แชร์

บทที่ 135

ผู้เขียน: ลูกพีชแสนสวย
ฉันอ้าปากเหมือนจะพูดคำว่า ‘ไม่’ ออกไป แต่คำสองคำนี้มันดูเบาเกินไป เบาจนไม่น่าจะทำให้ใครเชื่อได้

“กู้จือโม่”

ฉันมองเขา ในชั่วขณะหนึ่ง ฉันอยากจะถามเขาว่าเขาเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณไหม เชื่อในเรื่องอดีตและชาติภพไหม เชื่อในเรื่องการเกิดใหม่ไหม เชื่อไหมว่าในชีวิตก่อนหน้านี้ ฉันกับเขามีจุดจบที่ไม่ดี

แต่เพียงแค่ชั่วขณะเดียว ฉันก็ล้มเลิกความคิดนั้น

เพราะแม้แต่ฉันเอง บางครั้งยังรู้สึกเลือนราง ว่าชีวิตก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องจริงหรือแค่จินตนาการ

แล้วเขาที่เป็นคนไม่เชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติตั้งแต่ต้น

แล้วจะเชื่อได้ยังไง

กู้จือโม่มองฉัน รอคำพูดถัดไปของฉัน

ฉันเม้มปาก มองเขาแล้วพูดออกมา “ฉันเคยชอบนายมาก ชอบจนใช้แรงทั้งหมดที่มี ฉันชอบนายมากจริง ๆ แต่ความรู้สึกแบบนั้นมันเหนื่อยเกินไป”

“นายเคยบอกว่าฉันเป็นคนที่มีความอดทนแค่สามนาทีใช่ไหม?” ฉันยิ้มให้เขา

“บางทีนายอาจจะพูดถูก”

“การชอบนายก็คงเป็นเรื่องที่ฉันชอบได้แค่สามนาทีเหมือนกัน”

“เธอชอบฉัน” กู้จือโม่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นใจ

“พูดอะไรแบบนี้ออกมา เธอคิดว่าฉันจะเชื่อจริง ๆ เหรอ?”

"เฉียวซิงลั่ว ทำไมเธอต้องหลอกตัวเองด้วย?" กู้จ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 136

    ฉันกำลังจะโมโหใส่เขาให้หลีกทาง แต่พอได้ยินคำถามนั้นกลับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอียงคอมองอย่างงุนงงกู้จือโม่โน้มตัวลงจนระดับสายตาเท่ากันกับฉัน “หืม? หึงใช่ไหม?”“ไปให้พ้น!”ฉันทั้งโกรธทั้งเขิน รู้สึกเหมือนเขาจี้จุดเข้าอย่างจัง และในขณะเดียวกันก็ไม่พอใจเขามากเขาอยากจะทำตัวเป็นผู้ชายแสนอบอุ่นก็ให้เป็นไป แต่ถ้าจะอบอุ่นแบบนี้ก็ช่วยอบอุ่นให้ห่าง ๆ หน่อยเถอะอีกอย่าง เขาเอาโครงการมาแลกกับบ้านกู้เพื่อให้ฉันปล่อยเรื่องที่เฉินเยวี่ยใส่ร้ายฉัน แม้ฉันจะได้ประโยชน์จากมัน แต่ความรู้สึกระหว่างการถูกบังคับกับการเลือกเองมันแตกต่างกันมากหลังจากฉันพูด ‘ไปให้พ้น’ ออกไป กู้จือโม่นิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เหมือนจะโดนจี้จุดขำจนหัวเราะไม่หยุดฉันจ้องเขา แต่เขาหัวเราะจนตัวงอ ไม่สามารถยืนตรงได้แต่ไม่นาน เสียงหัวเราะก็หยุดลงทันที เพราะเขาดันไปกระเทือนแผลที่ตัวเอง สีหน้าของเขาจึงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดตอนนี้เป็นตาเขาที่เสียหน้า ส่วนฉันกลับยิ้มแย้มด้วยความสะใจฉันยิ้มพลางพูดอย่างเน้นย้ำทีละคำ “สมน้ำหน้า”พอฉันพูดจบ พอดีผู้ดูแลของกู้จือโม่เคาะประตูเข้ามา เห็นเจ้านายของเขานั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 137

