เช้าวันรุ่งขึ้น หมู่บ้านหลงเหมินเต็มไปด้วยความโกลาหล พวกชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าออกจากบ้าน หลินเจี้ยน และหวังซูเม่ย ออกตามหาหลินซื่อเจี๋ย แต่ก็ไร้วี่แวว
"หรือว่า...เจ้ารองจะถูกผีเฉินซูเม่ยจับตัวไปแล้วจริงๆ" ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น
"เมื่อคืนฉันเห็นหล่อนด้วยตาตัวเอง หล่อนหายตัวไปมา ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำ น่ากลัวนัก" ป้าหวังเล่าให้เพื่อนบ้านฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ฉันก็ได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนมาจากทางสุสาน ขนลุกไปหมด" ลุงจางพูดเสริม "คงไม่ต้องสงสัยแล้ว หลินซื่อเจี๋ยต้องถูกผีเฉินซูเม่ยเอาไปแน่ๆ"
หลินเจี้ยน พ่อของซื่อเจี๋ย ใจคอไม่ดี เขาออกตามหาลูกชายคนรองทั้งคืน แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ หวังซู่เม่ย ภรรยาของเขา เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ "เจ้ารองของแม่ แกไปอยู่ที่ไหนออกมาหาแม่เถอะ"
"เราต้องไปตามหาซื่อเจี๋ยที่สุสาน" หลินเจี้ยนตัดสินใจ "ฉันไม่เชื่อว่าผีนังเฉินซูเม่ยจะทำอะไรลูกชายฉันได้"
ชาวบ้านบางส่วน จ้องมองหลินเจี้ยนด้วยความสงสาร จึงยอมร่วมเดินทางไปสุสานด้วย แต่ทุกคนต่างหวาดระแวง มองซ้ายมองขวา กลัวว่าจะพบเจอกับผีเฉินซูเม่ยอีก
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านใหญ่ตระกูลหลิน หลี่อ้ายเจีย ผู้เป็นใหญ่แห่งตระกูลหลิน ใบหน้าที่เคยสงบนิ่ง บัดนี้กลับเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล ช่วงนี้บ้านสกุลหลินเหมือนโดนคำสาป เหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน เริ่มตั้งแต่หลานสาวคนเล็กของหลินผิงผิง ที่โชคร้ายตกลงไปทะเลสาบ จนถูกชายอันธพาลอย่าง เหลยเทียนเหิง ช่วยชีวิตไว้ ชื่อเสียงของหลานสาวที่เคยขาวสะอาด บัดนี้กลับแปดเปื้อน อนาคตที่เคยสดใส กลับมืดมนลงแถมหลานชายคนรองหลินซื่อเจี๋ย ก็ยังมาโดนผีนังเฉินซู่เม่ย ตามมาหลอกหลอน หลังจากที่ทุกคนในครอบครัวนำเขาลงมาจากต้นไม้ เจ้ารองก็มีอาการ อยู่ในอาการหวาดผวา ร้องไห้ไม่หยุด ซ้ำร้ายยังเพ้อละเมอเห็นผีนังเฉินซู่เม่ยหญิงสาวที่ที่ผูกคอตายที่หลังบ้านเมื่อเดือนที่แล้ว ตามมาหลอกหลอนอยู่ตลอด"ซื่อเฉิง ซื่อเหวิน พวกแกสองคนดูแลเจ้ารองให้ดีๆ อย่าให้คลาดสายตา ย่าจะไปจุดธูปไหว้พระ ขอยันต์คุ้มครองป้องกันอันตรายให้กับพวกเราเพื่อนำมาป้องกันนังเผีร้ายฉินซู่เม่ย " หลี่อ้ายเจีย สั่งหลานชายคนโต ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ครับ คุณย่า" หลินซื่อเฉิงและหลินซื่อเหวิน รับคำด้วยน้ำเสี
