แชร์

บทที่ 89

ผู้เขียน: ลูกพีชแสนสวย
ไม่รู้ว่าหนุ่มน้อยคนนั้นพูดอะไรกับเฉินเยวี่ย แต่เธอก็ซบอยู่ในอ้อมกอดของเขา หัวเราะอย่างมีความสุข

ท่ามกลางสายตาของคนรอบข้าง พวกเขากอดกันอย่างไม่อายใคร

หรือว่ากู้จือโม่ถูกเฉินเยวี่ยนอกใจแล้ว?

ฉันมองอย่างเหม่อลอย จนกระทั่งพนักงานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทักขึ้น "คุณผู้หญิงคะ จะเลือกหม้อไฟแบบไหนดีคะ?"

ฉันจึงได้สติกลับมาและรีบหลบสายตา "ขอโทษทีค่ะ" ฉันยิ้มอย่างขอโทษและมองไปที่เมนู "เอาหม้อไฟแบบยวนยาง[footnoteRef:0]นะคะ ขอบคุณค่ะ" [0: หม้อไฟแบบที่แบ่งช่องใส่ได้สองน้ำซุป]

หลังจากพนักงานเดินจากไป ฉันก็สั่งอาหารเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย

มื้อนั้นเป็นมื้อที่สนุกมาก

อาจจะเป็นเพราะความเผ็ดทำให้ฉันเจริญอาหาร ฉันเลยกินได้เยอะกว่าปกติ

ระหว่างที่ฉันไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาฉันก็เห็นเฉินเยวี่ยยืนเติมเครื่องสำอางอยู่ที่อ่างล้างหน้า

พอเธอเห็นฉัน ดวงตาของเธอก็มีแววหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็กลับมาทำตัวเป็นปกติ

ฉันเดินไปเปิดก๊อกน้ำล้างมือ พอเช็ดมือเสร็จ เฉินเยวี่ยก็พูดขึ้นมา "เฉียวซิงลั่ว ตอนนี้เธอคงรู้สึกภูมิใจมากสินะ?"

ภูมิใจงั้นเหรอ?

ฉันภูมิใจเรื่องอะไร?

ฉันเอียงหัวมองเฉินเยวี่ย กำลังจะถามเธอว่าฉันภูมิใจ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 90

    ฉันหัวเราะเบา ๆ “น่าเสียดายเหมือนกันนะ พวกเขาก็ดูเหมาะสมกันดีอยู่แท้ ๆ”ตอนที่เฉินเยวี่ยใส่ร้ายฉัน ฉันได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อน ๆ ฟังแล้วหลี่เสี่ยวอวี่และเจี่ยนซินสบตากัน เจี่ยนซินดูเหมือนจะอยากถามอะไรบางอย่าง แต่หลี่เสี่ยวอวี่รีบเอามือปิดปากเธอและลากตัวเธอออกไป “พอแล้ว ๆ เล่าข่าวซุบซิบจบแล้ว ทีนี้เรามาคิดกันดีกว่าว่าคืนนี้จะกินอะไรกัน”“จริงด้วย” หลี่เสี่ยวอวี่กดเจี่ยนซินให้นั่งลงบนเก้าอี้แล้วหันกลับมาถามฉัน “เธอจะกลับบ้านพรุ่งนี้ใช่ไหม? แล้วไฟลต์บินกี่โมง?”“บ่ายสามโมง”…… ที่อวิ๋นเฉิงพอฉันออกมาจากสนามบิน ก็สัมผัสได้ถึงลมร้อนที่พัดมาปะทะหน้าคงเพราะฉันชินกับฤดูหนาวของปักกิ่งแล้ว ฉันจึงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อปรับตัว ก่อนจะถอดเสื้อโค้ตขนเป็ดออก“คุณหนู”ขณะที่ฉันเพิ่งถอดเสื้อโค้ตลง คนขับรถของบ้านก็มาถึงพอดีฉันพยักหน้าให้ ส่งกระเป๋าเดินทางให้เขา แล้วก้มตัวขึ้นรถในกรุ๊ปแชทหอพัก หลี่เสี่ยวอวี่กับเจี่ยนซินถามฉันว่าถึงหรือยังฉันตอบพวกเธอแล้วก็พูดคุยกันสักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าทางที่เรากำลังไปนั้นไม่ใช่ทางกลับบ้านตระกูลเฉียวฉันขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “ลุงหวัง เร

