Share

บทที่ 138

Author: ลูกพีชแสนสวย
มองดูเขาในตอนนี้ ก็พลันนึกถึงเรื่องในชีวิตครั้งก่อน

คืนหนึ่งฉันมีไข้สูง โทรหากู้จือโม่เท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ

คนใช้ในบ้านพยายามจะพาฉันไปโรงพยาบาล แต่ฉันดื้อดึงจะรอให้กู้จือโม่กลับบ้านเอง

สุดท้ายฉันไข้ขึ้นจนหมดสติ ต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลถึงสามวันเต็ม

และในสามวันนั้น โทรศัพท์ของกู้จือโม่ก็ปิดเครื่องตลอด

ฉันถึงขั้นคิดไปว่าเขาอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

แต่ทว่า ฉันกลับบังเอิญเจอเขาที่มุมทางเดินในโรงพยาบาล

เขากำลังดูแลเฉินเยว่ด้วยความระมัดระวัง ในขณะที่เฉินเยว่แกล้งออดอ้อนเขาทันทีที่เห็นฉัน

“อาโม่ ฉันแค่ข้อเท้าแพลงเอง อยู่โรงพยาบาลมาตั้งสามวันแล้ว บริษัทต้องการนาย นายกลับไปเถอะ”

เธอยิ้มอย่างสดใส แต่สายตาของเธอนั้นทิ่มแทงใจฉัน

ตอนนั้นกู้จือโม่พูดว่าอะไรนะ?

เขาบอกว่า “ไม่เป็นไร เรื่องของบริษัทไม่สำคัญเท่าเธอ”

สรุปแล้วคือเรื่องของบริษัทไม่สำคัญ หรือว่าฉันไม่สำคัญกันแน่?

เมื่อดึงตัวเองกลับมาจากความทรงจำ ความเจ็บปวดในใจก็ยังคงเหมือนเดิม

ตอนนี้ถึงเวลาต้องเลือกอีกแล้ว

“แล้วนายล่ะ กู้จือโม่ นายก็เป็นหนี้บุญคุณเฉินเยว่ด้วยเหรอ?” ฉันพูดด้วยเสียงสั่นสะกดกลั้นความรู้สึก ไม่อยากเผยความอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 139

    ความรู้สึกมึนงงและคลื่นไส้ถาโถมเข้ามาในทันที ฉันจับที่พักแขนของรถเข็นเพื่อประคองตัวเองลุกขึ้น เดินโซเซไปที่ห้องน้ำแม้ว่าจะพยายามอาเจียนแต่กลับไม่มีอะไรออกมา มีเพียงกระเพาะที่หดเกร็งเป็นระลอกมันทรมานมาก ไม่ใช่แค่ร่างกาย ความรู้สึกในใจก็ย่ำแย่ไม่แพ้กันน้ำตาหยดใหญ่ ๆ ไหลลงมาเพราะอาการอาเจียน ฉันยกมือขึ้นปาดออก แล้วเดินออกมาสุดท้ายเมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป พยาบาลจึงเข้ามาฉีดยาคลายความเครียดให้ ฉันเอนตัวลงบนเตียงโดยไม่แม้แต่จะมองหน้ากู้จือโม่ เอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาหวิวว่า“บอกเขาให้ออกไปเถอะค่ะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา”หลังพูดจบ ฉันหันหน้าหนีไปอีกทาง แค่เห็นเขาอีกครั้งฉันก็รู้สึกขยะแขยงแล้วบางทีอาจเป็นเพราะสีหน้ารังเกียจของฉันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด กู้จือโม่เม้มปากแน่น ท่าทางเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรฉันรู้สึกสมเพช เขารู้ดีว่าการตัดสินใจของเขาจะทำให้ฉันเจ็บปวด แต่เขาก็ยังเลือกทำ แล้วตอนนี้เขาจะมาเสแสร้งทำตัวลำบากใจเพื่ออะไร?“ฉันไม่อยากเห็นเขา! บอกให้เขาออกไปเดี๋ยวนี้!”เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มอารมณ์เสียอีกครั้ง พยาบาลจึงเดินไปบอกกู้จือโม่ว่า “คนไข้ไม่อยากเห็นคุณ หากคุณอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะก

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 140

    เมืองอวิ๋นเฉิง บ้านตระกูลกู้กู้จือโม่ผู้มีร่างกายผอมบางยืนอยู่ตรงหน้ากู้เซิ่งเหยียน บรรยากาศระหว่างปู่หลานเต็มไปด้วยความตึงเครียดและดุดัน“คุณปู่ ปกป้องเฉินเยวี่ยแบบนี้เท่ากับสนับสนุนการกระทำของเธอนะครับ” กู้จือโม่พูดด้วยใบหน้าซีดเผือด เขาจ้องมองกู้เซิ่งเหยียนผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยอำนาจ “เธอไม่ได้เป็นเด็กผู้หญิงไร้เดียงสาและน่าสงสารเหมือนที่เคยคิดอีกแล้วนะครับ!”“ครั้งก่อนเธอจ้างคนสร้างข่าวเสียหายให้กับเฉียวซิงลั่ว จนเกือบทำลายชื่อเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง”“ตอนนั้นปู่บอกว่าเธอยังเด็ก ยังไม่รู้ผลของการกระทำ ให้ผมไปช่วยเธอ ผมก็ทำตามแล้ว แต่ผลลัพธ์เป็นยังไงล่ะครับ?”“ตอนนี้เธอถึงขั้นจ้างคนมาลักพาตัวเฉียวซิงลั่ว และสั่งให้คนพวกนั้นถ่ายรูปอนาจารและทำร้ายเธอด้วย”“ยังคิดว่าเธอไม่รู้เรื่องอยู่หรือเปล่าครับ?”คำพูดของกู้จือโม่จบลง กู้เซิ่งเหยียนยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองกู้จือโม่นิ่ง ๆ อยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เสี่ยวเยวี่ยไม่ได้มีจิตใจชั่วร้าย แกก็รู้ดีว่าเธอทำแบบนี้เพราะใส่ใจแก”“ส่วนเฉียวซิงลั่ว...” เขาหยุดพูดไปครู่ห

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 141

    ยามรุ่งสางฉันฟังเสียงฝีเท้าข้างนอกที่เริ่มเบาบางลงเรื่อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาเปลี่ยนสิบกว่านาทีต่อมา เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นฉันเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อประตูแง้มออก ก็พบกับสายตาของลั่วอี้ฝานที่เต็มไปด้วยความเย้าแหย่ “เป็นไงล่ะ? ถึงเวลาสำคัญก็ต้องพึ่งฉันอยู่ดีใช่ไหม?”ฉันชำเลืองมองรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว ลดเสียงลงต่ำถามเขาว่า “แล้วบอดี้การ์ดล่ะ?”“เรียบร้อย”ลั่วอี้ฝานยกมือทำท่าปาดคอ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ฉันกลอกตาอย่างอดไม่ได้ ดึงหมวกลงปิดหน้าให้ต่ำที่สุดแล้วรีบเดินออกไป “นายน่ะเหรอ?” “ทำไม? ไม่เชื่อหรือไง?” ลั่วอี้ฝานพูดพลางเดินตามฉัน ปากก็ยังไม่หยุดบ่น แต่ฝีเท้าก็ไวใช่ย่อย “เฮ้อ...สมัยก่อนฉันเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวนะ บอดี้การ์ดตัวเบ้อเริ่มนั่น ฉันจัดการได้สองคนสบาย ๆ...”เดินมาถึงมุมบันได ฉันหยุดนิ่ง เมื่อมองไปเห็นบอดี้การ์ดคนนั้นตอนนี้พยาบาลที่เข้าเวรในโรงพยาบาลกำลังอยู่ที่เคาน์เตอร์พยาบาล และยังไม่มีใครสังเกตเห็นฉันเดินเข้าไปใกล้บอดี้การ์ด ตรวจสอบลมหายใจของเขาอย่างระมัดระวัง ยังมีชีวิตอยู่ฉันตรวจสอบอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แล้วถอนหายใจ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 142

    ในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนหนึ่งก็เดินออกมา เธอเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมาตรฐานสำหรับงานบริการของเธอ“สวัสดีค่ะ มีเรื่องอะไรสามารถเข้าไปพูดข้างในได้เลยนะคะ” เธอพูดพร้อมชี้ไปยังห้องชุดที่อยู่ด้านในฉันหันไปสบตากับลั่วอี้ฝาน แล้วยิ้มให้เขาเหมือนต้องการบอกว่า ‘ไม่ต้องห่วง’ จากนั้นจึงเดินตามเจ้าหน้าที่หญิงเข้าไปภายในห้องสอบสวน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชายสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามฉัน หนึ่งในนั้นยื่นแก้วน้ำมาให้ “คุณไม่ต้องรีบร้อนนะ ค่อย ๆ พูดก็ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพจนถึงตอนนี้ ฉันถึงได้รู้สึกว่า ตัวเองปลอดภัยแล้วจริง ๆฉันหันมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบจนชวนให้ขนลุก“เมื่อไม่กี่วันก่อน มีคนจ้างวานให้คนมาลักพาตัวฉัน พร้อมทั้งพยายามจะข่มขืนและถ่ายภาพเปลือยของฉันเอาไว้ ตอนนั้นได้มีการแจ้งความไปแล้ว คุณน่าจะมีบันทึกคดีอยู่”“แต่คราวนี้ไม่ต้องสืบสวนอะไรอีกแล้ว ฉันตามเจอคนร้ายเอง และฉันมีหลักฐานชัดเจน”พูดจบ ฉันก็ยื่นโทรศัพท์ส่งไปให้เจ้าหน้าที่“เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่ง ชื่อเฉินเยวี่ย เป็นคนจ้างวานพวกคนร้าย ถ้าวันนั้นตำรวจไปช้ากว่าน

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 143

    ยังไม่ทันวิ่งไปได้กี่ก้าว เธอก็ถูกตำรวจที่รออยู่ด้านนอกกดลงกับพื้นทันที"วิ่งหนีทำไม? คิดว่าจะหนีรอดเหรอ?"เฉินเยวี่ยเงยหน้าขึ้น สีหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา"คุณตำรวจ คุณจับผิดคนหรือเปล่า? ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!""จับเธอนี่แหละ!" ตำรวจพูดพลางล็อกกุญแจมือที่ข้อมือของเฉินเยวี่ยอย่างคล่องแคล่วบรรยากาศในห้องเรียนที่เคยเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบดังขึ้นอีก"โห จริงเหรอ? มาจับเฉินเยวี่ยเลยเหรอ? เธอไปทำอะไรเข้าเนี่ย?""ฉันว่าแล้วว่าเธอไม่น่าใช่คนดีหรอก ครั้งก่อนก็ใส่ร้ายเฉียวซิงลั่วว่าเป็นขโมย แต่สุดท้ายโดนแฉกลับหน้าแหกไปเลย""ได้ยินมาว่าเธอมีเส้นสายใหญ่มาก ครั้งก่อนเรื่องก็วุ่นวายขนาดนั้น แต่เธอไม่เป็นอะไรเลย"เฉินเยวี่ยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลิงในกรงที่โดนคนมอง เธออับอายจนใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหูแต่ตำรวจที่มาจับตัวกลับไม่ไว้หน้าเธอเลยหัวหน้าทีมสืบสวนที่มาด้วยหยิบตราตำรวจขึ้นมาแสดง พร้อมกับกระชากเธอขึ้นอย่างไม่ปรานี"ฉันคือหัวหน้าทีมสืบสวนคดีอาญาแห่งสถานีตำรวจปักกิ่ง เธอต้องสงสัยว่าเป็นผู้จ้างวานลักพาตัวและทำร้ายร่างกาย มีหลักฐานชัดเจน ตอนนี้เราจะจับเธอ!"เสียงซุบซิบในห้องเรียนยิ่งดังกระหึ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 144

