ชุนหลันหันมาพยักหน้าให้กับซานหรง ทั้งคู่นั่งลงตามคำเชิญของนักบวชหนุ่ม ท่าทางที่สงบน่านับถือของเขาทำให้ซานหรงนึกเลื่อมใสแต่ก็ยังติดใจกับคำพูดทักทายเมื่อครู่ของเขาอยู่ไม่น้อย บทสนทนาเริ่มขึ้นหลังจากที่ทั้งสามนั่งลงที่โต๊ะกลม“ใต้ซือทราบว่าข้าจะมาจริง ๆ ด้วยสินะเจ้าคะ”“แม้ว่าจะใกล้ฤดูวสันต์แล้วแต่วันนี้ตะวันกลับคล้อยเคลื่อนลับขอบฟ้าช้ากว่าทุกวันนั่นแสดงว่าเกิดเรื่องขึ้น ว่ามาเถอะมีสิ่งใดที่อยากให้อาตมาช่วยเหลือ”“ใต้ซือมองเพียงท้องฟ้าก็รู้ได้เลยหรือว่าพวกเราจะมาพบท่านที่นี่”“ใต้ซืออู๋หยวน” เพียงแค่หันมามองใบหน้าบุรุษหนุ่มและนิ่งไปเพียงครู่เดียวก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา“ทุกคนล้วนมีความลับ ประสกว่าธุระมาดีกว่าหากยิ่งปล่อยนาน อาจจะไม่เป็นผลดีกับคนที่พวกท่านอยากจะช่วยเหลือ”“ใต้ซือ ท่านอ๋องถูกพิษหญ้าฝันเลื่อนลอย พวกเรามาที่นี่เพื่อมาขอให้ท่านช่วยเจ้าค่ะ”ใต้ซื้ออู๋หยวนฟังจบแล้วนิ่งไป เขาค่อย ๆ หลับตาและนับประคำบนนิ้วมือ จวินซานหรงที่ร้อนใจกำลังจะพูดบางอย่างแต่ชุนหลันจับมือของเขาเอาไว้และส่ายหน้าให้เล็กน้อย ไม่นานใต้ซือก็ลืมตาขึ้น“ก่อกรรมไม่จบไม่สิ้นครั้งนี้คงถึงเวลาแล้ว พวกท่านรออยู่ที่นี่ก่อน
“ลี่จินเซียน!!”เสียงของท่านอ๋องดังขึ้นจนทำให้ลี่จินเซียนตกใจสุดชีวิตเมื่อหันไปมองท่านอ๋องและจวินซานหรงเดินลงมาจากตำหนัก ชุนหลันนิ่งไปแล้วหลังจากที่ฟังลี่จินเซียนพูดจบ และค่อย ๆ หันมามองทั้งสองที่ค่อย ๆ เดินลงมาพร้อมกัน จวินซานหรงรีบเดินเข้ามาหานางทันที“ฮ่า ๆ เล่อชุนหลัน นี่เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าไม่เคยรู้เลยและยังโง่อยู่ถึงตอนนี้ ฮ่า ๆ สีหน้าแบบนั้นคืออะไรข้าเดาถูกสินะ”“สนมลี่ พอที อาหลันข้า…”จวินซานหรงจับมือนางเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าชุนหลันจะโกรธแต่ตอนนี้นางมองเขาด้วยสีหน้าที่เลื่อนลอยและเขาไม่รู้เลยว่านางคิดอะไรอยู่เมื่อหันไปมองที่ลี่จินเซียนอีกครั้ง“ข้ารู้นานแล้วว่าเขาคือใคร”เสียงหัวเราะเยาะของสนมลี่หยุดลงพร้อมกับสีหน้านิ่งที่หันมามองนางอีกครั้ง“ไม่จริงนี่เจ้า… รู้แล้วงั้นหรือ”“แล้วทำไมข้าจะรู้ไม่ได้เล่า คู่หมั้นข้าเป็นใครมาจากไหนข้าจะไม่รู้เลยงั้นหรือลี่จินเซียน เจ้าน่ะฉลาดแต่เรื่องของผู้อื่นส่วนเรื่องตัวเองกลับเอาตัวไม่รอดสักอย่าง ดูเจ้าในตอนนี้สิคาดหวังอะไรอยู่งั้นหรือ อยากให้ข้ารู้สึกเจ็บปวดโกรธเดือดร้อนทุรนทุรายแต่คนที่เจ็บปวดกลับไม่ใช่ข้า เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้ลี่จินเซียนเป็