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 91

    หลังจากที่เฉิงเฉิงพูดจบ ฉันก็ขมวดคิ้วฉันไม่คุ้นเคยกับฟางฉิงหยางเลย ปกติก็ไม่ได้ติดต่อกัน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะต้องขึ้นเรือไปกับพวกเขา เขาสามารถบอกกับเฉิงเฉิงล่วงหน้าได้ยังไง?มีคำตอบหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว แต่ฉันไม่อยากคิดไปในทางนั้นฉันหันกลับมามองเฉิงเฉิง "ฟางฉิงหยางบอกเธอเมื่อไหร่?"“วันพุธไง ตอนนั้นพวกเรากำลังกินข้าวกันอยู่ที่โรงอาหาร เขารับประกันกับฉันเลยว่าเธอจะกลับมา ฉันถึงได้แอบกลับมาอย่างลับ ๆ”“เดิมทีฉันจะส่งข้อความทางวีแชทไปหาเธอ” เฉิงเฉิงขมวดคิ้ว “แต่ฟางฉิงหยางไม่ยอม บอกว่าอยากให้เธอเซอร์ไพรส์ดีใจตอนเจอฉัน”วันที่หนึ่งมกราคมปีสองพันยี่สิบห้าเป็นวันเสาร์พอดี และก็เป็นวันที่เฉียวเจี้ยนกั๋วโทรหาฉันพอดีด้วยเฉียวเจี้ยนกั๋วและกู้จือโม่วางแผนกันมาก่อนแล้วหรือเปล่า?ฉันเบือนสายตาไปตกอยู่ที่ร่างของกู้จือโม่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเจอกู้จือโม่ในรอบกว่าครึ่งเดือน นับตั้งแต่เราจากกันไม่ดีที่อพาร์ตเมนต์ของเขาเมื่อครั้งที่แล้วเขาสวมแว่นกันแดด เผยให้เห็นเพียงครึ่งล่างของใบหน้าที่ริมฝีปากเม้มลงเท่านั้น ดูไปแล้วช่างเย็นชาและเข้าถึงยาก ชุดลำลองสีดำทั้งตัวที่สวมใส่อยู่ ทำให้เขาดู

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 92

    หนุ่ม ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์เองก็ไม่มีใครตอบสนองกลับมาสักคน ฉันมองดูหวังเยวี่ยนเขวี้ยงแก้วไวน์มาทางฉัน จากนั้นยื่นมือออกไปโดยสัญชาตญาณครู่ต่อมา แก้วทรงสูงที่โปร่งใสก็กระแทกเข้ากับหลังมือของฉันเศษแก้วที่แหลมคมตกลงมา และในไม่ช้าเลือดสด ๆ ก็ไหลจากหลังมือแล้วหยดลงไปที่พื้นฉันเจ็บจนต้องนั่งยอง ๆ ลงกับพื้น เฉิงเฉิงรีบปรี่เข้ามาช่วยประคองฉัน "ลั่วเป่า"เมื่อได้ยินเสียงความวุ่นวายกู้จือโม่และฟางฉิงหยางก็ลงมาจากดาดฟ้า ทันทีที่เขาเห็นว่ามือของฉันเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าของกู้จือโม่ก็มืดครึ้มลงเขาเดินเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบผ้าสะอาดมาพันบริเวณจุดที่เลือดออก “เจ็บตรงไหนบ้าง?”ฉันกลัวเจ็บมาก แต่ก็ทนได้เก่งมากเช่นกันเมื่อก่อนฉันป่วยหนักถึงขนาดนั้น ไข้ขึ้นสูงจนสะลึมสะลือไปหมด ฉันก็ไม่เคยร้องไห้ทว่าตอนนี้น้ำตากลับเอ่อคลอขึ้นเต็มขอบตา ฉันเงยหน้าขึ้นมองกู้จือโม่ ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล "ไม่รู้ เจ็บ"หลังจากที่ฉันพูดว่า "เจ็บ" ความวิตกกังวลของกู้จือโม่ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเขาตะโกนบอกฟางฉิงหยางให้ไปตามหมอประจำเรือมา จากนั้นก็อุ้มฉันแล้วเดินเข้าไปในห้อง "ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวหมอก็

