39 : เจ้ามันไร้ยางอายเกินไปแล้ว “เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น !” เซวียนหมิงยู่คว้าแขนของนางเอาไว้ เมื่อเห็นว่านางกำลังจะเดินไปทิศทาง ที่สององครักษ์ของเขาอยู่ “ข้าจะไปตามหาป้าเผิงเสียหน่อย นางไปปลดทุกข์ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เป็นลมเป็นแล้งไปแล้วรึ” นางดันมือเขาออกเบา ๆ “หลินซือเยว่เจ้าจะไปทั้งชุดแบบนี้ไม่ได้” หลินซือเยว่มองคนที่ยืนขวางทางนางไว้อย่างไม่เข้าใจ “สวมนี่คลุมไว้ก่อน” เสื้อคลุมตัวนอกของเซวียนหมิงยู่ถูกถอดมาสวมไว้บนตัวของนาง “ท่านอ๋องข้าเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน เสื้อคลุมท่านราคาแพงเช่นนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก” “ข้าให้เจ้าก็แค่รับไว้” เขาตำหนินางเสียงเข้ม ก่อนจะนึกภาพนางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ในป่าแห่งนี้ ท่ามกลางสายตาของสัตว์ป่าทั้งหลาย “เจ้านี่มันยังเป็นสตรีอยู่หรือไม่ !” หลินซือเยว่ไม่สนใจเขาแล้ว นางกำชับเสื้อคลุมแล้วเดินออกไปตามหาเผิงฉือ เดินมาสักพักก็พบเข้ากับองครักษ์ของเซวียนหมิงยู่ “คุณหนูหลินเหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่ แล้วนั่นเสื้อคลุม..” ฮู่ตงหยางเอ่ยต่อไม่ได้ เพราะถูกสายตาจ้องดุดันจากบุรุษที่อยู่ด้
40 : ท่านอ๋องท่านเข้ามาในนี้ทำไม ! สวีวั่งซูหายตัวไปอย่างรวดเร็ว หลินซือเยว่มองเหลียงอ๋องแล้วทอดถอนหายใจเบา ๆ “คนเข้ามาคุ้นกันให้ท่าน มีน้ำใจนิดหน่อยจะเป็นไรไป ปลานี่ท่านแค่ตวัดฝ่ามือเดียวก็ได้แล้ว เหตุใดถึงแล้งน้ำใจเช่นนั้นเล่า” เซวียนหมิงยู่หน้าตึงในทันที “เจ้าบอกว่าข้าแล้งน้ำใจรึ” “หรือว่าไม่ใช่” นางยื่นปลาที่สุกได้ที่ไปให้เขา อีกทั้งยังส่ายไปมาเบา ๆ ใกล้ปลายจมูกของเขา ความโกรธที่เคยมี ถูกกลิ่นหอมของปลายั่วยวนเข้าเสียแล้ว “นับว่าเจ้ารู้ความ” ยื่นมือไปรับปลามาถือไว้ แต่พอมองเห็นเส้นผมเปียกน้ำของนางก็ไม่สบอารมณ์ “ข้าว่าเจ้าเช็ดผมให้แห้งก่อนเถอะ เปียกชุ่มเช่นนี้เดียวไอเย็นก็เล่นงานอีกหรอก” เซวียนหมิงยู่ยังจำตอนนางตกน้ำแล้วป่วย จนต้องนอนค้างที่จวนของเขาได้ “นี่ไม่ใช่หน้าหนาว ไอเย็นแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ประเดี๋ยวกินอิ่มแล้วเดินกลับไปที่ค่ายก็แห้งเองแหละ” “เจ้าแน่ใจนะ” “อืม อีกอย่างข้ามีความรู้เรื่องการรักษา ต่อให้ป่วยเล็กน้อยข้าก็ดูแลตัวเองได้ หืม นี่ท่านอ๋องห่วงข้าหรือ” นางมองเขาแล้วตาโตขึ้นอย่างตกใจ
