“แต่แบบนี้ก็ดีนะ ทำให้เรื่องระหว่างเรามีรสมีชาติมากขึ้น” ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไปบนใบหน้าขาวสวยและจับรั้งปลายคางมนให้ขยับเคลื่อนเข้าหา
นลินรีบพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ใบหน้าขาวสวยค่อยแย้มยิ้มทีละน้อยๆ จนเต็มทั้งใบหน้าและดวงตา ค่อยๆ ดึงเอาแขนเรียวยาวออกจากมือใหญ่อย่างช้าๆ และเคลื่อนไปลากไล้บนอกกว้าง จิกทึ้งไกล่เกลี่ยกระดุมเสื้อชายหนุ่มเล่น
“แหม...คุณนี่อารมณ์ร้อนจริงๆ นะคะ หลินก็แค่...”
เพียงแค่ได้ยินหญิงสาวเรียกตัวเองว่าหลินเทพกานต์ถึงกับสะดุ้ง แม้เวลาจะเนิ่นนานผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกผิดที่ทำไว้กับรมย์นลินก็ยังคงเกาะอยู่ในใจและคอยกัดกร่อนความรู้สึกทุกครั้งที่มีใครเอ่ยชื่อหรือพูดคุยสิ่งใดที่พาดพิงไปถึงหญิงสาว
ร่างหนาใหญ่ค่อยๆ ขยับเคลื่อนตัวออกห่าง หวังจะมองดูใบหน้าขาวสวยให้ชัดเจนอีกครั้ง จะเหมือนหรือคล้ายคลึงกับรมย์นลินบ้างหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวเองก็รู้เลยบดเบียดเรือนกายนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นจากกลิ่นเนื้อสาวและกลิ่นน้ำหอมที่ใช้หันเหความสนใจของเขาแทน
รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปากด้านหนึ่งของเรียวปากสวย “คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ รังเกียจหลินแล้วหรือคะถึงได้ขยับตัวหนีแบบนี้” นลินแสร้งถามเสียงหวานนุ่ม ปลายนิ้วเล็กๆ ขยับเคลื่อนไหวตามแผ่นอกกว้าง และค่อยๆ เคลื่อนไปตามลำคอแกร่ง สิ้นสุดบนใบหน้าคมคร้าม
“เปล่าๆ ” เทพกานต์รีบตอบปฏิเสธอย่างเร็วไว
ปลายนิ้วยาวเรียวไล้ไปตามกลีบปากหนาและนุ่ม “ถ้าไม่รังเกียจ ทำไมถึงได้ขยับตัวหนีล่ะคะ หรือว่าโกรธที่หลินไม่ไปพบ พอเจอหน้าก็ยังทำรังเกียจและตื่นกลัวด้วย”
‘รู้ไว้ด้วยนะนายเทพกานต์ อรุณสนิทชัยวงศ์ ฉันทั้งรังเกียจและเกลียดนายเป็นที่สุด ในชีวิตนี้นอกจากไอ้อาสารเลวที่จ้องจะงาบฉันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้ว นายคือคนที่สองที่ฉันเกลียด!’
ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับและแข็งกร้าว เมื่อนึกถึงอาหนุ่มปากว่ามือถึงที่จ้องจะงาบเธอหลังอาหารเช้า กลางวันและเย็น ปลอดคนเป็นไม่ได้คอยแต่จะลวนลามเอาท่าเดียว ดีว่าเธอมีเพื่อนแสนดีและเก่งอย่างแพรพนัส ที่สามารถช่วยเหลือจนเอาตัวหนีรอดจากเงื้อมมือหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์มาได้อย่างหวุดหวิดเกือบจะเสียโฉมและเสียตัว
ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มเข้าหากัน ผ่อนเอาลมหายใจร้อนผ่าวในอกออกมาอย่างเชื่องช้าและระมัดระวัง พร้อมพยายามปรับเปลี่ยนอารมณ์แห่งความโกรธเกรี้ยวให้เป็นอ่อนหวาน ออดอ้อนและช่างยั่วเหมือนนางหมาป่าเจ้าเสน่ห์ ใบหน้าขาวสวยค่อยๆ แหงนหงายขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวานฉ่ำเชื่อม ดวงตากลมโตเป็นประกายอ่อนหวานระคนออดอ้อนและเว้าวอน
“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าหลินเพิ่งโดนลวนลามด้วยสายตาและการกระทำ รวมถึงพูดจาดูถูกหยามเหยียดต่างๆ นานาเมื่อไม่ยอมไปกับเขานะคะ”
เทพกานต์ที่สามารถปรับอารมณ์ให้คืนกลับมาได้เลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตาคมกริบสบกับดวงตากลมโตที่เป็นประกายสะท้อนกับแสงไฟ ตอนแรกไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและหวาดกลัว เพลิงโทสะในกายก็พุ่งขึ้นมา ในหัวใจเหมือนกับปรอทที่ได้รับความร้อนจัด ขบกัดฟันกรามจนนูนเด่น
“คะ...คุณโกรธหลินหรือคะ?” นลินแสร้งถามออกไป ขอบตาร้อนผ่าวและในดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า ใบหน้าขาวสวยซีดเผือด ริมฝีปากขบเม้มเหมือนกำลังสะกดกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