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 93

    ฉันรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่มีเหตุผล การเคลื่อนไหวที่ถอยกลับอยากที่จะหลบเขา จึงหยุดลงอย่างไม่เป็นธรรมชาติกู้จือโม่ร้อง "หืม?" ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งฉันเม้มริมฝีปากลงแล้วจงใจพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ไม่อยากเห็น"ความขบขันในน้ำเสียงของกู้จือโม่ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เขาพูดด้วยเสียงต่ำว่า "แต่ฉันอยากให้ลั่วเป่าเห็น ทำยังไงดี?"ที่ปลายหูของฉันมีความรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก ฉันรีบหันหน้าไปอย่างแรง กู้จือโม่ก็หันหน้ามามองฉันในเวลาเดียวกันทันใดนั้น ระยะห่างระหว่างเราสองคนก็เปลี่ยนเป็นใกล้กันมาก ใกล้พอที่จะได้กลิ่นครีมโกนหนวดจากบนคางของเขา"เสร็จแล้ว"เสียงของหมอดังขึ้น ฉันถึงได้สติขึ้นมา ยกมือขึ้นแล้วดันมือของกู้จือโม่ที่ปิดตาของฉันออกไปหมอถอดถุงมือที่ใช้แล้วทิ้งออกแล้ว “มือข้างนี้ห้ามสัมผัสน้ำเป็นเวลาสามวัน ทางที่ดีที่สุดคืออย่าขยับมันบ่อยด้วย ผมจะมาเปลี่ยนยาให้ทุกวัน”“ใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนก็จะหายดีแล้ว” หมอพูดพลางเก็บกล่องยาเสร็จเรียบร้อย “จริงสิ ผมใช้ไหมพีดีโอ[footnoteRef:0]ในการเย็บ คุณหนูเฉียวไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็นนะครับ” [0: ไหมคอลลาเจน ไหมละลายได้]

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 94

    ฉันเหลือบมองโทรศัพท์และเห็นว่าเพิ่งจะตีสามเท่านั้นด้วยกลัวว่าจะรบกวนเฉิงเฉิงเข้า ฉันจึงหยิบผ้าห่มจากตู้มาคลุมบนตัว เตรียมจะออกไปดูดาวไม่รู้ว่าสภาพอากาศในปีนี้ผิดปกติหรือเปล่า แต่ลมที่พัดมาโดนตัวฉันกลับรู้สึกอุ่นนิดหน่อยท้องฟ้าที่ห่างไกลจากตัวเมืองช่างพร่างพราวเป็นประกายระยิบระยับ เป็นทิวทัศน์งดงามที่หาดูไม่ได้หากอยู่ในเมืองฉันนั่งขัดสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงประตูถูกผลักเปิดดังขึ้นฉันหันกลับไปมอง ก็เห็นกู้จือโม่เดินออกมาจากประตูอีกบานแล้วเดินมาหยุดอยู่ที่ราวบันไดเขายังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิมของเขา คนทั้งคนเดินออกมาจากในความมืดมิด ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวและเหงาอย่างอธิบายไม่ได้ฉันส่ายหัว คิดว่าความคิดของตัวเองนั้นมันตลกมากเกินไปหน่อยเขาคือกู้จือโม่เชียวนะเป็นคนที่ใคร ๆ ต่างชื่นชมมาโดยตลอด เขาจะเหงาได้ยังไงกันตอนที่ฉันเตรียมจะกลับ จู่ ๆ ก็เห็นกู้จือโม่หยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งซอง จากนั้นดึงออกมาตัวหนึ่ง กัดแล้วจุดไฟแช็คควันสีขาวขดตัวลอยขึ้นอย่างแผ่วเบา ฉันเห็นกู้จือโม่สูบมันอีกสองครั้งกู้จือโม่เริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?ในความทรงจำของฉัน เขาเหมือนจะไม่เคย