เมื่อหลี่อ้ายเจียกลับมาถึงบ้านใหญ่ หญิงชราได้ยินเสียงร้องไห้โฮของหลินผิงผิงดังระงมไปทั่วห้องโถงใหญ่ของบ้านตระกูลหลิน"โธ่เอ๊ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่อีกนี่ถึงได้มาเอะอะโวยวายในบ้าน" หลี่อ้ายเจียกล่าวด้วยความโมโห "ทำไมช่วงนี้ บ้านสกุลหลินถึงได้มีแต่เรื่อง"เสียงฝีเท้าหนักๆ ของหลี่อ้ายเจียดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูไม้บานใหญ่ที่ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง ใบหน้าของหญิงชราแดงก่ำด้วยโทสะ สายตากราดมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึม ก่อนจะจับจ้องไปที่หลินผิงผิง หลานสาวคนโปรดที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนตั่งนอนตัวใหญ่ หวังซู่เม่ยผู้เป็นมารดาได้แต่นั่งกุมขมับอยู่ข้างๆ สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลอย่างที่สุด"ผิงผิง ซู่เม่ย เกิดอะไรขึ้น?" หลี่อ้ายเจียเอ่ยถามเสียงเข้ม แม้จะโมโหจนแทบอยากจะระเบิดออกมา แต่หลี่อ้ายเจียก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ หลานสาวคนนี้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลี่อ้ายเจียก็พร้อมจะปกป้องหลานสาวสุดที่รักเสมอ"คุณย่า..." หลินผิงผิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบแก้ม "หนู... หนู..." หญิงสาวพูดได้เพียงเท่านั้น ความอับ
เมื่อหลี่เหว่ยเดินจากไป ทั้งสองสามีภรรยายืนคุยกันต่อ"นี่คุณ คิดยังไงกับเรื่องนี้" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามความคิดเห็นของคนเป็นสามีหลินเจิ้งเทียนลูบคางครุ่นคิด "พ่อหนุ่มหลี่เหว่ยคนนี้ก็ดูเป็นคนดี มีหน้าที่การงานที่ดี ฐานะก็มั่นคง...แต่" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบ"แต่อะไรคะ" หวังจื้อเหยาถามด้วยความอยากรู้"แต่ว่าพ่อยังไม่ค่อยรู้จักนิสัยใจคอเขาดีนัก แล้วอีกอย่างชิงชิงของเราก็ยังเด็ก จะรีบร้อนหมั้นหมายไปทำไม" น้ำเสียงทุ้มของหลินเจิ้งเทียนแฝงไปด้วยความห่วงใยที่มีต่อลูกสาวคนเดียวของพวกเขาหวังจื้อเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย "แต่ถ้าเขาดีจริง ปล่อยให้หลุดมือไปก็เสียดายแย่สิคะ" เธอยังคงเชื่อมั่นในสายตาของตัวเอง หลี่เหว่ยดูเป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อม เหมาะสมกับลูกสาวของเธอทุกประการหลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ "จริงของแม่ พ่อจะลองสืบดูประวัติพ่อหนุ่มคนนี้ให้ละเอียดอีกที ส่วนชิงชิง เดี๋ยวพ่อจะค่อยๆ คุยกับลูกเอง ถ้าลูกรักชอบพ่อหนุ่ม... เอ่อ... ยุวชนปัญญาคนนี้จริงๆ พ่อก็ไม่อยากไปขัดขวางเด็กทั้งสองที่รักกัน"หวังจื้อเหยาคลี่ยิ้ม "ค่ะ ฉันก็เชื่อว่าชิงชิงข
ภายในบ้านไม้หลังเล็กๆ ทุกคนกำลังนั่งล้อมวงทานอาหารเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อยหลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้นหลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นพ่อ กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามลูกสาวคนเดียวด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เอ็นดู“ชิงชิง…ลูกคิดยังไงกับพ่อหนุ่มหลี่คนนั้น”หลินชิงชิงถึงกับชะงัก หยุดมือที่กำลังเช็ดโต๊ะ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นมาทันที แม้จะพอรู้มาบ้างว่าหลี่เหว่ยจะให้แม่สื่อมาสู่ขอ แต่พอพ่อของเธอเอ่ยถามตรงๆ ความรู้สึกเขินอายก็พลุ่งพล่านขึ้นมาจนยากจะควบคุม“พี่เหว่ย…ก็เป็นคนดีค่ะ” หลินชิงชิงตอบเสียงเบา พลางแสร้งทำเป็นสงสัย “พ่อถามทำไมเหรอคะ”หลินเจิ้งเทียนมองลูกสาวด้วยสายตาที่อ่านความรู้สึกออก อาการเขินอายของลูกสาวของเขานั้นบ่งบอกชัดเจนว่า เธอคงมีใจให้พ่อหนุ่มยุวชนปัญญาคนนั้นไม่น้อย เขาถอนหายใจเบาๆ อย่างใช้ความคิด“อีกวันสองวันนี้ พ่อหนุ่มหลี่เขาจะให้แม่สื่อมาขอหมั้นหมายกับลูกไว้ก่อน ลูกคิดเรื่องนี้ยังไงบ้างล่ะ”หลินชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดา ดวงตาใสแป๋วเป็นประกาย "หมั้นหมายเหรอค
เมื่อหลินชิงชิงมาถึงโรงเรียน เธอก็ตั้งใจเรียนตามปกติ หลังจากช่วงเช้ายุ่งวุ่นวายกับการสอนเพื่อนๆ ในห้องที่ไม่ค่อยเข้าใจโจทย์คณิตศาสตร์บนกระดาน ในที่สุดคาบเรียนคณิตศาสตร์ก็จบลง หลินชิงชิงเลยตั้งจิตเข้ามาภายในมิติ"เฮ้อ... ในที่สุดก็ได้เข้ามาสักที" หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องปรุงยาทันที เธอหยิบเอาสมุนไพรนานาชนิดที่อยู่ในมิติมาผลิตเครื่องสำอาง เพิ่มเติม"ไม่ได้การแล้ว ต้องรีบไปสั่งทำกล่องไม้เพิ่ม ไม่อย่างนั้นจะไปขายที่ตลาดมืดตอนวันเสาร์ไม่ทันการ" หลินชิงชิงบ่นพึมพำพลางเก็บอุปกรณ์ต่างๆทันทีที่เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น หญิงสาวก็รีบเก็บสมุดหนังสือใส่กระเป๋า ก่อนจะก็รีบวิ่งออกจากห้องเรียนไปยังโรงจอดรถจักรยาน ก่อนจะปั่นไปที่ร้านรับทำเฟอร์นิเจอร์ 'หลี่เจีย' ที่ตั้งอยู่บนถนนต้าหลี่ทันที"สวัสดีค่ะเถ้าแก่" หลินชิงชิงเอ่ยทักทายเถ้าแก่ด้วยรอยยิ้ม "งานที่หนูสั่งไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเสร็จรึยังคะ"เถ้าแก่หลี่ยิ้มรับ "อ้าว แม่หนู มาพอดีเลย ของทำเสร็จหมดแล้วล่ะ" ว่าแล้วเขาก็หยิบกล่องไม้แกะสลักสวยงามส่งให้"นี่ไง ของหนู" เถ้าแก่ชี้ให้ด
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จหลินชิงชิงก็ได้ยินแม่ของเธอเอ่ยขึ้น"ชิงชิง วันนี้แม่สื่อหวังจะมาคุยเรื่องหมั้นหมายของลูกกับพ่อหนุ่มหลี่นะ"หลินชิงชิงเมื่อได้ยินในสิ่งที่แม่เอ่ยเธอถึงกับแก้มแดงระเรื่อ "แม่คะ..." เธอรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูกทันใดนั้น เธอก็เห็นบิดาเดินออกมาจากห้องนอนในชุดกางเกงสแล็คสีน้ำตาล เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา ผมเผ้าหวีเรียบร้อย ผิดกับทุกวันที่ท่านมักจะแต่งตัวเรียบง่าย"พ่อคะ วันนี้แต่งตัวหล่อจะไปที่ไหนเหรอ" เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย"วันนี้ผิงผิงแต่งงานนะลูก" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยตอบ "พ่อว่าจะไปช่วยเพิ่มสินสอดให้ผิงผิงซะหน่อย""พ่อ" หลินชิงชิงร้องเสียงหลง "พ่อไม่ต้องไปเลยนะ ยัยผิงผิงทำกับหนูจนเกือบตาย พ่ออย่าไปให้เขาดูถูกเลย" ความโกรธแค้นจากเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อนยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจเธอหวังจื้อเหยา วางชามลงกับโต๊ะ "ใช่แล้วคุณ ผิงผิงมันร้ายกาจ อย่าไปยุ่งกับคนบ้านใหญ่ ไหนๆ พวกเราก็แยกตัวออกมาจากตระกูลหลินแล้ว""แต่ผิงผิงก็เป็นหลานของพวกเรา" หลินเจิ้งเทียนพูดเสียงอ่อน"หลานอะไรกัน" หล
