วันรุ่งขึ้น ฉันถูกเฉิงเฉิงปลุกให้ตื่นฉันซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เธอก็ดึงฉันออกมาจากใต้ผ้าห่ม "ลั่วเป่า เราจะไปดำน้ำดูปะการังกัน เธออยากไปไหม?"“ไม่ไป” ฉันง่วงมาก จึงยื่นมือข้างนั้นที่บาดเจ็บออกมาให้เธอดู “หมอบอกว่าห้ามโดนน้ำ”ฉันเอ่ยเตือน เฉิงเฉิงถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ เธอเลยเลิกเซ้าซี้จะให้ฉันลุกขึ้นเพียงแค่กำชับฉันไม่กี่ประโยคแล้วจากไปผ่านไปประมาณห้านาที อาการง่วงนอนก็หายเป็นปลิดทิ้ง ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างจำนนในโชคชะตาพออาบน้ำทำธุระเสร็จแล้ว ฉันก็ไปค้นหาเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางกระเป๋าเดินทางถูกเปิดออก มีชุดกระโปรงอยู่หลายชุดข้างในนั้นฉันเลือกชุดสีขาวบริสุทธิ์ตัวหนึ่งแล้วหยิบมันออกมา แต่เมื่อฉันกางออกก็พบว่าความยาวของกระโปรงยาวถึงแค่ต้นขาของฉันฉันขมวดคิ้วแล้วหยิบสีน้ำเงินอีกตัวหนึ่งออกมา ตัวนี้ยาวกว่าเล็กน้อย แต่ช่วงเอวกับหลังเว้าจนเปิดกว้างเสื้อผ้าทั้งกระเป๋าเดินทาง ฉันเลือกได้แค่เดรสคอวีสีดำตัวเล็กที่รัดเอวแน่นมากมาสวมอย่างแสนจะฝืนใจหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ฉันก็ออกจากห้องเมื่อคืนฉันแทบไม่ได้กินอะไรเลย เลยรู้สึกหิวนิดหน่อยจึงอยากเข้าครัวไปหาอะไรกินเมื่อฉันออกจ
......ฉันร้อนมาก คนทั้งคนรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกย่างบนเตาถ่านอยากจะหนี แต่หนียังไงก็หนีไม่พ้นฝันร้ายสลับซ้ำไปซ้ำมามา เดี๋ยวก็ฝันว่าก่อนที่จะกลับมาเกิดใหม่ กู้จือโม่รับโทรศัพท์ของเฉินเยวี่ยแล้วเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย เดี๋ยวก็ฝันว่าฉันอยู่ในห้องอาหารกับกู้จือโม่ เขาบอกให้ฉันปล่อยเฉินเยวี่ยไปด้วยสีหน้าเย็นชาสุดท้ายภาพก็ตัดมาตอนที่เราสองคนมีอะไรกันเสร็จแล้ว เขามองมาที่ฉันเหมือนกำลังมองขยะ "เฉียวซิงลั่ว เธอมันน่าขยะแขยงมากจริง ๆ"“ไม่...ไม่ใช่ฉัน...”ฉันลืมตาขึ้นมาทันที มองเห็นแสงอาทิตย์กระทบผิวน้ำทะเลหักเหสะท้อนบนเพดาน“ตื่นแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มลึกของกู้จือโม่ดังก้องอยู่ข้างหู ฉันจึงค่อย ๆ หันศีรษะไปช้า ๆหนวดขึ้นเป็นตอสีเขียวบนใบหน้าของเขา สภาพดูเหนื่อยล้ามากฉันไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน จึงเอื้อมมือควานหาโทรศัพท์ แต่ทันทีที่ขยับกู้จือโม่ก็คว้าข้อมือของฉันไว้“อย่าขยับ เธอกำลังให้น้ำเกลืออยู่”หลังจากที่เขาพูดจบ ฉันถึงได้สังเกตเห็นถุงน้ำเกลือหลายถุงแขวนอยู่ริมหน้าต่าง“นี่ฉันหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?” ฉันเอ่ยปากถาม แม้แทบไม่มีเสียงก็ตาม แถมยังเจ็บคอมากเหมือนอมมีดหลาย