    แสงแดดยามเช้าสาดกระทบเตียงคนไข้ ทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นมาบังหน้าโดยไม่รู้ตัวฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเวลา และพบว่าลั่วอี้ฝานส่งข้อความมาหลายข้อความตอนดึก: ‘หลับหรือยัง?’: ‘ถ้าตื่นแล้วรีบตอบกลับด้วย!’ฉันอ่านด้วยความสงสัย ก่อนพิมพ์ตอบกลับไปว่า : ‘มีอะไร ทำไมถึงดูร้อนรนแบบนี้’ข้อความถูกส่งออกไป ฉันจึงเข็นรถเข็นเข้าไปในห้องน้ำพร้อมโทรศัพท์ เพื่อเริ่มต้นล้างหน้าแปรงฟันคำตอบกลับมาทันที ราวกับว่าเขานั่งรอฉันอยู่ตลอดเวลา: ‘ฉันเจอตัวคนอยู่เบื้องหลังแล้ว’หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นในทันที ทำงานเร็วจริง ๆฉันวางแปรงสีฟันลง แล้วโทรกลับไปทันที“ใคร?” ฉันถาม น้ำเสียงตึงเครียด ขณะมองเงาสะท้อนในกระจกที่ขมวดคิ้วแน่นในใจฉันก็มีคำตอบอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เฉียวเจี้ยนกั๋ว ก็เหลืออยู่แค่…เสียงลั่วอี้ฝานตอบกลับมา พร้อมชื่อที่ฉันคาดไว้“เธอเดาถูกแล้ว เป็นเฉินเยวี่ย”ลั่วอี้ฝานถอนหายใจ หนักแน่นและเหมือนหมดคำพูด“ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรของเธอ? วัน ๆ ไม่ทำอะไร คอยหาเรื่องกลั่นแกล้งเธอตลอดเนี่ยนะ”"ยังไงก็เพราะกู้จือโม่ใช่ไหม? ยายนี่อยากเข้าหาเขาเอง ทำเรื่องงี่เง่าไปเรื่อยแบบนี้ ลากเธอมาเกี่ยวด้วยทำไม

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 138

    มองดูเขาในตอนนี้ ก็พลันนึกถึงเรื่องในชีวิตครั้งก่อนคืนหนึ่งฉันมีไข้สูง โทรหากู้จือโม่เท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ คนใช้ในบ้านพยายามจะพาฉันไปโรงพยาบาล แต่ฉันดื้อดึงจะรอให้กู้จือโม่กลับบ้านเองสุดท้ายฉันไข้ขึ้นจนหมดสติ ต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลถึงสามวันเต็ม และในสามวันนั้น โทรศัพท์ของกู้จือโม่ก็ปิดเครื่องตลอด ฉันถึงขั้นคิดไปว่าเขาอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแต่ทว่า ฉันกลับบังเอิญเจอเขาที่มุมทางเดินในโรงพยาบาลเขากำลังดูแลเฉินเยว่ด้วยความระมัดระวัง ในขณะที่เฉินเยว่แกล้งออดอ้อนเขาทันทีที่เห็นฉัน “อาโม่ ฉันแค่ข้อเท้าแพลงเอง อยู่โรงพยาบาลมาตั้งสามวันแล้ว บริษัทต้องการนาย นายกลับไปเถอะ”เธอยิ้มอย่างสดใส แต่สายตาของเธอนั้นทิ่มแทงใจฉันตอนนั้นกู้จือโม่พูดว่าอะไรนะ?เขาบอกว่า “ไม่เป็นไร เรื่องของบริษัทไม่สำคัญเท่าเธอ”สรุปแล้วคือเรื่องของบริษัทไม่สำคัญ หรือว่าฉันไม่สำคัญกันแน่?เมื่อดึงตัวเองกลับมาจากความทรงจำ ความเจ็บปวดในใจก็ยังคงเหมือนเดิมตอนนี้ถึงเวลาต้องเลือกอีกแล้ว“แล้วนายล่ะ กู้จือโม่ นายก็เป็นหนี้บุญคุณเฉินเยว่ด้วยเหรอ?” ฉันพูดด้วยเสียงสั่นสะกดกลั้นความรู้สึก ไม่อยากเผยความอ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 139