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 95

    วันรุ่งขึ้น ฉันถูกเฉิงเฉิงปลุกให้ตื่นฉันซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เธอก็ดึงฉันออกมาจากใต้ผ้าห่ม "ลั่วเป่า เราจะไปดำน้ำดูปะการังกัน เธออยากไปไหม?"“ไม่ไป” ฉันง่วงมาก จึงยื่นมือข้างนั้นที่บาดเจ็บออกมาให้เธอดู “หมอบอกว่าห้ามโดนน้ำ”ฉันเอ่ยเตือน เฉิงเฉิงถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ เธอเลยเลิกเซ้าซี้จะให้ฉันลุกขึ้นเพียงแค่กำชับฉันไม่กี่ประโยคแล้วจากไปผ่านไปประมาณห้านาที อาการง่วงนอนก็หายเป็นปลิดทิ้ง ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างจำนนในโชคชะตาพออาบน้ำทำธุระเสร็จแล้ว ฉันก็ไปค้นหาเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางกระเป๋าเดินทางถูกเปิดออก มีชุดกระโปรงอยู่หลายชุดข้างในนั้นฉันเลือกชุดสีขาวบริสุทธิ์ตัวหนึ่งแล้วหยิบมันออกมา แต่เมื่อฉันกางออกก็พบว่าความยาวของกระโปรงยาวถึงแค่ต้นขาของฉันฉันขมวดคิ้วแล้วหยิบสีน้ำเงินอีกตัวหนึ่งออกมา ตัวนี้ยาวกว่าเล็กน้อย แต่ช่วงเอวกับหลังเว้าจนเปิดกว้างเสื้อผ้าทั้งกระเป๋าเดินทาง ฉันเลือกได้แค่เดรสคอวีสีดำตัวเล็กที่รัดเอวแน่นมากมาสวมอย่างแสนจะฝืนใจหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ฉันก็ออกจากห้องเมื่อคืนฉันแทบไม่ได้กินอะไรเลย เลยรู้สึกหิวนิดหน่อยจึงอยากเข้าครัวไปหาอะไรกินเมื่อฉันออกจ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 96

    ......ฉันร้อนมาก คนทั้งคนรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกย่างบนเตาถ่านอยากจะหนี แต่หนียังไงก็หนีไม่พ้นฝันร้ายสลับซ้ำไปซ้ำมามา เดี๋ยวก็ฝันว่าก่อนที่จะกลับมาเกิดใหม่ กู้จือโม่รับโทรศัพท์ของเฉินเยวี่ยแล้วเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย เดี๋ยวก็ฝันว่าฉันอยู่ในห้องอาหารกับกู้จือโม่ เขาบอกให้ฉันปล่อยเฉินเยวี่ยไปด้วยสีหน้าเย็นชาสุดท้ายภาพก็ตัดมาตอนที่เราสองคนมีอะไรกันเสร็จแล้ว เขามองมาที่ฉันเหมือนกำลังมองขยะ "เฉียวซิงลั่ว เธอมันน่าขยะแขยงมากจริง ๆ"“ไม่...ไม่ใช่ฉัน...”ฉันลืมตาขึ้นมาทันที มองเห็นแสงอาทิตย์กระทบผิวน้ำทะเลหักเหสะท้อนบนเพดาน“ตื่นแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มลึกของกู้จือโม่ดังก้องอยู่ข้างหู ฉันจึงค่อย ๆ หันศีรษะไปช้า ๆหนวดขึ้นเป็นตอสีเขียวบนใบหน้าของเขา สภาพดูเหนื่อยล้ามากฉันไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน จึงเอื้อมมือควานหาโทรศัพท์ แต่ทันทีที่ขยับกู้จือโม่ก็คว้าข้อมือของฉันไว้“อย่าขยับ เธอกำลังให้น้ำเกลืออยู่”หลังจากที่เขาพูดจบ ฉันถึงได้สังเกตเห็นถุงน้ำเกลือหลายถุงแขวนอยู่ริมหน้าต่าง“นี่ฉันหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?” ฉันเอ่ยปากถาม แม้แทบไม่มีเสียงก็ตาม แถมยังเจ็บคอมากเหมือนอมมีดหลาย