“อาหลัน”“ทูลลาเพคะ”ซานหรงก้าวขาไม่ออกเมื่อเห็นเล่อชุนหลันเดินไปที่ม้าและควบออกจากจวนอ๋องไปในทันที เรื่องราวคงจะไม่เป็นเช่นนี้หากว่าเขาตัดสินใจบอกนางไปตั้งแต่ครั้งก่อนที่นางไปหาเขาที่จวน แต่ในครั้งนั้นเขาพูดไม่ออกจริง ๆ และยังปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ ก็ไม่แปลกที่นางจะโกรธเขาถึงเพียงนี้“อาหลัน ข้าทำผิดต่อเจ้าแต่ว่าข้าไม่มีทางยอมแพ้ และไม่มีทางยอมเสียเจ้าไป"ห้องของชุนหลัน นางกลับมาพร้อมกับความสับสนในใจที่ไม่อาจหาคำตอบได้ เขาคือ “องค์รัชทายาท” ซึ่งเดิมทีต้องอยู่ที่เมืองหลวง แต่ในความทรงจำของนางไม่เคยมีเขาอยู่เลย ในชาติที่แล้วแม้จะจำได้ว่าเคยพบกันครั้งหนึ่งตอนงานเลี้ยงแต่หลังจากที่นางเข้าจวนอ๋องไปแล้วก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลย“นั่นแสดงว่าเขาคงกลับเมืองหลวงในช่วงนั้นพอดีสินะ เพราะต้องกลับไปคุมทัพหลวงมาช่วยท่านอ๋อง”แม้ว่าจะหนีจากการเป็นพระชายาของท่านอ๋องมาได้แต่นางกลับพบเจอสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเกินความคาดหมายเอาไว้ เดิมทีคิดจะใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ และคิดว่าหากเขาเป็นเพียงขุนนางจริง ๆ ก็คงจะดีเพราะนางจะได้ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวสนามแห่งอำนาจนี้อีกครั้ง“ข้าจะทำเช่นไรดี”แต่ทว่าในใจนา
“นี่นางรู้แล้วงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่ เมื่อคืนนี้ลี่จินเซียนเป็นคนบอกกับนางระหว่างที่ข้าเอายาถอนพิษไปให้น้องแปด”“มิน่าเล่าถึงได้กลับมาก็เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมพบผู้ใดอีกเลย ว่าแต่สนมลี่ทราบได้เช่นไรว่าพระองค์คือผู้ใด”“นางแอบฟังข้ากับน้องแปดคุยกัน เดิมทีนางก็เฝ้าหาเรื่องน้องแปดอยู่แล้วแต่วันนั้นเพราะมัวแต่วุ่นวาย องครักษ์ไม่มีอยู่ที่หน้าห้องนางจึงได้มีโอกาสยืนแอบฟัง นางโกรธและคิดว่าชุนหลันหลอกนางให้แต่งงานกับน้องแปดเพราะอยากได้ตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาทที่สูงกว่าพระชายาอ๋อง ดังนั้น…”“ไร้สาระสิ้นดี มิใช่สกุลลี่หรอกหรือที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้แต่งเข้าจวนอ๋อง ถึงกับส่งข่าวให้สนมลี่ผู้เป็นน้องสาวเข้าหาฝ่าบาทเพียงเพื่อต้องการกดดันท่านอ๋อง สุดท้ายก็ได้แต่งเข้าไปนี่นางยังกล้าโทษคนอื่นอีกงั้นหรือ มันน่าโมโหนัก”“เสนาบดีเล่อ ชุนหลันนาง… ป่วยจริง ๆ หรือ”“เอ่อเรื่องนี้…”“แค่มองหน้าท่านข้าก็รู้แล้ว ในเมื่อนางยังไม่อยากพบข้าเช่นนั้นก็ไม่เป็นไรข้าจะไม่บังคับนาง ปล่อยให้นางได้มีเวลาคิดทบทวนสักพักแล้วข้าจะมาเยี่ยมใหม่”“กระหม่อมขออภัยที่ไม่สามารถช่วยได้พ่ะย่ะค่ะ”“ไม่เป็นไรเรื่องนี้ข้าเ
“ข้า….”“เจ้าก็แค่โกรธที่พระองค์มิได้บอกความจริงกับเจ้าด้วยตัวเองแต่เจ้ากลับรู้จากปากของผู้อื่น ที่สำคัญผู้ที่บอกเจ้ากลับเป็นสนมลี่สินะ มันจึงทำให้เจ้ารู้สึกโกรธและเจ็บใจ แต่ก็ยังรักองค์ชายจึงไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี”ฮูหยินหันไปมองชุนหลันที่เริ่มมีน้ำตารื้นขึ้นมา นางค่อย ๆ เดินไปกอดบุตรสาวเอาไว้แน่นเพราะเข้าใจความรู้สึกสับสนของนางดี แม้ว่าจะโกรธแต่ก็มิอาจหักใจที่รักเขาไปได้ แต่ก็เกลียดที่เขาปล่อยให้คนอย่างลี่จินเซียนนำเรื่องนี้มาเยาะเย้ยนางได้“ลูกก็แค่ต้องการเวลา อีกอย่างหากเขาเป็นองค์รัชทายาทจริง ๆ ลูก..”“พ่อรู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แล้วองค์ชายเองก็ทรงทราบว่าเจ้าจะกังวลสิ่งใดหลังจากที่รู้ฐานะของพระองค์ ดังนั้นจึงได้จัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ให้เจ้าและสกุลเล่อของเรา”เล่ออันจ้านหยิบจดหมายซองสีทองขึ้นมาและยื่นให้ทุกคนดู จื่อหลงรับหน้าที่อ่านให้ทุกคนฟัง“ขอให้สกุลเล่อย้ายไปที่เมืองหลวง ให้ข้าเข้าสังกัดกรมคลังตามเดิมส่วนท่านพ่อกลับคืนสู่ตำแหน่งเสนาบดีของฝ่าบาทพร้อมจวนพระราชทานหลังใหม่ ที่ดินอีกสองร้อยไร่และทองอีกสามหมื่นตำลึง เงินอีกห้าหมื่นตำลึงเพื่อเป็นสินสอดสำหรับพระชายาองค์รัชทายาท ท่า
“โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว เหตุใดจึงทำเช่นนี้ได้ข้าจะรีบไปสั่งให้คนตรวจสอบ”“อย่าพึ่งเสิ่นกง อย่าพึ่งไปหากเจ้าไปตอนนี้ก็เท่ากับแหวกหญ้าให้งูตื่น”“แต่ว่าท่านอ๋อง…”“ถูกต้องแล้ว ตอนนี้พวกท่านอย่าพึ่งทำอะไรทั้งนั้น เสิ่นกงท่านต้องรีบจัดการสิ่งนี้ให้เงียบที่สุดและทุกคนต้องทำตัวปกติอย่าให้ผู้ใดจับพิรุธได้ ซานหรงท่านมากับข้า”“ได้สิ”พวกเขาจัดการเครื่องนอนพิษนั้นทันที ซานหรงและชุนหลันเดินเข้ามาในห้องบรรทมสำรองของท่านอ๋อง เป็นห้องที่นางบอกให้เสิ่นปาและเสิ่นกงพาเข้ามา“เปิดหน้าต่างออก ให้ร่างของเขาถูกแสงแดดให้มากที่สุด ลมตอนนี้จะพัดเข้ามาทางนี้พอดีเร็วเข้า”“แต่ว่าท่านอ๋องได้รับพิษนะ คุณหนูเล่อนี่มันจะไม่…”“ทำตามที่นางบอกเถอะเร็ว ๆ เข้าเสิ่นปา”“ขอรับ”แม้ว่าจะไม่อยากเชื่อแต่เสิ่นปาก็ทำตาม เมื่อหน้าต่างเปิดออก แสงแดดยามบ่ายคล้อยเย็นสาดส่องเข้ามาที่ร่างของท่านอ๋องพวกเขาจึงค่อย ๆ เห็นบางอย่างที่ลอยขึ้นจากพระวรกาย“เสิ่นปาท่านออกมาจากที่นั่นเร็ว ๆ เข้า”เสิ่นปารีบเดินมาสมทบกับพวกเขาทันทีและเริ่มเห็นในสิ่งที่ทั้งสองคนเห็น ซึ่งเขาคิดว่านี่มันน่าแปลกเกินไปแล้ว“นั่นมัน… อะไรกัน”“ซานหรง ท่านมีกำลังภายใ
“ซานหรง เดี๋ยวก่อน”เขาไม่ฟังสิ่งใดที่นางจะพูดทั้งนั้น ตั้งแต่รู้จักกันมานางพึ่งเคยเห็นจวินซานหรงโมโหที่สุดก็วันนี้ เมื่อเขาพานางเดินลงมาจากตำหนักก็พบกับองครักษ์ของท่านอ๋อง“องค์ชาย คุณหนูเล่อพวกท่าน…”“เรื่องอื่นอาหลันบอกพวกเจ้าหมดแล้วที่เหลือก็จัดการกันเองแล้วกันข้ากับนางมีธุระต้องไปทำ”“เอ่อ…”“เสิ่นปา รีบขึ้นไปเถอะอย่าถามมาก”“แต่ว่าพี่ใหญ่ ถ้าไม่มีคุณหนูเล่อ...”