    ความรู้สึกมึนงงและคลื่นไส้ถาโถมเข้ามาในทันที ฉันจับที่พักแขนของรถเข็นเพื่อประคองตัวเองลุกขึ้น เดินโซเซไปที่ห้องน้ำแม้ว่าจะพยายามอาเจียนแต่กลับไม่มีอะไรออกมา มีเพียงกระเพาะที่หดเกร็งเป็นระลอกมันทรมานมาก ไม่ใช่แค่ร่างกาย ความรู้สึกในใจก็ย่ำแย่ไม่แพ้กันน้ำตาหยดใหญ่ ๆ ไหลลงมาเพราะอาการอาเจียน ฉันยกมือขึ้นปาดออก แล้วเดินออกมาสุดท้ายเมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป พยาบาลจึงเข้ามาฉีดยาคลายความเครียดให้ ฉันเอนตัวลงบนเตียงโดยไม่แม้แต่จะมองหน้ากู้จือโม่ เอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาหวิวว่า“บอกเขาให้ออกไปเถอะค่ะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา”หลังพูดจบ ฉันหันหน้าหนีไปอีกทาง แค่เห็นเขาอีกครั้งฉันก็รู้สึกขยะแขยงแล้วบางทีอาจเป็นเพราะสีหน้ารังเกียจของฉันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด กู้จือโม่เม้มปากแน่น ท่าทางเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรฉันรู้สึกสมเพช เขารู้ดีว่าการตัดสินใจของเขาจะทำให้ฉันเจ็บปวด แต่เขาก็ยังเลือกทำ แล้วตอนนี้เขาจะมาเสแสร้งทำตัวลำบากใจเพื่ออะไร?“ฉันไม่อยากเห็นเขา! บอกให้เขาออกไปเดี๋ยวนี้!”เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มอารมณ์เสียอีกครั้ง พยาบาลจึงเดินไปบอกกู้จือโม่ว่า “คนไข้ไม่อยากเห็นคุณ หากคุณอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะก

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 140

    เมืองอวิ๋นเฉิง บ้านตระกูลกู้กู้จือโม่ผู้มีร่างกายผอมบางยืนอยู่ตรงหน้ากู้เซิ่งเหยียน บรรยากาศระหว่างปู่หลานเต็มไปด้วยความตึงเครียดและดุดัน“คุณปู่ ปกป้องเฉินเยวี่ยแบบนี้เท่ากับสนับสนุนการกระทำของเธอนะครับ” กู้จือโม่พูดด้วยใบหน้าซีดเผือด เขาจ้องมองกู้เซิ่งเหยียนผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยอำนาจ “เธอไม่ได้เป็นเด็กผู้หญิงไร้เดียงสาและน่าสงสารเหมือนที่เคยคิดอีกแล้วนะครับ!”“ครั้งก่อนเธอจ้างคนสร้างข่าวเสียหายให้กับเฉียวซิงลั่ว จนเกือบทำลายชื่อเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง”“ตอนนั้นปู่บอกว่าเธอยังเด็ก ยังไม่รู้ผลของการกระทำ ให้ผมไปช่วยเธอ ผมก็ทำตามแล้ว แต่ผลลัพธ์เป็นยังไงล่ะครับ?”“ตอนนี้เธอถึงขั้นจ้างคนมาลักพาตัวเฉียวซิงลั่ว และสั่งให้คนพวกนั้นถ่ายรูปอนาจารและทำร้ายเธอด้วย”“ยังคิดว่าเธอไม่รู้เรื่องอยู่หรือเปล่าครับ?”คำพูดของกู้จือโม่จบลง กู้เซิ่งเหยียนยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองกู้จือโม่นิ่ง ๆ อยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เสี่ยวเยวี่ยไม่ได้มีจิตใจชั่วร้าย แกก็รู้ดีว่าเธอทำแบบนี้เพราะใส่ใจแก”“ส่วนเฉียวซิงลั่ว...” เขาหยุดพูดไปครู่ห

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 141

    ยามรุ่งสางฉันฟังเสียงฝีเท้าข้างนอกที่เริ่มเบาบางลงเรื่อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาเปลี่ยนสิบกว่านาทีต่อมา เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นฉันเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อประตูแง้มออก ก็พบกับสายตาของลั่วอี้ฝานที่เต็มไปด้วยความเย้าแหย่ “เป็นไงล่ะ? ถึงเวลาสำคัญก็ต้องพึ่งฉันอยู่ดีใช่ไหม?”ฉันชำเลืองมองรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว ลดเสียงลงต่ำถามเขาว่า “แล้วบอดี้การ์ดล่ะ?”“เรียบร้อย”ลั่วอี้ฝานยกมือทำท่าปาดคอ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ฉันกลอกตาอย่างอดไม่ได้ ดึงหมวกลงปิดหน้าให้ต่ำที่สุดแล้วรีบเดินออกไป “นายน่ะเหรอ?” “ทำไม? ไม่เชื่อหรือไง?” ลั่วอี้ฝานพูดพลางเดินตามฉัน ปากก็ยังไม่หยุดบ่น แต่ฝีเท้าก็ไวใช่ย่อย “เฮ้อ...สมัยก่อนฉันเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวนะ บอดี้การ์ดตัวเบ้อเริ่มนั่น ฉันจัดการได้สองคนสบาย ๆ...”เดินมาถึงมุมบันได ฉันหยุดนิ่ง เมื่อมองไปเห็นบอดี้การ์ดคนนั้นตอนนี้พยาบาลที่เข้าเวรในโรงพยาบาลกำลังอยู่ที่เคาน์เตอร์พยาบาล และยังไม่มีใครสังเกตเห็นฉันเดินเข้าไปใกล้บอดี้การ์ด ตรวจสอบลมหายใจของเขาอย่างระมัดระวัง ยังมีชีวิตอยู่ฉันตรวจสอบอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แล้วถอนหายใจ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 142

    ในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนหนึ่งก็เดินออกมา เธอเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมาตรฐานสำหรับงานบริการของเธอ“สวัสดีค่ะ มีเรื่องอะไรสามารถเข้าไปพูดข้างในได้เลยนะคะ” เธอพูดพร้อมชี้ไปยังห้องชุดที่อยู่ด้านในฉันหันไปสบตากับลั่วอี้ฝาน แล้วยิ้มให้เขาเหมือนต้องการบอกว่า ‘ไม่ต้องห่วง’ จากนั้นจึงเดินตามเจ้าหน้าที่หญิงเข้าไปภายในห้องสอบสวน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชายสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามฉัน หนึ่งในนั้นยื่นแก้วน้ำมาให้ “คุณไม่ต้องรีบร้อนนะ ค่อย ๆ พูดก็ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพจนถึงตอนนี้ ฉันถึงได้รู้สึกว่า ตัวเองปลอดภัยแล้วจริง ๆฉันหันมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบจนชวนให้ขนลุก“เมื่อไม่กี่วันก่อน มีคนจ้างวานให้คนมาลักพาตัวฉัน พร้อมทั้งพยายามจะข่มขืนและถ่ายภาพเปลือยของฉันเอาไว้ ตอนนั้นได้มีการแจ้งความไปแล้ว คุณน่าจะมีบันทึกคดีอยู่”“แต่คราวนี้ไม่ต้องสืบสวนอะไรอีกแล้ว ฉันตามเจอคนร้ายเอง และฉันมีหลักฐานชัดเจน”พูดจบ ฉันก็ยื่นโทรศัพท์ส่งไปให้เจ้าหน้าที่“เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่ง ชื่อเฉินเยวี่ย เป็นคนจ้างวานพวกคนร้าย ถ้าวันนั้นตำรวจไปช้ากว่าน