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 97

    ฉันก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว พยายามซ่อนมือที่กำเม็ดยาไว้ด้านหลังบางทีฉันอาจจะกระโตกกระตากมากเกินไป เพราะหลังจากที่กู้จือโม่จับมือฉันยกค้างกลางอากาศเพียงไม่กี่วินาที เขาก็เก็บมือกลับไป "มือของเธอมีเลือดออก"ฉันเม้มริมฝีปากลงแน่น แต่ยังไม่ทันได้ตอบ เฉิงเฉิงและคนอื่น ๆ ก็กลับมาแล้วเฉิงเฉิงถือถังเล็ก ๆ อยู่ในมือพร้อมวิ่งมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ฉันอย่างรวดเร็ว เธอเอามันให้ฉันดูราวกับว่ากำลังถวายสมบัติ "ลั่วเป่า ดูแมงกะพรุนที่ฉันตกได้สิ ฟางฉิงหยางบอกว่ามันจะเรืองแสงตอนกลางคืนล่ะ"“จริงเหรอ?” ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก และถือโอกาสเหลือบมองแมงกะพรุนสีขุ่น ๆ ในถัง “งั้นเราไปหาตู้ปลามาใส่มันกันเถอะ”เมื่อพูดอย่างนั้น ฉันก็ดึงแขนเฉิงเฉิงกลับไปที่ห้องโดยไม่ได้หันหลังมองกู้จือโม่อีกในห้องไม่มีภาชนะที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงแมงกะพรุน เฉิงเฉิงจึงให้ฟางฉิงหยาง ไปเอาแจกันแก้วใสมาจากที่ไหนสักแห่งมาแทนหลังจากใส่แมงกะพรุนเข้าไปแล้ว เฉิงเฉิงถึงพบว่ามีคราบเลือดแห้ง ๆ บนหลังมือของฉันเฉิงเฉิงจับมือของฉันแล้วขมวดคิ้ว "ลั่วเป่า มือของเธอ"“ไม่เป็นไร” ฉันเหลือบมองหลังมือที่มีเลือดไหลจากการดึงเข็มออก แล้วดึงกระ

บทล่าสุด

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 366

    เมื่อหลินเฉี่ยนได้ยินดังนั้น ดวงตาของเธอแดงก่ำ แต่เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมาการอยู่ที่นี่ต่อไปจะยิ่งทำให้สถานการณ์น่าอึดอัดขึ้น ฉันหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกไปทันทีเดินอยู่บนถนนอันเงียบสงัด ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เด็กหนุ่มที่เคยอ่อนโยนและน่ารักในวันวาน กลับมาทะเลาะกันเพราะเรื่องของความรู้สึกในตอนนี้ดูเหมือนจะสามารถสืบทอดกิจการของครอบครัวได้ แต่กลับสูญเสียอิสรภาพในการเลือกความรักของตัวเองไม่รู้ว่าเดินมาได้นานแค่ไหน ฉันก็พบว่าตัวเองมาถึงริมแม่น้ำแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงพลบค่ำพอดีสายลมยามค่ำคืนพัดผ่านเบา ๆ นำพาความเย็นเล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนจะช่วยพัดพาความหงุดหงิดในใจให้จางหายไปด้วยฉันเดินทอดน่องเพียงลำพังบนถนนที่มีแสงไฟสลัว ในหัวยังคงฉายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านกาแฟซ้ำแล้วซ้ำเล่าความรัก ความรับผิดชอบ ผลประโยชน์ของครอบครัว... คำเหล่านี้สานกันเป็นใยซับซ้อนในความคิดของฉัน ทำให้ยากที่จะหลุดพ้นบางเรื่องฉันเคยผ่านมันมาแล้ว แต่บางเรื่องกลับทำให้ฉันเจ็บปวดเหลือเกิน แม้ว่าจะมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ ฉันก็ยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการอยู่ดีฉันหยุดเดิน เ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 365

    สีหน้าของลู่เฉินเต็มไปด้วยความสับสน เขามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะรีบหลบสายตากลับไป ราวกับกำลังชั่งใจและตัดสินใจบางอย่างในใจฉันรับรู้ได้ถึงความสับสนและความเจ็บปวดในใจของเขา ไม่ใช่แค่เพราะหลินเฉี่ยนที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังเป็นเพราะทางเลือกที่เขาเคยทำ รวมถึงความไม่แน่นอนต่ออนาคตของตัวเอง“หลินเฉี่ยน เธอใจเย็น ๆ ก่อนนะ”น้ำเสียงของลู่เฉินพยายามรักษาความสงบ แต่ความเหนื่อยล้าและความสิ้นหวังที่ซ่อนอยู่กลับไม่อาจปกปิดได้“ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคุยเรื่องนี้ เราหาเวลาคุยกันให้ดีอีกทีได้ไหม?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลินเฉี่ยนไม่ได้ดีขึ้นมากนัก แต่เธอดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าสถานการณ์ตรงนี้ไม่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยเรื่องนี้ เธอจึงสูดลมหายใจลึก พยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง“ก็ได้ แต่ฉันต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากคุณตอนนี้เลย เกี่ยวกับการหมั้นของเรา คุณคิดยังไงกันแน่?”ลู่เฉินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างช้า ๆ ในที่สุด“หลินเฉี่ยน ผมรู้ว่าฉันติดค้างคำอธิบายกับคุณ เกี่ยวกับการหมั้น ผมไม่เคยคิดจะหนี เพียงแต่... ผมต้องใช้เวลาเพื่อจัดการความคิดของตัวเอง ธุรกิจของครอบครัว อนาคตของเราสักหน่อย เร