    เฉียวเจี้ยนกั๋วรู้สึกเหงื่อเย็นไหลซึมเต็มแผ่นหลัง ความกลัวทำให้เขาพูดจาติดขัด “ไม่...ไม่ใช่ครับ ทุกอย่างยังต้องพึ่งพาความเมตตาของท่านเสมอ”กู้เซิ่งเหยียนแค่นเสียงเย็นชา “นายก็ฉลาดใช้ได้ แต่น่าเสียดายที่ลูกนายโง่สิ้นดี!”“ฉันจำได้ว่าเฉียวกรุ๊ปของแกมีสัญญาหลายฉบับกับบริษัทย่อยของกู้กรุ๊ป ขอแค่ฉันพูดคำเดียว สัญญาเหล่านั้นก็จะเป็นแค่เศษกระดาษ!”เฉียวเจี้ยนกั๋วได้ยินดังนั้น รีบโบกมือพลางพูดอย่างลนลาน “คุณกู้ คุณไม่ทราบหรอกครับ ลูกสาวของผมไม่เคยเชื่อฟังตั้งแต่เล็ก ถ้าเธอทำอะไรให้ท่านไม่พอใจ ผมจะพาเธอกลับมา อยากจัดการยังไงก็ได้เลยครับ”เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ใช้มือลูบหน้าเพื่อสงบใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “แต่ผมไม่ทราบเลยว่าเธอทำอะไรให้ท่านไม่พอใจ และขอความกรุณาอย่าเพิ่งลงโทษที่เฉียวกรุ๊ปได้ไหมครับ?”เฉียวเจี้ยนกั๋วค่อย ๆ รินน้ำชาใส่ถ้วยชาอย่างระมัดระวัง น้ำชาล้นออกมาจนเกือบเต็ม ก่อนจะหยดลงบนตัวกบทอง[footnoteRef:0]ที่ส่งประกายสีแดงออกมา [0: ของตกแต่งบนโต๊ะน้ำชา] “ทั้งหมดขึ้นอยู่กับลูกสาวของแกว่าจะทำยังไง กลับไปสั่งสอนเธอให้ดี!”“เอ่อ ครับ ๆ ท่าน ผมจะกลับไปสั่งสอนเธออ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 145

    ฉันไม่รับสาย เฉียวเจี้ยนกั๋วจึงเปลี่ยนเป็นส่งข้อความมาถล่มแทน : ‘เฉียวซิงลั่ว! แกกล้าแอบถ่ายฉันเหรอ! ฉันเตือนแกนะ ถ้าแกกล้าปล่อยวิดีโอออกไป ฉันจะฆ่าย่าแก!’ : ‘เฉียวซิงลั่ว! แกมันลูกอกตัญญู! ฉันเลี้ยงแกมากินดีอยู่ดีขนาดนี้ แต่แกกลับกล้ามาขู่ฉัน!’ : ‘แกมันเนรคุณ ฉันไม่น่าเลย...ไม่น่ามีลูกอย่างแกเลยสักนิด!’ข้อความเด้งขึ้นมาทีละข้อความ ทุกข้อความฉันอ่านอย่างละเอียดทุกคำเฉียวเจี้ยนกั๋วตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว นอกจากความโกรธที่แสดงออกมาแบบไร้ประโยชน์ฉันไร้ความรู้สึก กดที่มุมขวาบนของแอปพลิเคชัน และบล็อกเฉียวเจี้ยนกั๋วในทันทีโลกกลับมาสงบอีกครั้งการที่กู้เซิ่งเหยียนไปหาเฉียวเจี้ยนกั๋ว หมายความว่าเขารู้เรื่องที่เฉินเยวี่ยถูกจับกุมแล้วถ้ากู้เซิ่งเหยียนเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ ฉันไม่แน่ใจว่าเฉินเยวี่ยจะต้องติดคุกหรือไม่ และไม่แน่ใจว่าเฉียวเจี้ยนกั๋วที่กำลังจนตรอกจะกล้าลงมือทำอะไรกับย่าฉันจริง ๆ หรือเปล่าฉันกลัว...แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นฉันไม่อยากถูกเฉียวเจี้ยนกั๋วขู่ต่อไป และไม่ต้องการก้มหัวให้เขา ทางเดียวที่ทำได้คือเสี่ยงเดิมพันครั้งนี้ และรอข่าวจากลั่วอี้ฝานหลายวันแล้วที่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 146

