไม่ใช่แบบนี้...” สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่แม่ของเขามอบให้ฉัน ฉินเซียวไม่มีสิทธิ์มอบมันให้ใคร “ฉินเซียวล่ะ คุณบอกฉันมา เขาไปไหนแล้ว

  • หากคุณรู้   บทที่ 10

    น่ารำคาญจัง ฉันได้ยินเสียงทะเลาะกันฉันที่อยู่ในอาการโคม่า ไม่ง่ายเลยกว่าจะลืมตาขึ้นมาได้ แล้วก็เห็นชายหน้าตาดีสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ตรงหน้าฉันใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยสีสัน ยามเข้ามาแยกพวกเขาออกจากกัน แล้วพูดเกลี้ยกล่อมด้วยความระมัดระวังว่า “ทุกคนใจเย็น ๆ ครับ มีอะไรก็พูดกันดี ๆ”ฉันลุกขึ้นนั่ง มองชายที่สวมชุดกาวน์สีขาว แล้วยื่นมือเรียกเขาให้เข้ามาแต่ชายอีกคนที่ใส่สูทกลับตื่นเต้นมากขึ้น เขาคุกเข่าลงดังตุบหน้าเตียงผู้ป่วยของฉัน น้ำมูกน้ำตาไหลเต็มหน้า “เสี่ยวมี่ เธอยังจำฉันได้ไหม”เสี่ยวมี่?ทำไมมีคนเรียกฉันแบบนี้ฉันขมวดคิ้วและดึงมือที่ถูกเขากุมไว้กลับมา“คุณเป็นใคร”“ฉันรู้จักคุณด้วยเหรอ?”“รุ่นพี่ลี่ คุณผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนของคุณเหรอคะ?”ฉันเหม่อลอยเล็กน้อย ในสมองว่างเปล่าลี่หังก้าวเท้าใหญ่ ๆ เดินเข้ามา หน้าซีดเผือดเล็กน้อย “ฟางมี่ เธอพูดอะไรน่ะ เธอจำเขาไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”ฉันกะพริบตาปริบ ๆ ขบคิดให้ละเอียด แต่ก็ยังไม่รู้จักจริง ๆฉินเซียวตะโกนเสียงดังทันที “ลี่หัง เป็นฝีมือนาย นายทำให้เสี่ยวมี่ลืมฉัน ทั้งหมดนี้เป็นแผนของนาย”“พูดเหลวไหล คุณเป็นคนยั่วโมโหเธอ คุณไม่

  • หากคุณรู้   บทที่ 11

    ฉันท้องแล้วตอนที่รู้เรื่องนี้ ฉันเกือบจะเป็นลมฉันไม่มีแม้แต่แฟน แล้วจะท้องได้อย่างไรลี่หังกังวลมาก พาฉันไปทำการตรวจทีละอย่างฉินเซียวเองก็ไม่มีความสุขเช่นกัน แววตาที่มองฉันเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายเกินไป รู้สึกเหมือนกับว่าสามารถร้องไห้ออกมาได้ในวินาทีต่อมา“ทำไมฉันถึงมีลูกได้ คุณรู้ไหมว่าเป็นลูกของใคร?”ฉันไว้ใจแค่ลี่หัง แต่เขาไม่ยอมบอกฉัน เขาแค่พูดเรียบ ๆ ว่าสุขภาพร่างกายของฉันไม่ดี อาจจะเก็บเด็กไว้ไม่ได้เฮ้อ เก็บไว้ไม่ได้ก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเกิดมาแล้วฉันก็เลี้ยงดูเธอไม่ได้อยู่ดีฉันนอนแล้วก็กิน กินแล้วก็นอนอย่างไม่คิดอะไรมาก ถึงแม้ฉันมักจะลืมเรื่องราวต่าง ๆ แต่ทุกวันก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากจนกระทั่งวันหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น“ฟางมี่ คุณตั้งใจใช่ไหม ใช้ลูกผูกมัดผู้ชายไว้ ต่ำช้าจริง ๆ”เธอหน้าตาดีมาก แต่ท่าทีของเธอที่มีต่อฉันเรียกได้ว่าไม่เป็นมิตรเลยจริง ๆ ฉันไม่อยากสนใจเธอ แต่เธอกลับไม่ยอมเลิกรา“คุณพูดสิ แกล้งทำตัวเป็นใบ้ก็ไม่มีประโยชน์ แค่ท้องไม่ใช่หรือไง คุณคิดว่าแค่คุณคนเดียวจะคลอดลูกได้เหรอ?”เธอโยนใบผลตรวจร่างกายให้ฉัน บนนั้นเขียนไว้ว่าผู้หญิงที่ช

