บทที่ 10มือที่มองไม่เห็นกงซ่างเหว่ยเริ่มสอดแทรกเรียวนิ้วเข้าไปในโพรงอ่อนนุ่มของเย่ปิงปิง เขาเริ่มขยับปลายนิ้วเข้าออกช้า ๆ ในร่องรักแสนอ่ออนนุ่ม ภายในแววตาเหม่อมองเย่ปิงปิงที่เริ่มไม่ได้สติด้วยความรู้สึกลึกล้ำ“อึก...อื้อ อ่า”เย่ปิงปิงแหงนใบหน้าร้องครางกับสัมผัสของชินอ๋องกงซ่างเหว่ยอดใจที่จะก้มลงมาบดจูบที่ริมฝีปากที่กำลังส่งเสียงร้องครางไม่ได้ ปลายนิ้วของเขายังคงทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี จากเริ่มที่นิ้วเดียว เขาก็เพิ่มเข้ามาอีกนิ้วเข้าไปในร่องรักของนางเย่ปิงปิงสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเล็กน้อย ความเจ็บแปลบกับความเสียวซ่านจู่โจมเข้ามาที่นางอย่างรุนแรงกงซ่างเหว่ยถูกภายในร่องรักของเย่ปิงปิงตอดรัดแน่น จนเขาเริ่มรู้สึกทรมานเสียเอง เขารัวเร็วนิ้วทั้งสองเข้าออกร่องรักอันแสนอ่อนนุ่มของเย่ปิงปิงอย่างรุนแรง“อึก อ่ะ อ่า”เย่ปิงปิงกระตุกเกร็งสองครั้ง ก่อนจะปลดปล่อยหยาดน้ำหวานออกมา นางหอบหายใจเหนื่อยหอบกับความสุขที่เพิ่งพานพบเป็นครั้งแรก ด้วยความช่วยเหลือของชินอ๋องดวงตาฉ่ำน้ำปรือลงช้า ๆ อย่างหมดแรง ร่างกายของนางรู้สึกอ่อนระทวยภายในอ่างอาบน้ำอันเย็นเฉียบ ร่างกายที่เคยทรมานเพราะพิษของยาปลุกกำหนัด
เย่ปิงปิงเองก็คิดว่าเป็นฝีมือของกงหนิงหลง นางกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ดวงตาทั้งสองข้างวาววับราวกับราชสีห์ที่จ้องจะเล่นงานเหยื่องานเลี้ยงคืนนั้นจบลงด้วยดี โดยไป๋อิงฮวาที่ออกมาก่อนบอกแก่ทุกคนว่าเย่ปิงปิงไม่ค่อยสบาย จึงได้เสียมารยาทกลับไปนอนพักที่เรือน เย่ตงจื่อเองก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไร เพราะก่อนหน้านี้คนสนิทได้มาแจ้งข่าวเรื่องที่ท่านหมอไปที่เรือนเสวี่ยของเย่ปิงปิงแล้วจวนชินอ๋องภายในห้องหนังสือ บรรยากาศเป็นไปด้วยความอึดอัด เมื่อผู้เป็นเจ้าของรู้สึกโกรธจนคิ้วกระบี่ขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ“ทูลชินอ๋อง ยากำหนัดขององค์รัชทายาทได้ถูกจำกัดไปหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยคิดว่าต้องมือที่มองไม่เห็นลอบเล่นงานคุณหนูใหญ่โดยที่เราไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ”เสวี่ยไป๋เอ่ยรายงานตามตรง เขารู้สึกเหมือนตอนนี้กำลังยืนอยู่บนหน้าผาที่พร้อมจะตกลงไปได้ทุกเมื่อ“ไม่มีอะไรผิดสังเกตเลยหรือ”“ไม่มีเลยพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยลอบตรวจสอบอาหาร และน้ำชาหมดแล้ว”“แล้วเหตุใดปิงปิงถึงถูกวางยากำหนัดได้เล่า”“เรื่องนี้...”“ไปสืบมาอย่างละเอียด ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ใดลอบเล่นงานปิงปิงของข้ากันแน่”“พ่ะย่ะค่ะ”เสวี่ยไป๋เดินถอยหลัง กำลังจะ
