แชร์

บทที่ 54

ผู้เขียน: ลูกพีชแสนสวย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-11 18:52:05
ทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงเย็น ๆ แต่แฝงความอ่อนโยนของกู้จือโม่ดังขึ้น “ดื่มได้ไหม?”

เฉินเยวี่ยเม้มริมฝีปากและเงยหน้ามองกู้จือโม่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขที่ปิดไม่มิด “ดื่มได้นิดหน่อย”

หลังจากนั้นเฉินเยวี่ยก็ยกแก้วขึ้นชนกับทุกคน

เมื่อถึงตาฉัน เฉินเยวี่ยยิ้มให้ฉันด้วยแววตาที่ดูเหมือนจะมีความภูมิใจ “ซิงลั่ว”

ฉันมองเธอด้วยความไม่อยากเล่นเกมนี้ แต่ด้วยคนรอบข้างที่มากเกินไป ทำให้ฉันไม่สามารถปะทะกับเธอได้ในที่สาธารณะ

ฉันยืนขึ้น ยกขวดนมเปรี้ยวขึ้นมาชนแก้วกับเธอแบบไม่จริงจังนัก แล้วดื่มพอเป็นพิธี

เมื่อเลิกงานแล้วก็เกือบสามทุ่ม ด้วยความที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ นักเรียนบางคนก็กลับบ้าน ส่วนบางคนก็กำลังวางแผนไปเล่นเกมที่ร้านอินเทอร์เน็ต

สุดท้ายเหลือแค่ฉัน กู้จือโม่ เฉินเยวี่ย และช่างภาพจากฝ่ายวางแผนอีกคน

ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมา เฉินเยวี่ยถามฉันด้วยท่าทีเสแสร้งว่า “ซิงลั่ว อยากไปกับพวกเราไหม?”

ในขณะที่เฉินเยวี่ยพูด กู้จือโม่ก็ขับรถมาถึงข้างเธอแล้ว

รถสปอร์ตมาเซราติสีดำคันนั้นมีแค่สองที่นั่ง

ฉันไม่แน่ใจว่าเฉินเยวี่ยยังเสแสร้งอีกนานแค่ไหน ฉันจึงยิ้มออกมาพร้อมตอบกลับไปว่า “ได้สิ งั้นฉันนั่งข้างหน้า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 55

    วันถัดมาหลังเลิกเรียน เฉียวเจี้ยนกั๋วก็โทรหาฉันตั้งแต่เปิดเทอมมาเป็นเดือน ๆ นอกจากหลี่เหม่ยอิงที่ส่งเงินค่าใช้จ่ายมาให้ตามปกติแล้ว ฉันก็แทบไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเลยฉันมองดูชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ โดยไม่แน่ใจถึงจุดประสงค์ของโทรศัพท์สายนี้หลังจากหยุดไปสักครู่ ฉันก็ตัดสินใจรับสายเสียงของเฉียวเจี้ยนกั๋วดังมาจากปลายสาย ไม่มีการถามไถ่สุขทุกข์ใด ๆ เขาเข้าประเด็นทันที "วันชาตินี้จะกลับบ้านไหม?"ฉันถือหนังสือไว้ในมือ ขณะกำลังเดินกลับหอพัก "มีงานเยอะ ไม่กลับค่ะ"“ดีเลย” เฉียวเจี้ยนกั๋วพูดต่อ เหมือนเขากำลังดื่มชาอยู่ เพราะฉันได้ยินเสียงแก้วกระทบโต๊ะ “พอดีมีลูกชายเพื่อนพ่ออยู่ที่ปักกิ่งเหมือนกัน วันชาติถ้าไม่กลับบ้าน ก็ไปเจอกับเขาหน่อยสิ”ฉันรู้สึกทั้งตลกและโกรธไปพร้อมกันฉันเพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีแรกแท้ ๆ แต่เขากลับเริ่มรีบร้อนแนะนำผู้ชายให้ฉันเสียแล้วถ้าฉันไม่ได้กลับมามีชีวิตใหม่ และเตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้า ฉันอาจจะถูกเขาขายให้คนอื่นก่อนจบมหาวิทยาลัยเสียด้วยซ้ำฉันหยุดยืนอยู่ตรงจุดที่เงียบสงบไม่ไกลจากหอพักมากนัก “หนูไม่ไป”"ว่าอะไรนะ?" เฉียวเจี้ยนกั๋วพูดด้วยน้ำเสียงดัง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 56

    ฉันยืนคิดอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปสอบถามฉันมีใบรับรองการเล่นเปียโนระดับแปด พอหัวหน้าเห็นก็ให้ฉันเล่นโชว์ครึ่งชั่วโมงทันที แล้วถามว่าฉันสามารถมาทำงานวันพุธ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ได้ไหม ซึ่งเวลาทำงานคือช่วงสองทุ่มถึงเที่ยงคืน และเขาจะให้ค่าจ้างฉันชั่วโมงละห้าร้อยบาทหนึ่งคืนฉันจะได้สองพันบาท สัปดาห์ละสามวันก็ตกเป็นเงินกว่าห้าพันบาท เดือนหนึ่งฉันจะมีเงินเหลือเก็บไว้บ้างฉันดีใจมาก จึงตอบตกลงทันทีระหว่างทางกลับหอพัก ฉันแวะร้านชานมและไก่ทอด แล้วสั่งใส่กล่องกลับไปฝากเพื่อน ๆ ด้วยขณะที่กำลังรออยู่ในร้านชานม โทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นฉันกดรับสาย และเสียงเฉิงเฉิงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจและเสียงสะอื้นดังมาจากปลายสาย “ลั่วลั่ว เธอพอจะมารับฉันที่สถานีตำรวจได้ไหม?”สถานีตำรวจ!สองคำนี้ระเบิดในหัวของฉัน ฉันรีบหันหลังกลับแล้วยกมือเรียกแท็กซี่นิสัยของเฉิงเฉิงไม่มีทางก่อเรื่องแน่ ๆ เธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยไห่เฉิง แล้วใครกันที่รังแกเธอ?ฉันกระโดดขึ้นแท็กซี่ “ไม่ต้องห่วง อย่ากลัวนะ ฉันกำลังจะไปสนามบินเดี๋ยวนี้ ฉันจะซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่เร็วที่สุด แล้วจะไปเดี๋ยวนี้”“เฉิงเฉิง ไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 57

    ความตั้งใจของกู้จือโม่ชัดเจนมาก เขายังคงปกป้องเฉินเยวี่ยเหมือนเคย ไม่ว่ายังไงก็ตาม แม้ว่าเฉินเยวี่ยจะเป็นฝ่ายผิด เขาก็ไม่อยากให้ฉันทำให้เธอลำบากแต่ทำไมฉันต้องยอมด้วย?เฉินเยวี่ยก่อเรื่องมาหลายครั้งแล้ว ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยว แต่ไม่ได้แปลว่าฉันจะยอมให้เธอรังแกไปตลอดฉันจ้องมองกู้จือโม่โดยไม่พูดอะไร ความเงียบครอบงำเราชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาฉัน “เรามาคุยกันหน่อย”เขาคงตั้งใจว่าจะปกป้องเฉินเยวี่ย และฉันก็ไม่มีทางปล่อยให้เฉิงเฉิงต้องโดนรังแกฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการคุยอะไร และก็ไม่มีความสนใจที่จะฟัง แต่ก่อนที่ฉันจะปฏิเสธ เขาก็จับข้อมือฉันแล้วดึงออกไปด้านนอกทันทีเฉินเยวี่ยรีบลุกขึ้น “อาโม่!”กู้จือโม่ไม่หันกลับไป “เธออยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันรีบกลับมา”ฉันถูกบังคับให้เดินตามเขา ความโกรธพลุ่งพล่านในใจฉันพยายามดิ้นและสะบัดมือ แต่ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ไม่สามารถดึงมือออกจากการจับกุมของเขาได้เลยฉันโกรธจัดจนเผลอจะก้มลงกัดมือของกู้จือโม่ แต่เขากลับหยุดเดิน พร้อมกับยิ้มเยาะ “มีแต่ลูกหมาเท่านั้นที่กัดคน”เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็หยุดการกระทำของตัวเองฉันเงยหน้ามองเขาและพูดด้วยน้ำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 58