Latest chapter

  • หากคุณรู้   บทที่ 12

    ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉินเซียวและสวี่เหวินก็หายไปแล้วตอนที่ฉินเซียวจากไป เขาสัญญากับฉันว่า "เสี่ยวมี่ เธอรอฉันกลับมา ฉันจะอธิบายให้เธอฟัง เธออย่าลืมฉันนะ เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอพูด"จำได้แล้วอย่างไร จำไม่ได้แล้วอย่างไร ฉันไม่สนใจแล้วหลังจากนั้นสามวัน ฉินเซียวก็ไม่โผล่มาอีกเด็กย่อมรักษาไว้ไม่ได้ ฉันไม่ได้ร้องไห้หรือฟูมฟาย ยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วมีหลายครั้งที่รุ่นพี่ลี่หังอยากพูดอะไรบางอย่างกับฉัน แต่ฉันก็ส่ายหน้าห้ามไว้ไม่ง่ายเลยกว่าสภาพจิตใจของฉันจะดีขึ้น อย่าพูดถึงตัวซวยต่อหน้าฉันอีกรุ่นพี่ลี่หังเริ่มเล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับสถานพักฟื้นที่ฉันจะไปอยู่หลังจากไปประเทศ D“สภาพแวดล้อมดีมาก มีทั้งอาหารจีนและอาหารฝรั่ง มีหมอมาตรวจทุกวัน และจะมีการจัดท่องเที่ยวทุกไตรมาส พอถึงตอนนั้นฉันจะพาเธอไป แล้วฉวยโอกาสเที่ยวเล่นให้ทั่วยุโรปเลย”ฉันเบ้ปาก ไม่สนใจเลย “ยังไงก็ได้ ถึงยังไงหลังจากไปแล้ว ฉันก็จะลืมอยู่ดี”พอรู้ตัวว่าพูดผิดไป ฉันก็รีบหาคำพูดเสริมว่า “แต่ว่าตราบใดที่อยู่กับรุ่นพี่ ฉันก็มีความสุขมากแล้ว”เขากัดฟันกราม ผ่านไปพักใหญ่ถึงค่อยกล่าวประโยคนี้ออกมา “นับว

