เนตรนาราไม่วายหาของมาหลอกล่อ และเธอรู้ว่าอรุณนารีชอบทะเลมากกว่าอะไร และงานนี้ไม่พลาดแน่ แม้ว่าเธอเจ็บตัวแต่งานที่รับไว้ต้องเสร็จสมบูรณ์โดยที่ร้านของเธอไม่เสียชื่อแน่นอนเพราะเพื่อนรักของเธอก็แต่งสวนได้สวยไม่แพ้กัน และยังมีความละเอียดอ่อนรอบคอบ ใจเย็นมากกว่าเธอหลายเท่านัก
“แล้วจะไปยังไงอะไรก็ยังไม่ได้เตรียม”
อรุณนารีพูดส่งๆ แต่ในแววตาวาววับว่างานนี้เธอจะได้ไปทำงานในที่ที่โอบล้อมด้วยทะเลซึ่งเป็นอะไรที่เธอชอบมากที่สุด ทะเล สายลม แสงแดด ต้นไม้เขียวๆ น้ำใสๆ โอยแค่คิดก็คุ้มแล้ว แต่งานนี้ต้องขูดเลือดยัยหมวยมหาภัยขี้งกให้สุดๆ
“แต่มีข้อแม้ งานนี้ฉันเจ็ดสิบ แกสามสิบ โอเคตามนี้”
เนตรนาราอ้าปากค้างเมื่อโดนมุกนี้ของเพื่อน แต่ก็ต้องยอมเมื่อเจอสายตาแบบแมงปอพิฆาตที่เธอกับอโนมารู้ดีว่าถ้าเจอสายตาแบบนี้ต้องเงียบและทำตามแม่คุณอย่าให้ขาดตกบกพร่อง
“เออๆ ก็ได้ ฉันโทรไปบอกเขาแล้วว่าเลื่อนการเดินทางไปสักสองวันเพราะประสบอุบัติเหตุ ฉันให้แกไปแทน เขาก็ไม่ว่าอะไรการเดินทางเดี๋ยวฉันบอก ส่วนของที่จะเอาไปด้วยน่ะ ส่งไปล่วงหน้าแล้ว”
“ดีมากเพื่อนรัก”
“ยัยแมงปอจอมงก”
“ฉันก็ติดนิสัยมากจากแกนั่นล่ะ นังหมวยมหาภัยจอมงก”
สองสาวทำหน้างอนๆ ใส่กันเหมือนจะโกรธกัน แต่สุดท้ายเธอทั้งสองก็หัวเราออกมาพร้อมกันด้วยและยิ้มให้กันด้วยความรักที่มันมีมากมายยิ่งกว่าคำว่าเพื่อนรัก
“อะไรของแกนักหนาวะแมงปอ”
เนตรนาราร้องถามเมื่อเห็นกระเป๋าสัมภาระของเพื่อนรักนั้นใบใหญ่เกินตัว และมีถึงสองใบ ไม่รวมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กที่เธอมักใช้เป็นประจำนั่นอีก
“ของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้า และอื่นๆ อีกมากมายไงแก” อรุณนารีบอกเพื่อนอย่างไม่รู้สึกแปลกใจกับสัมภาระของเธอ
“เดินทางดีๆ นะลูก”
“ค่ะคุณพ่อกับคุณแม่ไม้ต้องห่วง แมงปอจะไม่ดื้อไม่ก่อปัญหาแน่นอนค่ะ สัญญา”
หญิงสาวทำท่าให้คำปฏิญาณแบบลูกเสือ จนผู้เป็นแม่และเพื่อนรักที่มาส่งอดหมั่นใส้ไม่ได้ แต่ก็รู้สึกใจหายเล็กน้อยที่บุตรสาวซึ่งไม่เคยห่างจากอกไปไหนไกลต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำงานไกลถึงเกาะพราวแสงจันทร์
“จ้า แม่คนเรียบร้อย ฉันคิดผิดรึเปล่าวะที่ให้แกไปแทนนี่ ฉันล่ะกลัว สังหรณ์ใจยังไงชอบกลว่ะ”
“อ้าวนี่แกดูถูกฝีมือเพื่อนเหรอเนตร”
“เปล่าแค่เป็นห่วงคนที่นั่นนิดหน่อยที่ต้องต้อนรับแก มีแกอยู่ด้วยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงน่ะกลัวเขาจะเฉาปากแกตายซะก่อนน่ะสิ ฮ่าๆ”
“ไอ้เพื่อนบ้าแกว่าฉันเหรอ”
“อ้าวพอๆ เลยทั้งคู่โตเป็นสาวแล้วยังจะมาเล่นเป็นเด็กๆ ไปๆ ไปขึ้นเครื่องได้แล้ว เดี๋ยวตกเครื่องกันพอดี”
นางเอื้ออารีผู้เป็นมารดาห้ามปรามสองสาวที่ทำท่าว่าจะเลยเถิดเล่นกันเพลินจนไม่รู้เวลา เพราะการเดินทางไปเกาะพราวแสงจันทร์ นั้นต้องเดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศไปลงที่ภูเก็ตแล้วจะมีเครื่องบินเล็กของเกาะมารับที่สนามบินโดยที่การเดินทางนั้นจะมีความเป็นส่วนตัวอย่างที่สุด