    "เฉิงเฉิง เธอเชื่อใจฉันไหม?"เฉิงเฉิงพยักหน้าแรง ๆ "เชื่อสิ ฉันเชื่อในตัวลั่วลั่วที่สุดเลย"ฉันยิ้มเล็กน้อย แล้วเอื้อมมือไปจัดผมให้เธอ "ถ้าเชื่อในตัวฉัน วันนี้ตบที่พวกเขาตบเธอ ฉันจะทวงคืนให้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้""ตกลงไหม?" ฉันมองเธอด้วยความมั่นใจเฉิงเฉิงขยับเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบเบา ๆ "เธอจะไปสู้กับพวกเขาด้วยเหรอ?"ฉันมองหน้าเธอแล้วกระซิบกลับ "จะจัดการพวกนั้นให้หมดในทีเดียวเลย""จริงเหรอ? ต้องการให้ฉันช่วยไหม? หรือเราจะไปซื้อสเปรย์พริกไทยกันก่อนดี?"เฉิงเฉิงก็ยังคงเป็นเฉิงเฉิงที่ร่าเริงและมองโลกในแง่ดีเสมอ เธอคอยดูแลความรู้สึกของฉันตลอดเวลาฉันส่ายหัว แล้วบอกให้เธอรอฉันสักครู่หลังจากนั้น กู้จือโม่ก็พาเฉินเยวี่ยออกจากห้องไกล่เกลี่ยเฉินเยวี่ยยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ภายนอกเธอดูไร้เดียงสาและน่าสงสาร แต่สายตาที่เธอมองฉันกลับแฝงด้วยความท้าทายที่ยากจะสังเกตในชาติก่อน ฉันถูกหลอกด้วยท่าทางใสซื่อแบบนี้ของเธอมานาน แต่ตอนนี้…"เฉินเยวี่ย เฉิงเฉิงทำร้ายเธอโดยไม่ตั้งใจ ฉันขอโทษแทนเธอด้วย""ไม่ต้องหรอก" เฉินเยวี่ยดึงชายเสื้อของกู้จือโม่แล้วยิ้มเล็กน้อย "เฉิงเฉิงไม่ได้ตั้งใจ""ฉันขอโทษแล้วนะ" ฉ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 59

    เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันบอกเฉิงเฉิงว่าฉันมีเรียนตอนเช้า ให้เธอนอนต่อไปก่อน พอฉันเรียนเสร็จจะกลับมารับแล้วไปเที่ยวด้วยกันพอไปถึงมหาวิทยาลัย ฉันขอเบอร์โทรศัพท์ของเฉินเยวี่ยจากเพื่อนคนหนึ่ง แล้วส่งข้อความไปหาเธอ บอกให้เธอไปพบฉันที่ป่าหลังสนามกีฬาไม่นานนัก เฉินเยวี่ยก็มาถึงวันนี้เธอแต่งตัวเหมือนนางฟ้า แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ความบริสุทธิ์และใจดีภายนอกของเธอ ภายในจิตใจของเธอนั้นจะเน่าเฟะฉันไม่เข้าใจและไม่อยากเข้าใจเลยว่า ทำไมเธอต้องทำถึงขนาดนี้ เพียงแค่เพื่อผู้ชายคนเดียว ถ้ามันเป็นของเธอ มันก็จะเป็นของเธอ ถ้าไม่ใช่ของเธอ ต่อให้เธอใช้เล่ห์กลมากมายแค่ไหน สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์เฉินเยวี่ยเดินมาถึงตรงหน้าฉัน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความพึงพอใจ"เฉียวซิงลั่ว เธอมีอะไรจะ..."ฉันไม่รอให้เธอพูดจบ มือซ้ายของฉันจับผมลอนใหญ่ของเธอ แล้วมือขวาก็ฟาดไปที่หน้าของเธอเต็มแรงเสียง ‘เพียะ’ ดังสนั่น พร้อมกับรอยฝ่ามือสีแดงปรากฏบนหน้าของเฉินเยวี่ยหลังจากที่ฉันฟาดเธอเสร็จ ฉันก็ปล่อยมือจากผมเธอเฉินเยวี่ยเอามือกุมหน้า เธอยืนนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะหันมามองฉันด้วยความตกตะลึง "เฉียวซิงลั่ว เธอกล้าตบฉันเหรอ?"ฉันมอง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 60

    ผู้จัดการร้านอาหารรีบพาพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามา แต่ด้วยความที่ชายคนนั้นมีรูปร่างใหญ่โตและมีตำแหน่งฐานะอยู่บ้าง ทำให้พวกเขาไม่กล้าใช้กำลังทันที ผู้จัดการพยายามพูดเกลี้ยกล่อม แต่ชายคนนั้นกลับผลักผู้จัดการออกแล้วดึงตัวฉันเข้าไป “จะโวยวายไปทำไม? อย่าขัดจังหวะเวลาฉันจีบสาวสิ”จริง ๆ แล้ว ฉันสามารถหลบมือของชายคนนั้นได้ แต่ทันทีที่เฉิงเฉิงยืนขึ้นขวางทางเพื่อปกป้องฉัน ชายคนนั้นก็ยื่นมือมาคว้าเฉิงเฉิง ฉันจึงรีบไปดึงเธอออกมา แต่กลับถูกชายอ้วนคนนั้นจับข้อมือแล้วดึงฉันเข้ามาในอ้อมแขน"ปล่อยฉันนะ!"เขากอดเอวฉันไว้ มือของเขาลูบแขนฉันอย่างไม่เกรงใจ จมูกของเขาสูดดมเส้นผมของฉันอย่างน่าขยะแขยงเมื่อฉันรู้สึกว่าเส้นความอดทนของตัวเองกำลังจะขาดสะบั้น พนักงานรักษาความปลอดภัยก็กดตัวชายอ้วนลงกับพื้นได้สำเร็จชายอ้วนคนนั้นเริ่มสาปแช่งเสียงดัง แขกหลายคนเริ่มพูดถึงพฤติกรรมของชายอ้วนและวิธีการจัดการของทางร้านเฉิงเฉิงโอบฉันไว้และปลอบโยน ฉันหลับตาลงกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “ฉันอยากกลับบ้าน”“อื้ม ๆ เรากลับบ้านกัน” เฉิงเฉิงพาฉันเดินไปหาผู้จัดการร้านแล้วพูดว่า “เห็นพนักงานโดนลวนลามแต่ไม่ห้าม ปล่อยให้โดนดู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 61

    วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ฉันไม่ได้กลับไปทำงานที่ร้านอาหารเพราะพี่ชายของเฉิงเฉิงเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ทำให้ร้านต้องจ่ายเงินชดเชยให้ฉัน และในที่สุดฉันก็พบภาพของเฉินเยวี่ยในกล้องวงจรปิดของร้านอาหารด้วยไม่นานหลังจากนั้น เฉิงเฉิงก็ถือโทรศัพท์วิ่งเข้ามาหาฉัน “ลั่วลั่ว ดูนี่สิ”ฉันรับโทรศัพท์จากเธอ ในโทรศัพท์มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ชายอ้วนคนนั้น ฉันเปิดดูข้อมูลพลางฟังเฉิงเฉิงพูดไปด้วย “พี่ชายฉันบอกว่าหมอนี้ไม่ใช่คนปักกิ่ง แถมไม่ใช่คนจากตระกูลใหญ่อะไรเลย พี่ฉันบอกว่าน่าจะเป็นพวกนักเลงหัวไม้ที่แอบเข้ามาในร้านอาหาร”คำถามในหัวของฉันเริ่มปะติดปะต่อกันได้แล้วทำไมฉันถึงเห็นเฉินเยวี่ยในร้านอาหาร? และทำไมร้านอาหารหรูแบบนั้น ถึงได้ปล่อยให้พนักงานถูกลวนลามโดยไม่ทำอะไรเลย แถมยังทำเป็นนิ่งดูดายอีกด้วยเฉิงเฉิงพูดพลางนั่งลงข้าง ๆ ฉัน มือของเธอวางบนแขนฉัน “ลั่วลั่ว ฉันว่าพวกเราช่วงนี้โชคร้ายกันนิดหน่อย เราไปขอเครื่องรางที่วัดกันดีไหม?”ฉันหลุดออกจากความคิด หันไปมองเธอแล้วยิ้มออกมา “ได้สิ”เฉิงเฉิงเป็นคนที่คิดอะไรแล้วก็ต้องทำตามนั้นทันที พอฉันตอบตกลง เธอก็พูดเลยว่าไปกันเถอะหลังจากนั้นเธอก็พ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 62

    ฉันมุ่งมั่นตั้งใจเรียนและเริ่มมองหางานฝึกงาน ฉันไม่ได้จำกัดการหางานไว้แค่ตำแหน่งผู้ช่วยดีไซเนอร์เท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงงานที่เกี่ยวข้องกับอัญมณี ผ้า การผลิตเสื้อผ้า หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเสื้อผ้า ฉันก็อยากลองดูไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือเปล่า แต่ฉันดันหาตำแหน่งผู้ช่วยดีไซเนอร์ได้จนได้ ดีไซเนอร์คนนี้ถือว่ามีชื่อเสียงพอสมควรในวงการ เพียงแต่มีอารมณ์แปรปรวนและค่อนข้างจะมีนิสัยประหลาดหลังจากทำงานมาได้สัปดาห์หนึ่ง เฉียวเจี้ยนกั๋วก็โทรมาหาฉันอีกครั้งตอนนั้นฉันเพิ่งเลิกงาน กำลังลงจากรถเมล์และกำลังเดินกลับมหาวิทยาลัยเขาถามว่าฉันอยู่ที่ไหน ฉันมองดูพระจันทร์บนท้องฟ้าแล้วตอบไปว่า “คุณเฉียว คุณอาจจะลืมไปแล้วว่า คุณได้ตัดรายได้ของฉันไปแล้ว ตอนนี้พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก ฉันจะอยู่ที่ไหนทำไมต้องบอกคุณด้วย?”เสียงของเฉียวเจี้ยนกั๋วเต็มไปด้วยความโกรธ “เฉียวซิงลั่ว แกไม่อยากให้ฉันไปรับย่าของแกออกจากบ้านพักคนชราใช่ไหม?”ฉันได้ยินดังนั้น เสียงของฉันก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที “เฉียวเจี้ยนกั๋ว พ่อกล้าเหรอ! นั่นแม่ของพ่อนะ!”เฉียวเจี้ยนกั๋วหัวเราะเยาะ “แม่ของฉัน? ยายแก่คนนั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11