“เปล่าหรอกหลิน ฉันโกรธผู้ชายคนนั้นที่กล้าทำร้ายผู้หญิงสวยๆ อย่างเธอต่างหากล่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงนุ่ม ปลายนิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นมาลากไล้บนใบหน้าขาวนวลสวย
เสียดายค่ำคืนนี้หญิงสาวแต่งหน้าค่อนไปทางจัดจ้าน ทำให้มองไม่เห็นผิวเนื้อแท้จริง แต่คิดว่าผิวแก้มคงจะนวลเนียนนุ่ม ขาวและใสจนเห็นเส้นเลือดฝาด ใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มอย่างถูกอกถูกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดวงตาคมกริบค่อยๆ ไล่มองไปเรื่องๆ อย่างพินิจพิเคราะห์
ท่าทางของหญิงสาวที่ดูเหมือนเก่งกล้าและจัดจ้าน แต่ภายในใจเขากลับสัมผัสได้ถึงความไม่ประสา และรับรู้ด้วยสัญชาตญาณของชายหนุ่มผู้รู้จักผู้หญิงเป็นอย่างดี ทำให้รู้ว่าเธอพยายามปรุงแต่งนิสัยให้เป็นคนกล้าและช่างยั่วเย้า แต่ไม่ว่าจะอยู่ในลักษณะใดก็ยังเรียกร้องและดึงรั้งให้อารมณ์เขากระเจิดกระเจิงจนกู่แทบไม่กลับแล้ว ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปอย่างเชื่องช้า
นลินรู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไร หญิงสาวรีบยกมือขึ้นปิดปากหนาอย่างรวดเร็ว รอยสีแดงค่อยๆ แต่งแต้มจากปลายจมูกโด่งและลามไปถึงพวงแก้มนุ่ม ใบหูเล็กและลำคอระหง ใบหน้านวลรีบหลบหลีกอย่างว่องไวและถือโอกาสที่ชายหนุ่มพลั้งเผลอหลบฉากออกมา พร้อมเสียงหัวเราะนุ่มนวลและแผ่วพลิ้ว
“แหม...เจอกันครั้งแรกก็จะลวนลามกันเสียแล้ว” หญิงสาวต่อว่ายิ้มๆ “ดูซิ ยังมาทำหน้าเป็นอยู่ได้ ชื่ออะไรก็ไม่ยอมบอกให้รู้จักด้วย”
“อ้าว...นึกว่าเธอรู้จักฉันนะนี่ ถึงได้รู้ว่าผู้ชายอย่างฉันถ้ายอมง่ายๆ ก็คบกันได้ไม่นาน แต่ถ้าเล่นตัวสักหน่อยก็อยู่กันยืด”
“แหม...คุณนี่ปากเสียจริงๆ ปากอย่างนี้น่าจะให้จุมพิตฝ่าเท้าสักทีสองทีจะได้รู้จักพูดให้เกียรติผู้หญิงเขาเสียบ้าง” น้ำเสียงคนพูดดูเหมือนจะทีเล่นทีจริง ใบหน้าขาวนวลบึ้งตึงแต่ดวงตากลมโตกลับแพรวพราวระยับ จมูกโด่งเป็นสันยู่ย่น แถมยังสะบัดค้อนส่งให้อีกวงโต
“ถึงจะเป็นนักร้อง แต่หลินก็ขายแต่เสียงเพลง ไม่คิดจะขายตัวอย่างที่คุณหรือคนอื่นๆ เขาคิดกันหรอกนะคะ” ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำเล็กน้อย ปลายนิ้วเล็กๆ รีบยกขึ้นซับอย่างรวดเร็วแล้วค่อยๆ ช้อนดวงตาโศกขึ้นมองเทพกานต์อย่างตัดพ้อต่อว่า แล้วก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“หลิน...หลินเองก็ไม่ได้อยากที่จะทำอาชีพเป็นคนกลางคืนแบบนี้เลยนะคะ แต่เพราะครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อกับแม่ก็มีลูกหลายคน ไม่มีปัญญาที่จะส่งให้เรียนสูงๆ เพื่อจะได้หางานดีๆ ทำ” นลินรีบหันหน้าเข้าผนังห้อง พร้อมทำเสียงสะอื้นจนตัวสั่นคลอน แต่บนใบหน้าและในแววตากลับไม่มีร่องรอยโศกเศร้าแม้แต่น้อย
“หลินต้องต่อสู้ ปากกัดตีนถีบ เกือบถูกผู้ชายหลอกไปปล้ำไปขายเสียก็หลายครั้ง มันทำให้กลัวที่จะต้องเข้าใกล้ แล้วคุณยังจะมาทำแบบนี้อีก หลิน...หลิน...โฮๆ ” นลินปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม ส่งเสียงแผดร้องให้ดังยิ่งขึ้นไปอีกและไม่ลืมที่จะเอียงหน้าปรายสายตาไปมอง หลังจากเทพกานต์ได้ฟังคำที่เธอโกหกไปแล้วจะเชื่อและรู้สึกสงสารบ้างหรือเปล่า
ปลายนิ้วใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคาง เรื่องที่ได้ฟังเหมือนกับละครทีวีและนิยายเล่มสิบบาทที่เคยได้ยินพวกคนรับใช้ในบ้านเคยพูดแว่วเข้าหูมาบ้าง