บทที่ 11หัวใจของชินอ๋อง หลังจากที่กงซ่างเหว่ยกลับไปแล้ว ภายในห้องก็กลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง เย่ตงจื่อย่อมยินดีที่บุตรสาวจะได้ดีเป็นถึงพระชายาเอกในชินอ๋อง แม้เขาจะไม่ได้รักใคร่เย่ปิงปิงมากนัก แต่อย่างไรนางก็คือบุตรสาวของเขา“เจ้าคิดเห็นเช่นไรจงบอกพ่อมา หากเจ้าไม่ปรารถนาจะแต่งงานกับชินอ๋อง พ่อจะออกหน้าปฏิเสธให้เจ้าเอง”เย่ปิงปิงผินหน้ามามองบิดาด้วยความคาดไม่ถึง ท่านพ่อเป็นห่วงนางเช่นนั้นหรือ นี่นางฟังผิดไปหรือไม่?“ลูกอยากได้เวลาไตร่ตรองเจ้าค่ะ”“อืม เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปพักที่เรือนก่อนเถิด เรื่องในวันนี้ให้รู้กันแค่นี้เป็นพอ”“เจ้าค่ะท่านพ่อ” เรือนเสวี่ยเย่ปิงปิงปลีกตัวกลับมาที่เรือน โดยมีเย่ซานผู้เป็นห่วงน้องสาวติดตามมาด้วย การมาถึงของชินอ๋องในวันนี้ทำให้เขาประหลาดใจนัก ชินอ๋องกลับเมืองหลวงไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่กลับมาสู่ขอน้องสาวของเขา...ช่างประหลาดนัก
“เจ้าอาจจะไม่เชื่อ และคิดว่าข้าคงจะหวังใช้ประโยชน์จากเจ้าสินะ แต่เจ้าโปรดวางใจเพราะหัวใจของข้ามันได้เป็นของเจ้าไปเสียแล้ว คงเริ่มตั้งแต่ในวันที่เจ้าช่วยเหลือข้ากระมัง”ใบหูทั้งสองข้างแดงก่ำด้วยความขัดเขิน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดยาวที่สุดตั้งแต่เกิดมา“ชะ ชินอ๋องทรงชอบหม่อมฉันจริง ๆ หรือเพคะ”“คำพูดของข้ามันไม่น่าเชื่อถือเลยหรือ”“ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันแค่แปลกใจ”เย่ปิงปิงก้มหน้าหลบสายตาร้อนแรงของเขา หัวใจของนางเริ่มเต้นกระหน่ำเพราะคำสารภาพรักของเขา“ข้าบอกเหตุผลแล้ว แล้วเจ้าเล่า”กงซ่างเหว่ยขยับเข้ามาใกล้หญิงงามอีกนิด เขาอยากจะมองหน้านางให้ชัด ๆ หากนางปฏิเสธเขาก็จะยอมรับ แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ เขาจะแสดงความจริงใจของตัวเอง ทำให้นางเห็นถึงความตั้งใจจริงของเขาวันนี้ไม่สำเร็จ...วันหน้าย่อมต้องสำเร็จนี่คือคติประจำใจของเขา“หม่อมฉันไม่ได้ชอบชินอ๋อง ถ้าหาก...ถ้าหม่อมฉันต้องแต่งงานกับพระองค์ พระองค์จะไม่รู้สึกอึดอัดใจหรือเพคะ”ร่างสูงซวนเซเล็กน้อย นางช่างตรงไปตรงมายิ่งนัก“เจ้ามีบุรุษอื่นท