  • หากคุณรู้   บทที่ 11

    ฉันท้องแล้วตอนที่รู้เรื่องนี้ ฉันเกือบจะเป็นลมฉันไม่มีแม้แต่แฟน แล้วจะท้องได้อย่างไรลี่หังกังวลมาก พาฉันไปทำการตรวจทีละอย่างฉินเซียวเองก็ไม่มีความสุขเช่นกัน แววตาที่มองฉันเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายเกินไป รู้สึกเหมือนกับว่าสามารถร้องไห้ออกมาได้ในวินาทีต่อมา“ทำไมฉันถึงมีลูกได้ คุณรู้ไหมว่าเป็นลูกของใคร?”ฉันไว้ใจแค่ลี่หัง แต่เขาไม่ยอมบอกฉัน เขาแค่พูดเรียบ ๆ ว่าสุขภาพร่างกายของฉันไม่ดี อาจจะเก็บเด็กไว้ไม่ได้เฮ้อ เก็บไว้ไม่ได้ก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเกิดมาแล้วฉันก็เลี้ยงดูเธอไม่ได้อยู่ดีฉันนอนแล้วก็กิน กินแล้วก็นอนอย่างไม่คิดอะไรมาก ถึงแม้ฉันมักจะลืมเรื่องราวต่าง ๆ แต่ทุกวันก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากจนกระทั่งวันหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น“ฟางมี่ คุณตั้งใจใช่ไหม ใช้ลูกผูกมัดผู้ชายไว้ ต่ำช้าจริง ๆ”เธอหน้าตาดีมาก แต่ท่าทีของเธอที่มีต่อฉันเรียกได้ว่าไม่เป็นมิตรเลยจริง ๆ ฉันไม่อยากสนใจเธอ แต่เธอกลับไม่ยอมเลิกรา“คุณพูดสิ แกล้งทำตัวเป็นใบ้ก็ไม่มีประโยชน์ แค่ท้องไม่ใช่หรือไง คุณคิดว่าแค่คุณคนเดียวจะคลอดลูกได้เหรอ?”เธอโยนใบผลตรวจร่างกายให้ฉัน บนนั้นเขียนไว้ว่าผู้หญิงที่ช

  • หากคุณรู้   บทที่ 10

    น่ารำคาญจัง ฉันได้ยินเสียงทะเลาะกันฉันที่อยู่ในอาการโคม่า ไม่ง่ายเลยกว่าจะลืมตาขึ้นมาได้ แล้วก็เห็นชายหน้าตาดีสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ตรงหน้าฉันใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยสีสัน ยามเข้ามาแยกพวกเขาออกจากกัน แล้วพูดเกลี้ยกล่อมด้วยความระมัดระวังว่า “ทุกคนใจเย็น ๆ ครับ มีอะไรก็พูดกันดี ๆ”ฉันลุกขึ้นนั่ง มองชายที่สวมชุดกาวน์สีขาว แล้วยื่นมือเรียกเขาให้เข้ามาแต่ชายอีกคนที่ใส่สูทกลับตื่นเต้นมากขึ้น เขาคุกเข่าลงดังตุบหน้าเตียงผู้ป่วยของฉัน น้ำมูกน้ำตาไหลเต็มหน้า “เสี่ยวมี่ เธอยังจำฉันได้ไหม”เสี่ยวมี่?ทำไมมีคนเรียกฉันแบบนี้ฉันขมวดคิ้วและดึงมือที่ถูกเขากุมไว้กลับมา“คุณเป็นใคร”“ฉันรู้จักคุณด้วยเหรอ?”“รุ่นพี่ลี่ คุณผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนของคุณเหรอคะ?”ฉันเหม่อลอยเล็กน้อย ในสมองว่างเปล่าลี่หังก้าวเท้าใหญ่ ๆ เดินเข้ามา หน้าซีดเผือดเล็กน้อย “ฟางมี่ เธอพูดอะไรน่ะ เธอจำเขาไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”ฉันกะพริบตาปริบ ๆ ขบคิดให้ละเอียด แต่ก็ยังไม่รู้จักจริง ๆฉินเซียวตะโกนเสียงดังทันที “ลี่หัง เป็นฝีมือนาย นายทำให้เสี่ยวมี่ลืมฉัน ทั้งหมดนี้เป็นแผนของนาย”“พูดเหลวไหล คุณเป็นคนยั่วโมโหเธอ คุณไม่