41 : แม่ทัพต่งเกิดเรื่อง มีรายงานด่วนจากแนวหน้าเข้ามา ข้าศึกเคลื่อนไหวกองทัพ ข้ามเขตแดนของแคว้นจิ้นแล้ว เกิดการปะทะกันขึ้นอย่างรุนแรง ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างล่าถอยออกมา ปักหลักอยู่ในดินแดนของตัวเอง ทำศึกคราวนี้แม่ทัพต่งสูญเสียพลทหารไปร้อยกว่านาย ฝ่ายข้าศึกเองตายไม่น้อยไปกว่ากัน แม่ทัพเหลียน “ผู้ที่นำทัพออกไปปะทะกับข้าศึกคราวนี้ เห็นว่าเป็นอดีตแม่ทัพหยางพ่ะย่ะค่ะ” เซวียนหมิงยู่แค่นเสียงหนึ่งในลำคอ “แม่ทัพต่งช่างเร่งรัดกตัญญูต่ออาจารย์เสียจริง เกรงว่ากลับมาคราวนี้ คงได้มอบยศทางทหารให้เขาเป็นแน่” “เช่นนั้นย่อมเป็นเรื่องดีต่อพวกเราไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพเหลียนคิดหยางห่าวอู๋เป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง เซวียนหมิงยู่มองแม่ทัพเหลียนแล้วส่ายหน้าไปมา “แล้วท่านเล่าเคยคิดหรือไม่ หากแม่ทัพหยางโดดเด่นขึ้นมา ตัวท่านนั่นแหละจะสั่นคลอน” “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ข้านั้นเหมือนเรือใกล้ฝั่ง เรื่องแก่งแย่งอำนาจคงไม่อาจลงไปเกี่ยวข้องได้” “ไม่ใช่ว่าท่านยังมีบุตรชายอยู่หรือ” “เรียนท่านอ๋องตามตรง บุตรชายมีเพียงผู้เดียว ยามนี้ถูกคุณหนูหลินช
42 : ข้าศึกทำสิ่งสกปรกใส่ทหารของข้าจริง ๆ เซวียนหมิงยู่หารือทางทหารกับเหล่าแม่ทัพ ผ่านมาหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่กลับไม่ได้รับความกระจ่างแต่อย่างใด เรื่องที่แม่ทัพต่งสั่งถอยทัพออกมาเช่นนี้ “ฮ่องเต้ส่งกงกงมาถ่ายทอดราชโองการปากเปล่า ให้ข้ายึดพื้นที่ของเมืองเหลียง กลับคืนให้ได้ภายในหนึ่งเดือน พวกท่านคิดเห็นเช่นไร” เซวียนหมิงยู่เริ่มหมดความอดทนลง เขาจึงยกฮ่องเต้ขึ้นมากล่าวอ้าง แม่ทัพอู๋หันไปทางแม่ทัพต่ง “ท่านช่วยไขข้อข้องใจให้ข้าทีเถอะแม่ทัพต่ง สิ่งใดกันแน่ที่ทำให้ท่านสั่งถอยทัพในครั้งนี้” แม่ทัพต่งนึกถึงสีหน้าหวาดกลัวของเหล่าทหาร และถูกหยางห่าวอู๋แนะนำให้ถอยทัพ เขาจะกล้าเอ่ยได้อย่างไร ว่าเขาเชื่อมั่นในตัวของอาจารย์ จนยอมเอ่ยถอยทัพออกมา “ยามนั้นเหล่าทหารมีสีหน้าหวาดผวา ข้าไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน หากฝืนสั่งให้สู้ต่อเกรงว่าจะไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว” แต่เรื่องนี้เขาจำเป็นต้องเอ่ยออกมา “ท่านเอาแต่บอกทหารมีสีหน้าหวาดผวา แต่ไยไม่บอกว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงเป็นเช่นนั้น” แม่ทัพเหลียนตำหนิเขาเสียงดัง “แม่ทัพเหลียนไม่ใช่ว่าข้าไ
43 : พี่รองท่านดูดวงเป็นจริง ๆ ใช่ไหม เถียนฮูหยินรีบตรงไปหาบุตรสาวคนโตในทันที ก่อนหน้าเห็นนางอยู่ไกล ๆ ไม่กล้าเอ่ยคำพูดใดออกมา เกรงว่าจะทำให้เฉิงฝูไม่พอใจ ทำให้นางต้องลำบากไปด้วย ไม่คิดว่านางกลับมีความสามารถ ทำให้เฉิงฝูผู้ดุร้ายคนนั้น ยินยอมให้แม่ลูกได้พบหน้ากัน “ท่านแม่น้องสามสบายดีหรือไม่” “ข้าสบายดี” เถียนฮูหยินเอ่ยคล้ายไม่มั่นใจ หลินซูฮวาเบ้ปากใส่มารดาเล็กน้อย “แต่ข้าไม่ค่อยสบาย