“แน่ใจหรือว่าที่เธอพูดมาเป็นความจริงหลิน”“ทำไมหรือคะ คุณไม่เชื่อในสิ่งที่เล่าใช่ไหมคะ?” ร่างโปร่งบางหันมา ปลายมือเล็กยกขึ้นซับน้ำตาบนใบหน้า“หลินรู้อยู่แล้วละคะ เรื่องที่เล่าไปคุณคงไม่เชื่อ แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ช่างเถอะ ยังไงเส้นทางชีวิตของเราก็คงจะเจอกันเพียงแค่คืนนี้ เพราะผู้ชายอย่างคุณก็ทำเหมือนหมาหยอกไก่ ถ้าได้ก็เอาไม่ได้ก็ไม่สนใจ หรือไม่ถ้าได้แล้วก็แล้วกันไป จะสนใจไปทำไมผู้หญิงง่ายๆ สมใจก็ต้องทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ใช่ไหมคะ?”นลินเอ่ยถามอย่างคนที่เข้าใจนิสัยผู้ชาย อะไรได้ยากก็จะยิ่งพยายามเอามาครอบครองให้ได้ เพราะถือว่าเป็นศักดิ์ศรี และเมื่อได้ครอบครองแล้วคนที่รู้จักคุณค่าก็จะรักษาไว้อย่างดี นำมาประดับชีวิตตลอดไป แต่ใครที่ไม่รู้คุณค่าก็เหมือนวานรได้แก้ว ที่คอยแต่จะทิ้งขว้าง จนเมื่อสูญเสียไปนั่นแหละถึงได้รู้ค่า แต่สำหรับอะไรที่ได้มาง่ายก็จะทิ้งง่ายๆ เพราะว่ามันไร้ค่าไร้ราคาร่างโปร่งบางก้าวเดินไปหาร่างหนาใหญ่อย่างเชื่องช้า สองมือเล็กวางบนอกกว้างขยับลูบไล้เบาๆ และเคลื่อนไปตามบ่ากว้าง ก่อนจะโอบรอบลำคอแกร่ง มือเล็กเรียวข้างหนึ่งลูบไล้หยอกล้อกับติ่งหูและใบหน้าคมคร้าม ดวงตากลมโตเป็นประก
“นัส...” พอเจอเธอป่วนนลินก็จะบ่นๆ และบ่นเป็นหมีกินผึ้งต่อไปอีกสักหนึ่งถึงสองชั่วโมงพอให้เหนื่อยๆ แล้วถึงได้หยุดลมหายใจอุ่นร้อนพ่นออกจากริมฝีปากสีชมพูสด หน่วยตาเล็กเลิกขึ้นลง ปากอิ่มขยับซ้ายย้ายขวา คิดแล้วก็เหนื่อยใจไม่รู้ว่าจะต้องหูชาไปสักกี่วันถึงจะหาย แม้จะคิดและบ่นในใจไปแบบนั้น แต่เมื่อนึกถึงเพื่อนรักที่คอยอยู่ดูแลกันและกันมาตลอดหลายสิบปีแพรพนัสก็ยิ้มออก แต่แล้วความสดชื่นสดใสที่มีก็เริ่มจางหายจากใบหน้ากลายเป็นความหนักใจ เมื่อคิดถึงเรื่องที่เพื่อนกำลังลงมือทำ เตือนจนปากจะฉีกถึงใบหูแล้ว แต่นลินก็ยังดื้อรั้นและดันทุรังที่จะทำ“หยุดไม่ได้หรือหลิน ปล่อยให้เรื่องมันผ่านเลยไป ถือเสียว่าที่ผ่านมาเป็นเวรกรรมของเราที่ต้องชดใช้ให้เขาไป”การเอาตัวเองไปเล่นกับไฟกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์ แถมมีเสน่ห์จนสาวๆ ต่างก็หลงใหลและเทใจให้ ที่เมื่อต้องการเหยื่อสาวคนไหน ไม่เคยที่จะปล่อยให้หลุดรอดเงื้อมมือไปได้ ถึงจะเก่ง มีจริตจะก้านแพรวพราว ฉลาดเฉลียวและมีฝีมือพอตัว แต่อ่อนด้อยประสบการณ์และไม่ทันคน หรือจะสู้จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์อย่างเทพกานต์ได้ นลินช่างไม่รู้เลยว่าไฟที่แผดเผาอ
โอ๊ย! ไอ้ผู้ชายหน้าหม้อ ไอ้คนบ้ากาม เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้ จะต้องหาเรื่องแต๊ะอั๋งและลวนลามอยู่ตลอดเวลา คอยดูฤทธิ์แม่แพรพนัสบ้างเถอะ จะเอาให้เจ็บถึงกระดองใจ ใบหน้าเขียวปั๊ดเป็นกบเลยคอยดูใบหน้าขาวสวยยังคงแย้มยิ้มหวานเชื่อมและเบี่ยงหลบจนปลายจมูกโด่งไถลไปถูกเส้นผมแทน มือเล็กค่อยๆ เคลื่อนขึ้นไปโอบรอบบ่ากว้างและทำตัวอ่อนระทวยเหมือนกับขี้ผึ้งโดนลนไฟถึงแม้จะกล้าและแกร่งเหมือนชายอกสามศอกคนหนึ่ง เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านเรื่องร้ายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่น้อยครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับชายหนุ่มซึ่งแข็งแกร่งไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้ เพราะในกลุ่มเพื่อนๆ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกผอมกะหร่องกะแหร่ง ปากเสียจนเธอถึงกับต้องส่ายศีรษะอย่างรำคาญปนระอิดระอาใจ หรือถ้าหุ่นดีหน่อยส่วนใหญ่ก็มีคนจับจองห้องใจไปหมดแล้ว“อือ...ปล่อยฉันนะ” กายบอบบางสั่นสะท้านไหว หัวใจดวงน้อยเต้นแรงและเร็ว ปลายมือปลายเท้าเย็นเหมือนกับมีน้ำแข็งเคลือบอยู่ ความกลัวเล็กๆ พุ่งจากหัวใจสู่สมอง ถ้าหากชายคนนี้รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไร มีหวังเขาจะต้องจับทางได้และหาทางเอาคืนจนเธอนั่นแหละจะเสียท่า แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นแพรพนัสก็ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาเอารัดเ
“แล้วคุณล่ะค่ะ จับฉันได้แบบนี้ คุณจะลงโทษฉันอย่างไรเอ่ย?” หญิงสาวแกล้งถาม สองมือเล็กลูบไล้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งแถวๆ ขอบสะเอว บ้างก็ล่วงล้ำลงไปในขอบกางเกงแต่แล้วก็รีบดึงออกมาอย่างตกใจ ประกายในดวงตาไหววูบและหวาดหวั่น จนต้องรีบเคลื่อนกลับขึ้นไปสะกิดกระดุมเสื้อจนมันหลุดออกจากรังดุมเกือบจะหมด ให้ได้สัมผัสถึงกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเต็มๆ สองมือ ไรขนเส้นเล็กๆ ที่ขึ้นประปรายบนอกกว้างสากระคายมือสร้างความปั่นป่วนให้ได้ไม่น้อยเหมือนกัน“แล้วเธออยากให้ฉันลงโทษยังไงล่ะแม่ตัวแสบ” เทพกานต์เอ่ยถาม แล้วคราวนี้เขาก็ไม่ยอมพลั้งเผลอไปกับความสวยงามที่คอยเย้ายวนชวนให้หลงใหลอีกแล้ว มือใหญ่เคลื่อนไหวไปตามผิวกายเนียนนุ่มส่วนที่อยู่นอกตัวผ้า ริมฝีปากหนาขบเม้มติ่งหูนุ่มอย่างหยอกเย้า“อืม...เอาอย่างนี้ดีไหมคะ” ดวงตาคมหลิ่วนิดๆ อย่างที่คิดว่าเซ็กซี่และยั่วเย้าอารมณ์ปรารถนาในกายหนุ่มให้ลุกโชนได้ง่ายๆ“กว่าที่หลินจะกลับมาร้องเพลงที่นี่อีกก็เป็นวันศุกร์โน่นแน่ะ หลินคงจะแบบว่าคิดถึงรสจูบของคุณมากมายจนนอนไม่หลับแน่”“แล้ว?” เทพกานต์ถามอย่างไม่เข้าใจว่าแม่นักร้องสาวตัวร้ายต้องการจะสื่ออะไร“ก็เอาเป็นเรานัดเจอกันตอนเย็นๆ ไงคะ
ปึก...!!พลั๊กๆ ...!!เข่ามนกระแทกเข้าที่กล่องดวงใจของชายหนุ่ม ไม่เพียงแค่นั้นเมื่อลำตัวแข็งแกร่งงอลง หมัดหนักๆ ก็ตรงเข้าปะทะดวงตา กึ่งกลางปากและจมูกโด่งคมเต็มๆ อย่างหนักหน่วง“โอ๊ย!!” ฉัตรจักรถึงกับร้องเสียงดังลั่น ร่างหนาใหญ่ทิ้งตัวลงบนเข่าตัวเอง สองมือยื่นมาบดบังจุดสำคัญของร่างกายเอาไว้ก่อนที่จะถูกแม่ตัวร้ายเล่นงานจนใช้การไม่ได้ นี่ขนาดว่าระมัดระวังตัวเป็นอย่างดีแล้วแท้ๆ เชียว เบี่ยงตัวหนีแล้วแต่ก็ยังไม่ทัน ยังโดนแม่ตัวร้ายนี่เล่นงานเอาเสียเกือบจะสูญพันธุ์ ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ ฟันกรามบดเบียดขบกัดจนนูนเด่น แม้จะถูกแค่ปลายๆ แต่เข่าที่ทรงอานุภาพก็ทำเอาเขาเจ็บจนหน้าเขียวไปได้เหมือนกัน“เธอ...ยายตัวแสบ...” ขนาดไม่ถูกเต็มๆ นะนี่ยังทำเอาพูดแทบไม่ออกรอยยิ้มเยาะเย้ยและเยาะหยันแต่งแต้มบนใบหน้าขาวสวย ดวงตากลมโตเป็นประกายแวววาวทั้งสะใจและสาสมใจ ช่วยไม่ได้อยากหื่นไม่เลือกที่ แต๊ะอั๋งผู้หญิงไม่เลือกคน และไม่รู้จักศิษย์แม่น้อยลูกนายพลับอย่างเธอเสียแล้ว อย่างนี้มันแค่เล็กน้อย ความจริงเธออยากกระทืบไอ้อาวุธคู่กายคู่ใจนั่นอีกสักครั้ง เอาให้มันสูญพันธุ์ไปนอนกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้อีกเลยดีกว่าเจ็บแค่
แพรพนัสถึงกับตัวสั่น ความกลัวเกาะกุมหัวใจดวงน้อยอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ให้ชายหนุ่มมาเอารัดเอาเปรียบโดยไม่ต่อสู้ และถึงแม้ว่ามือจะโดนจับมัดไว้ เรือนกายจะถูกตรึง แต่เท้ายังสามารถใช้การได้ดี หญิงสาวค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักตัวลงไปบนเท้าข้างหนึ่งและเหวี่ยงเต็มแรง แต่ทว่าไอ้บ้าที่ชอบเอาเปรียบผู้หญิงดันรู้ทันจึงใช้สองขาแข็งแกร่งกดลงไปบนขาเรียวยาว“โอ๊ะโอ่...ยังฤทธิ์มากนะแม่ตัวแสบ” ดวงตาคมมองสบเข้าไปในดวงตากลมโตเป็นประกายแข็งกร้าวและเอาเรื่อง “แต่บอกแล้วไงว่าฤทธิ์มากอย่างนี้ฉันชอบ เดี๋ยวขอจูบหวานๆ อีกสักฟอดนะแล้วเราไปฟัดกันต่อที่โซฟานะ” ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปเกือบจะแนบปากหนาบนเรียวปากนุ่ม แต่เผอิญนึกขึ้นมาได้“อย่ากัดฉันอีกนะแม่ตัวแสบ ถ้าไม่เชื่อละก็รับรองได้ว่าเจอปล้ำกลางทางเดินนี่แหละ” พูดจบชายหนุ่มก็ฉกริมฝีปากหนาร้อนไปบนเรียวปากนุ่มแพรพนัสฮึดฮัดอยากจะกัดอยากจะทำร้ายไอ้บ้าห้าร้อยคนนี้ให้เจ็บปวดไปถึงกระดองใจ แต่รู้ดีว่าไอ้คำพูดที่พ่นออกจากปากเมื่อครู่ไม่ใช่แค่คำเตือนแต่เป็นคำขู่ และที่สำคัญคือไอ้บ้าห้าร้อยนี่เอาจริงแน่ แต่เธอก็ไม่ล้มเลิกความคิดที่จะเอาคืนหัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ จนแทบจะหล