ฉันก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว พยายามซ่อนมือที่กำเม็ดยาไว้ด้านหลังบางทีฉันอาจจะกระโตกกระตากมากเกินไป เพราะหลังจากที่กู้จือโม่จับมือฉันยกค้างกลางอากาศเพียงไม่กี่วินาที เขาก็เก็บมือกลับไป "มือของเธอมีเลือดออก"ฉันเม้มริมฝีปากลงแน่น แต่ยังไม่ทันได้ตอบ เฉิงเฉิงและคนอื่น ๆ ก็กลับมาแล้วเฉิงเฉิงถือถังเล็ก ๆ อยู่ในมือพร้อมวิ่งมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ฉันอย่างรวดเร็ว เธอเอามันให้ฉันดูราวกับว่ากำลังถวายสมบัติ "ลั่วเป่า ดูแมงกะพรุนที่ฉันตกได้สิ ฟางฉิงหยางบอกว่ามันจะเรืองแสงตอนกลางคืนล่ะ"“จริงเหรอ?” ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก และถือโอกาสเหลือบมองแมงกะพรุนสีขุ่น ๆ ในถัง “งั้นเราไปหาตู้ปลามาใส่มันกันเถอะ”เมื่อพูดอย่างนั้น ฉันก็ดึงแขนเฉิงเฉิงกลับไปที่ห้องโดยไม่ได้หันหลังมองกู้จือโม่อีกในห้องไม่มีภาชนะที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงแมงกะพรุน เฉิงเฉิงจึงให้ฟางฉิงหยาง ไปเอาแจกันแก้วใสมาจากที่ไหนสักแห่งมาแทนหลังจากใส่แมงกะพรุนเข้าไปแล้ว เฉิงเฉิงถึงพบว่ามีคราบเลือดแห้ง ๆ บนหลังมือของฉันเฉิงเฉิงจับมือของฉันแล้วขมวดคิ้ว "ลั่วเป่า มือของเธอ"“ไม่เป็นไร” ฉันเหลือบมองหลังมือที่มีเลือดไหลจากการดึงเข็มออก แล้วดึงกระ
“ว้าว” เฉิงเฉิงอุทานอย่างตื่นเต้น “ลั่วเป่า พวกมันน่ารักจังเลย ใจฉันละลายไปหมดแล้ว”เมื่ออยู่ท่ามกลางความสดใสของเฉิงเฉิง อารมณ์ของฉันผ่อนคลายขึ้นมากผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ฝูงโลมาก็ค่อย ๆ ว่ายหายไป จนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นโลมาสีชมพูเลยสักตัวเฉิงเฉิงผิดหวังเล็กน้อย แต่ฉันคิดว่าแค่นี้ก็ดีมากแล้วเพราะท้ายที่สุด พวกเราคือคนที่เข้ามาบุกรุกชีวิตของพวกมันฟางฉิงหยางเข้ามาเย้าแหย่เฉิงเฉิง ฉันมองพวกเขาสองคน แล้วรู้สึกว่าสองคนนี้ทะแม่ง ๆฉันจากไปอย่างไม่อยากเป็นก้างขวางคอ จึงเดินไปหยิบน้ำผลไม้บนโต๊ะแต่จู่ ๆ กู้จือโม่ก็เข้ามาคว้าข้อมือของฉันไว้ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาก็ส่งสัญญาณให้ฉันมองไปยังทิศทางฝั่งพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อฉันมองออกไปก็เห็นโลมาสีชมพูลอยอยู่บนผิวน้ำทะเลฉันยกมือขึ้นปิดปากด้วยความประหลาดใจ กู้จือโม่ถามฉันว่า "สวยไหม?"ฉันพยักหน้า แล้วกู้จือโม่ก็พูดขึ้นข้างหูฉันว่า "มันมีชื่อด้วยล่ะ"ฉันหันไปมองเขา กู้จือโม่ยิ้ม "มันชื่อว่าทังเปา[footnoteRef:0]" [0: ซาลาเปาน้ำซุป] ทังเปาฉันนึกออกทันทีว่าตอนมัธยมปลายปีสอง ฉันชอบนั่งกินข้าวกลางวันกับเขาเพราะวันนั้นไปช้าเลยเหลือแต่ซา
กู้จือโม่พาฉันเข้าไปในห้องของเขา ฉันแกล้งทำเป็นไม่สบาย ในไม่ช้าเขาก็วางฉันลงบนเตียงฉันประสานสองมือไว้แน่น และสังเกตเห็นว่าเขากำลังใกล้เข้ามาทีละนิดเมื่อหายใจเข้า กลิ่นต้นสนหิมะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆฉันเอื้อมมือเจอโคมไฟบนหัวเตียง และเมื่อกำลังจะฟาดไปนั้น กู้จือโม่ก็จับข้อมือของฉันแล้วพูดว่า "อย่าขยับ"ดวงตาของกู้จือโม่มืดมนราวกับเหวลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุดฉันจ้องเขา