บทล่าสุด

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 236

    บนใบหน้าของลั่วอี้ฝานมีแววประหลาดใจเล็กน้อย คล้ายกับได้เจอเพื่อนรู้ใจที่เข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร ผู้อาวุโสหนานก็เอ่ยขึ้นก่อนว่า “สาวน้อย เธอเล่นหมากรุกเป็นไหม?” จู่ ๆ ก็ถูกเรียกชื่อ ฉันนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะได้สติกลับมาแล้วตอบว่า “เคยเล่นในมือถือไม่กี่ครั้งเองค่ะ ดูเหมือนว่าจะเล่นไม่เป็นค่ะ” ฉันพูดอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งดูเหมือนผู้อาวุโสหนานจะชอบความตรงไปตรงมาของฉันเช่นกัน ท่านโบกมือเรียกฉันพร้อมพูดว่า “มานี่สิ เดี๋ยวฉันสอนให้” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปหา นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของกระดานหมากรุก ผู้อาวุโสหนานอธิบายกฎของหมากล้อมให้ฉันฟัง ฉันตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ ไม่นานนักผู้ช่วยก็เอากระดานหมากรุกชุดใหม่มาให้ ผู้อาวุโสหนานส่งหมากสีดำให้ฉันพร้อมพูดว่า “ลองดูไหม?” ฉันรับมาก่อนจะพูดด้วยความลำบากใจปนลังเลว่า “แต่คุณปู่ต้องอย่าโกรธจนปาแผ่นกระดานนะคะ” “แล้วก็ห้ามไล่พวกเราออกไปด้วยนะคะ”ฉันกอดถ้วยหมากล้อมไว้ มือขวาหยิบหมากสองตัวขึ้นมา พร้อมกล่าวว่า “แม่น้ำแยงซีคลื่นลูกเก่าผลักดันคลื่นลูกใหม่ คุณต้องให้โอกาสพวกเราเติบโตบ้างนะคะ” ความจริงตอนที่พูดคำพวก

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 235

    ออกจากบ้านเดิมตระกูลเฉียว ฉันกับลั่วอี้ฝานขึ้นรถแล้วจากไปทันทีที่ขึ้นรถเสียงหยอกล้อของลั่วอี้ฝานก็ดังขึ้นทันที "เฉียวซิงลั่ว เธอเตรียมตัวมาดีจริง ๆ ถึงขั้นพกเครื่องรูดบัตรมาเลยเหรอ? ในกระเป๋าเธอคงไม่ได้ใส่เครื่องนับเงินมาด้วยใช่ไหม? เอามาให้ฉันดูหน่อยสิ จะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง"มือข้างหนึ่งของเขายื่นมาตรงหน้าฉันฉันตบมือลงบนฝ่ามือของเขาเสียงดัง "เพียะ!" พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงรำคาญ "ฉันจะพกเครื่องนับเงินไปทำไมกันล่ะ"แถมหลี่เหม่ยอิงก็คงไม่พกเงินสดหนึ่งร้อยล้านบาทมาให้ฉันหรอกโง่จริง ๆ"นี่" ฉันคลายมือออก เผยให้เห็นบัตรเอทีเอ็มที่อยู่ด้านล่างลั่วอี้ฝานตาเป็นประกายทันที เขาหยิบบัตรเอทีเอ็มขึ้นมา พร้อมกับอุทานอย่างตกใจว่า “นี่มันไม่ใช่หนึ่งร้อยล้านบาทที่หลี่เหม่ยอิงให้เธอหรอกเหรอ?!”"ใช่แล้ว เอาไว้เป็นเงินสำรองสำหรับบริษัท""ดีขนาดนี้เชียว?" ลั่วอี้ฝานเลิกคิ้วฉันตอบ "ใช่ บริษัทมีปัญหา ฉันก็ช่วยได้แค่เรื่องเงินนี่แหละ""ว่าแต่ พรุ่งนี้ไปเจอผู้อาวุโสหนาน นายเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ"ฉันมองไปที่ลั่วอี้ฝานเขาเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ส่วนฉันก็แค่ช่วยเปิดทางเล็กน้อยถ้าเขาไม่ไป โครง

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 234

    เมื่อมองเฉียวซิงอวี่ ฉันเผลอคิดเพลินไปว่าที่จริงแล้วเธอก็โชคดีไม่น้อยไม่ว่าจะอย่างไร หลี่เหม่ยอิงก็ยังรักเธอและพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เธอได้สิ่งที่ดีที่สุดแม้ฉันจะเคยด่าว่าเธอทั้งโง่ทั้งไร้เดียงสา แต่บางทีความโง่และไร้เดียงสาแบบนี้อาจเป็นความสุขอย่างหนึ่ง“ฉันง่วงแล้ว จะไปนอนก่อน” ฉันลุกขึ้น ไม่สนใจลั่วอี้ฝาน “ถ้านายไม่กลับบ้านคืนนี้ ก็ไปนอนที่ห้องรับรองแล้วกัน”……เช้าวันรุ่งขึ้นฉันกับลั่วอี้ฝานพาบอดี้การ์ดคุมตัวเฉียวซิงอวี่กลับไปที่บ้านเก่าของตระกูลเฉียว ในตอนที่ไปถึงหลี่เหม่ยอิงก็รออยู่ที่นั่นด้วยสีหน้ากระวนกระวายเฉียวซิงอวี่อุทานออกมาด้วยความดีใจ “แม่คะ!”“ซิงอวี่!” หลี่เหม่ยอิงรีบวิ่งเข้ามาหาพวกเราโดยไม่ทันคิด“หยุดอยู่ตรงนั้น!”ลั่วอี้ฝานตะโกนห้าม น้ำเสียงเย็นชาเต็มไปด้วยการข่มขู่ “ถ้าคุณกล้าเข้ามาอีกก้าวเดียว เราจะไม่ออมมือกับเธอ”หลี่เหม่ยอิงหยุดการเคลื่อนไหวทันที ดวงตามองฉันอย่างเย็นชา ราวกับงูพิษที่กำลังแลบลิ้น "เฉียวซิงลั่ว การลักพาตัวมันผิดกฎหมายนะ!"“แล้วการเอาน้ำกรดมาสาดคนอื่นไม่ผิดกฎหมายหรือไง?” ฉันสวนกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเย็นชาหลี่เ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 233

    ฉันโทรหาหลี่เหม่ยอิงครั้งแรกเธอไม่รับ ฉันจึงโทรซ้ำอีกครั้งเสียงของหลี่เหม่ยอิงเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อเธอรับสาย “เฉียวซิงลั่ว นางเด็กสารเลว พ่อเธอตายเพราะเธอแล้ว ยังจะโทรมาหาฉันอีกทำไม!”ฉันไม่ได้ตอบอะไร ทว่าใช้เล็บที่เพิ่งทำใหม่ขึ้นมาแตะใบหน้าที่แดงก่ำจากการถูกตบของเฉียวซิงอวี่เฉียวซิงอวี่ร้องไห้ออกมาทันที “แม่คะ ช่วยหนูด้วย!”หลี่เหม่ยอิงเงียบไปชั่วขณะก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทันที “ซิงอวี่เหรอ? เฉียวซิงลั่ว เธอทำอะไรลูกสาวฉัน!”“หึ” ฉันหัวเราะเยาะ เอาโทรศัพท์แนบหู “คุณป้าพูดผิดแล้วล่ะค่ะ ไม่ใช่ฉันที่ทำอะไรน้องสาวตัวเอง คุณป้าน่าจะถามลูกสาวที่แสนดีมากกว่าว่าเธอทำอะไรฉัน”“ให้เวลาครึ่งชั่วโมง... ไม่สิ” ฉันหยุดคิดและเผยรอยยิ้ม “พรุ่งนี้เช้าเก้าโมง เจอกันที่บ้านเดิมตระกูลเฉียว” พูดจบ ฉันก็ตัดสายทันที…… ที่อะพาร์ตเมนต์หลี่เสี่ยงลั่วอี้ฝานมัดมือและเท้าของเฉียวซิงอวี่ แล้วโยนเธอไว้ที่ระเบียงเฉียวซิงอวี่ยังคงร้องไห้เสียงดัง “เฉียวซิงลั่ว ปล่อยฉันนะ! เธอไม่มีสิทธิ์มาจับฉัน! ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ฉันรำคาญเสียงร้องไห้ของเธอ จึงเดินไปที่ครัว เพื่อหยิบผ้าขี้ริ้วออกมา