ในวันถัดมาขณะที่เธอกำลังปั่นจักรยานพาน้องชายตัวน้อย ไปส่งที่โรงเรียนประถมตามปกติ สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อสีฟ้า กางเกงสแล็ค ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน"พี่เหว่ย" หลินชิงชิงร้องทักด้วยความดีใจ "หายไปไหนมาตั้งหลายวันคะ ไม่สบายหรือเปล่า เห็นเสี่ยวหลงบอกว่าพี่เหว่ยไม่ได้มาสอนหนังสือ"หลี่เหว่ยหันมายิ้มละไมให้หลินชิงชิง "น้องชิงชิงเป็นห่วงพี่เหรอ"คำพูดที่แสนจะธรรมดา แต่กลับทำให้ใบหน้าหวานของหญิงสาวขึ้นสีระเรื่อ "ฉันก็ต้องเป็นห่วงพี่เหว่ยอยู่แล้วสิคะ ถ้าพี่เหว่ยเป็นอะไรไป แล้วใครจะมาหมั้นหมายฉันล่ะ"หลี่เหว่ยหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู "พอดีพี่ติดธุระเข้าไปในเมืองเฉิงตูน่ะ""เฉิงตู?" หลินชิงชิงทวนคำด้วยความสงสัย ใคร่รู้ว่าเขาไปทำอะไรที่นั่นหลี่เหว่ยอมยิ้ม "พอดีท่านเจิ้งมาแจ้งข่าวให้พี่ทราบว่า... พบพ่อกับแม่พี่แล้ว"ดวงตาของหลินชิงชิงเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะในนิยายที่เธอเคยอ่าน พ่อแม่ของหลี่เหว่ยจะถูกใส่ร้ายป้ายสีโดยศัตรูของเจิ้งเทียนฉี ผู้นำระดับสูงผู้ทรงอิทธิพล พวกเขาถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม กลายเป็นชนวนเหตุแห่
เข้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงชิงลุกขึ้นจากเตียงด้วยความสดใส วันนี้เธอมีแผนจะนำสมุนไพรที่ตากแห้งไว้ไปขายที่ตลาดมืด ซึ่งเป็นแหล่งค้าขายที่ไม่ถูกกฎหมายแต่เป็นที่นิยมในยุคนี้เนื่องจากสินค้าหายากหลายชนิดสามารถหาได้จากที่นี่"พ่อคะ เดี๋ยววันนี้หนูจะไปตลาดมืดนะคะ หนูจะเอาสมุนไพรตากแห้งที่เก็บมาขายค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยกับหลินเจิ้งเทียนผู้เป็นพ่อขณะนั่งร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับครอบครัวหลินเจิ้งเทียนมองลูกสาวด้วยแววตาเป็นกังวล "ลูกก็ระวังตัวด้วยนะ พ่อกลัวจะเกิดเรื่องเหมือนครั้งที่แล้วอีก ถึงแม้พวกอันธพาลจะโดนจับไปแล้ว แต่ว่าตอนนี้ทางตำรวจยังหาคนบงการเรื่องนี้ไม่ได้เลย ไหนจะฆาตกรที่ฆ่าคนแปลกหน้าทั้งสองคนอีก""พ่อไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันไปกับพี่เหว่ย" หลินชิงชิงยิ้มหวานให้บิดาเพื่อคลายความกังวลก่อนจะหันไปหา น้องชายคนเล็ก"เสี่ยวหลง เดี๋ยวตอนเย็นๆ พี่สาวจะซื้อของอร่อยๆ มาฝากนะ"หลินเสี่ยวหลงดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อได้ยินพี่สาวพูดถึงของอร่อย "จริงเหรอครับพี่"หลินชิงชิงยิ้มพลางพยักหน้า "จริงสิ พี่สัญญา"หลินเจิ้งเทียนมองลูกๆ ทั้งสองด้วยความรักใคร่ แม้จะยั