    ฉันพลิกดูรูปถ่ายที่ถ่ายกับคุณย่า พลางพึมพำเบา ๆ ไม่ทันรู้ตัว น้ำตาก็ไหลรินอาบใบหน้าไปเสียแล้วปวดท้องจนฉันต้องขดตัวเองเข้าหากัน ความรู้สึกหมดเรี่ยวแรงที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ถาโถมเข้ามาท่วมทั้งร่างกายผ่านไปอีกประมาณสิบนาทีกว่า เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง“สวัสดีครับ เม่าโถวเดลิเวอรี่ครับ”เสียงผู้ชายที่ไม่คุ้น“คุณวางไว้หน้าประตูเลยค่ะ” ฉันไม่แน่ใจว่ากู้จือโม่ออกไปแล้วหรือยัง เลยไม่กล้าเปิดประตู“งั้นรบกวนให้คะแนนดี ๆ ด้วยนะครับ!” หลังจากพูดประโยคนี้ เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากด้านนอก ฟังดูเหมือนจะเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วผ่านไปสักพักใหญ่ ฉันถึงได้มองออกไปข้างนอกผ่านรูตาแมวเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ฉันจึงเปิดประตูและหยิบยาเข้ามากู้จือโม่จากไปจริง ๆ แล้วฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะรินน้ำใส่แก้วแล้วกินยาเข้าไป จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาไถเล่นแก้เบื่อความเจ็บปวดจากกระเพาะค่อย ๆ เริ่มทุเลาลง แต่ฉันกลับนอนไม่หลับอีกเลยไม่ได้นอนทั้งคืนเลย จนกระทั่งฟ้าสว่าง ความง่วงถึงค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาฉันกำลังจะวางมือถือแล้วนอน ลั่วอี้ฝานก็ส่งข้อความมาพอดีในวินาทีถัดมา ฉันก็ดีดตัวลุกขึ้นจ

Latest chapter

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 370

    “อย่าให้เธอหนีไปได้!”เสียงคำรามของหัวหน้าชายดังมาจากด้านหลัง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และแฝงความเร่งรีบอย่างชัดเจนแต่ฉันรู้ดีว่า นี่คือโอกาสสุดท้ายของฉันฉันพุ่งเข้าไปในห้องนอนโดยไม่ลังเล โถมตัวเข้าหาหน้าต่างทันที ใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเปิดบานหน้าต่างที่หนักและเก่าไปสุดแรงสายลมเย็นพัดกระทบใบหน้า พร้อมกับกลิ่นอายของค่ำคืน ทำให้ฉันลืมความหวาดกลัวและความเหนื่อยล้าไปชั่วขณะฉันลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันตัวเตรียมหนีไป แต่ทันใดนั้นเอง ปลายเสื้อของฉันก็ถูกกระชากเอาไว้!“ปล่อยฉันนะ!”ฉันอุทานออกมาด้วยความตกใจ พยายามดิ้นรนสุดแรง แต่แรงที่จับฉันไว้นั้นแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว ราวกับจะดึงฉันกลับเข้าไปในห้องอย่างไม่ปรานีในช่วงเวลาที่คับขันที่สุด ฉันเหวี่ยงมีดปอกผลไม้ในมือออกไปอย่างสุดแรง แม้ว่าจะไม่ได้แทงเข้าเป้าตรง ๆ แต่คมมีดก็เฉือนเข้าที่แขนของเขา ทิ้งรอยแผลลึกไว้พร้อมกับเลือดที่ไหลซึมออกมา!ความเจ็บปวดทำให้เขาเผลอคลายมือโดยไม่รู้ตัว ฉันฉวยโอกาสนี้สะบัดตัวหลุดจากการควบคุม แล้วกระโจนออกไปทันที ร่างของฉันลอยอยู่กลางอากาศ แขวนตัวอยู่เหนือพื้นด้านล่าง!‘กระโดดเร็ว!’ฉันตะโกน

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 369

    ในตอนนั้นเอง ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของฉันอย่างกะทันหันฉันต้องการหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ตัวตนของพวกเขา หรืออย่างน้อยก็ถ่วงเวลาไว้ เพื่อรอโอกาสที่อาจเปลี่ยนสถานการณ์ได้แต่ฉันก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือพวกเขากำลังทดสอบขีดจำกัดของฉันฉันเป็นผู้หญิงที่อาศัยอยู่ตามลำพัง ไร้ที่พึ่งพาเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ฉันรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ จำเป็นต้องรักษาความสงบและใช้สติปัญญาอย่างถึงที่สุดฉันกวาดตามองชายเหล่านั้นอย่างเงียบ ๆ โดยประมาณแล้วดูเหมือนว่าจะมีเพียงสามคนฉันคำนวณในใจเงียบ ๆ หากจำเป็นต้องลงมือ อย่างน้อยฉันต้องพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาเสียก่อนดังนั้น ฉันจึงจงใจเพิ่มระดับเสียง ทำท่าเหมือนกำลังหาโทรศัพท์ไปด้วย ขณะเดียวกันก็ใช้หางตาสังเกตปฏิกิริยาของพวกเขาอย่างระมัดระวัง“ขอโทษค่ะ ดูเหมือนว่าโทรศัพท์ของฉันจะอยู่ในห้องนั่งเล่น รอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวฉันกลับมา”พูดจบ ฉันค่อย ๆ หมุนตัวทำท่าเหมือนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง แต่แท้จริงแล้ว ฉันใช้ปลายเท้าเกี่ยวเข้ากับกระถางต้นไม้ที่วางอยู่ตรงขอบประตู กระถางนั้นเป็นเพียงของตกแต่งในชีวิตประจ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 368

    ชายคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ยังคงแฝงไปด้วยความหนักแน่นฉันพยักหน้า พยายามทำให้เสียงของตัวเองฟังดูนิ่งสงบที่สุด“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“พวกเราเป็นทีมปฏิบัติการพิเศษของตำรวจ เกี่ยวกับเหตุการณ์ปล้นในช่วงเช้าวันนี้ เรามีบางเรื่องที่ต้องสอบถามคุณเพิ่มเติม”ชายที่เป็นผู้นำยื่นบัตรประจำตัวให้ดู น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังที่ไม่อาจมองข้ามได้ฉันชะงักไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเหตุปล้นที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา จะโยงมาถึงตัวฉันได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ฉันก็พยายามทำตัวให้สงบที่สุด ก่อนจะขยับตัวหลบไปด้านข้าง เตรียมให้พวกเขาเข้ามาในบ้านแต่ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ดึกขนาดนี้ ตำรวจจะมาหาฉันถึงบ้านได้อย่างไรกัน?ฉันหยุดเดินทันที ความระแวงพุ่งขึ้นสุดขีด สายตากวาดมองไปมาระหว่างชายเหล่านั้น พยายามจับพิรุธจากแววตาของพวกเขาในตอนนั้นเอง เบาะแสเล็กน้อยบางอย่างก็สะดุดตาฉันชายที่เป็นหัวหน้าถึงแม้จะแสดงบัตรออกมา แต่ในสายตาที่พร่ามัวของฉัน บัตรใบนั้นดูเหมือนจะมีแสงสะท้อนที่ผิดปกติ ไม่เหมือนกับวัสดุพลาสติกทั่วไปที่ควรจะเป็นเมื่ออยู่ใต้แสงไฟ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 367

    สำหรับกู้จือโม่ ความรักของเขามีหรือไม่มี ก็ไม่สำคัญสำหรับฉันอีกต่อไปบางที สักวันหนึ่ง เขาอาจยอมทิ้งฉันเพื่อครอบครัวของเขาก็เป็นได้คิดมาถึงตรงนี้ ฉันเผลอแสดงรอยยิ้มขมขื่นออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ในรอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปด้วยความปล่อยวางเช้าวันรุ่งขึ้น ฉันเก็บข้าวของเสร็จล่วงหน้าแล้วและออกเดินไปตามทางแสงแดดลอดผ่านกลุ่มเมฆบางเบา โปรยเป็นลวดลายลงบนพื้น เติมความอบอุ่นให้กับเช้าวันนี้ที่เงียบเหงาขึ้นมาเล็กน้อยฉันสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปลึก ๆ พยายามปล่อยความหม่นหมองของเมื่อคืนออกไปทั้งหมด และเตรียมตัวต้อนรับวันใหม่บนท้องถนน ผู้คนเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนต่างก้าวเดินอย่างเร่งรีบและวุ่นวายกับชีวิตของตัวเองฉันเดินไปอย่างไร้จุดหมาย แต่ในใจกลับมีทิศทางที่ชัดเจน ฉันจะมุ่งมั่นกับชีวิตและหน้าที่ของตัวเองให้มากขึ้น และจะไม่ให้ความรู้สึกมาผูกมัดฉันอีกต่อไปขณะที่ฉันกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงบรอบตัวฉันหันกลับไปมอง เห็นชายคนหนึ่งวิ่งตรงมาหาฉันด้วยท่าทางตื่นตระหนก ขณะที่ด้านหลังของเขามีกลุ่มชายฉกรรจ์สีหน้าดุดันไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด เห็นได้ชัดว