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 364

    ในคำพูดของเขา มีทั้งความจำใจต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ความคิดถึงอดีต และความสับสนต่ออนาคตที่ไม่แน่นอนฉันตระหนักได้ว่าหนทางชีวิตของแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราต่างก็ใช้วิธีของตัวเองในการประนีประนอมกับโลกใบนี้ และพูดคุยกับตัวเองภายในใจฉันแตะหลังมือของเขาเบา ๆ อย่างแผ่วเบา มอบกำลังใจให้เขาโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใด ๆ“จริง ๆ แล้ว ทุกเส้นทางชีวิตล้วนมีคุณค่าและความหมายในแบบของตัวเอง การที่นายรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว นั่นก็เป็นความรับผิดชอบและความกล้าหาญในอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนเรื่องการแต่งงาน แม้ว่าตอนแรกอาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ชีวิตเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ใครจะรู้ได้ล่ะว่า คู่ชีวิตในอนาคตอาจกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนายก็ได้?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเขาฉายแววคลายกังวลขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ อย่างไม่รู้ตัว“เธอพูดถูกนะ เฉียวเฉียว บางทีฉันอาจจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป”ท่ามกลางบทสนทนา กลิ่นหอมของกาแฟอบอวลไปทั่วอากาศ ราวกับพาเราย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลามัธยมที่ไร้กังวลอีกครั้ง“จริง ๆ แล้ว นายอาจรู้สึกว่าชีวิตตอนนี้เหมือนกรงขัง แต่พวกเราที่ดิ้นรนต่อสู้อยู่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 363

    ในตอนนั้น หัวใจของฉันเจ็บปวดราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แต่ยังต้องฝืนยิ้มต่อหน้าผู้คน และเล่นตามบทบาทในพิธีศพอันแสนไร้สาระทุกครั้งที่ฉันมองแผ่นหลังของไอ้สารเลวนั่น ความโกรธและความเศร้าที่ไม่อาจบรรยายได้ก็เอ่อล้นขึ้นมาในใจคนที่ควรจะเป็นที่พึ่งพาที่มั่นคงที่สุดของฉัน กลับเลือกที่จะใช้การจากไปของคุณย่าเพื่อตอบสนองความต้องการเห็นแก่ตัวของตัวเอง ในช่วงเวลาที่ฉันต้องการความเข้าใจและการสนับสนุนมากที่สุดหลังจากพิธีศพจบลง ฉันเดินวนเวียนอยู่เพียงลำพังในสวนหลังบ้าน แสงจันทร์สาดส่องลงมา ทำให้บรรยากาศยิ่งเย็นเยียบและเงียบเหงาเป็นพิเศษฉันหวนคิดถึงทุกช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นที่เคยใช้ร่วมกับคุณย่า รอยยิ้มของเธอ คำสอนของย่า ราวกับยังคงก้องอยู่ข้างหูน้ำตาไหลรินอย่างเงียบงันในช่วงเวลานี้ ความคับแค้น ความโกรธ และความไม่ยอมรับทุกอย่าง ถูกปลดปล่อยออกมาในที่สุดแต่ตอนนี้ คนที่เจ็บปวดจริง ๆ คือเฉิงเฉิง ฉันรู้สึกทรมานใจเหลือเกินเห็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันกลายเป็นคนหมดอาลัยตายอยากหลังจากการจากไปของคุณย่า ฉันเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกันฉันสูดลมหายใจลึก พยายามทำให้ตัวเองสงบลง แล้วหันไปมองเฉิงเฉิงด้วยความต