“ค่ะแมงปอไปนะคะแม่ ไปนะเนตร ฝากดูแลแม่กับพ่อแล้วก็ร้านฉันด้วยนะ อย่าทำเจ๊งล่ะ”
“โธ่มือชั้นนี้แล้ว อย่าห่วงเลยน่า”
อรุณนารีมองเพื่อนรักที่ยืนข้างมารดาอย่างใจหายนิดๆ เมื่อต้องเดินทางจริงๆ เพราะในใจหญิงสาวรู้สึกเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้มันจะเป็นการเดินทางที่ยาวไกลและจะเปลี่ยนโลกของเธอไปทั้งใบ
ภาพเกาะแสนสวยรายล้อมด้วยน้ำทะเลสีเขียวมรกตและแนวปะการังที่เห็นรางๆ ใต้ผิวน้ำ หมูนกนางนวลที่โผบินนวยนาดบนผืนฟ้ากว้างทำให้อรุณนารียิ้มกว้างกับภาพที่เห็น ไม่เสียแรงที่ตัดสินใจมาเลยจริงๆ
“ใกล้ถึงแล้นะครับคุณแมงปอ”
เด่นดัง ชายหนุ่มที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอที่ทำหน้าที่ขับเครื่องบินลำเล็กของเกาะพราวแสงจันทร์มีไว้สำหรับโดยสารและติดต่อโลกภายนอก เอ่ยบอกเธอ หญิงสาวพยักหน้าตอบและมองคนที่โดยสารมาด้วยอย่างทึ่งๆ ไม่นึกว่าคนที่ไปรับเธอที่สนามบินภูเก็ต ที่แต่งตัวได้แสบสัน ร่างผอมสูง หัวหยิกฟูฟ่องแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาดกางเกงทรงเดปสีเหลือง เสื้อสายดอกสีแดง ตัดกับผิวที่คล้ำแดดอย่างแรง แต่ชายหนุ่มก็ไม่แคร์สายตาใครเดินยืดอกอย่างมันใจแม้จะถูกมองจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ
เมื่อเครื่องบินจอดสนิทบนลานจอดที่ก่อสร้างเป็นลานกว้างขนาดใหญ่กลางผิวน้ำพอที่จะจอดเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กสองลำ และมีสะพานไม้สวยหรูแข็งแรงที่ทอดยาวพาเดินไปสู่เกาะพราวแสงจันทร์ที่มองเห็นบ้านหลังใหญ่ที่ก่อสร้างอย่างเรียบหรูหันหน้าเข้าสู่ทะเลและฉากด้านหลัง มีน้ำตกสายเล็กที่มองเห็นสายน้ำกระเซ็นสาดเป็นสายเล็กๆ อยู่หลังบ้านหลังงาม
โอ...นี่มันเกาะในฝันชัดๆ อรุณนารีอุทานในใจ เธอเคยคิดและจินตนาการไว้ว่าสักวันจะได้มาเยือนเกาะที่มีทั้งน้ำตก ทะเล สายลมและแสงแดด เกาะที่มีบ้านหลังงามที่หลังบ้านมีน้ำตกสายเล็กๆ รินไหลไม่ขาดสาย มันมีจริงๆ
เมื่อหญิงสาวที่มัวแต่เดินชื่นชมความงามของเกาะที่มองเห็นเพียงด้านหน้าเพราะเพิ่งมาถึงจนไม่ทันสังเกตว่าตัวเองเดินลงมาถึงพื้นทรายนุ่มแล้ว และไม่ห่างกันนั้นที่โขดหินใหญ่ซึ่งตอนนี้เจ้าของเกาะร่างสูงใหญ่ก็ยืนกอดอกมองเธออย่างเฉยเมย พร้อมกับเจ้าคอบร้า ซึ่งนอนหมอบอยู่แทบเท้าเจ้านายของมัน และดวงตาของมันก็จ้องเขม็งไปที่หญิงสาวแปลกหน้าที่กำลังเดินชื่นชมความงามของเกาะโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าตนเองกำลังอยู่ในอาณาเขตของใคร
โฮ่ง ๆ!!! เจ้าคอบร้าส่งเสียงเมื่อเห็นหญิงสาวแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้เจ้านายหนุ่มโดยที่เธอเองก็ไม่ทันสังเกต แต่เพราะเสียงเห่าของมันทำให้ร่างบางชะงักตัวแข็งทื่อ ก่อนจะค่อยๆ หันมาทางต้นเสียงและต้องตกตะลึงเมื่อเห็นร่างสูงทะมึนของผู้ชายที่หน้าตารกครึ้มด้วยหนวดเครายืนมองเธอด้วยแววตาวาววับน่ากลัว และข้างๆ กันก็คือ สุนัข!!!