งั้นเป็นเพราะอะไรทำไมแพรพนัสถึงยังไม่จัดการเพื่อนรักของเทพกานต์ หรือว่าจะเป็นเพราะหลงใหลในรสสัมผัสที่ได้รับอยู่ก็ไม่น่าจะใช่อีก เพราะแพรพนัสไม่ชอบให้ผู้ชายถูกเนื้อต้องตัว แล้วเท่าที่ได้เห็นในตอนนี้ เธอว่ามันเกินเลยไปแล้วต่างหาก หรือว่าเพื่อนรักจะมีเหตุผลอื่น งั้นรอดูสถานการณ์ไปอีกนิดดีกว่า เผื่อว่าแพรพนัสอาจจะต้องการความช่วยเหลือก็เป็นไปได้แพรพนัสหงุดหงิดใจเหลือกำลัง เสียงจุ๊บจิ๊บๆ ดังจากลำคออยู่ตลอดเวลา ขัดอกขัดใจเหลือเกิน ไม่ว่าจะทำยังไงก็ถูกอีตาร่างใหญ่นี่ดักทางไปได้เสียหมด จนอยากจะหาอะไรมาฟาดศีรษะทุยให้แบะออกเป็นสองซีก แต่ก็ได้เพียงแค่คิด เมื่อสิ่งที่เห็นบนโต๊ะมีเพียงแค่ขวดเหล้านอกและแก้วเหล้าเท่านั้นเองสองมือเล็กกำหมัดไว้เสียจนแน่น ก่อนจะยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำพั้นซ์สีสวยขึ้นมาจิบทีละน้อย พร้อมกับสมองที่หมุนวนเป็นลูกข่าง เพื่อที่จะหาทางรอดพร้อมกับเอาคืนให้ชายหนุ่มต้องจำไปอีกนานแสนนานด้วย แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเสียที จนตอนนี้เริ่มที่จะปวดศีรษะแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคิดมากหรือเพราะไอ้น้ำพั้นซ์สีสวยนี่กันแน่“คิดอะไรอยู่หรือแม่ตัวแสบ” ฉัตรจักรเอ่ยถาม ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนขบเม้มลำคอร
ทำไมวันนี้อะไรๆ มันถึงไม่เป็นอย่างใจต้องการสักคนนะ ไปทำงานแทนที่จะได้พบลูกค้า อีตาผู้จัดการบ้านั่นก็ดันออกไปธุระด่วนข้างนอก คลาดกับเธอเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง แล้วไม่รู้ว่าจะหาทางเข้าพบได้อีกเมื่อไหร่วันจันทร์กับอังคารนี้เธอยังต้องไปต่างจังหวัดอีก ถ้ายังตกลงกับผู้จัดการของอีกฝ่ายไม่ได้งานนี้โดนหัวหน้าดุและสับเละเป็นหมูสับแน่ๆ คิดแล้วมันก็กลุ้มโว้ย...ทำไมหลังจากที่ได้เจอกับฉัตรจักร ดวงของเธอถึงได้ซวยแบบนี้ หรือว่าอีตานั่นเป็นตัวซวยสำหรับเธอ ใช่...ต้องใช่แน่ๆ คอยดูนะเจอคราวต่อไป แม่จะเอาให้ความซวยวิ่งออกแทบไม่ทันเลยคอยดูซิ“เออ...” หญิงสาวพยักหน้ารับ “คราวหน้าจะไม่ขัดแกเลย จะวางแผนให้แกเอาคืนอีตานั่นให้สาสมใจดีไหม” นลินเอ่ยถาม เพราะดูท่าจะต้องช่วยแพรพนัสรับศึกจากฉัตรจักรด้วยแล้ว เล่นงานเขาไว้หนักแบบนี้ไม่รู้ว่าเวลาโดนเอาคืนเพื่อนเธอจะเอาตัวรอดได้ไหม นลินได้แต่เป็นกังวลที่ลากเพื่อนรักซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่เข้ามาอยู่ในวังวนแห่งการแก้แค้นในครั้งนี้ด้วย‘ฉันขอโทษนะนัส ที่ดึงเอาแกมาเกี่ยวข้องด้วย’“อือ...แกวางแผนให้มันดีๆ นะหลิน ให้ฉันเอาคืนอีตาฉัตรนั่นให้มันสูญพันธุ์ไปเลยยิ่งดี” คิ
“อ้าว...แกจะมายืนอึ้งบื้อใบ้กินอยู่ทำไมล่ะเจ้าเทพ แกเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้เองนะ”“ผม...ผมนี่หรือครับแม่เป็นคนทำ แม่เอาอะไรมาพูด” เทพกานต์โวยวายเสียยกใหญ่“หลินเป็นอะไรหรือคะท่านประธาน” รมย์นลินเริ่มที่จะอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมความกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ทำงานก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ คอยแต่จะวิงเวียนศีรษะและเหม็นโน่นนี่ตลอด แต่นั่นก็ยังไม่กับความรู้สึกของคนรักไม่ได้นอนกอดเธอเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาก็หม่นหมอง หน้าตาดำคล้ำ ขอบตาลึกโบ๋ จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ถ้าเกิดเป็นเดือนอย่างที่จิราพรพูดละก็...เทพกานต์ได้เป็นบ้าแน่“อยากรู้ก็ให้เทพพาไปตรวจซิ จะได้รับยามาทานด้วย อะไรที่ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เธอยิ่งชอบบุกลุยตะบี้ตะบันไม่สนใจใครอยู่ด้วย หลังจากนี้คงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้น”รมย์นลินยิ่งมึนงงกับคำพูดของแม่สามี“แม่ครับ หลินเป็นอะไร แม่บอกมาเถอะครับถ้ารู้ อย่าให้เราสองคนต้องเป็นกังวลมากกว่านี้เลยนะครับ”เทพกานต์ส่งเสียงอ้อนวอน เขาเป็นห่วงรมย์นลินจนจะบ้าแล้ว แม่ยังจะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