ทำงานหนักมาก” “เจ้านี่นะ ก็แค่หั่นผัก” เถียนฮูหยินรู้ว่าบุตรสาวคนเล็ก เหน็ดเหนื่อยกับงานในแต่ละวัน และคงมีความรู้สึกอิจฉาพี่สาวที่ได้อยู่ในโรงสมุนไพรนั่น “เยว่เอ๋อร์แล้วเจ้าค่ะ เป็นอย่างไรบ้าง” “ข้าสบายดีเจ้าคะ หมู่นี้ที่โรงสมุนไพรมีงานตลอด ไม่ได้ว่างเว้น” “อ้อ จริงด้วยมีศึกสงคราม พวกเจ้าก็ต้องยุ่งกับยา ที่ใช้รักษาเหล่าทหารบาดเจ็บอยู่แล้ว ขอบใจอาหารกับเสื้อผ้าที่เจ้าให้คนนำมาให้ด้วย” “ที่ข้าไม่ได้ให้เผิงฉือหรือว่าตัวข้าไปเอง เพราะว่ามันจะทำให้คนอื่นมองว่าข้าไม่ใช่นักโทษ แต่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือนักโทษทั่วไป เกรงว่าจะทำใ
44 : ลั่นกองรบ สถานการณ์ชายแดนตึงเครียด ในหนึ่งเดือนยังไม่สามารถเอาพื้นที่คืนกลับมาได้ มีการปะทะกันอยู่เนือง ๆ ผลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่ตลอดเวลา ยาในโรงสมุนไพรได้นำออกมาใช้ได้ทันท่วงที ช่วยให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ได้รับการรักษาได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง ฝ่ายแม่ทัพนึกประหลาดใจ ทหารของพวกเขาไม่เห็นภาพแปลกตาเหล่านั้นอีก ต่างคิดไปว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้เก่งกาจ ถึงขั้นสร้างภาพลวงตา ให้แก่ทหารทั้งสองแสนนายได้พร้อม ๆ กัน จึงค่อย ๆ หมดความสนใจในเรื่องวิชามารนั้นไป เน้นสู้รบกันด้วยฝีมือที่แท้จริง ฮ่องเต้ไม่เพียงแต่ไม่ส่งคนมาช่วย ยังมีสาสน์ส่งมาเตือนเหลียงอ๋อง หากไม่สามารถเอาดินแดนคืนกลับมาได้ภายในสิ้นปีนี้ จะปลดแม่ทัพทั้งหมดเสีย แล้วมอบหมายให้ผู้อื่นเข้ามาทำหน้าที่แทน “เหตุใดไม่บอกมาเลยล่ะ ว่าจะยึดอำนาจจากอ๋องเช่นข้า” เซวียนหมิงยู่ปาสาสน์ในมือลงพื้นด้วยความโกรธ สถานการณ์ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ประคองเอาไว้ ไม่มีความจำเป็นต้องรุกคืบเข้าไป “ท่านอ๋องข้าศึกไม่บุกเข้ามา พวกเราก็ไม่ควรจะบุ่มบ่ามบุกออกไปพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพเหลียนเอ่ยเตือน “เรื่องนั้นข้ารู้ แต่
45 : นี่มันหนอนไหมทองคำ หลินซือเยว่คลายจุดให้ทหารนายนั้น นางจิ้มนิ้วไปหว่างคิ้วของเขาเบา ๆ “จงลืมซะ” นางไม่ได้ตามติดเซวียนหมิงยู่จึงไม่รู้ว่าเขาโดนพิษ ยามนี้นางเปิดเนตรทิพย์ มองหาบิดากับพี่ชายของตัวเองอยู่ พอเห็นว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จึงได้วางใจกลับไปยังเรือนพักของตนเอง “คุณหนูท่านกลับมาแล้ว ข้าเป็นห่วงแทบแย่ พวกเราชนะแล้วเจ้าค่ะ” เผิงฉือเอ่ยพร้อมแววตาตื่นเต้นดีใจ “ข้ารู้แล้วล่ะ ป้าเผิงไปต้มน้ำให้ข้าก่อนเถอะ อยากอาบน้ำเต็มทน” “เจ้าค่ะ ๆ” เพราะเมืองเหลียงชนะสงคราม เผิงฉือจึงดีใจเป็นอย่างมาก ไม่ได้คิดถามไถ่อันใดต่อ รีบไปต้มน้ำให้คุณหนูของนางอาบในทันที เพราะใช้พลังภายในไปค่อนข้างมาก หลังอาบน้ำเสร็จหลินซือเยว่ก็หลับสนิทไปในทันที ไหนเลยจะรู้ว่าในเรือนพักของเซวียนหมิงยู่ กำลังวุ่นวายกันใหญ่โต ท่านหมออินถอนพิษให้เหลียงอ๋องไม่ได้ เขาทำได้เพียงแค่ฝังเข็มระงับอาการไว้เท่านั้น “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้” ฮู่ตงหยางแทบไร้เรี่ยวแรงจะยืนหยัด ดีที่สวีวั่งซูช่วยประคองเอาไว้ แม่ทัพต่งกับแม่ทัพอู๋ มีหน้าที่ควบค
46 : ออกตามหาคางคกพิษเหมันต์ ทหารหนึ่งร้อยนายกระจายกำลังออกไปรอบ ๆ ภูเขา จากนั้นเดินเรียงหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อมองหาร่องรอยของคางคกพิษเหมันต์ หลินซือเยว่เดินทางไปพร้อมกับฮู่ตงหยาง แม้ว่านางต้องการไปเพียงลำพัง แต่อีกฝ่ายไม่อาจปล่อยให้สตรี ที่ผู้เป็นนายให้ความสำคัญ เกิดอันตรายขึ้นได้ กลุ่มของหลินซือเยว่ จึงมีองครักษ์จวนเหลียงอ๋องตามมาด้วยอีกสิบคน การเดินทางนั้นไม่ง่าย บนยอดเขาสูงที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน ไม่มีเส้นทางให้เดินผ่าน ทุกคนต้องตัดไม้ถางป่าเดินเข้าไป หลินซือเยว่คำนวณด้วยตาเปล่า คิดว่ากว่าจะไปถึงยอดเขาได้นั้น ต้องใช้เวลาสองวันเป็นอย่างต่ำ นางเริ่มใจคอไม่สู้ดี ฮู่ตงหยางเองก็รู้สึกเช่นนั้น สองวันต่อมา มีพลุสัญญาณดังขึ้น ย่อมหมายความว่ามีคนพบเจอ ร่องรอยของคางคกพิษเหมันต์แล้ว หลินซือเยว่กับคนในกลุ่มมุ่งหน้าไปทางนั้นในทันที พบต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้นเหี่ยวเฉากลายเป็นสีดำ ร่องรอยนั้นมุ่งขึ้นไปบนยอดเขาตรงหน้า “เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนรออยู่ที่นี่ ข้าจะขึ้นไปจับคางคกพิษเหมันต์เอง สัตว์พิษตัวนี้ต้องจับมันแบบเงียบ ๆ ขืนไปกันหมดนี่ มันคงรู้ตัวหนี
10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน หลินซือเยว่ชวนน้องสาวมาเยือนที่เรือน เพื่อเปิดโอกาสให้ฮู่ตงหยางได้พูดคุยกับนางบ้าง อย่างน้อยได้ทำความรู้จักพูดคุยกันก่อน ยามออกเรือนไปแล้วจะได้ไม่เขินอายกันจนเกินไป แต่นางได้เอ่ยกับบิดามารดาไปแล้ว ว่าให้หมั้นหมายกันไปก่อนหนึ่งปี เพราะยามนี้น้องสาวของนางเพิ่งอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดปีเอง แต่มารดาของนางกลับแย้ง ว่าอายุช่วงนี้กำลังเหมาะสม หากรอไปอีกหนึ่งปีฮู่ตงหยางก็สามสิบปีพอดี ในสายตาของผู้อื่นอาจคิดว่าอายุของทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน เพราะห่างกันร่วมสิบสองปี แต่ในสายตาของหลินซือเยว่ ฮู่ตงหยางอยู่ในวัยกำลังสร้างครอบครัวได้ มีแต่น้องสาวของนางนี่แหละที่เด็กน้อยเกินไป “น้องรอง” “เจ้าคะ” “เจ้าไม่คิดว่าองครักษ์ฮู่แก่ไปหรอกหรือ” หลินซูฮวาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่เจ้าค่ะ เขาดูแข็งแรงดี” “อ้อ เป็นข้าที่คิดมากไปเอง เจ้าดูเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ข้ามีงานไปคุยกับท่านอ๋องก่อน” “ได้เจ้าค่ะ” หลินซูฮวาชอบที่ได้เล่นกับหลานตัวน้อยทั้งสอง พวกเขาเลี้ยงง่าย แค่ได้วิ่งเล่นไปมาก็มีความสุขแล้ว นางเองได้นั่งมองเด