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 362

    “ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ เฉียวเฉียว การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือน แต่เช่นเดียวกับที่เธอกล่าวไว้ เราทุกคนจำเป็นต้องหาหนทางที่จะก้าวออกจากความเศร้าและกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง คุณทำได้ และฉันเชื่อว่าฉันก็ทำได้เช่นกัน”เสียงของเฉิงเฉิงเต็มไปด้วยความหนักแน่นมากขึ้น แม้ว่าดวงตาจะยังคงแดงก่ำ แต่ความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตก็ได้ปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ“ฉันจำได้ว่า คุณย่าเคยบอกฉันว่า ชีวิตก็เหมือนการเดินทาง เราจะได้พบเจอผู้คนมากมาย และก็ต้องลาจากกับหลายคนเช่นกัน การจากไปของแต่ละคนมีไว้เพื่อให้เราซาบซึ้งกับคนที่ยังอยู่เคียงข้างเรามากขึ้น และให้เห็นคุณค่าของเส้นทางชีวิตข้างหน้าของตัวเอง ฉันคิดว่า ตอนนี้ย่าคงอยู่ที่ไหนสักแห่ง มองฉันด้วยความอ่อนโยน และหวังให้ฉันเข้มแข็งก้าวต่อไป”ฉันจับมือเธอเบา ๆ มอบกำลังใจให้เธอโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใด ๆ“เฉิงเฉิง คำพูดของย่าเธอถูกต้องแล้ว เราต้องก้าวต่อไปโดยมีความรักของเธออยู่กับเรา พรุ่งนี้เราจะเผชิญกับพิธีศพด้วยกัน แม้ว่ามันจะยาก แต่ก็นับเป็นการอำลาย่าของเธอ และเป็นก้าวสำคัญของการเติบโตของเราเอง”คืนนั้น เราคุยกันมากมาย ตั้งแต่ความทรง

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 361

    ฉันพยักหน้า มองดูเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ข้าง ๆ แล้วรีบออกไปทันทีฉันจัดกระเป๋าอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงขึ้นเที่ยวบินแรกที่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ทันทีระหว่างทางกลับประเทศ ฉันรู้สึกกระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบไหน และไม่แน่ใจว่าความรู้สึกเมื่อได้พบกับเพื่อนเก่าอีกครั้งจะเป็นอย่างไรการจากไปของคุณย่าของเฉิงเฉิง ทำให้ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่คุณย่าของฉันจากไปเช่นกัน ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงโลกของฉันเหมือนต้องเผชิญกับพายุฝนลูกใหญ่ ฝนที่ตกหนักจนฉันไม่อาจยืนหยัดได้ และไม่สามารถก้าวเดินต่อไปท่ามกลางสายฝนนั้นหลังจากลงจากเครื่องบิน ฉันมุ่งตรงไปยังเมืองที่เฉิงเฉิงอยู่ทันทีตลอดทาง หัวใจฉันเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความกังวลต่อสิ่งที่ไม่รู้จะเกิดขึ้น และความเป็นห่วงเฉิงเฉิงอย่างสุดซึ้งตลอดทาง หัวใจฉันเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความกังวลต่อสิ่งที่ไม่รู้จะเกิดขึ้น และความเป็นห่วงเฉิงเฉิงอย่างสุดซึ้งเมื่อมาถึงบ้านของเฉิงเฉิง ก็เป็นเวลายามเย็นแล้วฉันยืนอยู่หน้าประตู สูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามทำให้จิตใจสงบลงจากความรู้สึกที่ปะปนกัน แล้วค่อย

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 360

    “เฉิงเฉิง เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ทันใดนั้น เสียงสะอื้นของเฉิงเฉิงก็ดังมาจากปลายสายหัวใจฉันกระตุกวูบ รีบถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่าเกิดอะไรขึ้น“เฉิงเฉิง เธออย่าเพิ่งรีบร้อย ค่อย ๆ เล่ามา เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ปลายสาย เฉิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงติดขัด สลับกับเสียงสะอื้น“ฉะ...ฉัน...คุณย่าของฉันป่วยกะทันหัน อาการรุนแรงมาก ฉันต้องรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ แต่...แต่งานของฉันที่นี่ล่ะ? ฉันกังวลมากจริง ๆ....”ฉันสูดหายใจลึก พยายามทำให้ตัวเองสงบลง และหวังว่าจะสามารถส่งผ่านความอบอุ่นและปลอบโยนให้เฉิงเฉิงได้บ้าง“เฉิงเฉิง เธออย่าเพิ่งตื่นตระหนกนะ สุขภาพของคุณย่าสำคัญที่สุด ตอนนี้เธอรีบเก็บของแล้วกลับบ้านก่อนเลย เรื่องงานฉันจะช่วยจัดการให้เอง”เสียงของเฉิงเฉิงยังคงเจือไปด้วยความลังเลและไม่แน่ใจ“จริงเหรอ? แต่โปรเจกต์ครั้งนี้สำคัญกับพวกเรามากจริง ๆ...”ฉันขัดเธอขึ้นทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น“งานสำคัญก็จริง แต่ครอบครัวสำคัญยิ่งกว่า เธอกลับไปดูแลคุณย่าให้สบายใจได้เลย เรื่องที่เหลือฉันจะจัดการเอง”เฉิงเฉิงพยายามฝึกงานในบริษัทที่ดีเพื่อให้สามารถจบการศึกษาได้อย่างราบรื่น แต่การจากไปของคุณย่าในค