  • หากคุณรู้   บทที่ 9

    ลี่หังจองตั๋วเครื่องบินไปเยอรมนีในสัปดาห์หน้าให้ฉัน ก่อนออกเดินทาง ฉันซื้อมังคุดที่แม่ของฉินเซียวชอบกินที่สุดเตรียมตัวไปเยี่ยมหลุมศพเธอเป็นครั้งสุดท้ายนี่ไม่เกี่ยวกับฉินเซียว เธอมีบุญคุณต่อฉัน แม่ของฉินเซียวถูกฝังอยู่ในสุสานหรูหราที่สุดในชานเมือง รอยยิ้มอบอุ่นและสงบสุขของเธอบนรูปภาพเหมือนกับในความทรงจำของฉันฉันก้มตัวกำลังคิดจะทำความสะอาดหลุมศพ ก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง “คุณฟาง คุณมาได้ยังไง”เป็นสวี่เหวิน เธอพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ทำความสะอาดหลุมศพให้แม่สามีฉันเหรอ คุณใจดีจริง ๆ แต่ว่าต่อไปไม่จำเป็นแล้ว ฉันจะส่งคนมาทำความสะอาดเอง”เธอทิ้งดอกไม้ที่ฉันนำมาไว้ทางด้านข้างต่อหน้าฉัน สายตาของฉันเหลือบมองข้อมือของเธอ สร้อยข้อมือที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าฉัน ฉันกำหมัดแน่นทันที “สร้อยข้อมือเส้นนี้อยู่ที่คุณได้ยังไง?” สวี่เหวินแสดงท่าทีภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด “ฉินเซียวมอบให้ฉัน เขาบอกว่าเป็นของที่แม่เขามอบให้ลูกสะใภ้ในอนาคต” “ผิดแล้ว ไม่ใช่แบบนี้...” สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่แม่ของเขามอบให้ฉัน ฉินเซียวไม่มีสิทธิ์มอบมันให้ใคร “ฉินเซียวล่ะ คุณบอกฉันมา เขาไปไหนแล้ว

  • หากคุณรู้   บทที่ 8

    วันนี้น่าจะเป็นวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน ฉันลืมตามองปฏิทินในโทรศัพท์มือถือเมื่อฉันตื่นขึ้นมา มีหมอที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่ข้างกายฉัน ฉันนึกขึ้นมาได้แล้ว เขาชื่อลี่หัง เป็นรุ่นพี่ของฉันและก็เป็นหมอเจ้าของไข้ของฉันด้วย ยังมีผู้ชายอีกคน...เวลานี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว“บอกว่าเป็นลมก็เป็นลม ฟางมี่ เธอเริ่มเรียนการแสดงตั้งแต่เมื่อไหร่” ฉันปวดหัวไปวินาทีหนึ่ง ในที่สุดก็นึกสถานะของเขาได้แล้ว“นายหมั้นแล้วไม่ใช่เหรอ ยังมาหาฉันทำไมอีก?”ฉินเซียวหัวเราะ ตอบไม่ตรงคำถามว่า “หลังจากที่ฉันมาส่งเธอ ได้ยินว่าช่วงนี้เธอมาหาไอ้ไก่อ่อนนี่บ่อย ๆ” “ก่อนหน้านี้ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่า สองปีที่หายตัวไปเธอใช้ชีวิตยังไง ตอนนี้ดูเหมือนว่าคำตอบจะชัดเจนมากแล้ว”เขาเดินมาหาลี่หัง มองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตรอย่างเต็มเปี่ยม “แต่น่าเสียดายนะ นายใช้การไม่ได้ สองปีก็ยังทำไม่สำเร็จ”“สุดท้ายฉันยังคงได้กำไร”คำบอกใบ้ชัดเจนทำให้ฉันปวดใจทันที ฉันหยิบหมอนขึ้นมาปาใส่เขา “ไปให้พ้น นายไสหัวไปเลยนะ”ฉินเซียวไม่หลบ รับการกระทำนี้ไว้เต็ม ๆ ร่างสูงของลี่หังขวางอยู่หน้าพวกเ