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 232

    เมื่อเห็นว่าฉันปลอดภัย ลั่วอี้ฝานจึงลากร่างของคนที่สาดน้ำกรดใส่ฉันขึ้นมาฉันเดินเข้าไปใกล้พวกเขา ยกมือขึ้นถอดหน้ากากของคนร้ายทันใดนั้นเองใบหน้าของเฉียวซิงอวี่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าฉัน"เฉียวซิงอวี่?"ฉันจ้องมองใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ดวงตาแดงก่ำ เธอตะโกนด้วยเสียงสะอื้น “ทำไมเธอไม่ไปตายซะ! เฉียวซิงลั่ว ทำไมเธอไม่ไปตายซะ!""แกทำลายพ่อฉัน ทำลายครอบครัวฉันจนพังพินาศ!""เฉียวซิงลั่ว นางสารเลว! ไปตายซะ!""ฉันไม่น่าจะใช้แค่น้ำกรดสาดแก ฉันควรจะเอามีดแทงแกให้ตายไปเลยด้วยซ้ำ!"ใบหน้าฉันเริ่มเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวซิงอวี่ เมื่อเธอพูดจบฉันก็ยกมือขึ้นตบหน้าอีกฝ่ายด้วยแรงทั้งหมดที่มีฉันใส่แรงทั้งหมดลงไปในฝ่ามือนั้นใบหน้าครึ่งหนึ่งของเฉียวซิงอวี่แดงก่ำและบวมขึ้นทันที หมวกที่เธอสวมหล่นลงพื้น เผยให้เห็นผมยาวสยายฉันมองเธอด้วยสายตาเย็นชา เธอคนที่มีสายเลือดครึ่งหนึ่งเหมือนกับฉันเมื่อครั้งที่อยู่บนเรือ ฉันเคยรู้สึกผิดที่ทำร้ายเธอ เพราะต้องการปกป้องตัวเองจากแผนการของเฉียวเจี้ยนกั๋ว แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกดีใจที่ครั้งนั้นฉันไม่ลังเลที่จะลงมือสำหรับคนในตระกูลเฉียว นอกจากคุณ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 231

    เมื่อพูดจบผู้อาวุโสหนานก็เดินจากไปสีหน้าของประธานหลี่ย่ำแย่จนเกินจะบรรยาย อีกไม่นานก็มีชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนผู้ช่วยเดินเข้ามาหาเขาและกระซิบอะไรบางอย่างข้างหู จากนั้นเขาก็สะบัดมือออกจากมือของคุณหนูคนนั้นอย่างแรงเพราะสวมรองเท้าส้นสูงอยู่ คุณหนูคนนั้นจึงถูกสะบัดจนเสียหลักล้มลงไปนั่งกับพื้นทันที แถมยังทำเครื่องดื่มบนโต๊ะข้าง ๆ หกใส่ตัวเองจนเปียกโชกไปทั้งชุดอีกเสื้อผ้าชุดใหม่ของเธอเปียกชุ่มจนดูน่าเวทนา ใบหน้าแสดงออกทั้งความอับอายและความโกรธ แต่ก็ต้องอดกลั้นไว้“นี่มันอะไรกัน! กล้าทำตัวแบบนี้ใส่คนอย่างผู้อาวุโสหนานอีก ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอคงไม่ได้เฉียดเข้ามาในงานนี้หรอก!”ประธานหลี่กดเสียงต่ำ คำพูดที่ออกมาล้วนหยาบคายและน่ารังเกียจสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่พวกเขา ประธานหลี่รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นคนสุภาพนุ่มนวล ยื่นมือพยุงคุณหนูขึ้นพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ทำไมถึงไม่ระวังเลย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า? เสื้อผ้าก็เลอะหมดแล้ว เดี๋ยวผมพาคุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะ”พูดจบเขาเรียกพนักงานเสิร์ฟมาถามหาห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะพาหญิงสาวออกจากงานไปลั่วอี้ฝานขมวดคิ้วพลางเอ่ยเบา ๆ “ผีเน่ากับโลงผุจริง

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 230

    ฉันครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเบา ๆไม่นานนักฉันกับลั่วอี้ฝานก็เดินมาถึงห้องจัดเลี้ยง เสียงดนตรีไพเราะบรรเลงไปทั่ว ผู้คนต่างจับกลุ่มกันพูดคุยหรือเดินถือแก้วแชมเปญไปมา ทั้งหมดต่างต้องการใช้โอกาสในงานเลี้ยงนี้เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับตัวเองซึ่งฉันกับลั่วอี้ฝานก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันเพราะปกติฉันไม่ค่อยออกสังคม ลั่วอี้ฝานจึงพาฉันไปทำความรู้จักกับคนอื่น ๆเพิ่งแนะนำตัวกับบางคนเสร็จ ลั่วอี้ฝานก็เหลือบมองเป้าหมายอีกคนที่สะดุดตาเข้าอย่างจังเขาใช้ศอกสะกิดฉันเบา ๆ ฉันจึงมองตามสายตาของเขาแล้วพูดว่า "ประธานสวีก็มาเหมือนกัน ไปกันเถอะ เราไปทักทายเขาหน่อย"“ได้สิ”ลั่วอี้ฝานพาฉันเดินไปหาประธานสวี แต่พอเดินไปได้ครึ่งทาง จู่ ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเราฉันเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ และเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ฉันก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นนี่คงเป็นผลกระทบจากการช่วยเหลือครั้งนั้น“เธอคนนี้แหละ”หญิงสาวผู้ดีคล้องแขนชายคนหนึ่งไว้ แล้วชี้มาที่ฉันพร้อมกับทำเสียงออดอ้อนว่า “ประธานหลี่ต้องช่วยฉันเอาคืนเธอให้ได้นะคะ”“กล้านักนะ กล้ารังแกคนของหลี่ซู่คนนี้ได้ยังไง?” ประธานหลี่มอง