ตอนที่13.ใช่แล้วมันคือสุนัข หรือหมา และมันเป็นสุนัขพันธ์ไทยหลังอานที่ตัวใหญ่มากๆ ยืนแยกเขี้ยวครางแฮ่ๆ ใส่เธอ และที่สำคัญเธอกลัวสุนัขเป็นที่สุด และทุกครั้งที่เข้าใกล้เธอมักจะเป็นผื่นและเป็นไข้ไปหลายวันเลยทีเดียว และตอนนี้อาการเหล่านั้นกำลังจะกลับมาเพราะเธอเห็นว่าเจ้าหน้าขนใหญ่ยักษ์กำลังลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน แล้วค่อยๆ เยื้องย่างอย่างช้าๆ มาที่เธอท่าทางของมันเหมือนราชสีห์ที่กำลังจ้องตะครุบเหยื่อที่สุด แต่มันเป็นสุนัขไม่ใช่ราชสีห์ และเธอก็กลัวสุนัขเป็นที่สุดในชีวิต ร่างบางยืนตัวแข็งทื่อ ก้าวขาไม่ออก เหงื่อเม็ดโตๆ ผุดพราวตามไรผม มือเท้าเย็นเฉียบ และเหมือนหัวใจหยุดเต้นก่อนจะกรีดร้องสุดเสียงเมื่อภาพที่ห็นเห็นก่อนสติสุดท้ายจะระลึกได้ คือภาพเหมือนเจ้าสุนัขตัวใหญ่ยักษ์มันกระโจนเข้าหาเธอและแยกเขี้ยวคมใส่ราวจะขย้ำเธอให้แหลกเหลวด้วยคมเขี้ยวของมัน แล้วร่างเล็กๆ ของเธอก็อ่อนระทวยลงกับผืนทรายนุ่มพร้อมกับสติที่ดับวูบ...ชายหนุ่มร่างสูงแข็งแรงมองภาพสะท้อนในกระจกเงาอย่างเพ่งพิศ ใบหน้าหล่อเหลากระชากใจไม่ว่าจะเป็นรูปหน้าเรียวยาว ดวงตาคมเข้มสีเขียวมรกตวับวาว จมูกโด่งสวยคมรับกับริมฝีปากบางสวยราวอิสตรี นั้
ตอนที่14. “เขาไม่ใช่เด็กนะเขาเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งแล้วด้วย หนอยคำก็ลูกลิงสองคำก็เด็ก เจอวิชาลูกลิงพิฆาตหน่อยเป็นไง กุ้งแก้วจัดการมันเลย” สาวน้อยบอกเพื่อนรักตัวน้อยที่นั่งยิงฟันอยู่บนบ่าบอบบางของตนเอง แต่เจ้าลิงน้อยที่ตอนแรกทำท่าจะโผนเข้าทำร้ายเขาครั้นพอมันเห็นดวงตาสีมรกตวาววับราวกับผืนทะเลงามที่ต้องแสงแดด หากแต่มันต่างกันเพราะแววตาที่วาววับนั้นมันแลบเลียด้วยเปลวไฟร้อนแรงที่พร้อมแผดเผาทุกอย่าง จนลิงน้อยต้องรีบกระโดดหลบหลังร่างบางอย่างไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตลิงที่ชื่อ กุ้งแก้ว“เฮ้ยไอ้กุ้งแก้วอะไรเนี่ย หนีทำไมเสียชื่อหมดเลยไอ้ลิงบ้า”สาวน้อยรู้สึกโมโหพร้อมกับเสียหน้าอย่างมาก เมื่อเจ้าหน้าขนซึ่งตอนนี้กระโดดขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้เรียบร้อยโรงเรียนลิงแล้ว“มีอะไรจะเล่นอีกรึเปล่าหึ ยัยลูกลิงน้อย” เสียงพูดที่อยู่เหนือศีรษะทำให้ร่างที่ง่วนอยู่กับการโวยเจ้าลิงหน้าขนถึงกับผงะ เพราะรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ และกลิ่นน้ำหอมชั้นดีของบุรุษโชยเข้าจมูก ซึ่งมันทำให้ใจสาวน้อยสั่นหวิวๆ ชอบกล ร่างบางของสาวน้อยถอยหลังอย่างระวังตัวแต่มันสายเกินไป เมื่อมือหนานั้นคว้าเอวบางไว้มั่นก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้ใบหน้าตื่นตะล
ตอนที่ 15.“น้ำผึ้งเอ๊ย หยิบของให้แม่หน่อยลูก”“จ้า แม่จ๋า” สาวน้อยที่ถูขนานนามว่าน้ำผึ้งลากเสียงยาวขานรับผู้เป็นมารดาพร้อมกับหาสิ่งที่นาง ดวงดี พลีชีพ ผู้เป็นมารดาต้องการน้ำผึ้ง หรือ ดรุณนุช พลีชีพ ในวันนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวหน้าตามอมแมมอีกแล้ว แต่เธอโตเป็นสาวสะพรั่งไปทั้งเนื้อทั้งตัวเลยทีเดียวและสวยหาตัวจับอยาก ด้วยดวงหน้ารูปไข่นวลใส ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตสุกใส ที่มักประดับรอยยิ้มหวานบนเรียวปากอวบอิ่มสีเรื่อ มันทำให้คนมองใจหวิวๆ ได้อย่างน่าทึ่งทั้งๆ ที่เธอแค่ยิ้มเท่านั้นร่างผอมดำ และเก้งก้างครั้งวันวานไม่มีให้เห็นแล้ว มีเพียงหญิงสาวรูปร่างโปร่งระเหิดระหง ช่วงขาเรียวยาว เอวบางรับกับสะโพกมนกลมกลึง และเหนือสิ่งอื่นใด ทรวงอบอวบอัดคัพดี ที่ทำให้เธอกลายเป็นสาวสวยเซ็กซี่ไปโดยปริยายและยิ่งเมื่อเดือนก่อน มีหนังสือแฟชั่นขอมาถ่ายแบบเพื่อขึ้นปกหนังสือแฟชั่นชื่อก้องโลกฉบับหนึ่ง และก็ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเกาะที่ต้องการประชาสัมพันธ์เกาะไปในตัวในบางมุม และบังเอิญเหลือเกินที่นางแบบคนดังที่ถูกทาบทามมาถ่ายแบบป่วยกะทันหันทางทีมงานจึงต้องหานางแบบ แบบด่วนจี๋และสายตาอันแหลมคมประดุจเหยี่ยวทะเลของสไตลิสต์ชื