บทที่ 12ค่ำคืนวสันต์ เพล้ง เพล้ง เพล้ง!!เสียงทำลายข้าวของดังขึ้นมาจากเรือนของเย่ม่าน ตั้งแต่ที่นางรู้ว่าชินอ๋องได้มาสู่ขอเย่ปิงปิงไปเป็นพระชายาเอก หัวใจของนางก็ร้อนรุ่มไปด้วยความอิจฉาริษยา“ทำไมกัน เหตุใดต้องเป็นมันที่ได้ดีกว่าข้าทุกครั้งไป กรี๊ดดด!!”เย่ม่านหอบหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ นางคร่ำครวญด้วยความเสียใจและโกรธแค้นเย่ปิงปิง“ใจเย็นก่อนม่านเอ๋อร์”“จะให้ข้าใจเย็นได้อีกหรือเจ้าคะ งานแต่งกำหนดมาแล้วว่าอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ฮือ ๆ ลูกจะต้องแพ้มันทุกคราไปเลยหรือ ตอนนี้องค์รัชทายาทก็หมางเมินใส่ลูก ตำแหน่งพระชายารองของลูกจะไม่หลุดลอยไปใช่หรือไม่”เย่ม่านพร่ำบ่นกับมารดาด้วยความเจ็บแค้น“ม่านเอ๋อร์ของแม่จะต้องได้เป็นพระชายารองอย่างแน่นอน ต่อไปในภายภาคหน้าลูกก็จะได้เป็นฮองเฮา เชื่อแม่นะ”ลู่เมิ่งได้แต่กอดปลอบบุตรสาวด้วยความสงสาร ตอนนี้พวกนางไม่สามารถทำสิ่งใดได้อีกต่อไป
กงซ่างเหว่ยเดินเข้ามาด้วยอาการมึนเมาเล็กน้อย เขายังคงประคองสติของตัวเองได้เป็นอย่างดี ร่างสูงตรงไปยังเจ้าสาวที่นั่งรอเขาอยู่ด้วยหัวใจที่เต้นตึกตักชินอ๋องทรงหยิบคันชั่งขึ้นมาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก ทันทีที่ใบหน้าของเย่ปิงปิงไร้สิ่งใดปกปิด กงซ่างเหว่ยที่มองอยู่ก่อนแล้วเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเดิมทีนางก็ดูงดงามอ่อนหวานอยู่แล้ว แต่วันนี้เย่ปิงปิงของเขากลับยิ่งงดงามมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าทวีคูณ ใบหน้าของนางถูกรังสรรค์ออกมาอย่างไร้ที่ติ มีทั้งความอ่อนหวานและสง่างามในเวลาเดียวกัน“งดงามมาก”“ขอบพระทัยเพคะ”เย่ปิงปิงก้มหน้าเล็กน้อย นางก็รู้อยู่หรอกว่าวันนี้นางงดงามกว่าทุกครา แต่เมื่อถูกเอ่ยชมซึ่ง ๆ หน้าจากปากของว่าที่พระสวามี นางก็อดจะรู้สึกเขินอายไม่ได้“เรามาดื่มสุรามงคลกันเถิด”กงซ่างเหว่ยเดินไปรินสุราใส่จอก แล้วยื่นให้กับเย่ปิงปิงหนึ่งจอก ทั้งสองคล้องแขนกันแล้วกระดกดื่มสุราจนหมดจอกสุราที่มีฤทธิ์ร้อนแรงไหลลงสู่ลำคอระหง เย่ปิงปิงรู้สึกเหมือนคอของนางกำลังมอดไหม้เพราะฤทธิ์สุรา ใบหน้าของนางถึงกลับแดงก่ำในทันที
บทที่ 13ความปรารถนาอันไม่มีที่สิ้นสุด กงซ่างเหว่ยที่เฝ้าปรารถนาจะครอบครองเย่ปิงปิง เมื่อได้ยินคำอนุญาตจากปากของนาง เขาก็ไม่รอช้า ริมฝีปากหยักหนาตรงเข้ามาครอบครองที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เขาคะนึงหาทุกค่ำคืนจุมพิตคราแรกอ่อนหวานนุ่มละมุน จนเย่ปิงปิงรู้สึกราวกับอยู่บนปุยเมฆ แต่หลังจากนั้นนางก็รู้สึกเหมือนถูกฉุดกระชากให้อยู่บนเปลวเพลิงอันร้อนแรงกงซ่างเหว่ยก้มลงมาจูบเย่ปิงปิงอย่างดูดดื่ม เขาใช้ลิ้นร้อนลวกของตนเองเข้าไปสำรวจในโพรงปากหวาน กวาดต้อนหยอกเย้าลิ้นเล็กของนางที่พยายามหลบเลี่ยงเขา ก่อนจะแกล้งดูดดึงลิ้นเล็กของนางเป็นการหยอกล้อ“อื้อ...