แล้วเขาก็เอียงศีรษะมาจูบที่หูฉัน "เฉียวซิงอวี่กำลังดูอยู่ข้างนอก"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉันก็มองกู้จือโม่โดยไม่รู้ตัว“อดทนหน่อย” มือสองข้างของคนสองคนประสานกันแนบแน่น เขาบรรจงจูบลงบนคอของฉันเป็นครั้งคราว “เมื่อก่อนตอนที่ฉันไปส่งโครงการให้ตระกูลเฉียว เขามองออกว่าฉันชอบเธอ”“ช่วงนี้ตระกูลกู้เปิดตัวโครงการศูนย์พักฟื้นระดับไฮคลาส เฉียวเจี้ยนกั๋วจึงโทรหาฉันและบอกว่าเนื่องจากปัญหาสุขภาพคุณย่าของเธอ ทำให้เธอไม่สบายใจนัก เขาจึงเสนอให้ฉันพาเธอออกมาเที่ยว”กู้จือโม่จูบเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันเริ่มทนไม่ไหวไม่รู้ว่าตัวเองได้เรี่ยวแรงมาจากไหน ฉันผลักเขาออกไปแล้วพลิกไปนั่งบนตัวเขาวางสองมือบนตัวเขา ผมยาวที่สยายไหลลงมาจากไหล่จนถึงอ
ถึงขนาดที่ว่า ต่อให้เธอวางยาฉันตอนนี้เพราะอยากให้ฉันอับอายต่อหน้าทุกคนในวันพรุ่งนี้ แต่ฉันก็ไม่คิดที่จะใช้วิธีเดียวกันเล่นงานเธอกลับ“ฉันช่วยเธอได้นะ” กู้จือโม่เอ่ยปาก "ฐานะของตระกูลหลี่ไม่ได้แย่อะไร และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเฉียวเจี้ยนกั๋วด้วย"ฉันหันกลับไป แต่กู้จือโม่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างช้า ๆวันต่อมาเมื่อเรือสำราญเทียบท่าที่ท่าเรือ เฉียวเจี้ยนกั๋วก็รีบวิ่งกรูเข้ามาพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งพวกเขาตรงไปที่ห้องนอนของกู้จือโม่ ฉันได้ยินหลี่เหม่ยอิงแกล้งทำเป็นพูดปลอบโยนมาแต่ไกลว่า "คุณเฉียว อย่าโกรธไปเลย ลูกสาวคุณโตแล้ว มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน"ไม่ช้าพวกเขาก็ผลักประตูเข้ามา“คุณชายกู้ ซิงลั่วลูกของเราน่ะเป็นเด็กใสสะอาด ต่อไป…”เสียงของเฉียวเจี้ยนกั๋วหยุดลงกะทันหันฉันยืนอยู่ข้างหลังเขา แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้น "หนูทำไมเหรอคะ?"กู้จือโม่เดินออกมาในชุดสีดำทั้งตัว "ที่ประธานเฉียวพูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไรครับ?"“แล้วก็” กู้จือโม่กวาดสายตามองคนอื่น ๆ ด้วยดวงตาอันลึกล้ำ "คุณพาคนพวกนี้มาถามหาความผิดจากผมเหรอ?"“พ่อกับป้ามารับน้องใช่ไหมคะ?” ฉันส่งยิ้มให้พวกเข
เสียงของกู้จือโม่เย็นชาลงอย่างชัดเจนฉันเงยหน้ามองเขาก็เห็นใบหน้าที่ดูหม่นหมองลงทันทีลมพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆเสื้อผ้าบางเบาที่ฉันสวมอยู่ปลิวพลิ้วไปตามแรงลมความเย็นยะเยือกจู่โจมเข้ามาฉันยิ้มเล็กน้อย "เราไม่เคยมีเส้นแบ่งอะไรอยู่แล้ว เพราะเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยตั้งแต่แรก"สิ้นคำพูด ฉันก้าวเดินจากไปเพราะเรื่องของเฉียวซิงอวี่ ทำให้บ้านตระกูลเฉียววุ่นวายกันไปหมดตอนที่ฉันกลับไป ทุกคนในบ้านต่างวุ่นอยู่กับเฉียวซิงอวี่ภายนอก เฉียวซิงอวี่ยังไม่อายุครบสิบแปดปีแต่ความจริงแล้ว เธอคือหลักฐานที่ยืนยันว่าเฉียวเจี้ยนกั๋วเคยนอกใจหลังแต่งงานเธออายุน้อยกว่าฉันแค่สามเดือนเท่านั้นฉันจับราวบันไดค่อยๆ เดินขึ้นไปข้างบนพลางได้ยินเสียงเฉียวซิงอวี่ร้องไห้"ฉันไม่อยากอยู่แล้ว! คนเห็นตั้งมากมาย มันน่าอายเกินไป ฉันจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง?""