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 229

    เมื่อแขกที่ผ่านไปมาต่างหยุด ทว่าไม่มีใครออกหน้ามาช่วยพูดแทนชายชราเลยแม้กระทั่งคนที่เห็นชัดเจนว่าแท้จริงแล้วหญิงสาวคนดังกล่าวเดินไม่ระวังเองชายชราถูกต่อว่าจนหน้าแดง แต่ยังคงกล่าวขอโทษต่อไป “ขอโทษนะ คุณหนู ชุดของเธอราคาเท่าไหร่ ฉันจะชดใช้ให้...”“ผู้หญิงคนนี้นี่น่ารังเกียจจริง ๆ” ลั่วอี้ฝานขมวดคิ้ว มองดูความวุ่นวายตรงหน้าฉันหันไปมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนก้าวเท้าเดินเข้าไปยืนข้างชายชรา แล้วส่งยิ้มให้คุณหนูคนดังกล่าวพลางพูดว่า "เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณปู่นะคะ"จากนั้นฉันหันกลับไปเผชิญหน้าหญิงสาวที่แต่งหน้าอย่างประณีต พร้อมชี้ไปที่กล้องด้านบน “ที่นี่มีกล้องวงจรปิด อยากให้เราเรียกมาตรวจดูไหมว่าใครกันแน่ที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ?”หญิงสาวมองฉันด้วยความประหลาดใจ “เธอเป็นใคร?”“ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอก สำคัญคือต้องเรียกดูภาพจากกล้องวงจรปิด” ฉันหันไปส่งสัญญาณให้ลั่วอี้ฝานลั่วอี้ฝานเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แต่พอเห็นฉันส่งสายตามาให้ เขาก็เข้าใจทันที ก่อนเรียกพนักงานคนหนึ่งมา “ไปตามผู้จัดการของพวกคุณมา”สมแล้วที่เป็นหุ้นส่วนของฉัน เข้าขากันได้ดีไม่มีที่ติฉันขยิบตาให้ลั่วอี้ฝานด้วยความพอใจเขาย

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 228

    ฉันง่วงมากจนไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน พอรู้ตัวอีกที เสียงของลั่วอี้ฝานก็ดังขึ้นปลุกฉัน“ซิงลั่ว ตื่นเถอะ”ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างงงงวย มองไปรอบ ๆ อย่างสับสนดูเหมือนว่าเราจะจอดอยู่หน้าร้านเช่าชุดราตรี ฉันเปิดประตูรถลงไปถามว่า “มาที่นี่ทำไม?”“ลืมแล้วเหรอ?”เสียงของลั่วอี้ฝานดังขึ้นอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ลืมจริง ๆ เหรอ?”“อ๋อ” ฉันพึ่งจะนึกออก หลังจากที่เขาโทรมาบอกตอนกลางวันว่า ตอนเย็นจะพาฉันไปเจอใครบางคน ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเราคือไปร่วมงานเลี้ยงไม่นานนัก เราก็เลือกชุดราตรีจากร้านเสื้อผ้าได้หนึ่งชุด พร้อมทั้งจัดแต่งทรงผมและแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยเมื่อออกมาจากร้านชุดราตรี รถเบนท์ลีย์สีดำสำหรับนักธุรกิจจอดรออยู่ตรงหน้าฉันลั่วอี้ฝานผายมือเชิญอย่างสุภาพ ฉันหันไปมองเขาพลางถาม “เปลี่ยนรถแล้วเหรอ?”“อืม” เขาดูเวลาที่นาฬิกา จากนั้นเปิดประตูรถ “เร็วเข้า เดี๋ยวจะไม่ทันเอา”บนรถ เขาเพิ่งเล่าให้ฉันฟังว่าในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เขาได้ขยายทีมงานเพิ่มขึ้น ทั้งจ้างคนขับรถและพนักงานใหม่ อีกทั้งยังเล่าถึงครั้งหนึ่งที่เขาไปเจรจาธุรกิจ แต่ถูกยกเลิกการนัดหมาย เพราะแต่งตัวไม่เป็นทางการและรถที่ใ

DMCA.com Protection Status