“ท่านหมอยังอยู่ นางบอกวิธีหมอหลวงเอาไว้แล้วส่วนยาถอนพิษก็อยู่กับข้ารีบไปเถอะ”ซานหรงพานางเดินมาที่ม้าตัวที่นางขี่มา เขาดึงม้าออกมาและอุ้มนางขึ้นไปก่อนจะขึ้นมาตามหลังและควบทะยานออกไปจากจวนอ๋องทันที“ซานหรงท่านช้า ๆ หน่อยข้าไม่เคยขี่เร็วขนาดนี้”“เจ้าเงียบเถอะ”นางเกาะอานม้าเอาไว้แน่นด้วยเพราะจวินซานหรงในตอนนี้ไม่ฟังเสียงของนางเลย แม้จะรู้ว่านางไม่มีความผิดแต่เขาก็รู้สึกโกรธและต้องรีบพานางออกมาจากที่นั่นในทันทีสายตาของหยางอี้เหรินที่มักจะมองมาที่คู่หมั้นของเขาทำให้เขารู้สึกสงสัยมาโดยตลอด และวันนี้ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าหยางอี้เหรินคิดกับเล่อชุนหลันมากกว่าคนรู้จักหรือว่าที่พี่สะใภ้เสียแล้วจวนพักจวินซานหรง“โอ๊ย รอเดี๋ยวก่อน
“อาหลัน”เขารวบตัวนางขึ้นมาและพาเดินไปยังเตียงนุ่มอีกครั้ง เมื่อวางลงก็เริ่มจูบนางในทันทีโดยไม่รั้งรอให้เสียเวลา ม่านถูกดึงปิดบดบังสายตาแม้ว่าที่นี่จะอยู่ไกลผู้คนแต่เขาก็หวงนางหนักหนาไม่อยากให้ผู้ใดต้องมามอง“อาหลัน เจ้าแน่ใจหรือไม่เพราะหากเราเริ่มข้าจะหยุดไม่ได้แล้วนะ”“ในเมื่อหัวใจตรงกันก็ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว ข้ารักท่านจวินซานหรง”เพียงคำเดียวที่นางพูดก็ทำให้ความอดทนทั้งหมดในรอบหลายเดือนมานี้ของจวินซานหรงหมดไป มือหนาเอื้อมไปถอดชุดที่เกะกะตรงหน้าออกจนเหลือเพียงชั้นในบางเบา ชุนหลันเองก็ค่อย ๆ แกะเข็มขัดหนังรอบเอวของเขาและโยนมันออกไปพร้อมกับเสื้อนอก ไม่นานทั้งคู่ก็แทบจะไร้อาภรณ์ปกปิดกาย แผงอกกว้างที่มีรอยแผลจากศาสตราวุธทำให้ชุนหลันเข้าใจเขาใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้คิดว่าเขาเป็นเพียงคุณชายบัณฑิตเจ้าสำอางเท่านั้น“ท่าน… เจ็บหรือไม่”เขารวบมือนางที่ค่อย ๆ แตะไปที่แผลเป็นของเขาก่อนจะยกขึ้นมาจูบอย่างอ่อนโยน“บาดแผลที่ได้มาจากการปกป้องแผ่นดินไม่มีทางเจ็บ อาหลันเจ้าช่างงดงามนัก”เขาเริ่มซุกหน้าฝังจมูกเข้าไปที่ซอกคอก่อนและค่อย ๆ เลื่อนลงมา มือยังดึงเชือกผูกชุดชั้นในบางที่ยังกั้นหน้าอกอวบนุ่มที่เขาเ
“เจ้าคนบ้าจวินซานหรง ท่านออกไปเลย”“แต่ว่าท้องของเจ้า...ไม่ปวดแล้วงั้นหรือ”“โอ๊ยย!! นี่ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือว่าข้าต้องการบอกอะไรกับท่าน”“เร็วเข้าเจ้าบอกข้ามาว่าเจ็บตรงไหน แล้วเมื่อครู่ข้าก็กระแทกไปเยอะเสียด้วยสิ ไม่ได้ข้าว่าไปเรียกหมอหวังมาดีกว่ารอข้า...”“จวินซานหรงเจ้าคนซื่อบื้อหยุดนะ!!”