ตอนที่ 16.ในตอนนี้มันไม่มีคราบของลิงจรจัดผู้หิวโหยอีกต่อไปเพราะมันได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีและกินดีอยู่ดีจนเกินไป บัดนี้มันก็เลยอ้วนจนแทบจะเดินไม่ไหว จากเมื่อก่อนนี้มันสามารถปีนต้นมะพร้าวเก็บมะพร้าวได้เร็วและเยอะโดยที่ไม่ต้องมีเชือกหรือคนคอยคุม มันแสนรู้ราวกับเป็นคนๆ หนึ่งเลยทีเดียวทั้งขี้เล่น แสนงอน และร้ายกาจอย่างที่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่มันติดที่ว่ามันเป็นลิงแต่เจ้ากุ้งแก้ว ก็เป็นลิงที่ฉลาดมากๆ แต่หลังจากที่มันซนจนได้เรื่องมีอยู่ครั้งหนึ่งที่มันแอบไปเล่นน้ำทะเลและเผลอไปเอาแมงกะพรุนไฟมาเล่นทำให้โดนพิษแมงกะพรุนที่ขาซ้ายทำให้มันไม่สามารถใช้งานขาซ้ายได้คล่องแคล่ว และไม่อาจจะปีนเก็บมะพร้าวได้ ครั้งแรกที่มันรู้ตัวว่าขาของมันไม่เหมือนเดิม มันคงจะเสียใจมากและถ้าเป็นคนมันก็คงจะแอบร้องไห้เป็นแน่ เจ้ากุ้งแก้วเกิดอาการซึมเศร้าไปหลายวัน คนในครอบครัวของดรุณนุช และที่เรือนใหญ่ยังต้องมาคอยปลอบใจและหาของขวัญมาเยี่ยมอาการซึมเศร้าอยู่นานนับเดือนกว่าที่มันจะหาย ขนาดว่าเจ้าคอบร้าสุนัขตัวโปรดของนายหัวที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับมัน ยังต้องยอมสงบศึก ไม่กวนไม่แกล้งมันชั่วคราวแต่พอหายมันก็กลายเป็นลิงที่ขี้
ตอนที่ 17.เท่านั้นแหละไอ้ท่าทางที่เหมือนระทดระทวยลิ้นห้อยนั้นก็หายไปคงเหลือแต่ลิงอ้วนที่ยังคงความไวเหมือนลิงกระโดดขึ้นนั่งเบาะนุ่มหลังหญิงสาวผู้ทำหน้าที่ปั่นจักรยานให้มันนั่งในท่าของพญาลิงอ้วน ที่น่าหมั่นไส้ต่อผู้พบเห็น ดรุณนุชปั่นจักรยานคู่ใจมุ่งไปยังเรือนใหญ่เพื่อเอาขนมแสนอร่อยไปฝากนายหญิงวาริน โดยหารู้ไม่ว่าเวลาแห่งอิสรภาพของเธอใกล้หมดลง...“เราได้เจอกันแน่ ยัยลูกลิงแสนหวาน”ริค ลดกล้องส่องทางไกลในมือลงเมื่อเป้าหมายหายลับไปในดงมะพร้าวที่เรียงรายอยู่เบื้องล่าง การล่าเหยื่อต้องใจเย็นๆ ให้เหยื่อตายใจ แล้วค่อยตะครุบชายหนุ่มยิ้มในหน้าด้วยสายตาหมายมาด ถ้าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมาเห็นคงต้องรู้สึกเย็นวาบหนาวไปถึงไขสันหลังเลยทีเดียวแพขนตางอนงามกระพือเบาๆ ดวงตากลมใสพยามยามปรับความคมชัดของภาพที่เห็นให้ชัดเจน และภาพต่างๆ ก็เริ่มชัดเจนและพอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปและเจอกับอะไร ร่างเล็กบางทะลึ่งพรวดจากที่นอนหนานุ่มทันทีและพอหันมาเจอกับภาพเจ้าหมาหน้าขนที่เธอไม่เคยปลื้มมันเลยสักครั้งในชีวิต ที่ยืนแยกเขี้ยวอยู่ข้างเตียงพร้อมกับ...โฮ่ง โฮ่ง /“กรี๊ดดดด” ร่างเล็กบางพอได้สติก็ต้องกรีดร้องเสียงหลงอีก
ตอนที่ 18.“สวัสดีค่ะหนูอรุณนารี เรียกแมงปอก็ได้ค่ะ เอ่อ คือแมงปอมาทำงานแทนเพื่อนน่ะค่ะ”“อ๋อ มาแทนเพื่อนคนที่ประสบอุบัติเหตุน่ะเหรอลูกโถแม่คุณพอมาถึงก็เป็นลมเป็นแล้ง แล้วกินอะไรมารึยัง ตื่นมาคงหิว ไปๆ กินข้าวเย็นกันนี่ก็ได้เวลาแล้วไปลูกมาร์ค เจ้าคอบร้าแกอย่าสร้างปัญหาอีกล่ะ” นายหญิงวารินเอ่ยปลอบลูบหลังหญิงสาวที่นางเองก็พอใจจนอยากจะได้มาเป็นลูกสาวเพราะนางมีแต่ลูกชายและหันมาปรามเจ้าหมาน้อยแต่ตัวไม่น้อยที่กำลังจะเดินหน้าเป็นมาข้างๆ หญิงสาวที่ทำท่าหวาดหวั่นทันทีที่เห็นเจ้าหมาน้อยขยับตัวและทำท่าว่าจะเดินมาหาเธอ และพอมันเจอนายหญิงว่ามันก็ทำหน้าม่อย ทำท่าแสนจะน่าสงสารพลางร้องหงิงๆ เดินไปคลอเคลียขาแกร่งของ เหมันต์ผู้เป็นนายอย่างขอความเห็นใจ“ไม่ต้องไปอ้อนเจ้านายแกเลยนะ เพราะแกทำให้หนูแมงปอตกใจจนเป็นลมเพราะฉะนั้นจงทำตัวดีๆ มีความผิดติดตัวนะเราน่ะ ไปลูกไม่ต้องสนใจ ปล่อยไว้นี่แหละทั้งคนทั้งหมาเจ้าปัญหาพอๆ กัน”ว่าแล้วนางก็จับจูงมือเล็กบางของอรุณนารีออกจากห้องไป ปล่อยให้ทั้งสุนัขและเจ้านายหน้าดุ หันมามองหน้ากันอย่างเซ็งๆ“เพราะแกเจ้าคอบร้า เห็นไหมฉันโดนคุณแม่ดุเลยเจ้าปัญหานะเราน่ะ”เวลาใกล้พลบค่
ตอนที่ 19.นายหญิงวารินอธิบายยืดยาวขณะที่มาส่งเธอที่ห้องของเธอห้องเดียวกับที่เธอฟื้นขึ้นมาพร้อมกับทำเรื่องน่าอายนั่น“ค่ะขอบคุณมากนะคะที่กรุณาแมงปอ”“โอ๊ย มันเป็นหน้าที่ของเจ้าบ้านอยู่แล้วจ๊ะ และแม่ก็ถูกใจหนูมาก เอาล่ะอาบน้ำพักผ่อนได้แล้วพรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า ขอบอกว่าพระอาทิตย์ขึ้นที่เกาะพราวแสงจันทร์สวยไม่แพ้ที่ไหนในโลกเชียวนะ”“จริงเหรอคะ แมงปออยากเห็นจัง”“อยากเห็นก็ต้องรีบเข้านอนจ๊ะเด็กดี”“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณแม่ ฝันดีนะคะ”หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับถือโอกาสหอมแก้มที่ยังคงความงดงามและหอมกรุ่นของนายหญิงอย่างที่เคยทำกับบิดามารดาของตนเองก่อนเข้าห้องของตนไปด้วยรอยยิ้มน่ารักที่ทำให้บ้านทั้งบ้านของนางสดใส นายหญิงวารินก็ต้องหน้าแดงนิดๆ ด้วยความตื้นตันมือที่เริ่มเหี่ยวย่นกุมซีกแก้มที่ถูกหอมจากหญิงสาวน่ารักที่ชื่อแมงปอ อย่างปลาบปลื้ม โอ นางอยากได้ลูกสาวเหลือเกินอยากได้มากๆ และถ้าได้ลูกสาวชื่อแมงปอ มันจะดีสักแค่ไหนกันหนอชายหนุ่มมองผู้เป็นแม่ที่เดินเอามือกุมแก้มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มานั่งข้างผู้เป็นพ่ออย่างงงๆ ว่าแม่ของเขายิ้มดีใจอะไรนักหนาจึงอดแซวไม่ได้“สงสัยนายหญิงวารินกำลังตกหลุมรักใครรึเปล่า
ตอนที่ 20.แต่ในขณะนั้นเอง ภาพของสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่กลางคลื่นลมที่โหมกระหน่ำ ก็ดึงสายตาของชาวเกาะพราวแสงจันทร์ให้เขม้นมอง และเมื่อเห็นชัดเจนความปลื้มปิติก็เข้ามาท่วมท้นในใจผู้ที่รักและห่วงใยนายหัวของเขา นายหัวมาร์ค เหมันต์ หิรัญวารินทร์ ภาพเจ้าสุนัขตัวน้อยที่พยายามว่ายน้ำฝ่าคลื่นลม อย่างทุลักทุเลพาร่างสูงใหญ่ที่หมดสติของเหมันต์ว่ายเข้าฝั่งในวันทะเลคลั่ง ยังฝังอยู่ในความทรงจำของชาวเกาะพราวแสงจันทร์ ผู้คนในเหตุการณ์วันนั้นต่างสรรเสริญเยินยอในความกล้าหาญของมัน และเมื่อเหมันต์ได้รับการรักษาจนหายดีก็นำมันมาเลี้ยงอย่างถาวรหลังจากที่นำมันไปให้หมอเก่ง ที่เรือนพยาบาลดูแลรักษามันจนขาที่หักและบาดแผลบนตัวมันหายดี และตั้งชื่อให้มันว่า คอบร้า ตามตัวเอกในหนังสือการ์ตูนที่เขาชอบอ่านและเก็บสะสมไว้และหลังจากนั้นเหมันต์ก็ไม่เคยแตะพวกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือของมึนเมา อีกเลยพร้อมๆ กับภาพรอยยิ้มสดใสและความอบอุ่นอ่อนโยนของเขาก็หายไปด้วย เหลือไว้เพียง นายหัวมาร์คผู้เย็นชา และไร้รอยยิ้มอันแสนอบอุ่นนับตั้งแต่นั้นมา เจ้าคอบร้า ก็เป็นที่รักและขวัญใจของคนทั้งเกาะ และมันก็หวงนายของมันมาก