ทั้งหมดเป็นความผิดของทุกคน! เพราะว่าให้ฉันเอายาไปใส่ในน้ำของเฉียวซิงลั่ว เฉียวซิงลั่วเลยตั้งใจแก้แค้นฉัน!""เฉียวซิงลั่ว!"เสียงของเฉียวซิงอวี่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น"ฉันจะฆ่าเธอให้ได้!"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉันยิ้มออกมาเฉียวซิงอวี่ถูกตามใจจนเสียคนจ
ฉันพูดจบ เฉียวเจี้ยนกั๋วก็ดูเหมือนจะโกรธจัดหน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายเขาก็ยกมือค้ำโต๊ะก่อนจะเอ่ยว่า“เดี๋ยวฉันจะให้ลุงหวังพาแกไปหาย่าเดี๋ยวนี้”“แต่ถ้าฉันได้ยินเรื่องพวกนี้หลุดไปที่ไหน รับรองว่าย่าแกจะไม่มีโอกาสได้เห็นแสงตะวันของวันพรุ่งนี้แน่นอน”...... เฉียวเจี้ยนกั๋วเจ้าเล่ห์มาก ระหว่างทางที่ไปหาย่า เขาให้ลุงหวังเอาผ้าปิดตามาให้ฉันใส่ เพื่อไม่ให้ฉันมีโอกาสรู้ว่าเรากำลังไปที่ไหนตลอดทางกระจกรถถูกปิดสนิท มองอะไรไม่เห็นเลย ฉันไม่สามารถเดาได้เลยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน รถก็จอดลงลุงหวังจับแขนฉันและพาฉันเข้าไปข้างใน จนกระทั่งเราเข้ามาในตัวอาคาร เขาถึงถอดผ้าปิดตาออก“คุณหนู ที่นี่แหละครับ ผมจะรอคุณข้างนอก ครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ผมจะมารับคุณกลับ”ลุงหวังพูดจบก็รีบเดินออกไปเมื่อสายตาสัมผัสกับแสงสว่างกะทันหัน ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตา จึงหลับตาลงชั่วครู่ก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้งฉันมองไปรอบๆ และพบว่านี่ดูเหมือนจะเป็นบ้านพักหลังหนึ่งการตกแต่งเรียบง่ายมาก ห้องต่างๆ ถูกจัดเรียงเป็นสองแถว ตรงสุดทางเดินเป็นผนังสีขาวไม่มีผู้คน และไม่มีอะไร
การไม่รบกวนเขา คือสิ่งที่ฉันสามารถทำได้มากที่สุด เมื่อฉันก้าวเข้าไปในโรงแรมด้วยชุดเดรสยาวสีฟ้าน้ำทะเล สายตาหลายคู่ก็จับจ้องมาที่ฉันในทันที บางทีสำหรับฉันในตอนนี้ ความอ่อนเยาว์และความงามอาจเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด คนจำนวนมากมักจะมองแต่เปลือกนอกของผู้อื่นอย่างผิวเผิน หากแม้แต่ความตั้งใจที่จะทำความเข้าใจยังไม่มี แล้วโอกาสที่จะพัฒนาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? โชคดีที่ตอนนี้ฉันมีทุกอย่างแล้ว ใบหน้าที่ซีดเซียวในอดีตหายไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้มาคือร่างกายที่สดใหม่ อ่อนเยาว์ และงดงามกว่าเดิม เมื่อฉันไปร่วมงานเลี้ยงเพียงลำพัง มองดูอาหารอันโอชะบนโต๊ะและกลุ่มคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ใจฉันก็พอจะเข้าใจแล้วว่างานเลี้ยงคืนนี้มีความหมายว่าอย่างไรไม่ใช่เงินทุกก้อนที่จะหามาได้ง่าย