32 : ค้างคืนจวนเหลียงอ๋อง เทศกาลหยวนเซียวปีนี้ ได้เกิดเรื่องร้ายขึ้น เรือของแม่ทัพเหลียนถูกคนลอบวางเพลิง คนร้ายต้องการสังหารเหลียงอ๋อง แต่ระหว่างต่อสู้กันอยู่นั้น เหลียงอ๋องเกิดทำให้สตรีนางหนึ่งตกลงไปในน้ำด้วย อีกทั้งยังอุ้มนางขึ้นฝั่งมา และขึ้นรถม้ากลับจวนเหลียงอ๋องไป มีบางคนเล่าให้เป็นเรื่องราวของวาสนาชะตารัก นี่ไม่ใช่ว่าเหลียงอ๋อง ต้องตบแต่งสตรีนางนั้นเข้าจวนหรอกหรือ เรือนรับรองจวนเหลียงอ๋อง หลินซือเยว่กำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำ มีควันอุ่นลอยขึ้นด้านบนนางไม่เคยแช่น้ำที่ไหนสบายเท่านี้มาก่อน เดิมทีสาวใช้เหล่านั้น อยากเข้ามาช่วยนางผ่อนคลายด้วยการบีบนวด แต่นางไม่คุ้นเคยกับการอาบน้ำโดยมีผู้อื่นอยู่ด้วย จึงไล่พวกนางออกไปให้หมด พออาบน้ำเสร็จพวกนางก็เข้ามาช่วยสวมใส่เสื้อผ้าให้ พร้อมกับเช็ดผมให้จนแห้ง หลินซือเยว่นั่งรอจนเผลอหลับไป การทำผมให้แห้งในยุคนี้ ช่างเป็นเรื่องยากลำบากเสียจริง สายตานางมองไปที่เตียง พร้อมร่างกายที่วิงเวียนและทิ้งตัวลงนอน “ข้างนอกหิมะตกแล้ว” สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้น “หิมะตก” หลินซือเยว่อยากกลอกตาใส่สภาพดินฟ้าอ
33 : เจ้ามักจะมาพร้อมกับคนร้าย ยามนี้เซวียนหมิงยู่สวมรัดเกล้าสีทอง อาภรณ์เป็นผ้าไหมสีม่วงตัดกับดำ ทุกอย่างบนเรือนร่างแลดูสูงส่ง รัศมีของราชวงศ์ยิ่งเปล่งประกาย จนนางหายใจติดขัด แอบก่นด่าปรมาจารย์ในใจไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตรึ เหตุใดข้าในตอนนี้ ถึงได้ถูกรัศมีผู้อื่นข่มได้เล่า “ท่านอ๋องข้ามาลาเจ้าค่ะ” นางเอ่ยทั้งที่ตัวเองยังยืนอยู่ด้านนอกศาลา “เข้ามา” เซวียนหมิงยู่ส่งสายตาเกียจคร้านมองนาง ก็ได้ข้าเข้าไปก็ได้ ไม่ต้องมาทำตาขวางใส่ข้าเช่นนี้ หลินซือเยว่ก้าวขาขึ้นไปอยู่บนศาลาริมน้ำ นางนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเซวียนหมิงยู่อย่างไม่เกรงใจ ข้าเป็นคนในยุคปัจจุบัน ทุกคนย่อมเท่าเทียมกัน หากคิดเช่นนี้ข้าก็จะสบายใจขึ้น “หลินซือเยว่” อืม ชื่อข้าเองแหละ นางรู้ว่าไม่อาจปิดบังสายตาจิ้งจอกของเขาได้แน่ เมื่อคืนยังอาศัยแสงสว่างน้อยนิดหลีกเลี่ยงได้ แต่ยามนี้ท้องฟ้าแจ่มใส มีแสงแดดมากกว่าทุกวัน ไหนเลยจะหนีรอดสายตาเขาไปได้ “เจ้าไม่ประหลาดใจเช่นนี้ คงรู้จักข้าดีเหมือนกันล่ะสิ” เซวียนหมิงยู่หรี่ตาลงเล็กน้อย สต