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 143

    ยังไม่ทันวิ่งไปได้กี่ก้าว เธอก็ถูกตำรวจที่รออยู่ด้านนอกกดลงกับพื้นทันที"วิ่งหนีทำไม? คิดว่าจะหนีรอดเหรอ?"เฉินเยวี่ยเงยหน้าขึ้น สีหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา"คุณตำรวจ คุณจับผิดคนหรือเปล่า? ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!""จับเธอนี่แหละ!" ตำรวจพูดพลางล็อกกุญแจมือที่ข้อมือของเฉินเยวี่ยอย่างคล่องแคล่วบรรยากาศในห้องเรียนที่เคยเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบดังขึ้นอีก"โห จริงเหรอ? มาจับเฉินเยวี่ยเลยเหรอ? เธอไปทำอะไรเข้าเนี่ย?""ฉันว่าแล้วว่าเธอไม่น่าใช่คนดีหรอก ครั้งก่อนก็ใส่ร้ายเฉียวซิงลั่วว่าเป็นขโมย แต่สุดท้ายโดนแฉกลับหน้าแหกไปเลย""ได้ยินมาว่าเธอมีเส้นสายใหญ่มาก ครั้งก่อนเรื่องก็วุ่นวายขนาดนั้น แต่เธอไม่เป็นอะไรเลย"เฉินเยวี่ยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลิงในกรงที่โดนคนมอง เธออับอายจนใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหูแต่ตำรวจที่มาจับตัวกลับไม่ไว้หน้าเธอเลยหัวหน้าทีมสืบสวนที่มาด้วยหยิบตราตำรวจขึ้นมาแสดง พร้อมกับกระชากเธอขึ้นอย่างไม่ปรานี"ฉันคือหัวหน้าทีมสืบสวนคดีอาญาแห่งสถานีตำรวจปักกิ่ง เธอต้องสงสัยว่าเป็นผู้จ้างวานลักพาตัวและทำร้ายร่างกาย มีหลักฐานชัดเจน ตอนนี้เราจะจับเธอ!"เสียงซุบซิบในห้องเรียนยิ่งดังกระหึ

บทล่าสุด

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 352

    จางเสี่ยวพยักหน้าเห็นด้วย และเสริมว่า “นอกจากนี้ เราต้องให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เนื้อผ้าและความประณีตในการตัดเย็บ เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงคุณภาพและมูลค่าของมันตั้งแต่แรกเห็น”ในช่วงเวลาต่อจากนี้ พวกเราก็รีบลงมือออกแบบอย่างรวดเร็วฉันวางแนวคิดเกี่ยวกับสไตล์โดยรวมและการออกแบบลวดลาย โดยมุ่งเน้นไปที่การคัดเลือกเนื้อผ้าและควบคุมกระบวนการผลิต พยายามทำให้ทุกองค์ประกอบสมบูรณ์แบบที่สุดหากต้องการออกแบบเสื้อผ้าที่โดดเด่นเพียงพอ เราต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี และตอนนี้ฉันต้องการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ผสมผสานองค์ประกอบของอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกันฉันรู้ดีว่า หากต้องการออกแบบเสื้อผ้าที่สามารถดึงดูดสายตาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และยังคงรักษาความนิยมในตลาดได้อย่างยาวนาน จำเป็นต้องหาจุดสมดุลที่ลงตัวระหว่างความวินเทจและความทันสมัยให้ได้ฉันหลับตาลง จินตนาการถึงองค์ประกอบสุดคลาสสิกจากอดีต กระดุมแบบจีนที่ประณีต เส้นสายอันอ่อนช้อยของกี่เพ้า รวมถึงการตัดเย็บที่เรียบง่ายและการจับคู่สีที่ทันสมัยฉันพยายามผสานองค์ประกอบเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อให้เสื้อผ้ามีทั้งกลิ่นอายของประวั

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 351

    “เธอกับฉันต่างก็รู้ดีว่าชื่อเสียงไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน มันต้องใช้เวลาสั่งสมและสะสมผลงาน สำหรับปัญหาที่เธอพูดถึง ฉันมีแนวคิดเบื้องต้นอยู่สองสามข้อ”“ก่อนอื่น เราสามารถเริ่มต้นจากแนวคิด ‘เล็กแต่โดดเด่น’ โดยใช้โซเชียลมีเดียและการกำหนดตลาดเป้าหมายอย่างแม่นยำ เพื่อดึงดูดกลุ่มแฟนคลับที่ภักดีในช่วงแรก เราสามารถผสมผสานแนวคิดการออกแบบของฉันเข้ากับประสบการณ์ด้านการบริหารของเธอ ร่วมกันสร้างคอลเลกชันแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นหรือซีรีส์แนวคอนเซ็ปต์ ที่ให้แต่ละชิ้นงานมีเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจะช่วยให้ได้รับความสนใจได้ง่ายขึ้น”“นอกจากนี้ สำหรับปัญหาที่ว่า การออกแบบของเธออาจถูกตั้งคำถามหรือไม่ได้รับความสนใจมากพอ เราสามารถใช้กลยุทธ์ ‘คอนเทนต์คือสิ่งสำคัญ’ โดยการนำเสนอภาพถ่ายคุณภาพสูง บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์อย่างละเอียด และให้โมเดลสื่อสารอารมณ์ของเสื้อผ้าได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้แต่ละชิ้นงานไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่เป็นการส่งต่อวัฒนธรรมและทัศนคติ นอกจากนี้ เราสามารถเชิญแฟชั่นบล็อกเกอร์หรือเคโอแอลที่มีอิทธิพลมาทดลองใส่และช่วยโปรโมต เพื่อใช้พลังของพวกเขาในการขยายอิทธิพลของแบรนด์ให้กว้างขึ้น”“นอ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 350