ท่านพี่”เย่ปิงปิงทุบอกกงซ่างเหว่ยเพื่อประท้อง ตอนนี้นางหายใจแทบไม่ทันแล้วกงซ่างเหว่ยผละริมฝีปากออกมาเล็กน้อย เป็นผลให้หยาดน้ำลายสีใสของทั้งคู่ไหลเยิ้มออกมาจากมุมปาก ดวงตาคู่คมมองมาด้วยความลุ่มหลง เขาเคลื่อนใบหน้ากลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเปลี่ยนไปสูดดมกลิ่นหอมที่ลำคอระหงแทน
ทันทีที่ท่อนเนื้ออันร้อนผ่าวดุนดันเข้าไปในร่องรักสีหวาน เย่ปิงปิงก็สะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บปวด“อึก...เจ็บ!!”ความเจ็บปวดนี้มันช่างทรมานนัก ราวกับกำลังจะฉีกทึ้งร่างกายของนางให้แหลกสลาย หยาดน้ำตาสีใสไหลปริ่มออกมาจากหางตาเรียวงามกงซ่างเหว่ยเองก็ปวดหนึบเช่นเดียวกัน เขากัดฟันแน่นเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ของตนเอง ไม่ให้หุนหันเข้าไปในร่องรักที่บีบรัดแน่นตัวตนของเขาจนแทบจะแหลกละเอียด“อื้อ...น้องหญิงอย่าเกร็ง ปล่อยใจตามสบาย แล้วเจ้าจะรู้สึกดีขึ้น”กงซ่างเหว่ยเอ่ยปลอบน้ำเสียงอ่อนโยน เขาเองก็ทรมานไม่ต่างกัน กงซ่างเหว่ยจึงเข้ามาขบเม้มดูดดึงเม็ดทับทิมที่อยู่ตรงหน้า เย่ปิงปิงที่ถูกปรนเปรอที่หน้าอกจึงเริ่มคลายอาการเกร็งลงไปมาก เวลานั้นกงซ่างเหว่ยที่เข้าได้แค่ส่วนหัวจึงขยับแทรกตัวตนเข้าไปทีเดียวทั้งหมด“กรี๊ดดด!!”เย่ปิงปิงทุบที่ไหล่กว้างของชินอ๋องอย่างแรง นางมองค้อนการกระทำที่รุนแรงของเขา เวลานี้นางทั้งจุกทั้งเจ็บ จนแทบจะขยับตัวแทบไม่ได้ มันรู้สึกอึดอัดที่ช่องท้องไปหมดเลย“ขอโทษ”กงซ่างเหว่ยจูบซับหางตาที่มีหยดน้ำสีใสไหลออ
ตอนพิเศษ 4 การละเล่นของเด็กน้อย กงซูเจินที่เห็นหน้าของเจียงหนิงเหมยก็รีบตรงเข้าไปดึงแขนของหญิงสาวด้วยความสนิทสนม "พี่สาว เราไปนั่งเล่นกันที่ศาลาด้านนู้นกันเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีอะไรสนุก ๆ อยากมาเล่นกับพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ" กงซูเจินแย้มยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู นี่จึงทำให้เจียงหนิงเหมยรู้สึกเอ็นดูท่านหญิงน้อยผู้นี้มาก นางทรุดตัวนั่งคุกเข่าเพื่อให้สามารถพูดคุยกับเด็กหญิงได้ "ท่านหญิงน้อยนำทางเลยเพคะ หม่อมฉันจะเป็นเพื่อนเล่นให้ท่านหญิงน้อยเองเพคะ" จบคำหญิงสาวก็จูงมือเด็กหญิงไปทางศาลาด้านนู้น โดยมีหญิงสาวกว่าสามสิบนางติดตามมาด้วย แม้ทั้งคู่จะดูสนิทสนมกันมากจนสร้างความไม่พอใจให้แก่สตรีทั้งหลาย แต่เพราะพวกนางคิดว่าอย่างไรพวกนางก็ยังมีโอกาสอยู่มาก สตรีที่อยู่แต่ในสนามรบจะเข้าใจการเล่นกับท่านหญิงน้อยที่ถูกประคบประหงมได้อย่างไร หวังซิ่วอิงไม่ใคร่จะถูกชะตากับกงซูเจินนัก นางจึงคิดว่าในบรรดาเด็กทั้งสามนั้น กงซีซวนดูน่าเข้าหาที่สุด เพราะใบหน้าของเด็กชายนั้นเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ผิดกับกงซีห่าวที