34 : พวกเขาสงสัยว่าหลินซือเยว่จะเป็นสตรีลับ ๆ ของคหบดีเมี่ยว หลายวันมานี้หลินซือเยว่เฝ้าคิดว่า เหตุใดนางถึงต้องถูกเซวียนหมิงยู่ข่มขู่อยู่ทุกครั้ง ยามอยู่บนเรือลำนั้นก็เหมือนกัน หากเขาไม่ลากนางลงในน้ำ นางก็สามารถดีดตัวเองขึ้นไปบนฝั่งได้ เป็นเพราะเขาทำเช่นนั้น เลยทำให้ร่างกายของนางขาดสมดุล กลืนน้ำเย็นยะเยือกไปหลายอึก จับไข้หนาวสั่นไปอีกทั้งคืน ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ยามออกไปมั่นใจว่าตนฝีมือสูงส่ง ครั้นกลับมาดันกลายเป็นนักโทษ ถูกจับตามองไปเสียอย่างนั้น ฟุบ ! ฟุบ ! ฟุบ ! “คุณหนูวันนี้ท่านฝึกยิงธนูนานเกินไปแล้วนะเจ้าคะ มากินข้าวเช้าก่อนเถอะ” เผิงฉือเพิ่งเคยเห็นหลินซือเยว่มีอารมณ์โกรธเคืองผู้อื่นเช่นนี้ เหตุใดนางถึงยินดีนักนะ คุณหนูผู้แสนเย็นชาละทิ้งโลกใบนี้ไป กลับมีอารมณ์ดั่งมนุษย์ทั่วไปแล้ว นี่ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีถึงจะถูก “ข้าหลงคิดว่าตัวเองเก่งกล้า เต๋าก็ดีการต่อสู้ก็ดี แต่คราวนี้ถึงเข้าใจว่า ยังมีบางคนที่ข้าต่อกรด้วยไม่ได้” “ยังมีคนเช่นนั้นอยู่หรือเจ้าคะ” “ใช่ ยิ่งไปกว่านั้นข้ากลับทำร้ายเขาไม่ได้ด้วย เพราะเขาไม่ใช่คนเลวอย่างไรล
35 : ตัวยาไม่ครบข้าก็ทำผงห้ามเลือดไม่ได้ เซวียนหมิงยู่แค่นึกถึงใบหน้างดงามอ่อนเยาว์ของหลินซือเยว่ ที่ต้องถูกตาเฒ่าคหบดีเมี่ยวกระทำชำเรา อกเขาก็ดั่งถูกไฟเผา เจ็บแปลบขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว รีบดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปบอกให้พ่อบ้านเตรียมรถม้า “ท่านอ๋องไม่พาองครักษ์ติดตามไปด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านผู้นี้เดิมทีเป็นผู้ช่วยของพ่อบ้านคนเก่า แต่หลังจากพ่อบ้านคนเก่าถูกจับได้ ว่าเป็นไส้ศึกเมื่อเดือนก่อน ตอนนี้เขาเลยได้เลื่อนตำแหน่ง มาทำหน้าที่พ่อบ้านคนปัจจุบันแทน “ไม่ต้องข้าอยากไปคนเดียว” “พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” รถม้าที่นำออกไปคราวนี้ เป็นรถม้าไม้ธรรมดาทั่วไป ไม่ติดธงสัญลักษณ์ของจวนเหลียงอ๋องอีกด้วย แน่นอนว่าชุดที่เซวียนหมิงยู่สวมใส่ ย่อมเป็นชุดที่ไม่บ่งบอกฐานะของราชวงศ์เช่นกัน ดูไปแล้วคล้ายบัณฑิตจากตระกูลสูงส่งผู้หนึ่ง “ท่านอ๋องให้ไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” คนขับรถม้าไม่กล้าถามเสียงดัง “เรียกข้าว่านายท่าน ห้ามใช้คำราชาศัพท์” “พ่ะ เอ่อ ขอรับนายท่าน” “ไปที่ร้านขายเมล็ดพันธุ์พืช” หากนางต้องการตามหาเมล็ดพันธุ์สมุนไพร ย่
36 : ช่างน่าผิดหวังนัก ! เซวียนหมิงยู่สั่งอาหารโดยที่ไม่ถามนางสักคำ เขาเปิดหน้าต่างเล็กเพื่อให้มองเห็นผู้คนที่สัญจรไปมาด้านล่าง บรรยากาศด้านล่างทำให้หลินซือเยว่เผลอไผลมอง นางเผลอยกมือขึ้นเท้าคางอย่างเคยชิน “เจ้าดื่มน้ำชาแก้กระหายก่อนเถอะ” ขืนรอให้นางรินชาให้ เขาคงไม่ได้ดื่มหรอกชาถ้วยนี้ จัดการรินชาให้นางอีกถ้วย “เจ้าสวมชุดนี้ค่อยดูเหมือนคนของโรงสมุนไพรอยู่บ้าง” “แน่นอนสิเจ้าคะ ข้าทำงานอยู่ที่นั่น ขอบคุณท่านอ๋อง” นางยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกว่าที่เคยเป็น “เจ้ามีของที่อยากได้ และคนที่มอบให้ได้ก็คือข้าสินะ” รอยยิ้มบนหน้าของหลินซือเยว่เหือดแห้งลง เหตุใดเขาถึงได้มองนางทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ “ท่านอ๋องใบหน้าท่านก็แจ่มใสยิ่งนัก ในจวนคงหาไส้ศึกได้แล้วกระมัง” ไอขุ่นมัวเรื่องในจวนหายไป ย่อมหมายความว่าเขากำจัดคนผู้นั้นไปแล้ว เซวียนหมิงยู่ชะงักมือที่กำลังจะยกถ้วยชาขึ้นดื่ม “เรื่องนี้ก็ไม่แน่ว่าเจ้าทำนายถูก” ชาถ้วยนั้นถูกกลืนลงคออย่างช้า ๆ “อ้อ คิดว่าข้าเป็นพวกเดียวกัน เลยรู้ทางหนีทีไล่สินะ”
37 : ไปกินข้าวบ้านนาง แต่ท่านอ๋องไม่ได้กิน ! หลินซือเยว่ตื่นขึ้นมาพบว่า ฮู่ตงหยางมาเรือนของนางตั้งแต่เช้า เมื่อวานนางยังโกรธเซวียนหมิงยู่ พอเห็นคนของเขาพานทำให้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “คุณหนูเจ้าคะ คนผู้นี้บอกว่าเป็นองครักษ์ของเหลียงอ๋องเจ้าค่ะ” เผิงฉือไม่เคยเห็นหน้าฮู่ตงหยางมาก่อน ยามเขาแนะนำตัว จึงทำให้นางตกอกตกใจเป็นอย่างมาก เหตุใดเหลียงอ๋องผู้สูงส่งคนนั้น ถึงส่งคนมาหาคุณหนูของนางได้เล่า กลัวแต่คุณหนูของนาง จะไปเผลอเหยียบเท้าใครเข้าให้ “เจ้ามาทำไม” หลินซือเยว่นั่งลงบนเก้าอี้ ใช้สายตามองฮู่ตงหยางอย่างไม่เป็นมิตร “คุณหนูหลิน ท่านไม่พอใจอะไรข้าหรือไม่ เหตุใดมองข้าเช่นนั้นเล่า” “ใช่ข้าไม่พอใจเจ้า” “คุณหนูเจ้าคะ ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จาเจ้าค่ะ” นี่เป็นองครักษ์ของเหลียงอ๋องเชียวนะเจ้าคะ ท่านอย่าเล่นแรงเกินไปเลย “ข้าได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องมา ท่านอ๋องให้ข้ามาถามคุณหนูหลิน เรื่องสมุนไพรที่ต้องการสั่งซื้อมีสิ่งใดบ้าง ให้ข้าจดรายชื่อสมุนไพรกลับไป เพื่อที่จะได้ทำการสั่งซื้อมาจากที่อื่นขอรับ” หลินซือเยว่พอจะรู้ว่าเรื่องนี้นา
38 : แคว้นถังเคลื่อนไหว รายงานสถานการณ์หน่วยสอดแนมชายแดนมาถึง เซวียนหมิงยู่รีบเรียกเหล่าแม่ทัพทั้งหมดในเมืองเหลียง มาหารือเรื่องสำคัญ ยังเรือนพักในค่ายทหารของตนเอง มีแม่ทัพเหลียน เหลียนเฉินเจิ่น แม่ทัพต่ง ต่งลู่เหอ แม่ทัพอู๋ อู๋กัง แผนที่หนังสัตว์ถูกกางบนโต๊ะยาว จุดไหนข้าศึกเคลื่อนตัวมาถึง จะถูกปักไว้ด้วยธงสีแดง รอแค่ว่าจะมีกองทหารของข้าศึกกองไหน กล้าข้ามเขตแดนมา เมื่อถึงยามนั้นสงครามคงหลีกหนีไม่พ้น “หลายปีมานี้แคว้นถังอยู่อย่างสงบนิ่งมาตลอด การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นเพราะอะไรกันแน่” แม่ทัพเหลียนยังหาสาเหตุในเรื่องนี้ไม่ได้ แม่ทัพต่ง “ได้ข่าวว่ามีศึกแย่งชิงบัลลังก์ของฮ่องเต้แคว้นถัง เหล่าองศ์ชายจึงต่างอยากชิงอำนาจกองทัพไว้ในมือ” แม่ทัพอู๋ “องค์ชายสามของแคว้นถัง เป็นคนกระหายในสงคราม เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการนำทัพครั้งนี้” เซวียนหมิงยู่ในชุดทหารเต็มยศ ยืดตัวนั่งตรงบนเก้าอี้ที่ปูด้วยพรมเสือดำ “ดูเหมือนแม่ทัพเหลียนจะหูตาไม่ไกล เท่า แม่ทัพต่งกับแม่ทัพอู๋เสียแล้ว” “ข้าไร้ความสามารถ โปรดท่านอ๋องลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพเหลี
39 : เจ้ามันไร้ยางอายเกินไปแล้ว “เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น !” เซวียนหมิงยู่คว้าแขนของนางเอาไว้ เมื่อเห็นว่านางกำลังจะเดินไปทิศทาง ที่สององครักษ์ของเขาอยู่ “ข้าจะไปตามหาป้าเผิงเสียหน่อย นางไปปลดทุกข์ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เป็นลมเป็นแล้งไปแล้วรึ” นางดันมือเขาออกเบา ๆ “หลินซือเยว่เจ้าจะไปทั้งชุดแบบนี้ไม่ได้” หลินซือเยว่มองคนที่ยืนขวางทางนางไว้อย่างไม่เข้าใจ “สวมนี่คลุมไว้ก่อน” เสื้อคลุมตัวนอกของเซวียนหมิงยู่ถูกถอดมาสวมไว้บนตัวของนาง “ท่านอ๋องข้าเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน เสื้อคลุมท่านราคาแพงเช่นนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก” “ข้าให้เจ้าก็แค่รับไว้” เขาตำหนินางเสียงเข้ม ก่อนจะนึกภาพนางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ในป่าแห่งนี้ ท่ามกลางสายตาของสัตว์ป่าทั้งหลาย “เจ้านี่มันยังเป็นสตรีอยู่หรือไม่ !” หลินซือเยว่ไม่สนใจเขาแล้ว นางกำชับเสื้อคลุมแล้วเดินออกไปตามหาเผิงฉือ เดินมาสักพักก็พบเข้ากับองครักษ์ของเซวียนหมิงยู่ “คุณหนูหลินเหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่ แล้วนั่นเสื้อคลุม..” ฮู่ตงหยางเอ่ยต่อไม่ได้ เพราะถูกสายตาจ้องดุดันจากบุรุษที่อยู่ด้
10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน หลินซือเยว่ชวนน้องสาวมาเยือนที่เรือน เพื่อเปิดโอกาสให้ฮู่ตงหยางได้พูดคุยกับนางบ้าง อย่างน้อยได้ทำความรู้จักพูดคุยกันก่อน ยามออกเรือนไปแล้วจะได้ไม่เขินอายกันจนเกินไป แต่นางได้เอ่ยกับบิดามารดาไปแล้ว ว่าให้หมั้นหมายกันไปก่อนหนึ่งปี เพราะยามนี้น้องสาวของนางเพิ่งอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดปีเอง แต่มารดาของนางกลับแย้ง ว่าอายุช่วงนี้กำลังเหมาะสม หากรอไปอีกหนึ่งปีฮู่ตงหยางก็สามสิบปีพอดี ในสายตาของผู้อื่นอาจคิดว่าอายุของทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน เพราะห่างกันร่วมสิบสองปี แต่ในสายตาของหลินซือเยว่ ฮู่ตงหยางอยู่ในวัยกำลังสร้างครอบครัวได้ มีแต่น้องสาวของนางนี่แหละที่เด็กน้อยเกินไป “น้องรอง” “เจ้าคะ” “เจ้าไม่คิดว่าองครักษ์ฮู่แก่ไปหรอกหรือ” หลินซูฮวาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่เจ้าค่ะ เขาดูแข็งแรงดี” “อ้อ เป็นข้าที่คิดมากไปเอง เจ้าดูเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ข้ามีงานไปคุยกับท่านอ๋องก่อน” “ได้เจ้าค่ะ” หลินซูฮวาชอบที่ได้เล่นกับหลานตัวน้อยทั้งสอง พวกเขาเลี้ยงง่าย แค่ได้วิ่งเล่นไปมาก็มีความสุขแล้ว นางเองได้นั่งมองเด
9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล” หลินซูฮวาไม่ได้โง่ นางมองปราดเดียวก็รู้ ว่าคนตรงหน้าได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ช่วยด้วยวิธีไหนนั้นนางไม่แน่ใจ ภายในรถม้าที่นั่งกลับเรือนด้วยกันสองต่อสอง นางจึงได้ใจกล้าเอ่ยถามเขา “ท่านผายปอดให้ข้ารึ” ฮู่ตงหยางตัวแข็งทื่อหลังได้ยิน “คุณหนูหลินท่านรู้จักการผายปอดด้วยรึ” เขาถามเสียงค่อยคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง “รู้จักสิ พระชายามาสอนคนที่จวนอยู่เหมือนกัน ข้าก็ได้เรียนรู้ด้วย” นางเม้มปากแน่น พวงแก้มค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นมา การที่เขาไม่ปฏิเสธย่อมหมายความว่าเป็นเรื่องจริง “คุณหนูหลินข้าล่วงเกินท่านแล้ว” ฮู่ตงหยางยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี “หมายความว่าอย่างไร พระชายาบอกว่าเป็นการช่วยเหลือชีวิตผู้คน ข้าไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยสิ” หลินซูฮวาบิดปลายนิ้วใต้แขนเสื้อสุดแรง “ตอนข้า เอ่อ ผายปอดท่าน มีชาวบ้านอยู่แถวนั้นกันหลายคน เกรงว่าเรื่องนี้คงทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว” “องครักษ์ฮู่ท่านหมายความว่า มีคนเห็นท่าน” หลินซูฮวาหยุดพูด แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ “เป่าลมเข้าปากข้ารึ” ถาม
8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !” หลินซือเยว่จัดการเรื่องออกเรือน ให้สาวใช้สินเดิมทั้งสองเรียบร้อยแล้ว นางมอบของขวัญเป็นเรือนให้คนละหลัง พร้อมมอบกิจการร้านค้าให้อีกด้วย กระทั่งหนังสือขายตัวก็ฉีกทิ้งไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้เป็นอิสระในภายภาคหน้า “ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้าใจดีถึงเพียงนี้” เซวียนหมิงยู่โอบกอดนางจากด้านหลัง พร้อมหอมแก้มนุ่ม ๆ ของนางฟอดหนึ่ง “ยามเป็นโหย่วซิงเยียนพวกนางดีกับข้ามาก พอเป็นหลินซือเยว่ก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพร ยามนี้เลยได้ใช้ประโยชน์บ้าง ต่อไปภายภาคหน้าหากเกิดการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนางก็สามารถรักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องหาหมออย่างเดียว” หลินซือเยว่ได้วางแผนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ให้แก่คนในจวนไว้แล้ว เพียงแต่นางยังไม่มีเวลาได้ลงมือทำ “ข้าถึงได้ว่าเจ้าจิตใจดีอย่างไร” ไม่เพียงแต่กับบ่าวไพร่ในจวน กระทั่งชาวบ้านทั่วไปหลินซือเยว่ก็ใจดีต่อพวกเขา เซวียนหมิงยู่ได้รู้จากท่านหมอหลี่ ว่าพระชายาของตนได้ให้คนจากโรงสมุนไพร ออกไปถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นฐานให้แก่ชาวบ้าน และสอนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื
7 : วาสนานำพารัก หลินเต๋อให้คนไปเชิญพระชายามายังจวนของตน เพื่อหารือเรื่องสำคัญ ครั้นหลินซือเยว่ไปถึงก็ได้รู้ว่าพี่ชายของตนเอง กำลังจะมีข่าวดีเรื่องมงคล “ซีฮันสวมกวานมาหลายปีแล้ว สมควรคิดเรื่องออกเรือนได้เสียที” เถียนฮูหยินเป็นผู้เอ่ยเรื่องนี้ หลินซือเยว่รีบหันไปทางพี่ชายในทันที เห็นเขาใบหน้าแดงเถือกขึ้นอย่างชัดเจน นี่หมายความว่าไม่ปฏิเสธเป็นแน่แท้ “ท่านแม่หมายปองสตรีนางใดให้พี่ใหญ่หรือเจ้าคะ” “เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวง ทำการค้าเหมือนกัน” “ท่านพ่อเห็นชอบว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางหันไปทางบิดาบ้าง ส่วนตัวไม่ได้รู้จักคุณหนูผู้นี้มาก่อน “อืม คุณหนูใหญ่ผู้นี้ใช้ได้เหมือนกัน” หลินเต๋อย่อมเชื่อใจการมองคนของภรรยา หลินซือเยว่มองน้องสาวของตัวเองบ้าง เห็นนางพยักหน้าลงคล้ายพึงพอใจอยู่เหมือนกัน ทุกคนในบ้านล้วนพึงพอใจสตรีนางนี้ กระทั่งหลินซีฮันยังไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ “พี่ใหญ่ ท่านไปแอบดูนางมาแล้วใช่ไหม” ทุกคนต่างอ้าปากค้างหลังได้ยิน โดยเฉพาะเถียนฮูหยิน นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรชาย ไปแอบดูคุณหนูใหญ่ตระกูลหวงตอนไหน “ซีฮันนี่เจ้า
6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” ยามนี้คุณชายกับคุณหนูทั้งสองอายุครบสองปี ทั้งคู่เริ่มเรียกชื่อบิดามารดาได้แล้ว อีกทั้งยังพูดคุยประโยคสั้น ๆ ได้บ้าง หลินซือเยว่ได้จัดงานแต่งให้สวีวั่งซูอย่างสมเกียรติไปเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ฮู่ตงหยางจึงกลายเป็นคนขี้อิจฉา ยามได้เห็นสหายรัก รีบร้อนกลับเรือนทุกครั้งหลังออกเวร พอหันกลับมาทางท่านอ๋องของตน แทบนึกช่วงเวลาเหลียงอ๋องผู้เกรียงไกรแทบไม่ออก เพราะยามนี้นั้น “บิน ๆ สูง ๆ” เป็นเสียงเล็ก ๆ ของคุณชายตัวน้อย ท่านอ๋องของตนกำลังให้คุณชายขี่คอแล้วพาวิ่งไปรอบ ๆ ลานหญ้า ส่วนพระชายานั้นกำลังนั่งถักเปียให้คุณหนูด้านข้างมีเผิงฉือกับสองสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ “อี้เอ๋อร์อยากขี่ม้าใช่ไหม ได้ ๆ ตงหยางมานี่เร็ว !” “ท่านอ๋องคุณชายยังไม่ได้เอ่ยสักคำ” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่เข่ากลับคุกคลานลงบนพื้น ไม่ช้าคุณชายตัวน้อย ก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนหลังของเขา “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฮู่ตงหยางก้มหน้าคลานไป ประคองคุณชายน้อยไปด้วย เขากลับมีความสุขเหลือเกินในยามนี้ คุณชายน้อยส่