9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล” หลินซูฮวาไม่ได้โง่ นางมองปราดเดียวก็รู้ ว่าคนตรงหน้าได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ช่วยด้วยวิธีไหนนั้นนางไม่แน่ใจ ภายในรถม้าที่นั่งกลับเรือนด้วยกันสองต่อสอง นางจึงได้ใจกล้าเอ่ยถามเขา “ท่านผายปอดให้ข้ารึ” ฮู่ตงหยางตัวแข็งทื่อหลังได้ยิน “คุณหนูหลินท่านรู้จักการผายปอดด้วยรึ” เขาถามเสียงค่อยคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง “รู้จักสิ พระชายามาสอนคนที่จวนอยู่เหมือนกัน ข้าก็ได้เรียนรู้ด้วย” นางเม้มปากแน่น พวงแก้มค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นมา การที่เขาไม่ปฏิเสธย่อมหมายความว่าเป็นเรื่องจริง “คุณหนูหลินข้าล่วงเกินท่านแล้ว” ฮู่ตงหยางยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี “หมายความว่าอย่างไร พระชายาบอกว่าเป็นการช่วยเหลือชีวิตผู้คน ข้าไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยสิ” หลินซูฮวาบิดปลายนิ้วใต้แขนเสื้อสุดแรง “ตอนข้า เอ่อ ผายปอดท่าน มีชาวบ้านอยู่แถวนั้นกันหลายคน เกรงว่าเรื่องนี้คงทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว” “องครักษ์ฮู่ท่านหมายความว่า มีคนเห็นท่าน” หลินซูฮวาหยุดพูด แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ “เป่าลมเข้าปากข้ารึ” ถาม
8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !” หลินซือเยว่จัดการเรื่องออกเรือน ให้สาวใช้สินเดิมทั้งสองเรียบร้อยแล้ว นางมอบของขวัญเป็นเรือนให้คนละหลัง พร้อมมอบกิจการร้านค้าให้อีกด้วย กระทั่งหนังสือขายตัวก็ฉีกทิ้งไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้เป็นอิสระในภายภาคหน้า “ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้าใจดีถึงเพียงนี้” เซวียนหมิงยู่โอบกอดนางจากด้านหลัง พร้อมหอมแก้มนุ่ม ๆ ของนางฟอดหนึ่ง “ยามเป็นโหย่วซิงเยียนพวกนางดีกับข้ามาก พอเป็นหลินซือเยว่ก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพร ยามนี้เลยได้ใช้ประโยชน์บ้าง ต่อไปภายภาคหน้าหากเกิดการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนางก็สามารถรักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องหาหมออย่างเดียว” หลินซือเยว่ได้วางแผนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ให้แก่คนในจวนไว้แล้ว เพียงแต่นางยังไม่มีเวลาได้ลงมือทำ “ข้าถึงได้ว่าเจ้าจิตใจดีอย่างไร” ไม่เพียงแต่กับบ่าวไพร่ในจวน กระทั่งชาวบ้านทั่วไปหลินซือเยว่ก็ใจดีต่อพวกเขา เซวียนหมิงยู่ได้รู้จากท่านหมอหลี่ ว่าพระชายาของตนได้ให้คนจากโรงสมุนไพร ออกไปถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นฐานให้แก่ชาวบ้าน และสอนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื
7 : วาสนานำพารัก หลินเต๋อให้คนไปเชิญพระชายามายังจวนของตน เพื่อหารือเรื่องสำคัญ ครั้นหลินซือเยว่ไปถึงก็ได้รู้ว่าพี่ชายของตนเอง กำลังจะมีข่าวดีเรื่องมงคล “ซีฮันสวมกวานมาหลายปีแล้ว สมควรคิดเรื่องออกเรือนได้เสียที” เถียนฮูหยินเป็นผู้เอ่ยเรื่องนี้ หลินซือเยว่รีบหันไปทางพี่ชายในทันที เห็นเขาใบหน้าแดงเถือกขึ้นอย่างชัดเจน นี่หมายความว่าไม่ปฏิเสธเป็นแน่แท้ “ท่านแม่หมายปองสตรีนางใดให้พี่ใหญ่หรือเจ้าคะ” “เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวง ทำการค้าเหมือนกัน” “ท่านพ่อเห็นชอบว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางหันไปทางบิดาบ้าง ส่วนตัวไม่ได้รู้จักคุณหนูผู้นี้มาก่อน “อืม คุณหนูใหญ่ผู้นี้ใช้ได้เหมือนกัน” หลินเต๋อย่อมเชื่อใจการมองคนของภรรยา หลินซือเยว่มองน้องสาวของตัวเองบ้าง เห็นนางพยักหน้าลงคล้ายพึงพอใจอยู่เหมือนกัน ทุกคนในบ้านล้วนพึงพอใจสตรีนางนี้ กระทั่งหลินซีฮันยังไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ “พี่ใหญ่ ท่านไปแอบดูนางมาแล้วใช่ไหม” ทุกคนต่างอ้าปากค้างหลังได้ยิน โดยเฉพาะเถียนฮูหยิน นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรชาย ไปแอบดูคุณหนูใหญ่ตระกูลหวงตอนไหน “ซีฮันนี่เจ้า
6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” ยามนี้คุณชายกับคุณหนูทั้งสองอายุครบสองปี ทั้งคู่เริ่มเรียกชื่อบิดามารดาได้แล้ว อีกทั้งยังพูดคุยประโยคสั้น ๆ ได้บ้าง หลินซือเยว่ได้จัดงานแต่งให้สวีวั่งซูอย่างสมเกียรติไปเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ฮู่ตงหยางจึงกลายเป็นคนขี้อิจฉา ยามได้เห็นสหายรัก รีบร้อนกลับเรือนทุกครั้งหลังออกเวร พอหันกลับมาทางท่านอ๋องของตน แทบนึกช่วงเวลาเหลียงอ๋องผู้เกรียงไกรแทบไม่ออก เพราะยามนี้นั้น “บิน ๆ สูง ๆ” เป็นเสียงเล็ก ๆ ของคุณชายตัวน้อย ท่านอ๋องของตนกำลังให้คุณชายขี่คอแล้วพาวิ่งไปรอบ ๆ ลานหญ้า ส่วนพระชายานั้นกำลังนั่งถักเปียให้คุณหนูด้านข้างมีเผิงฉือกับสองสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ “อี้เอ๋อร์อยากขี่ม้าใช่ไหม ได้ ๆ ตงหยางมานี่เร็ว !” “ท่านอ๋องคุณชายยังไม่ได้เอ่ยสักคำ” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่เข่ากลับคุกคลานลงบนพื้น ไม่ช้าคุณชายตัวน้อย ก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนหลังของเขา “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฮู่ตงหยางก้มหน้าคลานไป ประคองคุณชายน้อยไปด้วย เขากลับมีความสุขเหลือเกินในยามนี้ คุณชายน้อยส่