ตอนพิเศษ 3ด่านสุดท้าย ไป๋มู่ตานที่ไม่มีหลานสาวนั้นรู้สึกเอ็นดูบุตรสาว และบุตรชายของชินอ๋องมาก โดยเฉพาะกงซูเจินที่พระนางเอ็นดูมากเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะพระนางเองนั้นไม่มีบุตรสาวเลย เมื่อได้มีหลานสาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และช่างพูดเช่นนี้ พระนางจึงทั้งรักและหวงแหนท่านหญิงน้อยมากทันทีที่ไทเฮาทรงรู้เรื่องในวันนี้ พระนางก็กริ้วเป็นอย่างมาก มีอย่างที่ไหนกล้ามารังแกผู้อื่นในวังหลัง ทั้งยังกล้ามาขึ้นเสียงและต่อว่าหลานสาวคนโปรดของพระนางอีก"เจินเอ๋อร์หลานป้า เจ้ากลัวหรือไม่""ไม่เพคะ หลานรู้ดีว่าอยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าทำร้ายหลานได้ ก็หลานมีไทเฮาที่ทรงรักหลานอยู่ทั้งคนนี่เพคะ"กงซูเจินเข้าไปออดอ้อนไป๋มู่ตานอย่างน่าเอ็นดู เรียกเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาจากไทเฮาได้"เด็กดี อย่าได้กลัวไปเลย"ไป๋มู่ตานเรียกกงซูเจินให้เข้าไปหา พระนางลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันไปคุยกับเย่ปิงปิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง"ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ โชคดีที่เจินเอ๋อร์เป็นเด็กกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด มิเช่นน
ตอนพิเศษ 2คัดเลือกฮองเฮา สองปีผ่านไปแคว้นลั่วหยางได้ถึงคราวเปลี่ยนรัชสมัยใหม่ เนื่องจากฮ่องเต้กงหนิงเจี้ยนได้ยกราชบัลลังก์ให้กับกงเจียวลู่ขึ้นเป็นฮ่องเต้คนถัดไป โดยพระองค์อยากจะพักผ่อน ออกห่างจากเรื่องวุ่นวายเพื่อไปใช้ชีวิตอันสงบสุขในบั้นปลายของชีวิตถึงแม้กงเจียวลู่จะยังไม่มีฮองเฮาเคียงบัลลังก์ แต่เขาจะใช้โอกาสนี้คัดเลือกสตรีจากทั่วทั้งแคว้น เพื่อเฟ้นหาหญิงสาวที่คู่ควรกับตำแหน่งมารดาแห่งแผ่นดิน โดยการคัดเลือกรอบสุดท้าย เขาจะให้ท่านหญิงน้อยและท่านชายน้อยแห่งจวนชินอ๋อง เป็นด่านสุดท้ายของการคัดเลือก โดยตั้งข้อแม้ไว้เพียงหนึ่งข้อ หากสตรีนางใดสามารถเอาชนะใจเด็กทั้งสามได้ เขาก็จะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา!! "เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง ฮ่องเต้จะให้ท่านหญิงน้อย และท่านชายน้อยช่วยคัดเลือกสตรีที่จะมาเป็นฮองเฮาด้วย"ชายชราเอ่ยถามสหายข้างกาย พวกเขาทั้งสองกำลังพูดคุยเรื่องแปลกประหลาดนี้ด้วยกัน"ปัดโธ่! ผู้ใดไม่รู้บ้าง ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านหญิงท่านชายน้อยมากเพียงใด จะกล่าวว่าหลงหลานจนกระทั่งให้คัดเลือกสตรีให้ก