เสียงประทัดดังกึกก้องทั่วลานบ้านตระกูลหลิว บ่งบอกถึงความยินดีปรีดาของงานมงคลสมรสระหว่างหลิวชิงชิงและหลี่เหว่ยบ้านของเธอประดับประดาไปด้วยโคมแดงสด ตัดกับผ้าแพรสีทองอร่ามระยิบระยับ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ญาติมิตรต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างเนืองแน่น เสียงพูดคุยจอแจ เสียงหัวเราะร่าเริงดังแทรกกับเสียงดนตรีบรรเลงเพลงมงคลภายในบ้านเจ้าสาว หลิวชิงชิงในชุดแต่งงานสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินวิจิตรงดงาม จากช่างตัดเย็บฝีมือดี ที่คนรักของเธอพาไปตัดเย็บ ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา เผยให้เห็นแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย หลิวชิงชิงนั่งก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างประหม่า ขณะรอเจ้าบ่าวเข้ามาในบ้าน"ชิงชิง ลูกสาวของพ่อ" เสียงทุ้มของหลิวเหวินเจิ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยน "วันนี้ลูกสาวพ่อสวยที่สุดเลย"หลิวชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยแววตาสั่นไหว "คุณพ่อ...""ไม่ต้องกังวลนะลูก" หลิวเหวินเจิ้งกล่าวปลอบ "เดี๋ยวลูกเหว่ยก็จะมารับเจ้าสาวไปงานแต่งที่โรงแรมแกรนด์""ค่ะคุณพ่อ" หลิวชิงชิงพยักหน้ารับ น้ำตาคลอหน่วยด้วยความต
หลิวเหวินชางจ้องมองหลี่อ้ายเจียเย็นชา"เรื่องที่หล่อนขโมยลูกของฉัน ฉันจะให้เจ้าหน้าที่มาจัดการกับหล่อน"หลี่อ้ายเจียทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเว้าวอน"ท่านจอมพลหลิว...ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ฉันมันเลว ฉัน...""เลว ใช่ เธอมันเลว" หลิวเหวินชางคำรามเสียงดังจนสนั่น "หลี่อ้ายเจีย เธอขโมยลูกของฉันไป เธอพรากลูกของฉันไปจากอกฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทรมานแค่ไหน""ฉันเลอะเลือนไปแล้วถึงได้เชื่อฟังคำพี่สาว ฉันแค่ไม่อยากให้ทางบ้านสามีรู้เรื่องลูกที่เสียไปก็เท่านั้นเอง หลี่อ้ายเจียได้แต่สะอื้นไห้"แกเลยต้องมาพรากลูกคนอื่นไป แล้วลูกของคนอื่นไม่ใช่ลูกคนหรือไง " หลิวเหวินชางกัดฟันกรอด "สิ่งที่หล่อนทำมันโหดร้ายเกินไป หลี่อ้ายเจีย เธอทำลายชีวิตฉันมายาวนานหลายสิบปี""ท่านจอมพลฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ..." หลี่อ้ายเจียได้แต่พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาหลิวเหวินชางไม่ฟังคำขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น เขาหันไปสั่งลูกน้องเสียงเย็นชา "พาตัวหลี่อ้ายเจียไปให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองลงโทษตามกฎหมาย""ไม่...ท่านจอมพลหลิว อย่า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงชิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวทันที เรื่องราวเมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่ในใจ กับคำพูดของท่านเจิ้ง ที่บอกว่าพ่อของเธออย่างจะไม่ใช่ลูกชายของคุณย่าหลินชิงชิงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องของบิดา หลินเจิ้งเทียนยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าราวกับแบกปัญหาหนักอึ้งเอาไว้ หลินชิงชิงยืนมองบิดาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากปลุก"พ่อคะ"หลินเจิ้งเทียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยความงุนงง "ชิงชิง