ๆ บางก้อนนั้นต้องแลกด้วยชีวิต เพื่อแสดงถึงความจริงใจของตัวเอง และเพื่อให้โดดเด่นท่ามกลางคนเหล่านี้ ฉันยกแก้วขึ้นกล่าวคำเชิญดื่มก่อนเป็นคนแรก จากนั้นก็แสดงเจตจำนงของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาและมั่นใจ คนเหล่านี้ก็ดูจะคอแข็งกันทั้งนั้น อาจเป็นเพราะเก่งเรื่องงานสังคม พอดื่มไปได้สักพัก ฉันก็เริ่มรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย
เดิมทีอากาศค่อนข้างแจ่มใส แต่ตอนนี้กลับมีฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ฝนที่ตกลงมาอย่างกะทันหัน ทำให้ฉันรู้สึกกระวนกระวายยิ่งขึ้น และยังเกิดความไม่สบายใจขึ้นมาในใจ โชคดีที่ไม่นานฉันก็กลับถึงบ้าน และพอถึงบ้าน ฉันรีบลงไปแช่น้ำร้อนในอ่างทันที ฉันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปล่อยวางทุกอย่าง ทำให้จิตใจของตัวเองค่อย ๆ กลับมาสงบอีกครั้ง อย่าให้เรื่องใดมาส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของฉัน และอย่าให้ความรู้สึกใด ๆ มาควบคุมเส้นทางชีวิตของฉัน ชาติที่แล้วฉันใช้เวลาทั้งหมดไปกับการพยายาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นที่น่าพอใจ แถมยังทำให้ฉันรู้สึกขำตัวเอง เพราะการทุ่มเทความรู้สึกทั้งหมดไปกับความรักนั้น สุดท้ายก็แค่ทำให้ตัวเองยิ่งลำบากและน่าสมเพชมากขึ้นเท่านั้น ครั้งนี้ ฉันมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตา แต่ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้หรือไม่ เมื่อฉันยืนอยู่ในห้องมืด ๆ สวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำ มองลงไปข้างล่างผ่านหน้าต่าง ฝนที่เทกระหน่ำภายใต้แสงไฟถนนกลับดูงดงามอย่างน่าเศร้าใจ พาให้ความคิดของฉันย้อนกลับไปในชาติที่แล้ว ซึ่งเป็นค่ำคืนฝนตกที่เย็นชาและเงียบงันไม่ต่างกัน วันนั้นฉันสวมเสื้อโค้ตผ้าขนสั
เขาเป็นพ่อของฉันจริง ๆ ซึ่งฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อนี้ได้ แต่เขากลับต้องการขายลูกสาวเพื่อไต่เต้า แถมยังมองฉันเป็นเพียงเครื่องมือที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามใจอีก เขามีลูกสาวสองคน แต่ชีวิตของเราสองคนกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ราวกับว่าฉันเป็นเพียงรองเท้าคู่หนึ่งที่ใครก็สามารถหยิบไปใส่ได้ เขาไม่เคยใส่ใจหรือให้ความสำคัญกับฉันเลย บางทีอาจเป็นเพราะฉันคาดหวังในความสัมพันธ์นี้มากเกินไป หรือเพราะฉันต้องการความรักจากครอบครัวที่ไม่เคยได้รับมาก่อน จึงผลักดันตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงทางตัน “ตอนนั้นตระกูลเฉียวได้รับผลประโยชน์จากฉันไปไม่น้อย ฉันก็หวังให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ แต่ภายหลังก็เพิ่งเข้าใจว่า เรื่องดี ๆ จะมีมากมายขนาดนั้นได้ยังไงกัน?” บางทีอาจมีเพียงในสถานการณ์แบบนี้เท่านั้นที่ฉันจะพูดอะไรออกมาได้ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะช่วยให้ฉันสงบลงได้ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเรื่องตลกที่น่าขัน ทำได้เพียงบอกความในใจที่ไม่กล้าพูดออกไปให้คนข้าง ๆ ฟัง เขาเพียงรับฟังอย่างเงียบ ๆ เป็นผู้ฟังที่ซื่อสัตย์ที่สุด ส่วนฉันในตอนนั้นก็ได้แต่ครุ่นคิดทุกสิ่งเงียบ ๆ พร้อมกับค่อย ๆ ระบายความเจ็บปวดในใจออก
ผู้อาวุโสหนานเผยรอยยิ้มเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ ท่าทีที่มองฉันก็แฝงไว้ด้วยความภูมิใจเล็กน้อย ฉันรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก แต่การจะคว้ามันไว้ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของฉันเองล้วน ๆ “สาวน้อยเฉียว เธออย่าเพิ่งดีใจไป ฉันอยากแนะนำเขาให้เธอก็จริง แต่เขานิสัยประหลาดกว่าฉันอีกนะ จะทำให้เขายอมรับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ผู้อาวุโสหนานรีบพูดขัดทันที ทำให้ฉันยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ราวกับว่าตอนที่ฉันกำลังตกอยู่ในวิกฤต ฉันคว้าไว้ได้เพียงฟางเส้นสุดท้าย แต่กลับพบว่าฟางเส้นนี้ช่วยอะไรฉันไม่ได้เลย “แต่ด้วยความสามารถของเธอ ฉันเชื่อว่าเธอจัดการได้แน่นอน” ความกดดันถาโถมเข้ามาอย่างมหาศาล จนฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะล้มลง และในชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี ทุกสิ่งในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย การจะดำเนินไปตามเส้นทางในชาติที่แล้วนั้นเป็นเรื่องยากเหลือเกิน แต่ข้อมูลที่ฉันมีอยู่มากพอที่จะทำให้ฉันคว้าความได้เปรียบล่วงหน้ามื้อนี้เป็นมื้อที่น่าพึงพอใจ แม้จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ก็ได้พบกับวิธีแก้ไขใหม่ ๆ แทน เม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรตลอดทางกลับบ้าน นั่งอยู่
เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ฉันรู้สึกผิดหวังทันที แต่ก็รีบรวบรวมกำลังใจกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ฉันรู้ดีว่าโอกาสมักเป็นของคนที่เตรียมพร้อม ฉันจึงไม่อาจยอมแพ้ไปง่าย ๆ แบบนี้ นี่คือหนทางเดียวที่ฉันจะพิสูจน์ตัวเองได้ และยังเป็นก้าวแรกในชีวิตของฉันด้วย ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดอย่างช้า ๆ ว่า “ผู้อาวุโสหนาน ฉันเข้าใจถึงความกังวลของคุณค่ะ แต่ได้โปรดเชื่อว่าโครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานใหม่สำหรับคุณเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่สามารถทำให้แสงแห่งศิลปะของคุณเปล่งประกายได้อีกครั้งด้วย อีกทั้งฉันเชื่อว่าโครงการที่คุณกำลังทำอยู่และโครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์ต้องมีความเชื่อมโยงที่น่าอัศจรรย์บางอย่าง ซึ่งสามารถสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ค่ะ” หลังจากที่ผู้อาวุโสหนานได้ยินดังนั้น แววตาก็ฉายแววความสงสัยขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนคำพูดของฉันจะดึงดูดความสนใจของเขา จนเขาเริ่มพิจารณาข้อเสนอของฉันอีกครั้ง ฉันรีบฉวยโอกาสกล่าวต่อไปว่า “ผู้อาวุโสหนาน คุณทราบหรือเปล่าคะว่าฉันชื่นชมคุณมาโดยตลอด ผลงานของคุณมอบทั้งแรงบันดาลใจและข้อคิดให้ฉันมากมาย ส่วนโครงการเซาท์เ