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 366

    เมื่อหลินเฉี่ยนได้ยินดังนั้น ดวงตาของเธอแดงก่ำ แต่เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมาการอยู่ที่นี่ต่อไปจะยิ่งทำให้สถานการณ์น่าอึดอัดขึ้น ฉันหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกไปทันทีเดินอยู่บนถนนอันเงียบสงัด ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เด็กหนุ่มที่เคยอ่อนโยนและน่ารักในวันวาน กลับมาทะเลาะกันเพราะเรื่องของความรู้สึกในตอนนี้ดูเหมือนจะสามารถสืบทอดกิจการของครอบครัวได้ แต่กลับสูญเสียอิสรภาพในการเลือกความรักของตัวเองไม่รู้ว่าเดินมาได้นานแค่ไหน ฉันก็พบว่าตัวเองมาถึงริมแม่น้ำแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงพลบค่ำพอดีสายลมยามค่ำคืนพัดผ่านเบา ๆ นำพาความเย็นเล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนจะช่วยพัดพาความหงุดหงิดในใจให้จางหายไปด้วยฉันเดินทอดน่องเพียงลำพังบนถนนที่มีแสงไฟสลัว ในหัวยังคงฉายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านกาแฟซ้ำแล้วซ้ำเล่าความรัก ความรับผิดชอบ ผลประโยชน์ของครอบครัว... คำเหล่านี้สานกันเป็นใยซับซ้อนในความคิดของฉัน ทำให้ยากที่จะหลุดพ้นบางเรื่องฉันเคยผ่านมันมาแล้ว แต่บางเรื่องกลับทำให้ฉันเจ็บปวดเหลือเกิน แม้ว่าจะมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ ฉันก็ยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการอยู่ดีฉันหยุดเดิน เ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 365

    สีหน้าของลู่เฉินเต็มไปด้วยความสับสน เขามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะรีบหลบสายตากลับไป ราวกับกำลังชั่งใจและตัดสินใจบางอย่างในใจฉันรับรู้ได้ถึงความสับสนและความเจ็บปวดในใจของเขา ไม่ใช่แค่เพราะหลินเฉี่ยนที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังเป็นเพราะทางเลือกที่เขาเคยทำ รวมถึงความไม่แน่นอนต่ออนาคตของตัวเอง“หลินเฉี่ยน เธอใจเย็น ๆ ก่อนนะ”น้ำเสียงของลู่เฉินพยายามรักษาความสงบ แต่ความเหนื่อยล้าและความสิ้นหวังที่ซ่อนอยู่กลับไม่อาจปกปิดได้“ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคุยเรื่องนี้ เราหาเวลาคุยกันให้ดีอีกทีได้ไหม?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลินเฉี่ยนไม่ได้ดีขึ้นมากนัก แต่เธอดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าสถานการณ์ตรงนี้ไม่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยเรื่องนี้ เธอจึงสูดลมหายใจลึก พยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง“ก็ได้ แต่ฉันต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากคุณตอนนี้เลย เกี่ยวกับการหมั้นของเรา คุณคิดยังไงกันแน่?”ลู่เฉินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างช้า ๆ ในที่สุด“หลินเฉี่ยน ผมรู้ว่าฉันติดค้างคำอธิบายกับคุณ เกี่ยวกับการหมั้น ผมไม่เคยคิดจะหนี เพียงแต่... ผมต้องใช้เวลาเพื่อจัดการความคิดของตัวเอง ธุรกิจของครอบครัว อนาคตของเราสักหน่อย เร

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 364

    ในคำพูดของเขา มีทั้งความจำใจต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ความคิดถึงอดีต และความสับสนต่ออนาคตที่ไม่แน่นอนฉันตระหนักได้ว่าหนทางชีวิตของแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราต่างก็ใช้วิธีของตัวเองในการประนีประนอมกับโลกใบนี้ และพูดคุยกับตัวเองภายในใจฉันแตะหลังมือของเขาเบา ๆ อย่างแผ่วเบา มอบกำลังใจให้เขาโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใด ๆ“จริง ๆ แล้ว ทุกเส้นทางชีวิตล้วนมีคุณค่าและความหมายในแบบของตัวเอง การที่นายรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว นั่นก็เป็นความรับผิดชอบและความกล้าหาญในอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนเรื่องการแต่งงาน แม้ว่าตอนแรกอาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ชีวิตเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ใครจะรู้ได้ล่ะว่า คู่ชีวิตในอนาคตอาจกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนายก็ได้?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเขาฉายแววคลายกังวลขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ อย่างไม่รู้ตัว“เธอพูดถูกนะ เฉียวเฉียว บางทีฉันอาจจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป”ท่ามกลางบทสนทนา กลิ่นหอมของกาแฟอบอวลไปทั่วอากาศ ราวกับพาเราย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลามัธยมที่ไร้กังวลอีกครั้ง“จริง ๆ แล้ว นายอาจรู้สึกว่าชีวิตตอนนี้เหมือนกรงขัง แต่พวกเราที่ดิ้นรนต่อสู้อยู่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 363