ตอนที่ 155. “บ้าเอ๊ย เราโดนล้อมไว้หมดแล้ว” ราอูลสบถดังลั่นก่อนจะวิ่งลงไปในเคบินส่วนตัวเพื่อจะสวมชุดดำน้ำหนีไป “นี่แกจะทำอะไร จะหนีเอาตัวรอดเรอะ” ขจรศักดิ์วิ่งตามาและขวางทางไม่ให้ราอูลออกไปจากเคบินได้ทั้งสองมองกันอย่างกินเลือดกินเนื้อ “ช่วยไม่ได้มันมีอยู่ชุดเดียวและตอนนี้ฉันก็ใส่มันแล้วด้วย”“ใส่ได้มันก็ถอดได้และแกก็ยังใส่ไม่เสร็จ” ชายทั้งสองคนถกเถียงกันในขณะที่เฮลิคอปเตอร์ของตำรวจน้ำสองลำสาดไฟสว่างจ้าไปทั่วเรือพร้อมกับประกาศให้ทุกคนปลดอาวุธก่อนที่หน่วยจู่โจมจะโรยตัวลงมาจากเฮลิคอปเตอร์และเข้าควบคุมสถานการณ์ แล้วจัดการใส่กุญแจมือของลูกเรือที่ยอมจำนน ในขณะที่นายตำรวจส่วนหนึ่งเข้าไปสำรวจทั่วลำเรือ “ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องวัดดวงกันหน่อย” ด้วยความรักตัวกลัวตายและไม่ปลื้มกับการถูกจับกุมหรือคุมขังให้อยู่แต่ภายในห้องแคบๆ แออัดในสถานที่ๆ เรียกว่าคุก ชายซึ่งอายุล่วงเลยมาสี่สิบกว่าปีก็เข้าห้ำหั่นกันด้วยความดุเดือดไม่มีใครยอมใครบนเส้นทางนี้ ไม่มิตร และศัตรูที่ถาวร... แม้ว่าทั้งสองจะมีอายุกว่าสี่สิบปี แต่ด้วยความที่มีชีวิตโลดโผนและออกกำลังกายสม่ำเสมอร่า
ตอนที่ 154.“เจมส์...ขอบคุณมาก” ดรุณนุชเอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจเมื่อหันไปเจมส์ บอดีการ์ดของริค ซึ่งสั่งให้เขาแอบซุ่มดูอยู่ไม่ห่างจากบ้านหลังน้อยเพราะเขามั่นใจว่าเจมส์จะสามารถดูแลภรรยาของเขาได้“ผมต้องขอโทษด้วยที่ปล่อยให้มันเข้ามาถึงตัวคุณง่ายขนาดนี้ มันฉลาดพอที่จะล่อผมไปอีกด้านดีที่ผมไหวตัวทัน คุณน้ำผึ้งไม่เป็นไรนะครับ” เจมส์บอกกล่าวและถามเธอด้วยความเป็นห่วงนี่ถ้าหากเขาไม่หลงกลพวกมัน ภรรยาของเจ้านายคงไม่ต้องออกมาเจอเหตุการณ์อุกอาจแบบนี้ เขาเกือบพลาดเป็นครั้งที่สอง เจมส์คิดอย่างโกรธเคืองตัวเอง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเจมส์ตอนนี้น้ำผึ้งก็ปลอดภัย เราไปหาริคกันเถอะ”“ครับ คุณน้ำผึ้งกับคุณชะเอมเดินไปเลยครับผมจะระวังหลังให้” ดรุณนุชกับชะเอมจูงมือกันไปตามทางที่ริคและพรรคพวกอยู่ทันทีด้วยความชำนาญจึงไม่อยากที่เธอทั้งสองจะเร้นกายไปได้โดยมีบอดีการ์ดผู้ซื่อสัตย์คอยเฝ้าระวังความปลอดภัยให้จนพวกเธอไปถึงที่หมาย เมื่อริคเห็นภรรยาเดินมาด้วยสภาพที่เหมือนฝ่าสมรภูมิรบมาเขาก็เข้าไปรวบร่างบางเข้าหาอกกว้างของตนอย่างรักใครห่วงใยและเธอก็ยินดีที่จะอยู่ในอ้อมอกอุ่นของสามีโดยไม่เกี่ยงงอน“เด็กดื้อ” ริคเอ่ยเบาๆ กับเรือนผมสล
ตอนที่ 153. ร่างตะคุ่มๆ ของคนกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวช้าๆ ไปตามทางที่มืดสนิทอย่างชำนาญมันค่อยๆ ย่องย่างไปที่หมู่บ้านของชาวบ้านที่ปลูกสลับลดหลั่นกันตามเนินเขาและตอนนี้บ้านช่องต่างๆ ก็ปิดสนิทและมีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากดวงไฟรายทางที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้น และไม่ไกลกันกลุ่มคนอีกประมาณห้าคนก็ค่อยๆ เคลื่อนกายตามมาพร้อมด้วยอาวุธในมือที่พร้อมปลิดชีพทุกชีวิตที่โผล่มาขวางทาง แต่ไม่ไกลกันนั้นหลังพุ่มไม้หนาและบนต้นไม้ใหญ่หรือหลังโขดหินใหญ่ก็มีร่างของอีกหลายคนที่พรางกายเพื่อรอคอยเช่นกัน วี้ดดดด ฉึก เสียงบางอย่างหวีดหวิวผ่านสายลมพร้อมกับร่างของผู้บุกรุกล้มลงทีละคนๆ “เฮ้ยพวกมันรู้ตัวแล้ว” เสียงผู้บุกรุกเอ่ยขึ้นอย่างตะหนกเพราะไม่คาดคิดว่าจะถูกโจมตีอย่างเงียบๆ เพราะตามแผนที่ๆ ได้และจุดยุทธศาสตร์ที่คาดว่าจะไม่มีใครสงสัยหรือป้องกันการบุกรุกนั้นจะมีการวางแผนรับมือกับพวกมัน “ลงมือได้” นั่นคือสัญญาณที่ริคส่งให้คนของเขาและการต่อสู้อย่างดุเดือดก็เริ่มขึ้น ทั้งเสียงปืนและเสียงร้องโหยหวนของผู้ได้รับบาดเจ็บจากคมกระสุนและดาบคมกริบของนักสู้ฝีมือฉมังกร้านแกร่งในสมรภูม