    พวกเรานัดกันที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ“ฉันอยากร่วมมือกับเธอ เพื่อสร้างแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ด้วยกัน”ตอนนี้ฉันมีเงินทุนอยู่บ้าง จึงสามารถออกแบบเสื้อผ้าได้ แล้วเขาจะช่วยฉันบริหารจัดการ พวกเราจะร่วมกันออกแบบและผลิตเสื้อผ้าเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งจะทำให้เราสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ภายในร้านกาแฟ แสงไฟอ่อนโยนส่องกระทบใบหน้าของซูข่ายเหวิน เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น“ร่วมมือกัน? สร้างแบรนด์เสื้อผ้า? ฟังดูเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก!” เขาเอนตัวมาข้างหน้าอย่างตื่นเต้น ชัดเจนว่าเขาสนใจข้อเสนอของฉันมากฉันพยักหน้าแล้วอธิบายแนวคิดของฉันอย่างละเอียด“ใช่เลย ฉันมีความสนใจอย่างมากในด้านการออกแบบเสื้อผ้า ส่วนเธอเองก็คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน สะสมทั้งประสบการณ์และทรัพยากรมากมาย ฉันคิดว่า ถ้าเราสามารถร่วมมือกันได้ มันคงจะสร้างประกายที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาแน่นอน”ซูข่ายเหวินคนกาแฟในถ้วยเบา ๆ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยความคิดของเขาออกมา“นี่เป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ แต่เราจำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ก่อนอื่น เราต้องกำหนดตำแหน่งของแบรนด์ให้ชัดเจน ว่าเราจะเดินสายแฟชั่นระดับไฮเอนด์แ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 349

    ค่ำคืนค่อย ๆ ล่วงเลย ไฟริมทางในมหาวิทยาลัยเริ่มส่องสว่าง เงาของพวกเราถูกยืดออกยาวใต้แสงไฟฉันเงยหน้ามองกู้จือโม่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังและความแน่วแน่ ทำให้หัวใจฉันสั่นไหวเล็กน้อยบางที ฉันอาจให้โอกาสเขา และให้โอกาสตัวเองด้วยเช่นกันมองเข้าไปในดวงตาของเขา อยู่ ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ ว่าทำไมถึงเคยยึดติดกับเขามากขนาดนั้น? บางทีอาจเป็นเพราะความรักของฉันที่มีต่อเขามันลึกซึ้งกว่าที่คิดจริง ๆบางทีความรักอาจค่อย ๆ งอก เงยขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว หรืออาจเป็นเพราะบางเหตุการณ์ที่ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งความรักถูกหว่านลงในใจฉัน พอรู้ตัวอีกที เมล็ดพันธุ์นั้นก็เติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ไปแล้ว“จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าเราสองคนจะมานั่งคุยอะไรกันที่นี่ในวันนี้ ก็คงไม่ได้คำตอบอะไรอยู่ดี ตอนนี้เรายังเด็กกันอยู่ ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไร บางทีตอนนี้เธออาจจะแค่รู้สึกผิดกับฉัน ถึงได้คิดแบบนี้ แต่พอถึงวันที่เธอเติบโตขึ้นจริง ๆ เธอจะยังคิดเหมือนเดิมอยู่ไหม?”ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเยวี่ยกับเขา ฉันไม่มีวันลืม ดังนั้นฉันรู้ดีว่า ตอนนี้เขายังไม่โตพอ แม้ว่าเขาจะดูเก่งกว่าคนทั่วไปมาก แต่ความคิด