5 : แฝดชายหญิง หนึ่งเดือนต่อมา เผิงฉือนั่งมองพระชายาของนาง ที่กำลังจ้องที่ข้อมือของตัวเองอย่างเงียบ ๆ บางครั้งพระนางก็เอานิ้วไปแตะ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็แตะข้อมืออีกครั้ง เป็นอยู่เช่นนี้จนน่าสงสัย “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้แม่ครัวเคี่ยวน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้เพคะ” ลี่ถิงเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำแกง หลินซือเยว่หันไปค้อนนางแรง ๆ อย่างไร้สาเหตุ “พระชายาเป็นอันใดเพคะ” เผิงฉือเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ โบกมือให้ลี่ถิงรีบวางถ้วยน้ำแกงลง แล้วให้รีบออกไปให้เร็วที่สุด “ป้าเผิงข้าไม่สบายใจเล็กน้อย” นางถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา แววตามีความสับสนเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดที่ทำให้พระชายาไม่สบายใจหรือเพคะ หากบอกได้ก็เอ่ยออกมาเถอะ” เผิงฉือเข้าไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางเล็กน้อย ดันถ้วยน้ำแกงออกไปให้ไกลตัว “ต่อไปข้าคงกินน้ำแกงบำรุงนี่ไม่ได้อีกแล้ว ฤทธิ์มันแรงเกินไป ไม่ดีต่อเด็กในท้อง” “เช่นนั้นหรือเพคะ” เผิงฉือค้างชะงักไปหลังตัวเองเอ่ยจบ
4 : พระชายานางไม่คู่ควร ฮู่ตงหยางนำเรื่องสำคัญ มาขอคำชี้แนะจากพระชายา เดิมทีเผิงฉือไม่อยากให้เขาไปรบกวนหลินซือเยว่ แต่ทนเสียงอ้อนวอนไม่ไหว จึงได้เข้าไปรายงานพระชายาให้รับรู้ “หากไม่มีเรื่องสำคัญคงไม่มาหาข้า ป้าเผิงให้องครักษ์ฮู่เข้ามาเถอะ” หลินซือเยว่ยามนี้ใบหน้าอิ่มเอิบ เหมือนคนถูกเติมเต็มไปด้วยความรัก “เพคะพระชายา” เผิงฉือยามได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุข ผุดขึ้นเต็มใบหน้าของผู้เป็นนาย ราวกับก้อนหินหนักอึ้งในใจถูกวางลง เหลียงอ๋องยามนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าได้มอบความรักให้พระชายาเพียงผู้เดียวจริง ๆ “พระชายา” ฮู่ตงหยางเข้าไปคำนับหลินซือเยว่ พร้อมกับเล่าความปรารถนาของตนเอง ให้พระนางฟังอย่างละเอียดทุกเรื่อง แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่เรื่องของเขาแม้แต่น้อย กลับเป็นเรื่องราวความรักของสวีวั่งซูแทน “องครักษ์ฮู่ท่านกล้าเอาเรื่องเหลวไหลมาเอ่ยกับพระชายาเชียวรึ” เผิงฉือขึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ “ท่านป้าเผิง ข้าแค่เป็นห่วงวั่งซูเกรงว่าเขาจะพบเจอคนไม่ดีเข้า” หลินซือเยว่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ ออกไปเที่ยวชมเมืองเล่นอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป “ร