จวินซานหรงที่ลุกจากเตียงต้องรีบหันมาทันที เขาเดินมานั่งข้าง ๆ ชุนหลันที่กำลังทำหน้าโมโหสุดขีดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นและกำลังจะเริ่มร้องไห้ ไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาเป็นห่วงนางและจะรีบไปตามหมอนี่มันผิดตรงไหนแต่คนตรงหน้ากลับเริ่มร้องไห้เขาจึงต้องรีบซับน้ำตาให้นางก่อน“อาหลันข้าไม่ไปแล้ว ไม่ไปแล้วเจ้าอย่าร้องไห้นะบอกข้าสิว่าเจ็บตรงไหนข้าจะช่วยเจ้าเอง”“ท่านมันฉลาดทุกเรื่องแต่กลับโง่เรื่องนี้ ข้าไม่น่าแต่งงานกับท่านเลย”“ไม่ได้นะเจ้าอย่าพูดเช่นนี้ ใช้ได้ที่ไหนกันพึ่งจะเข้าหอกันคืนเดียวก็จะพูดแบบนี้เจ้าเป็นอะไรกันแน่บอกข้าเถอะข้าจะได้”“ข้าท้องเจ้าคนซื่อบื้อ”“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าปวดท้อง…. ข้ากำลังจะไปเรียก… อะไรนะอาหลัน เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่า…”“หึ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์แล้ว จะนอน!!”“เดี๋ยวก่อน!! เดี๋ยวก่อนส
ห้องส่งตัวเล่อชุนหลันผล็อยหลับไปหลายครั้งและสะดุ้งอีกครั้งเมื่อประตูห้องเปิดและเสียงของคนด้านนอกที่มาส่ง นางจึงรู้ว่าได้เวลาที่เจ้าบ่าวจะเดินมาเปิดผ้าคลุมแล้ว“อาหลันเจ้ารอนานหรือไม่ ข้ามาแล้ว”จวินซานหรงเดินมาพร้อมกับจับไม้มงคลและเดินไปที่เจ้าสาวก่อนจะค่อย ๆ เปิดออกมา ใบหน้าของเจ้าสาวที่แต่งแต้มด้วยชาดสีแดงสดตรงหน้าทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไปนิดหน่อยเพราะเขาไม่เคยเห็นเล่อชุนหลันแต่งหน้าด้วยสีจัดจ้านและงดงามเช่นนี้มาก่อน“อาหลันวันนี้เจ้างดงามราวโบตั๋นในอุทยานหลวง”“จวินซานหรงท่านเมาแล้ว”“ข้าดื่มมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เมาถึงขนาดมองเจ้าผิดหรอก ปกติเจ้าก็งดงามอยู่แล้ว”“ช่างปากหวานเสียจริง”“ข้าช่วยเจ้าถอดเครื่องประดับดีหรือไม่เจ้าคงหนักแล้วสินะ”“ไหล่ข้าปวดไปหมดแล้วเพคะ ชุดนี้หนักมากจริง ๆ ไหนจะเครื่องประดับนี่อีก”จวินซานหรงเพียงแค่ยิ้มและค่อย ๆ ช่วยนางถอดเครื่องประดับ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาพยายามจะถอดชุดของนางต่างหาก“ซานหรงท่านไม่ต้องเลยนะ ท่านบอกจะมาช่วยถอดแต่นี่กลับเอาแต่ถอดชุดของข้า ท่านไปจัดการตัวเองเลยไป”“แต่ว่าชุดนี้มันดูจะสวมยากแล้วก็หลายชั้น ข้าคิดว่าคงจะเสียเวลานานที่จะถอด
มู่หรงเฉิงยิ้มค้างและหันมามองใบหน้าของผู้ที่พูดให้ชัด ๆ เขารู้เพียงว่าที่สกุลเล่อมีหมอมาพักอยู่ด้วยเป็นสตรี แต่ก็ไม่ได้คิดว่านางจะเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแต่เมื่อมองเช่นนี้นางก็ช่างละม้ายคล้ายกับน้องสาวแท้ ๆ ของเขาอยู่หลายส่วน“เจ้า…. เจ้าคือ…”“ข้า… หวังเจียวเมิ่ง อ้อ จริงสิข้ามีนี่ด้วยท่านดูสิ”นางหยิบกำไลข้อมมือสีเงินที่นางเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีออกมาและยื่นให้เขาดู มู่หรงเฉิงเมื่อเห็นกำไลข้อมือนี้เขาก็น้ำตาไหลลงมาทันที“กำไลของท่านแม่ เป็นสิ่งเดียวที่ท่านเหลืออยู่เพื่อให้ข้าเอาไว้ยืนยันตัวเองเมื่อเจอท่าน”“กำไลนี้… เป็นของท่านแม่ของข้า…เช่นนั้นเจ้า…”สองคนที่ยืนร้องไห้จนตาแดงมองสบตากันและกันด้วยความแปลกใจ ดีใจจนไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ มู่หรงเฉิงมองไปที่กำไลไม่หยุด หวังเจียวเมิ่งหันมาเรียกเขาอีกครั้ง“พี่ใหญ่!! ข้าตามหาท่านมานานหลายเดือน ในที่สุดข้าก็พบท่าน”“น้องเล็ก เป็นเจ้าจริง ๆ เมิ่งเอ๋อร์ของพี่”มู่หรงเฉิงเดินมากอดนางเอาไว้แน่น หวังเจียวเมิ่งเองก็กอดเขากลับพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาสุดเสียงเพราะความดีใจ มู่หรงเฉิงนั้นค่อย ๆ สงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ก่อนจะค่อย ๆ คลายอ้อมกอดของน้องสาว
“ท่านว่าอะไรนะ… ละ ลี่จินเซียนงั้นหรือ”เล่อชุนหลันค่อย ๆ ทรุดตัวอย่างหมดแรง ซานหรงค่อย ๆ พยุงนางลงมานั่งและจับมือนางเอาไว้เพราะเขารู้ดีว่านางคงต้องตกใจมากดังนั้นเมื่อจางหลิงรีบมาบอกข่าว เขาก็รีบตามมาเพราะรู้ว่านางจะต้องอยากไปที่จวนอ๋อง“นาง… ตายแล้วหรือเพคะ ทำไมกัน”“ลี่จินเซียนไปหาเรื่องหวังเจียวเมิ่งถึงในตำหนักกลางและไปพบหวังเจียวเมิ่งที่กำลังดูแลน้องแปดอยู่ นางทนไม่ไหวจึงได้ดึงตัวหวังเจียวเมิ่งออกมาหวังจะทำร้าย น้องแปดดึงพวกนางแยกออกจากกัน ลี่จินเซียนล้มลงกับพื้นและวิ่งเข้าหาพวกเขาอีกครั้งแต่พวกเขาหลบทัน นางจึงพุ่งไปชนกับหน้าต่างและพลัดตกลงมาชั้นล่าง”“คิดไม่ถึงเลยว่านางจะพบจุดจบเช่นนี้ แล้วนี่ร่างของนาง…”“น้องแปดสั่งให้คนนำไปฝังที่สุสานสกุลลี่นอกเมืองแล้ว และให้กรมวังแจ้งว่านางป่วยตาย”“แล้วเจียวเมิ่ง!!”“เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนหวังเจียวเมิ่งปลอดภัยดี ทุกคนไม่มีผู้ใดบาดเจ็บเจ้าต้องตั้งสติก่อนนะ ที่ข้ายังไม่ให้เจ้าไปที่นั่นในตอนนี้เพราะศพของสนมลี่ยังไม่ได้ถูกนำออกไป ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเห็นภาพไม่งามเช่นนั้น อยากให้เจ้าจดจำนางเอาไว้ด้วยภาพที่ดีก็พอแล้ว”“ข้า… เข้าใจแล้วเพคะ ลี่จินเซียนคิ
หวังเจียวเมิ่งพยักหน้ารับและเริ่มใช้มีดเงินด้ามเล็กเริ่มกรีดไปที่ข้อมือของท่านอ๋องในทันที เมื่อเริ่มกรีดเลือดสีดำก็พุ่งออกมาจนเปื้อนชุดของหวังเจียวเมิ่งแต่นางไม่ใส่ใจที่จะเช็ดและกำลังตั้งใจบีบเลือดพิษออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชุนหลันหยิบผ้ามาเช็ดเลือดที่ติดตามใบหน้าของเจียวเมิ่งออกให้อย่างเบามือ“ขอบคุณพี่ชุนหลัน”“อยากได้สิ่งใดก็บอกมาข้าจะได้ช่วยหยิบให้”“ท่านช่วยหยิบชามใบใหม่มาให้ข้าทีเจ้าค่ะ”“ได้”เมื่ออยู่ตรงนี้นางจึงเข้าใจความรู้สึกของหวังเจียวเมิ่ง การตัดสินใจในการรักษาคนในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นช่างไม่ง่ายเลย ไม่นานเลือดพิษก็ถูกรีดออกมาจนหมด นางค่อย ๆ ทำแผลให้ท่านอ๋องและเดินออกมาพักผ่อน ชุนหลันเทน้ำให้เจียวเมิ่งดื่มจนหมดก่อนจะนั่งข้าง ๆ ด้วยความหมดแรง“ท่านอ๋องปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ”ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคนในห้องที่เหนื่อยวิ่งเตรียมของ เสิ่นกงแทบจะทรุดลงกับพื้น ตอนนี้จวินซานหรงค่อย ๆ ดึงผ้าห่มมาห่มให้ท่านอ๋อง เสิ่นปาเดินเข้ามาพร้อมกับยาที่พึ่งต้มเสร็จ“องค์รัชทายาท ยาต้มเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจมาก… น้องแปด เจ้าลุกไหวหรือไม่ดื่มยานี่ก่อน”หยางอี้เหรินค่อย ๆ ลุกข
ทั้งสองเดินกลับมาที่ค่ายก็พึ่งจะเห็นว่าท่านอ๋องและองค์รัชทายาทนั่งรอพวกนางอยู่ที่หน้ากระโจม เมื่อเห็นพวกนางพวกเขาต่างก็ดึงแต่ละคนเข้ามาถาม“เจ้าไปที่ใดมาอาหลันหายไปเสียนานข้าเป็นห่วง”“ได้เวลาที่ข้าจะกินยาแล้วเจ้ามัวเหลวไหลไปที่ใดมาหากพิษกำเริบเจ้าต้องรับผิดชอบ”ชุนหลันหันมามองเจียวเมิ่งที่ทำหน้าตกใจและยิ้มออกมา เจียวเมิ่งหันมามองหน้าชุนหลันที่หันมายิ้มให้ เจียวเมิ่งจึงยิ้มตอบและพยักหน้าพร้อมกับจับแขนท่านอ๋องและพาเดินกลับไปที่กระโจม“นี่เจ้าดึงข้าทำไม”“ท่านอ๋องบอกว่าได้เวลาดื่มยาแล้วนี่เพคะ จะมัวมานั่งเล่นอยู่แถวนี้ให้ลมโกรกจนป่วยเพิ่มทำไม หม่อมฉันจะรีบไปเตรียมยาให้”“ต้องเตรียมกรีดนิ้วอีกแล้วงั้นหรือ วันนี้พักไม่ได้หรือ”“ไม่ได้”“งั้นเจ้าต้องทำยาชาเอาไว้ให้ข้า บ๊วยด้วยอย่าลืมล่ะ”“พูดมากจริงรีบตามมา”“นี่!! ข้าเป็นแม่ทัพนะ”“เพคะ ๆ ทราบแล้ว”“ข้า!! หึ เผด็จการชัด ๆ แม้แต่ข้าที่เป็นแม่ทัพก็ไม่ละเว้นสักนิด”ท่านอ๋องเดินตามหวังเจียวเมิ่งเข้าไปในกระโจมแล้ว ชุนหลันหันไปยิ้มให้กับทั้งคู่อย่างจริงใจ ซานหรงหันมามองตามนางก่อนจะเอ่ยถาม“เจ้าคงไม่โกรธน้องสี่ที่พูดเรื่ององค์หญิงอานฉวนหรอกนะเพร
ชุนหลันหันไปมองหน้าหวังเจียวเมิ่งที่ยืนเฉย ๆ โดยมิได้คิดอะไรแต่ก็แอบมองชุนหลันที่กำลังกังวลจนเผลอปล่อยมือจวินซานหรง เมื่อองค์ชายเห็นเช่นนั้นก็หันไปเล่นงานน้องชายทันที“เจ้าพูดบ้าอะไรเนี่ย ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้วว่าจะรับพระชายาเพียงคนเดียวคือเล่อชุนหลัน เสด็จพ่อเองก็ทรงรับปากและออกราชโองการสมรสมาให้ข้าแล้ว”“พี่สี่ท่านอย่าล้อเล่นเช่นนี้ ข้าเองก็ยังพึ่งเสร็จศึกกลับมาอีกอย่างเรื่องในตำหนักของข้าเสด็จพ่อก็รับรู้แล้วว่าวุ่นวายเพียงใด หากจะแต่งมาที่เหลียงโจวเกรงว่าแคว้นอานฉวนคงไม่พอใจเป็นแน่”“เอาตัวรอดกันเก่งจริง ๆ เลยนะแต่ล่ะคน”“น้องสี่ พูดเช่นนี้เจ้ารู้ตัวสินะว่าตัวเองไม่รอดแน่”“พี่สาม!! ท่าน…”“หึ เอาเถอะองค์หญิงอานฉวนเก่งทั้งบุ๋นและบู๊เป็นยอดสตรีแห่งดินแดนตะวันออกก็เหมาะกับเจ้าดีนะ”“ใช่เสียที่ไหนข้าไปดีกว่าคุยกับพวกท่านแล้วเวียนหัว น้องแปดเจ้าต้องรีบหายเร็ว ๆ นะ”“พ่ะย่ะค่ะ แล้วพบกันใหม่พี่สี่”“แล้วพบกัน”องค์ชายสี่เดินทางกลับไปแล้ว ขบวนธงทัพของกองทัพหลวงค่อย ๆ เคลื่อนไปไกลจนลับสายตา จวินซานหรงหันมาจับมือชุนหลันแต่นางกลับเดินหนีลงมาก่อน“อา… ว่าแล้วอย่างไรเจ้าจวินซานอวี้ ไปอย่างเดียวไ