ฉันสูดลมหายใจลึก ตัดสินใจที่จะพูดคุยกับผู้อาวุโสหนานให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หวังว่าจะสามารถกระตุ้นความรักและความมุ่งมั่นที่เขามีต่อศิลปะสวนภูมิทัศน์ในใจของเขาได้ “ผู้อาวุโสหนาน คุณรู้ไหมคะ? ฉันคิดมาตลอดว่าสวนไม่ได้เป็นแค่การจัดวางสิ่งปลูกสร้างกับต้นไม้ แต่มันเหมือนภาพวาดที่มีชีวิต เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและเรื่องราว และในฐานะที่คุณเป็นปรมาจารย์ด้านศิลปะจีน น่าจะเข้าใจเสน่ห์ของการผสมผสานศิลปะกับการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ” ฉันมองผู้อาวุโสหนานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความปรารถนา หวังว่าสายตานั้นจะสื่อความรู้สึกของฉันออกไปได้ ผู้อาวุโสหนานได้ยินดังนั้น แววตาก็เปล่งประกายวาบหนึ่ง ก่อนจะวางถ้วยชาลงและดูเหมือนจะจมอยู่ในความคิด ฉันรู้ว่าฉันได้แตะต้องจุดที่อ่อนไหวบางอย่างในใจของเขาเข้าแล้ว คนระดับปรมาจารย์ในแวดวงวิชาการแบบนี้มักไม่ใส่ใจเรื่องเงินทอง สำหรับพวกเขา เป็นเพียงของนอกกายเท่านั้น พวกเขาเหมือนภูเขาน้ำแข็งที่ลอยล่องกลางทะเล ซึ่งต้องการคนที่เข้าใจและเข้าถึงได้อย่างแท้จริง และฉันสามารถมอบคุณค่าทางอารมณ์ที่เพียงพอให้กับเขาได้ อีกทั้งยังตอบสนองความปรารถนาของเขาได้อ
ขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิดหนักเพื่อหาเรื่องคุย ก็ไม่คาดคิดว่าผู้อาวุโสหนานจะเป็นฝ่ายพูดถึงโครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์ขึ้นมาก่อนเอง โครงการนี้เดิมทีตั้งใจจะสร้างสวนสไตล์พิเศษ คล้ายกับพระราชวังต้องห้ามสมัยโบราณ แต่ต้องตอบสนองความต้องการด้านความงามยุคสมัยใหม่ โดยผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับความงดงามของสวนโบราณอย่างลงตัว ตอนนี้แบบร่างเบื้องต้นได้ออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีรายละเอียดหลายจุดที่ยังไม่ได้ปรับแก้ มีเพียงโครงร่างคร่าว ๆ เท่านั้น แน่นอนว่าฉันหวังว่าเขาจะเข้าร่วมโครงการนี้ เพื่อช่วยเราเติมเต็มรายละเอียดให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น “โครงการในตอนนี้ยังอยู่ขั้นตอนเริ่มต้น จำเป็นต้องมีแบบร่างและแนวคิดการออกแบบที่ยอดเยี่ยมเพียงพอ เพื่อให้โครงการนี้พัฒนาต่อไปได้อย่างราบรื่นในอนาคตค่ะ” ความหมายข้างต้นชัดเจนมาก หากเราไม่สามารถนำเสนอแบบร่างที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามพึงพอใจได้อย่างเต็มที่ ก็จะไม่สามารถเจรจาธุรกิจนี้ต่อได้ ผู้อาวุโสหนานดูเหมือนจะใส่ใจอยู่ไม่น้อย แต่เพียงแค่นั่งจิบชาโดยไม่เอ่ยคำใด ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แววตาของเขาแฝงด้วยความคิดคำนึงเล็กน้อย บางครั้ง การอยู่