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 348

    แววตาของเขาสะท้อนอารมณ์ที่ซับซ้อนออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า “ฉันแค่เป็นห่วงเธอ ไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บหรือเจอเรื่องร้าย”ฉันถอนหายใจเบา ๆ ในใจรู้สึกซับซ้อนอยู่ไม่น้อยความห่วงใยของกู้จือโม่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกดดันไปด้วยฉันไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด และยิ่งไม่อยากให้เขาทำอะไรที่หุนหันพลันแล่นเพราะความเข้าใจผิดนั้น“กู้จือโม่ ฉันรู้ว่านายหวังดี แต่ฉันกับซูข่ายเหวินเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ เราทั้งคู่กำลังพยายามเปิดโปงความผิดของศาสตราจารย์จาง ฉันหวังว่านายจะเข้าใจนะ”ฉันพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูจริงใจที่สุดเขาเงียบไปสักพัก แล้วค่อย ๆ พยักหน้า“ได้ ฉันเชื่อเธอ แต่เธอต้องระวังตัวให้ดี ศาสตราจารย์จางไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย ๆ”ฉันมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วพยักหน้าเบา ๆ“ฉันจะระวังตัว ขอบคุณนะ กู้จือโม่”เขายิ้มบาง ๆ ดวงตาสะท้อนความอ่อนโยนออกมาเล็กน้อย“ไม่ต้องเกรงใจ ไปเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่หอพักเอง”พวกเราเดินไปด้วยกันในบริเวณโรงเรียน แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบตัวเรา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเงียบสงบฉันรู้สึกถึงความสงบและความมั่นใจที่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 347

    ฉันแค่นหัวเราะเย็นโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ส่วนผู้หญิงตรงหน้าดูจะไม่พอใจอย่างมากในตอนนี้“ฉันก็ไม่อยากพูดคำสวยหรูพวกนี้กับคุณ และก็ไม่มีเวลาจะเสียไปมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นพอแค่นี้เถอะ ฉันจะไปแล้ว”ฉันหันหลังแล้วเดินจากไป ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นตะโกนด่าทออยู่ข้างหลัง แต่ก็ทำอะไรฉันไม่ได้เลยพอฉันกลับมาถึงมหาวิทยาลัยก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอยู่ไม่ไกลตามคาดกู้จือโม่เดินเข้ามาหาทันที พร้อมจ้องมองฉันด้วยสายตาร้อนแรง“ได้ยินมาว่าเธอได้รับบาดเจ็บ เป็นยังไงบ้าง?”ฉันยิ้มบาง ๆ พยายามทำให้ตัวเองไม่ดูอ่อนแอจนเกินไป“ไม่มีอะไรน่าห่วง แค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”กู้จือโม่ดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฉันนัก เขาขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล“เธอแน่ใจนะ? ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ต้องบอกฉันนะ”ฉันพยักหน้าเบา ๆ ความอบอุ่นเอ่อล้นขึ้นในใจในโลกที่ซับซ้อนใบนี้ การมีใครสักคนที่ห่วงใยอยู่เสมอเป็นเรื่องที่อบอุ่นใจฉันไม่ได้แหลมคมเฉียบขาดเหมือนเมื่อก่อน และก็ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่งแบบเดิมอีกแล้ว“ขอบคุณนะ ฉันจะระวังตัว”กู้จือโม่ดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของฉั

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 346

    ในช่วงหลายวันต่อมา ฉันและซูข่ายเหวินให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของตำรวจอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตามข่าวจากสื่ออย่างใกล้ชิดไม่นานนัก อาชญากรรมของศาสตราจารย์จางก็ถูกเปิดเผยออกมาทีละเรื่องแต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจก็คือ เรื่องนี้กลับถูกกลบด้วยเหตุการณ์อื่นอย่างรวดเร็วและเรื่องนี้ก็ถูกตำรวจจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคำตอบสุดท้ายจะทำให้ฉันประหลาดใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ตำรวจยืนอยู่ตรงหน้าฉันและอธิบายทุกอย่างให้ฟัง“จากการสืบสวนของเรา พบว่าผู้ก่อเหตุเพียงแค่ต้องการปล้นเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาถูกจ้างวานให้ฆ่าแต่อย่างใด”ฉันเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินปล้นงั้นเหรอ?เป็นไปได้ยังไง?คนนั้นชัดเจนว่าเล็งเป้าหมายมาที่ฉันโดยตรง แถมยังทิ้งคำพูดที่เกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์จางไว้หลังจากก่อเหตุ นี่มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้จริง ๆ เหรอ?“แต่... มีดในมือของเขา วิธีที่เขาโจมตีฉัน รวมถึงคำพูดนั้น...”ฉันพยายามอธิบาย แต่เสียงของฉันกลับอ่อนลงเรื่อย ๆซูข่ายเหวินจับมือฉันไว้ เป็นสัญญาณให้ฉันสงบสติอารมณ์ลงเขาหันไปมองตำรวจ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่เข้าใจตำรวจดู

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 345

    ฉันตกใจอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้จะลงมือทำร้ายฉันจริง ๆฉันรีบปรับสภาพจิตใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีที่อาจตามมาคนขี่มอเตอร์ไซค์ดูเหมือนไม่คิดจะให้ฉันมีโอกาสได้พักหายใจเลย เขาเงื้อไม้เบสบอลขึ้นอีกครั้งแล้วฟาดมาทางฉันอย่างรุนแรง!ฉันหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว พลางมองหาจังหวะที่จะตอบโต้กลับไปหลังจากปะทะกันไปหลายครั้ง ฉันสังเกตได้ว่าคนคนนี้มีฝีมือพอตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผ่านการฝึกฝนอย่างเป็นทางการฉันรู้สึกยินดีอยู่ลึก ๆ ในใจ เพราะเห็นโอกาสเล็กน้อยที่จะเอาชนะเขาได้ฉันเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีก่อน พยายามทำลายจังหวะของเขาเพื่อให้เขาเสียสมดุลและเปิดช่องโหว่หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็พบช่องโหว่และซัดหมัดตรงเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรง!เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นฉันถือโอกาสพุ่งเข้าไป หวังจะควบคุมตัวเขาให้สิ้นฤทธิ์แต่ในขณะนั้นเอง เขากลับควักมีดออกมาจากกระเป๋าแล้วพุ่งแทงมาทางฉัน!ฉันตกใจสุดขีด รีบถอยหลังออกไปทันทีแต่ฉันก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ไม่มีแรงมากนัก จะรับมือกับชายที่ดุดันเช่นนี้ได้อย่างไร?มีดสั้นพุ่งตรงมาทางฉัน ก่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 344

    “บางทีคุณอาจพูดถูก หากไม่มีการสนับสนุนจากคุณ ฉันอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายมากขึ้น แต่ฉันก็เชื่อว่า ตราบใดที่ฉันพยายามมากพอและยืนหยัดอย่างมั่นคง สักวันหนึ่งฉันจะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริงได้ และฉันก็เชื่อว่า บนโลกนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีความฝันและพรสวรรค์เหมือนฉัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคุณ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จในวงการนี้ได้!”เขาชัดเจนว่าโกรธจัดเพราะคำพูดของฉัน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่จ้องมองฉันอย่างดุดัน“เธอคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะเปลี่ยนอะไรได้งั้นเหรอ? ฉันจะบอกให้รู้ไว้เลยนะว่าเธอคิดผิด! เธอจะต้องเสียใจในทุกสิ่งที่เธอทำในวันนี้แน่นอน!”ฉันยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน“บางทีฉันอาจจะเสียใจ แต่ฉันจะไม่มีวันเสียใจในสิ่งที่ฉันเลือก เพราะฉันรู้ดีว่า มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่ทำให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง และทำให้ฉันสามารถเติมเต็มความฝันของตัวเองได้ และสำหรับคุณ ศาสตราจารย์จาง คุณจะต้องกลายเป็นฝันร้ายของตัวเอง”พูดจบ ฉันหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปตอนนั้นเอง ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาซูข่ายเหวิน“หลักฐานทั้งหมดเก็บรวบรวมเรียบร้อยหรือ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status