5 : แฝดชายหญิง หนึ่งเดือนต่อมา เผิงฉือนั่งมองพระชายาของนาง ที่กำลังจ้องที่ข้อมือของตัวเองอย่างเงียบ ๆ บางครั้งพระนางก็เอานิ้วไปแตะ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็แตะข้อมืออีกครั้ง เป็นอยู่เช่นนี้จนน่าสงสัย “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้แม่ครัวเคี่ยวน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้เพคะ” ลี่ถิงเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำแกง หลินซือเยว่หันไปค้อนนางแรง ๆ อย่างไร้สาเหตุ “พระชายาเป็นอันใดเพคะ” เผิงฉือเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ โบกมือให้ลี่ถิงรีบวางถ้วยน้ำแกงลง แล้วให้รีบออกไปให้เร็วที่สุด “ป้าเผิงข้าไม่สบายใจเล็กน้อย” นางถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา แววตามีความสับสนเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดที่ทำให้พระชายาไม่สบายใจหรือเพคะ หากบอกได้ก็เอ่ยออกมาเถอะ” เผิงฉือเข้าไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางเล็กน้อย ดันถ้วยน้ำแกงออกไปให้ไกลตัว “ต่อไปข้าคงกินน้ำแกงบำรุงนี่ไม่ได้อีกแล้ว ฤทธิ์มันแรงเกินไป ไม่ดีต่อเด็กในท้อง” “เช่นนั้นหรือเพคะ” เผิงฉือค้างชะงักไปหลังตัวเองเอ่ยจบ
4 : พระชายานางไม่คู่ควร ฮู่ตงหยางนำเรื่องสำคัญ มาขอคำชี้แนะจากพระชายา เดิมทีเผิงฉือไม่อยากให้เขาไปรบกวนหลินซือเยว่ แต่ทนเสียงอ้อนวอนไม่ไหว จึงได้เข้าไปรายงานพระชายาให้รับรู้ “หากไม่มีเรื่องสำคัญคงไม่มาหาข้า ป้าเผิงให้องครักษ์ฮู่เข้ามาเถอะ” หลินซือเยว่ยามนี้ใบหน้าอิ่มเอิบ เหมือนคนถูกเติมเต็มไปด้วยความรัก “เพคะพระชายา” เผิงฉือยามได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุข ผุดขึ้นเต็มใบหน้าของผู้เป็นนาย ราวกับก้อนหินหนักอึ้งในใจถูกวางลง เหลียงอ๋องยามนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าได้มอบความรักให้พระชายาเพียงผู้เดียวจริง ๆ “พระชายา” ฮู่ตงหยางเข้าไปคำนับหลินซือเยว่ พร้อมกับเล่าความปรารถนาของตนเอง ให้พระนางฟังอย่างละเอียดทุกเรื่อง แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่เรื่องของเขาแม้แต่น้อย กลับเป็นเรื่องราวความรักของสวีวั่งซูแทน “องครักษ์ฮู่ท่านกล้าเอาเรื่องเหลวไหลมาเอ่ยกับพระชายาเชียวรึ” เผิงฉือขึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ “ท่านป้าเผิง ข้าแค่เป็นห่วงวั่งซูเกรงว่าเขาจะพบเจอคนไม่ดีเข้า” หลินซือเยว่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ ออกไปเที่ยวชมเมืองเล่นอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป “ร