ตอนที่ 152. “ตายซะเถอะนังหน้าจืด” แอนนิต้ากัดฟันพูดอย่างสติแตกพร้อมเล็งปืนไปทางร่างเล็กๆ ที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าอย่างตื่นตระหนกพร้อมกับลั่นไกทันทันที ปัง! / กรี๊ดดด... “ไม่นะ แมงปอ!” เสียงปืนแผดก้องไปทั่วทั้งผืนป่าเหมันต์ร้องออกมาสุดเสียงแล้ววิ่งมาหาหญิงสาวทันทีโดยไม่สนใจร่างปวกเปียกยับเยินของชลเขต ฝ่ายอรุณนารีที่ล้มลงกับพื้นนั้นนอนแน่นิ่งเพราะเจ็บจนจุก แต่กลับรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวและหัวหมุนติ้วๆ ไปชั่วขณะเธอรู้สึกได้ถึงแรงกดทับบนร่างเล็กๆ ของตนเอง และเมื่อได้สติก็เห็นว่าสิ่งที่ทับร่างของเธอนั้นคือเจ้าคอบร้าซึ่งคร่อมทับร่างเล็กๆ ของเธอจนเกือบมิด เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากกลางลำตัวของมันราวน้ำป่าเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไรเธอถึงกับกรีดร้องอย่างขวัญเสียดวงตาอาบไปด้วยน้ำตา “ไม่นะคอบร้า...คอบร้า แกต้องไม่เป็นอะไรนะ”“ตายซะได้ก็ดีไอ้หมาบ้าๆ ทั้งคนทั้งหมาและคนต่อไปก็แกนังสารเลว” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนไม่มีใครตั้งตัวและเหมือนแอนนิต้าสติแตกกระเจิงไปแล้ว เธอคลุ้มคลั่งจนควบคุมสติตนเองไม่ได้แต่สิ่งหนึ่งที่ฉายแววออกมาจากดวงตาของเธอคือความหวาดกลัว เธอก
ตอนที่ 151. “ใจเย็นๆ ชลเขต แกยังมีทางเลือกอยู่นะ ปล่อยหนูดีซะเธอด้วยแอนนี่ยอมมอบตัวกับทางการ เรื่องที่เธอรู้เห็นเป็นใจในวันนี้มันจะผ่อนหนักเป็นเบา” เหมันต์หันไปทางแอนนิต้าที่ค่อยๆ ก้าวออกมายืนข้างๆ ชลเขต เหมันต์พยายามเกลี้ยกล่อมแต่คนที่สติแตกและหลงผิดไปแล้วทั้งตัวและหัวใจก็กู่ไม่กลับเช่นกัน “เสียใจมาร์ค ฉันไม่มีทางยอมมอบตัวแล้วติดคุกอย่างแน่นอน คนอย่างแอนนี่ อยากได้อะไรก็ต้องได้ตอนนี้ก็เช่นกันฉันอยากให้คุณกับนังสารเลวนั่นตายและฉันก็จะทำมัน” เธอตะโกนกลับมาด้วยท่าทางเคืองจัดใบหน้าสวยงดงามบิดเบ้ดวงตาสีเขียววาววับด้วยไฟเพลิงร้ายกาจ “หยุดอยู่ตรงนั้น และถอยไปกูไม่ได้ขู่นะ กูยิงนังนี่จริงๆ”ชลเขตกระชากเสียงตวาดลั่นเมื่อเห็นว่าเหมันต์ก้าวตามมาช้าๆ และมันทำให้ทุกคนหยุดก้าวตามทันทีเช่นกันแต่เสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นทำให้ชลเขตถึงกับชะงักไป“พอเถอะเขต ปล่อยน้องเถอะพ่อขอร้อง” เสียงของนายหัวใหญ่ชัชชลดังขึ้นพร้อมกับร่างที่เคยสูงสง่าไม่แพ้ใครในอดีตก้าวออกมาช้าๆ จากเงาต้นไม้ใหญ่ ทั้งเหมันต์และคิมหันต์ส่งสัญญาณให้กันก่อนจะค่อยๆ หลบไปทางด้านหลังของชายหนุ่มที่ยืนอยู
ตอนที่ 150 ความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อชลเขตพาฤดีชลพร้อมด้วยแอนนิต้าหนีไปโดยมีลูกน้องสี่คนถือปืนยิงคุมเชิงให้ เหมือนชลเขตรู้ว่านอกจากเหมันต์ คิมหันต์ เด่นดัง และอรุณนารีแล้วยังมีคนอื่นแอบซ่อนอยู่เพื่อคอยรวบตัวเขา ดังนั้นการมีตัวประกันให้เขาหนีไปพร้อมเงินจำนวนมหาศาลนี้จะเป็นการดีที่สุด “พี่มาร์คโดนยิง” อรุณนารีหน้าซีดถลาเข้ามาหาชายหนุ่มทันทีมือบางแตะแขนแกร่งอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเลือดแดงฉานที่แขนของเขา “แค่ถากๆ เท่านั้น คิมนายตามไปเร็วๆ อย่าเพิ่งทำอะไรหนูดีอยู่กับมันพี่คิดว่ามันต้องไปที่จุดเทียบเรือของมันแน่ๆ”เหมันต์ไม่วายห่วงสาวน้อยซึ่งมันขัดใจผู้เป็นน้องชายยิ่งนักแต่เขาก็สั่งให้คนของเขาตามไปแม้ว่าไม่ต้องสั่งคนของเขากับตำรวจก็ต้องตามไปอยู่แล้ว ชลเขตและแอนนิต้ากระชากร่างเล็กๆ ของฤดีชลให้เดินแกมวิ่งลัดเลาะไปยังชายป่าที่ติดกับแม่น้ำสายใหญ่ซึ่งที่นั่นจะมีเรือเล็กรอพวกเขาอยู่เพื่อนำเขาข้ามฟากไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่ออยู่กบดานที่นั่นสักพักก่อนจ