ตอนพิเศษ 1ท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อย อากาศอันแสนอบอุ่นของสารทฤดูที่มาเยือนแคว้นลั่วหยางนั้น ภายในจวนของชินอ๋องได้มีเสียงหัวเราะร่าของเด็กน้อยทั้งสามดังก้องกังวานไปทั่วเรือน เมื่อเย่ปิงปิงที่เพิ่งเสร็จจากการตรวจสอบบัญชีของร้านค้า นางได้เดินตรงมาหาลูก ๆ ด้วยความคิดถึง แต่ภาพตรงหน้านั้นกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกขบขันยิ่งนัก ดวงตาคู่สวยทอประกายแห่งความเอ็นดูออกมาอย่างเปี่ยมล้นเกากงกงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเด็กน้อยทั้งสามที่อายุได้หนึ่งหนาวนั้น เขาได้ทำท่าทางต่าง ๆ โดยแสดงสีหน้าที่หลากหลาย ทั้งหัวเราะร่า ยิ้มตาหยี คิ้วขมวดมุ่นขึงขัง ดวงตาเบิกกว้างที่ขยายใหญ่กว่าปกติ และเบะปากร้องไห้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กน้อยทั้งสามจึงส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาด้วยความชอบใจ "ฮ่ะฮ่าฮ่า"เสียงหัวเราะของเด็กน้อยช่างเป็นการปลอบประโลมให้กับหัวใจของเกากงกงยิ่งนัก ในทุก ๆ วันที่เขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน เขาก็ได้มาเล่นกับท่านชายและท่านหญิงน้อย การทำท่าทางต่าง ๆ คือสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยทั้งสามหัวเราะร่าด้วยความเบิกบานใจ เกากงกงจึงชอบมาเล่นเช่นนี้ในทุ
เย่ม่านที่ได้กลับมารักษาตัวที่จวนตระกูลเย่ อาการของนางเหมือนจะเริ่มดีขึ้น แต่คนรอบตัวรู้ดีว่าชีวิตของเย่ม่านมันช่างริบหรี่ยิ่งนัก ในคืนที่พระจันทร์ส่องแสงเข้ามาทางบานหน้าต่าง เย่ม่านก็ได้จากไป...อย่างน้อยในวาระสุดท้ายของชีวิต นางก็ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของคนที่รักนางลู่เมิ่งที่ต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก ชีวิตของนางก็มิอาจมีความหมายอีกต่อไป สุดท้ายลู่เมิ่งก็ได้ตรอมใจตายไปอีกคน... สารทฤดูหลังจากที่เรื่องราวคลี่คลายไปได้ด้วยดี กงซ่างเหว่ยยังต้องคอยจัดการงานที่คั่งค้างเพื่อมาอยู่ใกล้ภรรยาที่จวนจะคลอดเต็มที เขาได้มอบหมายงานทั้งหมดให้กับเสวี่ยไป๋ แล้วปลีกตัวมาอยู่เคียงข้างเย่ปิงปิง ทุกการกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา"ท่านพี่...น้องเจ็บท้องเพคะ"ช่วงเวลาที่ทั้งสองกำลังนั่งทานผลไม้อยู่นั้น เย่ปิงปิงพลันรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อย ราวกับนางจะคลอดแล้ว ไม่นานก็มีน้ำคร่ำไหลออกมาจากหว่างขาของนาง กงซ่างเหว่ยพลันตื่นตระหนก เขาแทบทำสิ่งใดไม่ถูก นอกจากอุ้มเย่ปิงปิงไปยังห้องคลอด แล้วสั่งให้ซีซีไปตามท่านหมอมาอย่างเร่งด่ว