  • หากคุณรู้   บทที่ 7

    หลายวันต่อมา รูปถ่ายของฉินเซียวกับประธานซ่างซินกรุ๊ปพบหน้ากันได้ขึ้นพาดหัวข่าวตามสื่อหลักต่าง ๆหลังจากนั้นเขากับสวี่เหวินยืนเคียงข้างกันรับสัมภาษณ์จากนักข่าว สวี่เหวินควงแขนของเขาอย่างสนิทสนม หนุ่มหล่อสาวสวยน่าอิจฉาเป็นที่สุด“คุณสวี่ ไม่ทราบว่าคุณเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับคุณฟางมี่บ้างไหม คุณมีอะไรอยากพูดหรือเปล่า?” สวี่เหวินเอ่ยอย่างสง่างามใจกว้างว่า “สมัยนี้ไม่ว่าใครก็มีอดีตที่เลวร้ายทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือตอนนี้ฉันกับฉินเซียวหากันจนเจอ ใช้ชีวิตดี ๆ ในอนาคต คนที่ไม่สำคัญก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดถึงอีกค่ะ” ฉันนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ ดูการสัมภาษณ์ทั้งหมดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก หญิงสาวที่ยืนทำหน้าลำพองใจอย่างเต็มเปี่ยมด้านหลังฉันหนึ่งในนั้นแค่นเสียงเย็น แล้วเดินเข้ามาใกล้ฉัน “เดี๋ยวพี่เหวินก็เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของประธานฉินแล้ว บ้านหลังนี้ก็จะเป็นทรัพย์สินร่วมกันของพวกเขา คุณรีบฉวยโอกาสย้ายออกไปตอนนี้เถอะ” ฉันคร้านจะสนใจเธอ หยิบสมุดจดเล่มเล็กขึ้นมาจดบันทึก “วันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน ฉินเซียวประกาศหมั้นกับผู้หญิงอื่น”วันสองวันนี้ ความทรงจำของฉันแย่ลงเรื่อย ๆ จำเป็นต้องใช้สมุ

  • หากคุณรู้   บทที่ 6

    ฉินเซียวตกตะลึง แต่ก็ยังรับสาย“ประธานฉิน มีเวลาว่างไหม ผมอยากคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของคุณกับเหวินเหวิน”เป็นประธานของซ่างซินกรุ๊ป พ่อของสวี่เหวินในคำเล่าลือที่โทรมา“ตอนนี้ผม...”“มาเถอะครับ กินข้าวเป็นแค่เรื่องเล็ก ผมยังอยากคุยกับคุณเรื่องรายละเอียดธุรกิจหน่อย”ฉินเซียวไม่พูดอะไร เขาเพียงแต่มองฉัน เลื่อนโทรศัพท์มือถือไปทางด้านข้าง“ขอร้องฉันสิ ฟางมี่ ขอแค่เธอเอ่ยปาก ฉันก็จะปฏิเสธเขา”“ฉันจะไม่แต่งงานกับสวี่เหวิน และจะไม่มีใครอีก”ครั้งหนึ่ง เหมือนฉันก็เคยขอร้องเขาแบบนี้ในตอนที่เขากอดผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าต่อหน้าฉัน ฉันรวบรวมความกล้าอยากบอกเขาถึงสาเหตุที่ฉันจากไปโดยไม่บอกลาในตอนแรกแต่วันนั้น เขาพูดว่าอย่างไรนะ? เขาพูดว่า “ฟางมี่ เลิกหาข้ออ้างสักที”“คำพูดของคนหลอกลวง เธอคิดว่าฉันยังจะเชื่อเหรอ?” “อยากให้ฉันฟังเธออธิบาย งั้นก็คุกเข่าลงมาอ้อนวอนฉันสิ”เขาทำลายศักดิ์ศรีของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่พวกเราทะเลาะจนสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย เขายังเพ้อฝันว่าฉันจะไปอ้อนวอนเขาอีกฉันจ้องมองดวงตาคู่นั้นของเขา แล้วเอ่ยประณามทีละคำว่า “แตงกว่าเน่า ๆ ชิ้นหนึ่ง ไม่มี