3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ ชีวิตของการเป็นพระชายาของเหลียงอ๋อง ไม่ได้ทำให้หลินซือเยว่ถูกขังอยู่แต่ในจวนได้ บางวันนางออกไปท่องเที่ยวข้างนอก ทำให้นางได้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองเหลียงมากขึ้น เซวียนหมิงยู่รู้ว่าห้ามนางไม่ได้ จึงยอมปลอมตัวออกไปเที่ยวข้างนอกกับนางด้วย “ท่านอ๋อง ท่านจะไปข้างนอกกับพระชายาข้าไม่ว่า แต่เหตุใดไม่ให้ข้ากับตงหยางไปด้วยเล่า” สวีวั่งซูเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นนาย “วั่งซูเจ้าคิดว่าในเมืองเหลียงแห่งนี้ มีใครทำอันตรายข้ากับพระชายาได้บ้าง ลำพังข้าไม่เป็นไรแต่พระชายานั้น อย่าได้ดูแคลนฝีมือนางเด็ดขาด” สวีวั่งซูหันไปมองสหายด้านข้าง ฮู่ตงหยางกระซิบเบา ๆ “ขนาดฟ้ายังเรียกมาผ่าจวนหยางอ๋องได้ ข้าว่าเจ้าวางใจเถอะ ให้ท่านอ๋องไปกับพระชายาสองต่อสองเถอะ” สวีวั่งซูคล้ายไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้ เพราะพระชายาในชุดปลอมตัวเป็นบุรุษ ได้เดินออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา พร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “พระชายาหน้าข้ามีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” สวีวั่งซูแปลกใจเล็กน้อย พระชายาไม่เคยมองเขาแบบนี้มาก่อน นี่คล้ายกำลัง
2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา ตระกูลหลินสายรอง หลังจากหลินซือเยว่ได้แต่งงานเข้าจวนเหลียงอ๋องได้สองเดือน ครอบครัวของนางต้องหารือกันครั้งใหญ่ เพราะการกระทำของพวกเขาทุกคน จะส่งผลต่อฐานะพระชายาของหลินซือเยว่ไปด้วย หลินซูฮวารับบทหนักกว่าผู้อื่น มารดาของนางถึงกับจ้างคนมาสั่งสอน เรื่องที่บุตรีตระกูลมีชื่อเสียงต้องร่ำเรียนกัน “เจ้าต้องจำเอาไว้ซูฮวา เจ้าคือน้องสาวของพระชายาเหลียงอ๋อง จะทำสิ่งใดต้องมีผู้คนจับตามอง ข้าไม่อยากให้พวกเราทุกคน ทำร้ายพระชายาไปมากกว่านี้” เถียนฮูหยินสั่งสอนบุตรสาวคนเล็ก ในยามที่นางโอดครวญไม่อยากร่ำเรียน “ท่านแม่ข้าก็บ่นไปเช่นนั้นเอง ความจริงข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี” หลินซูฮวาเดินเข้าไปกอดแขนมารดาเอาไว้แน่น “ท่านพ่อก็เหมือนกัน ท่านอย่าได้ไปคบหาพวกอันธพาลเข้าล่ะ ห้ามไปบ่อนเด็ดขาด” หลินซีฮันรู้สึกว่าหากปล่อยปละละเลย บิดาของเขาคงถูกคนล่อลวงไปได้ง่าย ๆ “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” หลินเต๋อหลบสายตาบุตรชาย ต่อไปนี้ต้องใจแข็งให้มากกว่านี้แล้วล่ะ “ท่านพี่ต่อไปพวกเราไม่ต้องไปที่หอโอสถทุกวันแล้วล่ะ ข้าว่าให้ผู้ดูแลร้านเขา