บทที่ 28สู่จุดจบ กงซ่างเหว่ยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขารีบสั่งให้เกากงกงไปตามคนมาเดี๋ยวนี้!“ส่งคนไปตามหวังเปามาพบข้าเดี๋ยวนี้!!”“ท่านหวังเปาหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่!! ในเมื่อพวกมันอยากรนหาที่ตายดีนัก ข้าก็จะทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งถึงการอยู่มิสู้ตาย”กงซ่างเหว่ยเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม คนที่กล้าทำร้ายปิงปิงของเขาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!!เกากงกงที่ได้ยินชื่อของ ‘หวังเปา’ เขาก็ได้แต่ไว้อาลัยให้กับคนผู้นั้น หวังเปาผู้นี้คือหัวหน้าหน่วยเสือขาว เขาเป็นบุรุษที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ และโหดเหี้ยมที่สุดในหน่วย แต่สิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวคือการล่าศัตรูต่างหากเล่า ไม่มีใครที่จะสามารถหนีพ้นจากการไล่ล่าของเขาไปได้เลย แม้แต่คนเดียว!หวังเปาถูกเรียกตัวกลับมาโดยด่วน คราแรกเขาต้องเตรียมตัวปลอมเป็นชินอ๋อง เพื่อตบตาพวกกบฏว่าได้ออกไปรบที่ชายแดนใต้ แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายา หวังเปาผู้เปรียบดั่งสุนัขล่าเนื้อได้ออกเร่งตามหาพระชายาตามคำสั
กงเฟยหรงตวาดเสียงใส่เย่ปิงปิง ตอนนี้เขาไม่ต้องเสแสร้งทำสีหน้าอบอุ่นอ่อนโยนอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นไร ปิงเอ๋อร์ของเขาก็ไม่มีวันหันมามองเขาเลยสักครั้ง ทั้งที่เขารักและถนอมนางมากมายถึงเพียงนี้“จวิ้นอ๋อง หม่อมฉันเป็นพี่สะใภ้ของพระองค์นะเพคะ”“หึ ๆ เคยเป็นต่างหากเล่า แต่หลังจากนี้เจ้าจะเป็นภรรยาของข้าแล้วล่ะ”“กงเฟยหรง ท่านมันบ้าไปแล้ว ข้าคือภรรยาของพี่ชายท่านนะ จิตใจของท่านมันมืดบอดไปเสียแล้วหรือ”เย่ปิงปิงตวาดเสียงกร้าว บัดนี้นางเข้าใจแล้วว่ากงเฟยหรงที่นางรู้จักนั้น แท้จริงแล้วนางไม่เคยรู้จักตัวตนของเขาเลยต่างหาก ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาที่เขาเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น“ข้าหรือจิตใจมืดบอด เป็นเจ้าต่างหากที่มีดวงตามืดบอด หลงรูปโฉมของซ่างเหว่ย ครานั้นข้าควรจะเข้าไปช่วยเจ้าด้วยตัวเอง ถ้าไม่ติดว่ามีงานใหญ่สำคัญ คงเป็นข้าที่ได้เชยชมเจ้าไปแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ”“ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านเป็นคนวางยากำหนัดข้าหรือ”“ปิงเอ๋อร์ของข้าช่างฉลาดนัก เจ้าเข้าใจถูกแล้วล่ะ เป็นข้าที่ให้คนวางยากำหนัดเจ้าเอง แม้ว่าซ่างเหว่ยจะส่งเสว