  • หากคุณรู้   บทที่ 5

    ฉันเดินเตร็ดเตร่อยู่เนิ่นนานถึงค่อยเจอที่อยู่ปัจจุบันจากในโทรศัพท์มือถือ ฉันกลับบ้านอย่างเชื่องช้าแล้วก็พบว่ามีคนอยู่ในห้องครัวฉินเซียวกลับมาแล้ว นับตั้งแต่ที่สวี่เหวินปรากฏตัวข้างกายเขาก็ไม่มานานมากแล้วเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ถือขวดเหล้า สายตามองทะลุผ่านร่างฉันไปยังโต๊ะน้ำชาที่อยู่ข้างหลังเป็นทับทิมสองลูกที่ทั้งแดงทั้งลูกใหญ่ เหมือนกับที่ภูเขาหลังโรงเรียนในอดีต “กิน” เขามองลงมาพลางเอ่ยปาก น้ำเสียงเต็มไปด้วยการไม่ยินยอมให้ปฏิเสธฉันไม่สนใจ เดินผ่านตัวเขา แต่ร่างกายถูกลากไปอย่างแรงนัยน์ตาของเขามีเปลวไฟสุมอยู่ “เมินฉัน? ยังคิดว่าฉันเป็นไอ้บอดที่มองไม่เห็นอีกหรือไง?” น้ำเสียด่าทออย่างรุนแรง เหมือนอยากจะฉีกคนเป็นชิ้น ๆเรื่องที่เขาเคยสูญเสียการมองเห็นเป็นจุดอ่อนของเขามาโดยตลอด เขาไม่เคยพูดถึงก่อนเลย นอกเสียจากว่าเจอเรื่องที่ทำให้โกรธมากเป็นพิเศษ ฉันตกตะลึง พยายามสุดชีวิตหวนนึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน แต่ความทรงจำยังคงเลือนราง มีเพียงภาพโดด ๆ ที่จำได้ไม่กี่ภาพ“นายเป็นบ้าอะไร ฉันไปยั่วโมโหนายเหรอ?” เขาจับมือฉันไว้แน่น ฉันออกแรงสลัดออก สีหน้าก็เย็นชาลง “ฉันมึนหัวอยากนอ

  • หากคุณรู้   บทที่ 4

    ฉันเดินอยู่บนถนนอย่างไร้จุดหมาย ร่างกายเจ็บปวดจนยากจะทานทน ในช่วงที่พร่าเลือนนั้น ฉันเหมือนกับเห็นฉินเซียวในวัยสิบหกยืนอยู่ตรงหน้าฉันปีนั้นฉันเพิ่งเข้ามัธยมปลายมาได้ไม่นาน เนื่องจากพ่อแม่เสียชีวิตอย่างไม่มีเค้าลางล่วงหน้าจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ฉันเลยซึมเศร้า นิสัยก็เก็บตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉินเซียวเป็นเพื่อนบ้านที่ย้ายมาใหม่ อยู่ข้างบ้านฉันฐานะครอบครัวของเขาก็ไม่ดีเหมือนกัน พ่อหนีไปกับผู้หญิงอื่น แม่ก็อาศัยการทำงานเป็นแม่บ้านเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่เขากลับร่าเริงมองโลกในแง่ดี เมื่อเจอฉันก็ยิ้มให้ แต่ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเขาเลยจริง ๆสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันมีความสุขขึ้นมาได้เล็กน้อยคือการไปเก็บทับทิมที่ภูเขาหลังโรงเรียน ภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง ทับทิมเติบโตขึ้นจนทั้งแดงทั้งลูกใหญ่ฉันยังจำได้ว่าวันนั้นเป็นช่วงพลบค่ำพอดี ฉันปีนขึ้นต้นไม้อย่างยากลำบาก มือยังไม่ทันคว้าทับทิม ฉันก็พลัดตกลงมาจากต้นไม้แต่ความเจ็บปวดจากอุบัติเหตุกลับไม่มา ฉันก้มหน้าลงมองก็พบว่าฉินเซียวที่หน้าซีดเผือดถูกฉันทับไว้ใต้ร่างอย่างแรง“ขอโทษนะ...”ตอนนั้นเขามีรูปร่างผอมบาง ถูกฉันกระแทกใส่จนกระดูกหักทันทีในห้อ

DMCA.com Protection Status