3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ ชีวิตของการเป็นพระชายาของเหลียงอ๋อง ไม่ได้ทำให้หลินซือเยว่ถูกขังอยู่แต่ในจวนได้ บางวันนางออกไปท่องเที่ยวข้างนอก ทำให้นางได้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองเหลียงมากขึ้น เซวียนหมิงยู่รู้ว่าห้ามนางไม่ได้ จึงยอมปลอมตัวออกไปเที่ยวข้างนอกกับนางด้วย “ท่านอ๋อง ท่านจะไปข้างนอกกับพระชายาข้าไม่ว่า แต่เหตุใดไม่ให้ข้ากับตงหยางไปด้วยเล่า” สวีวั่งซูเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นนาย “วั่งซูเจ้าคิดว่าในเมืองเหลียงแห่งนี้ มีใครทำอันตรายข้ากับพระชายาได้บ้าง ลำพังข้าไม่เป็นไรแต่พระชายานั้น อย่าได้ดูแคลนฝีมือนางเด็ดขาด” สวีวั่งซูหันไปมองสหายด้านข้าง ฮู่ตงหยางกระซิบเบา ๆ “ขนาดฟ้ายังเรียกมาผ่าจวนหยางอ๋องได้ ข้าว่าเจ้าวางใจเถอะ ให้ท่านอ๋องไปกับพระชายาสองต่อสองเถอะ” สวีวั่งซูคล้ายไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้ เพราะพระชายาในชุดปลอมตัวเป็นบุรุษ ได้เดินออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา พร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “พระชายาหน้าข้ามีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” สวีวั่งซูแปลกใจเล็กน้อย พระชายาไม่เคยมองเขาแบบนี้มาก่อน นี่คล้ายกำลัง
2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา ตระกูลหลินสายรอง หลังจากหลินซือเยว่ได้แต่งงานเข้าจวนเหลียงอ๋องได้สองเดือน ครอบครัวของนางต้องหารือกันครั้งใหญ่ เพราะการกระทำของพวกเขาทุกคน จะส่งผลต่อฐานะพระชายาของหลินซือเยว่ไปด้วย หลินซูฮวารับบทหนักกว่าผู้อื่น มารดาของนางถึงกับจ้างคนมาสั่งสอน เรื่องที่บุตรีตระกูลมีชื่อเสียงต้องร่ำเรียนกัน “เจ้าต้องจำเอาไว้ซูฮวา เจ้าคือน้องสาวของพระชายาเหลียงอ๋อง จะทำสิ่งใดต้องมีผู้คนจับตามอง ข้าไม่อยากให้พวกเราทุกคน ทำร้ายพระชายาไปมากกว่านี้” เถียนฮูหยินสั่งสอนบุตรสาวคนเล็ก ในยามที่นางโอดครวญไม่อยากร่ำเรียน “ท่านแม่ข้าก็บ่นไปเช่นนั้นเอง ความจริงข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี” หลินซูฮวาเดินเข้าไปกอดแขนมารดาเอาไว้แน่น “ท่านพ่อก็เหมือนกัน ท่านอย่าได้ไปคบหาพวกอันธพาลเข้าล่ะ ห้ามไปบ่อนเด็ดขาด” หลินซีฮันรู้สึกว่าหากปล่อยปละละเลย บิดาของเขาคงถูกคนล่อลวงไปได้ง่าย ๆ “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” หลินเต๋อหลบสายตาบุตรชาย ต่อไปนี้ต้องใจแข็งให้มากกว่านี้แล้วล่ะ “ท่านพี่ต่อไปพวกเราไม่ต้องไปที่หอโอสถทุกวันแล้วล่ะ ข้าว่าให้ผู้ดูแลร้านเขา