“เริ่มพยายามตั้งแต่เนิ่น ๆ งั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสหนานทวนคำพูดของฉัน ดวงตาแสดงความชื่นชมเล็กน้อย “หนุ่มสาวที่มีความคิดแบบนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริง ๆ” เขาลุกขึ้นยืน เดินช้า ๆ ไปยังริมหน้าต่าง มองออกไปไกลราวกับกำลังนึกถึงบางสิ่งในความทรงจำ “เธอรู้ไหม สาวน้อยเฉียว ตอนฉันยังหนุ่ม ฉันเองก็เคยเป็นเหมือนเธอ มีทั้งความฝันและความมุ่งมั่น อยากสร้างโลกของตัวเองขึ้นมาให้ได้” เสียงของผู้อาวุโสหนานเจือด้วยความเก่าแก่และความรู้สึกซาบซึ้ง “แต่กาลเวลาไม่เคยปรานีใคร ตอนนี้ฉันก็หมดเรี่ยวแรงไปมากแล้ว แค่หวังว่าจะหาหนุ่มสาวที่มีศักยภาพสักคน มารับช่วงต่อจากฉันได้” ฉันยืนอยู่เงียบ ๆ ที่ข้าง ๆ ฟังคำพูดของผู้อาวุโสหนาน พลันเกิดความรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ฉันรู้ดีว่านี่อาจเป็นโอกาสที่ใกล้เคียงกับความสำเร็จที่สุดสำหรับฉัน “ผู้อาวุโสหนาน คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ค่ะ” ฉันพูดอย่างจริงจัง “ไม่ใช่แค่เพื่อตัวฉันเอง แต่เพื่อความคาดหวังของคุณด้วย”ผู้อาวุโสหนานหันกลับมามองฉัน ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจเล็กน้อย “ดีมาก สาวน้อย ฉันเชื่อในตัวเธอ แต่จำไว้นะ ความสำเร็จไม่ใช
บนใบหน้าของลั่วอี้ฝานมีแววประหลาดใจเล็กน้อย คล้ายกับได้เจอเพื่อนรู้ใจที่เข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร ผู้อาวุโสหนานก็เอ่ยขึ้นก่อนว่า “สาวน้อย เธอเล่นหมากรุกเป็นไหม?” จู่ ๆ ก็ถูกเรียกชื่อ ฉันนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะได้สติกลับมาแล้วตอบว่า “เคยเล่นในมือถือไม่กี่ครั้งเองค่ะ ดูเหมือนว่าจะเล่นไม่เป็นค่ะ” ฉันพูดอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งดูเหมือนผู้อาวุโสหนานจะชอบความตรงไปตรงมาของฉันเช่นกัน ท่านโบกมือเรียกฉันพร้อมพูดว่า “มานี่สิ เดี๋ยวฉันสอนให้” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปหา นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของกระดานหมากรุก ผู้อาวุโสหนานอธิบายกฎของหมากล้อมให้ฉันฟัง ฉันตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ ไม่นานนักผู้ช่วยก็เอากระดานหมากรุกชุดใหม่มาให้ ผู้อาวุโสหนานส่งหมากสีดำให้ฉันพร้อมพูดว่า “ลองดูไหม?” ฉันรับมาก่อนจะพูดด้วยความลำบากใจปนลังเลว่า “แต่คุณปู่ต้องอย่าโกรธจนปาแผ่นกระดานนะคะ” “แล้วก็ห้ามไล่พวกเราออกไปด้วยนะคะ”ฉันกอดถ้วยหมากล้อมไว้ มือขวาหยิบหมากสองตัวขึ้นมา พร้อมกล่าวว่า “แม่น้ำแยงซีคลื่นลูกเก่าผลักดันคลื่นลูกใหม่ คุณต้องให้โอกาสพวกเราเติบโตบ้างนะคะ” ความจริงตอนที่พูดคำพวก