“ข้าไม่ใช่เด็ก ๆ เสียหน่อยที่จะกลัวเจ็บกลัวกินยาขม ๆ”“เช่นนั้นพระองค์ไม่ต้องการใช่หรือไม่”“ไม่ได้พูดว่าไม่ชอบ”ชุนหลันดึงแขนจวินซานหรงและเดินออกมาเพื่อจะได้ไม่ต้องรบกวนพวกเขา ซานหรงเห็นนางเดินยิ้มออกมาจึงนึกแปลกใจ เขาพานางเดินมาที่ริมแม่น้ำด้านหลังค่ายเพราะที่นี่ไม่มีคนเดินไปมาหากไม่มีคำสั่งของเขา“เจ้ายิ้มอะไรกัน”“ท่านไม่เห็นหรือเพคะ”“เห็น แต่ว่า… ข้าคิดว่าอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้”“ผู้ใดจะรู้เล่าเพคะ”“ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แล้วอย่างไรเล่า ที่เหลียงโจวยังมีลี่จินเซียนอยู่ เจ้าคิดว่าหมอหวังจะสู้นางได้หรือ ต่อให้เป็นบุตรีของขุนนางต้องโทษแต่อย่างไรก็เป็นพระสนม อีกอย่างการที่นางจะลงเอยกับน้องแปดได้…”“ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว ความรักน่ะไม่เห็นจำเป็นต้องคิดมากขนาดนั้น”“นั่นก็ใช่แต่ข้าเกรงว่าสำหรับน้องแปดอาจจะไม่ง่ายเช่นนั้น”“ช่างเถอะ เรื่องนั้นปล่อยให้พวกเขาจัดการเองจะดีกว่า”“อาหลัน นั่นเจ้าทำอะไรน่ะ”จวินซานหรงหันไปมองนางที่กำลังรวบผมขึ้นและเริ่มถอดชุดด้านนอกออกมา เขาหันไปมองรอบ ๆ แต่ก็ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นั่น เพราะเขาพานางเดินมาค่อนข้างลึกแม้ว่าจะเป็นช่วงเย็นแล้วแต่ฟ้ายังไม่มื
กระโจมท่านอ๋อง “แคก แคก น้ำ…”หวังเจียวเมิ่งที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่สะดุ้งขึ้นมากลางดึกเมื่อได้ยินเสียงแหบ ๆ เมื่อนางหันก็เห็นว่าท่านอ๋องรู้สึกตัวแล้ว“นี่เพคะ”เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจิบน้ำอย่างยากเย็นเพราะแผลที่ถูกธนูยิงที่ไหล่ขวานั้นยังคงเจ็บปวดอยู่“เจ้าเป็นใคร”“หม่อมฉันเป็นหมอเพคะ มาที่นี่เพื่อรักษาพิษในพระวรกายของพระองค์”“หมองั้นหรือ”“เพคะ”“เจ้ามาจากไหน”“หม่อมฉันมาพร้อมกับบุตรท่านเสนาบดีเล่อ เล่อชุนหลันเพคะ”“อะไรนะ เจ้าบอกว่า… แคก แคก… นาง!! มาที่นี่หรือ”“พระองค์อย่าพึ่งลุกขึ้นมาเช่นนี้ แผลของพระองค์ยังไม่หายดี อีกอย่างพิษในพระวรกาย…”มือของเขาหันมาคว้าแขนของหวังเจียวเมิ่งและดึงนางเข้ามาถาม ยิ่งมองใกล้ ๆ เช่นนี้นางก็ยิ่งรู้สึกว่าท่านอ๋องน่ากลัวยิ่งนัก ผิดกับรูปลักษณ์ที่ดูรูปงามของเขา สายตาที่มองนางในตอนนี้แทบอยากจะเค้นความจริงราวกับนางเป็นนักโทษ“ท่านอ๋องเพคะ”“บอกข้ามา นางมากับเจ้าหรือ”“พะ เพคะตอนนี้นางพักอยู่ที่กระโจมขององค์รัชทายาทเพคะ”คำนี้ทำให้ท่านอ๋องนิ่งไปและค่อย ๆ ปล่อยมือที่บีบแขนนางออกมาได้ เจียวเมิ่งรีบถอยห่างออกจากเตียงของเขาทันทีและรีบไปดูหม้อต้มยาที่นางต้มเอาไ