ตอนที่ 149.เสียงปืนที่ดังขึ้นสนั่นป่า ทำให้นกกาแตกตื่นกระพือปีกบินหนีกันจ้าละหวั่น และทำให้ชลเขตที่กำลังยืนเผชิญหน้ากับคิมหันต์เริ่มใจไม่ดีแต่ก็พยายามรักษาท่าทีไว้อย่างน้อยเขาก็ได้เปรียบตรงที่เขามีลูกน้องคอยคุ้มกันสองคนที่มีอาวุธพร้อมมือในขณะที่คิมหันต์ไม่มีอาวุธหรือผู้ติดตามและเหมันต์ก็ไม่อยู่ตรงนี้ด้วย แม้จะสงสัยแต่เขาก็ไม่ถามเพราะถ้าหากคิมหันต์มีสิ่งที่เขาต้องการ ทุกอย่างก็เหมือนๆ กัน ฝ่ายคิมหันต์ที่เฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของชลเขตเงียบๆ เหมือนไม่สนใจอะไรแต่ในใจเขารู้ดีว่าตอนนี้พี่ชายของคงเจอตัวอรุณนารีกับฤดีชลแล้ว แม้เสียงปืนที่ดังสนั่นได้ยินไกลๆ นั้นจะทำให้เขาอดห่วงไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาก็ปล่อยให้ชลเขตหลุดมือไปไม่ได้เช่นกันแม้ว่าเขาค่อนข้างเสียเปรียบก็ตามที “คุณคงไม่ตุกติกใช่ไหม” ในที่สุดคิมหันต์ก็ถามขึ้นเหมือนหยั่งเชิงพลางแอบส่งสัญญาณให้คนของเขารับรู้ว่าให้เตรียมพร้อม “ผมไม่ตุกติกแน่ว่าแต่คุณเอาเอกสารสิทธิ์พวกนั้นมารึเปล่า” “เอามาแน่นอนอยู่ในนี้ไง คุณจะเอายังไงก็ว่ามาเลยแล้วแมงปอกับหนูดีล่ะอยู่ไหน” คิมหันต์ถามขึ้นหลังจากโชว์สิ่งที่อยู่ในก
ตอนที่ 148. “โอ๊ย!” ร่างเล็กๆ ของฤดีชลทรุดลงและกุมข้อเท้าตนเองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเมื่อจวนเจียนใกล้ถึงจุดนัดหมายที่ชลเขตนัดเหมันต์ไว้ “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นังสารเลวอย่ามาทำสำออย” แอนนิต้าถลาเข้ามาจิกเรือนผมสลวยอย่างแรงพลางรั้งให้สาวน้อยลุกขึ้นแต่เธอก็ฝืนตัวไว้เช่นกัน “หนูดีเจ็บจริงๆ นะคะพี่แอนนี่ขอหนูดีพักสักนิดนะคะ” ฤดีชลเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดพลางร้องขอความเห็นใจ “พวกแกมาช่วยฉันดึงนังเด็กนี่ลุกขึ้นมาเร็วเข้าก่อนที่พวกนั้นจะตามมาทัน” แอนนิต้าร้องบอกชายร่างใหญ่ที่ติดตามมา และในขณะนั้นเองชายอีกคนซึ่งเป็นคนคอยระวังหลังให้ก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามารายงานข่าวล่าสุด “มันตามมาทันแล้วครับคุณแอนนี่” มันรายงานหน้าตื่น แอนนิต้าจึงกระชากแขนเรียวอย่างแรงจนร่างเล็กๆ ของฤดีชลปลิวตามแรงกระชากของเธอไป วินาทีนั้นเองอรุณนารีก็ตัดสินใจสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมของชายร่างหนาที่จับเธอไว้เมื่อมันเผลอตัวจนร่างของมันเซถลาเกือบล้มเธอจึงอาศัยจังหวะนั้นพุ่งชนร่างของแอนนิต้าและใช้สันมือฟาดลงแรงๆ ที่ข้อมือเรียวของอีกฝ่ายจนเธอปล่อยปืนในมือหลุดร่วงลงพ
ตอนที่ 147.“พามันสองคนตามฉันมา อย่าขัดขืนไม่อย่างนั้นแกทั้งสองคนได้เป็นผีเฝ้าป่าแน่ๆ” แล้วชายร่างยักษ์หน้าเหี้ยมสองคนก็กระชากร่างของสองสาวไปพร้อมกับชายอีกสองคนถือปืนระวังหลังให้พรรคพวก แอนนิต้าพาพวกเธอเดินลัดเลาะมาตามทางเดินเล็กๆ อย่างชำนาญแม้จะค่อนจะลำบากแต่ทางก็มีร่องรอยการใช้งานทำให้รู้ว่าทางเส้นนี้ใช้สัญจรบ่อยๆ เพราะมันเดินได้สะดวกซึ่งสำหรับแอนนิต้าแล้วเธอชินทางเส้นนี้เพราะมาที่นี่หลายครั้งทางด้านเหมันต์ได้โอกาสในขณะที่คนในบ้านส่วนหนึ่งวิ่งออกไปยังลานกว้างเพื่อช่วยกันจับลิงกะหมาจอมป่วน ร่างสูงใหญ่ตรงเข้าทุบก้านคอคนงานที่ยืนเฝ้ายามอยู่หน้าบ้านจนสลบไปแล้วรีบขึ้นไปชั้นบน ส่วนเด่นดังก็เข้าสกัดคนเฝ้ายามคนอื่นๆ ด้วยลูกดอกอาบยาสลบชนิดที่ว่าทีเดียวอยู่คนพวกมันพากันล้มลงไปสี่ห้าคนก่อนจะตามนายหัวเข้าไปบ้างเพื่อระวังหลังให้แต่เมื่อขึ้นไปถึงห้องที่คาดว่าจะเป็นที่ๆ อรุณนารีกับฤดีชลถูกขังอยู่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ใบหน้าคมเข้มของหันต์เครียดขึ้นมาทันที“พวกมันรู้ตัว!” เขาหันมาบอกกับเด่นดังและต้องรีบหลบกระสุนที่วิ่งเฉียวใบหูหนาไปอย่างหวุดหวิดและเสียงปืนหลายๆ นัดก็ดังตามมาปังๆๆ เสียงปืนดังระร