มีอะไรรึ? ""พ่อคะ หนูว่าพวกเราไปบ้านใหญ่ตระกูลหลินกันเถอะค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "หนูอยากให้พ่อไปถามคุณย่าให้แน่ใจว่าพ่อใช่ลูกชายของท่านใช่หรือเปล่า"หลินเจิ้งเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยแววตาที่แน่วแน่"ก็ได้" เขาเองก็อยากรู้ความจริงเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน คนบ้านสาม ประกอบด้วยหลินเจิ้งเทียน หวังจื้อเหยา และหลินชิงชิง ต่างก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ระหว่างทาง หลินชิงชิงสังเกตเห็นสีหน้าเคร่
ท่านเจิ้งเมื่อเห็นทุกคนอยู่ในความตกตะลึง จึงเอ่ยเตือนสติขึ้นมา"เอาละๆ ทุกคน อย่ามัวแต่คุยกันเลย มาทานข้าวกันได้แล้ว ฉันชักจะเริ่มหิวแล้วสิ"หวังจื้อเหยา ได้สติก่อนใคร รีบเชื้อเชิญทุกคนให้เริ่มทานอาหาร หลินชิงชิง ตักข้าวใส่จานให้ทุกคนอย่างคล่องแคล่ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารน่ารับประทาน ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ"อืม... อร่อยมาก" เฉินเหม่ยหลิงเอ่ยชม "ฉันไม่เคยทานอาหารที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย""ใช่ๆ " หลี่หย่ง พยักหน้าเห็นด้วย "รสชาติกลมกล่อม หอมเครื่องเทศกำลังดี"ท่านเจิ้งตักซุปเยื่อไผ่เข้าปากอีกคำ ซดน้ำซุปจนหมดชามแล้ววางช้อนลง พลางพยักหน้าชมด้วยสีหน้าพึงพอใจ "รสชาติดีจริงๆ กลมกล่อม หอมหวาน ซดคล่องคอ ใครเป็นคนทำอาหารมื้อนี้หรือ? "หลินชิงชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินคำชมก็ยิ้มแก้มปริ "หนูกับแม่ช่วยกันทำค่ะ หนูเป็นเพียงแค่ลูกมือเท่านั้นค่ะ" หลินชิงชิงตอบเสียงใส ความจริงแล้วที่อาหารอร่อยเป็นเพราะวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารล้วนมาจากมิติของเธอทั้งสิ้น ทั้งเยื่อไผ่อ่อนๆ เห็ดหอมชั้นดี และเครื่อง
แสงตะวันโพล้เพล้ทาบทาขอบฟ้า สาดสีส้มแดงระเรื่อทั่วลานบ้าน กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยยั่วน้ำลาย หลินชิงชิงและผู้เป็นมารดาต่างก็จัดเตรียมสำรับกับข้าวหลายอย่างจนเต็มโต๊ะอาหาร ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่วนของหวานและผลไม้ล้วนแต่ตัดวางอย่างสวยงาม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเลิศรสที่แม่ของเธอตั้งใจปรุงขึ้นด้วยความพิถีพิถันกับข้าวพร้อมแล้วค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวังจื้อเหยาหันมายิ้มให้ลูกสาว "ชิงชิงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ ใกล้เวลาที่พ่อแม่สามีของหนูจะมาแล้ว"หลินชิงชิงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ "แม่.. " เสียงของเธอเอ่ยแผ่วลง "หนู.. หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะเป็นอย่างไรบ้าง" มือบางบิดชายเสื้อไปมาอย่างประหม่า"ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก" หวังจื้อเหยาตบบ่าลูกสาวเบาๆ อย่างให้กำลังใจ "แม่ได้ยินมาว่าครอบครัวของท่านนายพลหลี่เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ มีชื่อเสียงเรื่องความใจดี แม่เชื่อว่าพวกท่านต้องเอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งแน่ๆ ""แต่.. หนูยังไม่เคยพบพวกท่านเลยนี่คะ" หลินชิงชิงยังคงกังวล "แล้ว.. แล้วถ้าหนูทำ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป นับตั้งแต่หลินชิงชิงพาครอบครัวเข้ามาในมิติแห่งนี้หลินเสี่ยวหลง เด็กน้อยวัย10ขวบ กลับมิได้วิ่งเล่นซุกซนตามประสาเด็ก แต่กลับขะมักเขม้นฝึกฝนวิชายุทธ ร่างน้อยๆ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว กระบี่ไม้ในมือฟาดฟันไปตามกระบวนท่าที่หลินชิงชิงถ่ายทอดให้ เหงื่อไหลไคลย้อยอาบใบหน้า แต่เด็กน้อยก็ยังคงมุ่งมั่น มิย่อท้อ"ฮึบ...ฮ่า" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นเป็นระยะหลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นบิดา นั่งมองลูกชายอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ ในใจรู้สึกทั้งภาคภูมิใจและเป็นห่วง เสี่ยวหลงเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร แต่บางครั้งก็ดื้อรั้นเกินไป"เสี่ยวหลง พักสักครู่ ลูกฝึกมาตั้งแต่เช้าแล้ว" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใยหลินเสี่ยวหลงหยุดฝึกซ้อม เช็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้า "พ่อครับ ผมยังไม่เหนื่อยครับ ผมอยากเก่งๆ จะได้ปกป้องทุกคน จะไม่ให้คุณย่ามารังแกบ้านเราได้" เด็กชายตอบเสียงใส แววตามุ่งมั่นหลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ เรื่องบาดหมางระหว่างเขากับมารดาเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจที่สุด เขาไม่รู้ว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้เกลียดชังเขามากนัก ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยได้รับความรักจากท
เช้าวันถัดมา หลังจากหลินชิงชิงตื่นนอน เธอพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังจะออกจากบ้าน หญิงสาวเลยเอ่ยถามคนทั้งคู่"พ่อกับแม่จะไปไหนกันแต่เช้าคะ" หลินชิงชิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตสีดำสนิทจับจ้องไปที่บิดามารดาที่กำลังเตรียมตัวออกจากบ้าน"พ่อกับแม่จะเข้าป่าไปหาของป่ามาขายน่ะลูก" หลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นพ่อตอบพลางลูบศีรษะลูกสาวด้วยความเอ็นดู "ถึงแม้ช่วงนี้บ้านเราจะพอมีเงินจากที่ลูกขายสมุนไพรได้ แต่พ่อก็อยากเก็บเงินส่วนนั้นไว้ให้ลูก ๆ ได้เรียนหนังสือสูง ๆ ไม่อยากให้ลูกต้องลำบากเหมือนพ่อกับแม่"หลินชิงชิงได้ฟังก็รู้สึกตื้นตันใจในความรักของพ่อแม่ น้ำตาคลอหน่วยเล็กน้อย แต่ในใจก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะเปิดเผยความลับบางอย่างที่เก็บงำไว้ "พ่อคะ แม่คะ หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เดี๋ยวหนูพาพ่อกับแม่ไปดูอะไรบางอย่าง แต่พ่อและแม่ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครนะคะ ไม่อย่างนั้นหนูอาจเป็นอันตรายได้"หลินเจิ้งเทียนและภรรยาหันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ไม่เคยเห็นลูกสาวพูดจาจริงจังแบบนี้มาก่อน "มีอะไรเหรอลูก บอกพ่อกับแม่ได้เลย" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยถามห
หวังอ้ายหลินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในอก ภาพเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุยังคงวนเวียนในหัว ราวกับฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน รถบรรทุกที่พุ่งเข้ามาหา เสียงกรีดร้องของผู้คน กลิ่นไหม้ของยางรถยนต์ และความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกายแต่แล้วภาพเหล่านั้นก็ค่อยๆ จางหายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เธอเหมือนล่องลอยอยู่ในห้วงมิติอันว่างเปล่า รอบตัวเธอมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงความเงียบงันที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาททันใดนั้น แสงสว่างวาบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ดึงดูดให้เธอเคลื่อนที่เข้าหาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเข้าใกล้ แสงสว่างนั้นก็ค่อยๆ รวมตัวกันเป็นภาพ เป็นภาพเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า รถยนต์รูปทรงแปลกตาที่วิ่งไปมาบนท้องถนน ผู้คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแตกต่างจากยุคสมัยที่เธอจากมาอย่างสิ้นเชิง"นี่มันที่ไหนกัน" หวังอ้ายหลินพึมพำกับตัวเองด้วยความตกตะลึงเธอล่องลอยไปตามท้องถนน มองดูผู้คนใช้ชีวิตประจำวันด้วยความสนใจ ราวกับกำลังท่องเที่ยวอยู่ในโลกอนาคต กระทั่งสายตาของเธอสะดุดเข้ากับร้านหนังสือแห่งหนึ่ง เธ
หลังจากขึ้นบ้านใหม่เสร็จเรียบร้อย สมาชิกบ้านสามต่างก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหม่อันกว้างขวางเมื่อคืนพวกเขานอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นกับบ้านหลังใหม่หลินเสี่ยวหลงลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่หน้าต่าง เบื้องหน้าคือสวนหลังบ้านที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน เขาสูดหายใจเข้าลึก อากาศยามเช้าสดชื่น"บ้านของเราสวยจังเลยครับ" หลินเสี่ยวหลงอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นหลินชิงชิงหันมายิ้มให้ "แน่นอนอยู่แล้ว พี่สาวออกแบบเองกับมือ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจในขณะเดียวหวังจื้อเหยา ผู้เป็นแม่ เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้ม "ลูกๆ ตื่นกันแล้วเหรอ ลงไปทานข้าวกันเถอะเดี๋ยวต้องรีบไปโรงเรียน วันนี้มีสอบปลายภาคไม่ใช่เหรอ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบผมลูกชายอย่างเอ็นดู"แม่ครับ ผมจะตั้งใจสอบครับ" หลินเสี่ยวหลงยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยกับมารดาหวังจื้อเหยา หัวเราะเบาๆ "แม่รู้ว่าเสี่ยวหลงของแม่เก่งอยู่แล้ว ตั้งใจทำให้เต็มที่นะลูก" เธอมองลูกชายด้วยความภาคภูมิใจหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ หลินชิงชิงก็ปั่นจักรยานจากไปส่งหลินเสี่ยว