บทที่ 27ลอบโจมตี กงเฟยหรงกลับมาที่จวนด้วยความเกรี้ยวกราด แม้เขาจะรีบใช้วิชาตัวเบากลับมาที่จวน แต่ดวงตาของเขาข้างขวาก็มิอาจจะรักษาได้ เขาได้สูญเสียการมองเห็นของดวงตาข้างขวาไปแล้ว ทันทีที่เขารู้เช่นนั้น ดาบที่อยู่ใกล้มือได้ถูกดึงออกมาแทงท่านหมอจนขาดใจตาย"ไร้ประโยชน์ จะบอกว่าข้าตาบอดหรือ ฮ่ะฮ่าฮ่า"กงเฟยหรงไล่ฟาดดาบฟันไปทุกที่ภายในห้อง จนห้องเละเทะจนแทบดูไม่ได้ เขาสูดหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อระงับสติตัวเอง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะลุกโชนด้วยความปรารถนา"ตงไห่ ส่งคนไปบอกนางว่าข้าต้องการตัวปิงเอ๋อร์ ทำอย่างไรก็ได้ให้ปิงเอ๋อร์ออกจากจวนชินอ๋อง แล้วมาที่ถนนทิศตะวันตก""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"ตงไห่ผู้นี้คือคนสนิทของกงเฟยหรง เขาเปรียบดั่งมือและเท้าของกงเฟยหรง และยังเป็นคนที่คอยเก็บกวาดงานต่าง ๆ ด้วย ข่าวลี่หลินใช้ปิ่นแทงตัวเองตายล่วงรู้มาถึงหูของเย่ปิงปิง นางไม่เชื่อจึงได้นั่งรอพระสวามีเพื่อเอ่ยถามเร
เย่ซานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจ เขาเกรงว่าพวกเขาอาจจะถูกลอบเล่นงานก็เป็นได้ และอาจจะมาช่วยทางวังหลวงไม่ทัน""เจ้าวางใจเถิดคุณชายใหญ่ ข้าไม่ยอมปล่อยให้ภรรยาของข้าไม่ปลอดภัยหรอก""ที่แท้เสด็จอาก็เป็นห่วงพระชายา""ภรรยาข้า ข้าย่อมต้องเป็นห่วงสิ เอาล่ะแยกย้ายกันไปได้แล้ว อาลู่อย่าได้ลืมเตรียมพลธนูให้พร้อมเล่า""พ่ะย่ะค่ะ"กงเจียวลู่ผุดยิ้มร้ายออกมา เขารอเวลาที่จะได้แสดงฝีมือกองกำลังนกกระเรียนทองของเขามานานเต็มทีแล้ว ครานี้เขาจะทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่าเขานั้นเหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทมากกว่ากงหนิงหลง! จวนชินอ๋องเย่ปิงปิงที่เคยชอบตื่นเช้ากลับตื่นสายจนพระอาทิตย์ขึ้นอยู่เหนือศีรษะนานแล้ว กงซ่างเหว่ยที่เพิ่งกลับออกมาจากวังหลวงรีบเข้ามาหานางด้วยความคิดถึง คิ้วกระบี่เลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ"น้องหญิง เจ้าไม่สบายหรือไม่""อื้อ...ท่านพี่หรือเพคะ"เย่ปิงปิงปรือตาขึ้นมามองพระสวามี ทั้งที่วันนี้นางตั้งใจว่าจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกันกับเขา แต่นางกลับรู้สึกว่าหนังตาทั้งสองหนักอึ้