เช้ามาหุงหาอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดการเรื่องราวในบ้านได้อย่างละเอียดและรอบคอบ ถึงขนาดว่านุจรีที่ไม่เคยเอ่ยปากชมใครยังยอมยกนิ้วให้ กลางวันก็ไปทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต บางวันข้าวตอนเที่ยงก็แทบจะไม่ตกถึงท้อง กว่าจะกลับบ้านได้ก็ค่ำมืดดึกดื่นแต่แม้จะเหนื่อยและเพลียขนาดไหนหญิงสาวก็ไม่เคยที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจ บทบาทในการเป็นแจ๋วให้แม่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง หน้าที่บนเตียงนอนเขาก็ยังเร่าร้อนเป็นไฟเช่นเดิม เพิ่งจะมีก็เกือบจะอาทิตย์กว่าๆ นี่แหละที่รมย์นลินกลับบ้าน พร้อมท่าทางอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อนจะนอนก็มีอาการแปลกๆ อยากกินส้มเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาบ้างล่ะ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงบ้างล่ะ แต่ที่เขาโคตรจะหงุดหงิดและโกรธจนควันออกหูนั่นก็คือ...“เทพไปไกลๆ เลย ใช้น้ำหอมบ้าอะไรน่ะ เหม็นจะตายชัก”แขนใหญ่ยกขึ้นดมดอมอย่างงงๆ เพิ่งจะออกจากห้องน้ำแท้ๆ ตัวก็ยังไม่ได้เช็ด แป้งก็ยังไม่ได้ประ แล้วจะเอาเวลาไหนไปใช้น้ำหอมกันล่ะ“ฉันยังไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะหลิน”“แล้วกลิ่นอะไรล่ะ เหม็นจะตาย ไปไกลๆ เลย”ไม่เพียงแค่พูดแต่สองมือเล็กยังผลักไสให้ออกจากห้องนอนด้วย โคตรจะหงุดหงิดและโม
“หลินเป็นห่วงกลัวแม่เหนื่อย เลยบังคับให้ผมพามาช่วยงานน่ะครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกครับ กำลังสั่งงานพนักงานอยู่” เทพกานต์ตอบใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างดีใจที่วันนี้แม่ถามถึงเมียรักที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของพนักงานซึ่งกำลังทำงานกันจนตัวเป็นเกลียว ตอนนั้นคนที่อยู่ด้วยก็ดันไม่ใช่เขาแต่เป็นมารดา กว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายก็เป็นเวลาค่ำแล้วแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดมาได้นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหกเดือนแล้ว แต่เขายังคิดเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง มารดาโกรธและรับไม่ได้กับสิ่งที่รมย์นลินและเขาได้กระทำไว้ แม่ด่าเขาชนิดที่ว่าหูชาอย่างไม่เห็นเป็นลูก เพราะไม่เคยเลี้ยงให้เขาเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิง เป็นคนเห็นแก่ได้และมักมาก แต่ก็อภัยเพราะลูกก็คือลูก แต่สำหรับรมย์นลินแม้จะทำตัวดีแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอทำไว้ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากจิราพรอยู่ดีเขายังจำภาพที่หญิงสาวนั่งหน้าซีด ดวงตากลมโตหวานอมโศกเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและสำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้“หลินกราบขอโทษท่านประธานนะคะที่ทำลายความรักความเอ็นดูและหวังดีที่มีให้ หวังว่าท่านประธานจะใจกว้าง ยอมยกโทษให้คนที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ ยอมให
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นวางมือบนมือใหญ่และนั่งลงบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งและหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำอย่างเดียวกับเพื่อนรักของเธอ แต่ดูจะมากกว่า ด้วยสองมือใหญ่ที่รั้งสองแก้มนุ่มและดึงรั้งให้โน้มไปหาใบหน้าคมคร้ามที่รอรับจุมพิตเร่าร้อนและวาบหวาม เห็นแล้วก็ปั่นป่วนในช่องท้องจนต้องหันมามองเทพกานต์ตาปรอย นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นบีบจมูกเล็กโด่งเบาๆ “เอาไว้ค่อยจูบตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองดีกว่าหลิน เดี๋ยวฉันระงับใจไม่ไหวยืมห้องเจ้าฉัตรรักเธอแล้วจะยุ่ง” “บ้าจริงเชียวเทพนี่ คนอะไรหน้าไม่อาย” มือเล็กยกขึ้นทุบอกกว้างเบาๆ กระไอร้อนไล่ขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายสู่สองพวงแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว “จะอายทำไม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา” “เมื่อกี้คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” รมย์นลินเอ่ยถามเสียงนุ่ม มองเทพกานต์สลับกับฉัตรจักรก่อนจะไล่ไปหาแพรพนัสที่นั่งเขินหน้าแดงจนต้องซุกใบหน้ากับลำคอกว้าง จากที่ยังมีความกังวลในวันที่ได้รู้ว่าแพรพนัสยอมอยู่กินกับฉัตรจักร แต่มาถึงวันนี้ ได้เห็นเพื่อนรักมีความสุข เธอก็พลอยดีใจด้วย หวังเพียงฉัตรจักรจะรักและมั่นคง เติมเต็มความรักให้กับแพรพนัสอย่างเต็มที่ สัญญาจากใจที่จะไม่เอ
“ตอบ...ตอบแล้ว” รมย์นลินรีบบอกโดยไว ริมฝีปากห่ออู้ สะโพกขยับส่ายตอบรับเสาเข็มที่ตอกลงมาช้าๆ เนิบนาบและมั่นคง “ฉัน...ฉันกับรินเราเป็นคนเดียวกัน” เพราะรู้ดีว่าบทลงโทษเธอคงไม่หยุดเพียงแค่เพลิงพิศวาสบทนี้แน่ ตอบช้าเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งแย่ ตอบเร็วอาจจะดีหน่อยคงพอมีเวลาได้พักทำใจใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู สะโพกสอบจุ่มจ้วงโถมเพลิงเสน่หาใส่กายนุ่มอย่างอ่อนโยนแต่ถี่รัว เพื่อให้รางวัลแก่คนน่ารักที่ยอมบอกความจริงเขามันพวกละโมบและโลภมาก ใจก็คงจะโลเลไม่น้อย ถึงได้ชอบอรินธวัชและรักรมย์นลิน ที่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน...เป็นคนที่เขารักสุดใจอีกด้วย ที่ตอนนี้ความสุขโอบรอบจนรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่ยังต้องได้รู้และในเดี๋ยวนี้ด้วย“หลินจ๋า...รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักมาก รักที่สุด”ในเมื่อรัก...ทำไมถึงทำร้ายกัน ตอนนี้มาให้ความหวังแล้วยังจะทิ้งไปอีก เทพกานต์ก็ไม่ยอมให้ความอยากรู้ค้างคาอยู่นาน “รักฉันแล้วทำร้ายฉันทำไม”“ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น นายทำฉันเจ็บมากนะ ทำให้ฉันหมดอนาคต ทำให้ฉันช้ำใจ เกือบจะถูกคนข่มเหงอีก อย่างนี้แล้วนายจะให้ฉันเ
“นาย...จะทำอะไร…เทพ”“แค่อยากรู้ เธอเอาสมองที่ไหนมาคิดเรื่องร้ายๆ พวกนี้”“จากความเจ้าเล่ห์ของนายและ...อ่านจากหนังสือเอา”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเจ้าเล่ห์ขนาดปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชายหน้าหวานได้ด้วย”รมย์นลินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ใจแกว่งๆ เมื่อคิดว่าเรื่องอรินธวัชแตกแล้ว แต่...เป็นไปได้ยังไงกันล่ะ “นายพูดเรื่องอะไรเทพ...ฉันไม่รู้เรื่อง” สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอพิษนิ้วร้อนผ่าวที่จัดการร่ายมนตร์สวาทใส่ทรวงอกสล้าง“คำถามฉันไม่เห็นจะยากเลยนะหลิน...แค่บอกความจริงมา เธอกับอรินธวัชเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น มันยากนักหรือไง”คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากสำหรับเธอนะสิ! ใช่! ก็โดนชุดใหญ่ ไม่ใช่ก็...ได้โดนบีบจนคอหมุนได้รอบกันล่ะแม้จะโดนศึกหนักเล่นงานสมองเลยทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เพราะคิดไว้แล้ววันหนึ่งจะต้องเจอกับคำถามนี้ ใบหน้าสวยหวานจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กระชุ่มกระชวยและใจเต้นแรง“เรื่องแค่นี้เอง รินก็เป็นผู้ชายที่แปลงเพศแล้วไง ฉันกับรินเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้“แน่ใจน่ะว่าตอบฉันอย่างนี้...รมย์นลิน” เทพกานต์ถามพร้อมหัวเราะกลั้วคอ กายใหญ่เริ่มขยับเคลื