    ในตอนนั้น หัวใจของฉันเจ็บปวดราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แต่ยังต้องฝืนยิ้มต่อหน้าผู้คน และเล่นตามบทบาทในพิธีศพอันแสนไร้สาระทุกครั้งที่ฉันมองแผ่นหลังของไอ้สารเลวนั่น ความโกรธและความเศร้าที่ไม่อาจบรรยายได้ก็เอ่อล้นขึ้นมาในใจคนที่ควรจะเป็นที่พึ่งพาที่มั่นคงที่สุดของฉัน กลับเลือกที่จะใช้การจากไปของคุณย่าเพื่อตอบสนองความต้องการเห็นแก่ตัวของตัวเอง ในช่วงเวลาที่ฉันต้องการความเข้าใจและการสนับสนุนมากที่สุดหลังจากพิธีศพจบลง ฉันเดินวนเวียนอยู่เพียงลำพังในสวนหลังบ้าน แสงจันทร์สาดส่องลงมา ทำให้บรรยากาศยิ่งเย็นเยียบและเงียบเหงาเป็นพิเศษฉันหวนคิดถึงทุกช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นที่เคยใช้ร่วมกับคุณย่า รอยยิ้มของเธอ คำสอนของย่า ราวกับยังคงก้องอยู่ข้างหูน้ำตาไหลรินอย่างเงียบงันในช่วงเวลานี้ ความคับแค้น ความโกรธ และความไม่ยอมรับทุกอย่าง ถูกปลดปล่อยออกมาในที่สุดแต่ตอนนี้ คนที่เจ็บปวดจริง ๆ คือเฉิงเฉิง ฉันรู้สึกทรมานใจเหลือเกินเห็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันกลายเป็นคนหมดอาลัยตายอยากหลังจากการจากไปของคุณย่า ฉันเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกันฉันสูดลมหายใจลึก พยายามทำให้ตัวเองสงบลง แล้วหันไปมองเฉิงเฉิงด้วยความต

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 362

    “ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ เฉียวเฉียว การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือน แต่เช่นเดียวกับที่เธอกล่าวไว้ เราทุกคนจำเป็นต้องหาหนทางที่จะก้าวออกจากความเศร้าและกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง คุณทำได้ และฉันเชื่อว่าฉันก็ทำได้เช่นกัน”เสียงของเฉิงเฉิงเต็มไปด้วยความหนักแน่นมากขึ้น แม้ว่าดวงตาจะยังคงแดงก่ำ แต่ความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตก็ได้ปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ“ฉันจำได้ว่า คุณย่าเคยบอกฉันว่า ชีวิตก็เหมือนการเดินทาง เราจะได้พบเจอผู้คนมากมาย และก็ต้องลาจากกับหลายคนเช่นกัน การจากไปของแต่ละคนมีไว้เพื่อให้เราซาบซึ้งกับคนที่ยังอยู่เคียงข้างเรามากขึ้น และให้เห็นคุณค่าของเส้นทางชีวิตข้างหน้าของตัวเอง ฉันคิดว่า ตอนนี้ย่าคงอยู่ที่ไหนสักแห่ง มองฉันด้วยความอ่อนโยน และหวังให้ฉันเข้มแข็งก้าวต่อไป”ฉันจับมือเธอเบา ๆ มอบกำลังใจให้เธอโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใด ๆ“เฉิงเฉิง คำพูดของย่าเธอถูกต้องแล้ว เราต้องก้าวต่อไปโดยมีความรักของเธออยู่กับเรา พรุ่งนี้เราจะเผชิญกับพิธีศพด้วยกัน แม้ว่ามันจะยาก แต่ก็นับเป็นการอำลาย่าของเธอ และเป็นก้าวสำคัญของการเติบโตของเราเอง”คืนนั้น เราคุยกันมากมาย ตั้งแต่ความทรง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status