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 359

    ข้อเสนอของซูข่ายเหวินเปรียบเสมือนสายลมสดชื่นที่พัดพาความเงียบเหงาในห้องให้จางหายไป ทำให้ความคิดของทั้งทีมมีชีวิตชีวาและสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้นฉันตั้งใจฟังทุกคำพูดของเขา พร้อมพยักหน้าในใจ จริงด้วย หากเราสร้างสรรค์นวัตกรรมในด้านวัสดุ อาจทำให้การออกแบบของเราโดดเด่นเหนือผลงานอื่น ๆ ในการแข่งขันครั้งนี้“นายพูดถูก ซูข่ายเหวิน เราอาจพิจารณาร่วมมือกับสถาบันวิจัยวัสดุ นำเข้าวัสดุรักษ์โลกแบบใหม่ หรือผ้าที่มีพื้นผิวพิเศษ เพื่อให้ ‘แสงอรุณแรก’ ไม่เพียงแต่ดึงดูดสายตา แต่ยังโดดเด่นในสัมผัสอีกด้วย”ฉันพูดไปพลางจดบันทึกลงสมุดอย่างรวดเร็ว กลัวว่าจะพลาดประกายไอเดียที่สำคัญไปแม้แต่นิดเดียวจางเสี่ยวเสริมข้อมูลและนำเสนอวัสดุบางอย่างเพิ่มเติมด้วย“นอกจากนี้ เราสามารถผสานองค์ประกอบเชิงโต้ตอบเข้าไปในงานออกแบบได้มากขึ้น เช่น โครงสร้างที่สามารถเปลี่ยนรูปได้ หรืออุปกรณ์เสริมที่สามารถถอดประกอบได้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสความสนุกในการสำรวจขณะสวมใส่”การอภิปรายของทีมทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนต่างมีสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและเฝ้ารอความท้าทายใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี่ไม่ใช่แค่การแข่งขันออกแบบเท่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 358

    “วันนี้ที่เรียกทุกคนมาคุยกัน มีเรื่องอยากปรึกษาสักหน่อย ตอนนี้ทีมของเราพร้อมแล้วทุกด้าน แต่หากต้องการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เราจำเป็นต้องสร้างอิทธิพลของแบรนด์ให้เกิดขึ้นก่อน”ซูข่ายเหวินยื่นเอกสารในมือให้ฉัน จากนั้นก็กางแบบร่างการออกแบบของเราลงบนโต๊ะฉันรับเอกสารจากซูข่ายเหวินและเปิดดูอย่างละเอียด ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังต่อการอภิปรายที่กำลังจะเริ่มขึ้นอิทธิพลของแบรนด์ คือเป้าหมายที่นักออกแบบและผู้ก่อตั้งแบรนด์ทุกคนใฝ่ฝัน มันไม่ได้เป็นเพียงแค่การได้รับการยอมรับจากตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันถึงคุณค่าของผลงานและความพยายามของทีมอีกด้วย“ใช่เลย อิทธิพลของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องพิชิตให้ได้ในขั้นต่อไป”ฉันเงยหน้ามองสมาชิกในทีม แต่ละคนล้วนมีแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความคาดหวัง“พวกเราจำเป็นต้องวางกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ให้ครบถ้วน เพื่อให้ ‘แสงอรุณแรก’ ไม่เป็นเพียงแค่คอลเลกชันสินค้า แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและความรู้สึกที่ผู้คนสามารถเชื่อมโยงได้จางเสี่ยวรับช่วงต่อการสนทนา ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น“พวกเราสามารถเริ่มต้นจากโซเชียลมีเดีย โดยใช้ภา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status