“แม่ตัวแสบเอ๊ย! ฉันน่าจะบีบคอเธอทิ้งจริงๆ นะนี่” เทพกานต์สบถด้วยความหงุดหงิด เขาน่าจะนึกได้ตั้งนานแล้ว แต่ดันปล่อยให้ความต้องการทางกายอยู่เหนือทุกสิ่ง โมโหแทบเป็นบ้าตอนที่สวรรค์ล่มกลางคัน เมื่อนลินแสร้งกลัว เพื่อเสือกไสเขาไปให้กับอรินธวัชที่ก็เสียบเข้ามาอย่างรู้เวลาเสียด้วยสิอะไรที่ทำให้น่าสงสัยน่ะหรือ ถ้าคืนนั้นให้เขาไปหาเลย ก็จะเตรียมตัวไม่ทัน จึงต้องหลอกให้ไปซื้อดอกไม้ แต่เอาเข้าจริงไม่เห็นอรินธวัชสนใจมอง อีกอย่างคือร่างโปร่งบางใต้ม่านน้ำ เพราะมัวหลงในกายขาวนวลเลยลืมกลิ่นเนื้อกายสาวหอมๆ เหมือนรมย์นลินเป็นที่สุด จึงไม่ทันจะสังเกต จับพิรุธไอ้ตัวแสบไม่ทัน“ไอ้จอมเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการเอ้ย!” สบถแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มนับตั้งแต่วันที่รมย์นลินมาอยู่บนเตียงนอน อรินธวัชก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดูสมเหตุสมผล ทำให้ค่อนข้างจะมั่นใจ...รมย์นลินและอรินธวัชคือคนเดียวกัน! ที่ยังไงคนที่จะยืนยันได้ก็คือ...“ฉันจะรีดเอาความจริงจากเธอยังไงดี...หลิน” ยากไม่ใช่เล่นอยู่นะ การต้องรีดเอาความจริงจากปากแม่ตัวแสบจอมเจ้าเล่ห์และช่างวางแผน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำนิ้วยาวลูบไล้ปลายคางแกร่ง ใบหน้าเข้มขมวดเข้าหากันจนห
สะโพกสอบสะบัดไหวโยกซ้ายย้ายขวาล่อหลอกให้ตามติด แต่กลับใช้สองมือดึงรั้งให้รอรับส่วนสัดที่อัดแน่นเหมือนลิ่มเหล็กที่ตอกบนเสาเข็ม“นัสจ๋า...ที่รักมีความสุขไหม รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักนายที่สุดเลยฉัตร” แพรพนัสตอบกลับ ริมฝีปากอวบอิ่มขมเม้มลำคอกว้าง ระบบภายในกระชับเสาเข็มใหญ่ที่ตอกลงมาอย่างหนักหน่วง ถี่รัวเร็วและรุนแรงอย่างไม่ยอมแพ้กายใหญ่ก้าวเดินอีกครั้งไปหยุดตรงหน้ากระจกเงาบานใหญ่ มือปลดลำขาเสลาลงทีละข้างอย่างเชื่องช้าทั้งที่สะโพกยังขยับเคลื่อนไหวอยู่ สองร่างทาบทับแผ่นหลังเนียนนุ่มแนบชิดอกกว้าง สะโพกกลมกลึงบดเบียด กุหลาบดอกน้อยกลืนกินภมรใหญ่ ในขณะทรวงสล้างก็ตกอยู่ในการครอบครองของสองมือหนา“รักฉันซินัส รักฉันเลยคนดี”“จ้ะ...จ้ะ...” แพรพนัสตอบรับด้วยการขยับสะโพกรับการเคลื่อนไหวที่หนักหน่วงและถี่รัวเร็ว เกี่ยวก้อยสองกายก้าวผ่านดินแดนมนุษย์ขึ้นไปพำนักบนสุดขอบฟ้าสุขาวดีในฉับพลัน เสียงร้องทุ้มนุ่มและหวานเชื่อมแหบพร่าดังสอดประสานกับสองกายาที่แนบชิดจนเป็นเนื้อเดียวกัน สายธารร้อนผ่าวไหลล้นออกจากกายเล็กเปรอะเปื้อนลำขาเสลา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจ มือเรียววางทับบนแขนแข็งแกร่งและส่งยิ้มหวานเ
แม้ไม่เข้าใจ เขาสั่งให้ทำอย่างนั้นทำไม แพรพนัสก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี กายเล็กขยับเคลื่อนไปจนสองมือจับขอบหัวเตียงนอนได้ ท้องน้อยแบนราบเรียบขมวดเกร็ง เมื่อจุมพิตร้อนผ่าวเริ่มขยับเคลื่อนจากสองบัวตูมลงไปด้านล่างทีละน้อยๆ เรียวลิ้นอุ่นชื้นสอดแทรกตวัดไล้หยอกล้อกับช่องสะดือบุ๋ม“ฉัตร...” ร้องเรียกเสียงแหบพร่า รับรู้ว่าชั้นในตัวน้อยค่อยๆ ถูกเกี่ยวรูดออกจากกายลงไปกองร่วมกับเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ที่หล่นไปก่อนหน้า พร้อมจุมพิตที่ประทับบนความนุ่มและอ่อนไหวไวต่อการสัมผัส ลมอุ่นๆ เป่ารดเส้นไหมนุ่มทำให้ได้รู้ เขากำลังจะทำอะไร แม้อยากจะห้ามปราม แต่กายและใจกลับรอคอยสองมือใหญ่ขยำนวดบั้นท้ายเต่งตึง พร้อมยกขึ้นสูงจนลอยเด่นเหนือใบหน้า กุหลาบดอกงามเคลื่อนไหวระริกตรงหน้า จนชายหนุ่มต้องปาดเลียริมฝีปากด้วยความกระหาย ริมฝีปากหนาร้อนขบไล่ขาหนีบเบาๆ ไล่วนตามต้นขาด้านในและซบนิ่งบนเนินเนื้อรังไหม สูดกลิ่นสาบกายสาวหอมกรุ่นที่โชยมาอย่างรุนแรง ปลายลิ้นสากระคายลากไล้วนเวียนรอบเกสรสีแดงสดสลับริมฝีปากอ้างับ“อืม...ฉัตร...อย่าทรมานฉันซิ...” แพรพนัสเว้าวอนเสียงหวานพร่า ส่ายสะโพกรับจุมพิตร้อนๆ ที่ทาบทับเคลื่อนไหวเหมือนผีเสื้อตัว