เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จหลินชิงชิงก็ได้ยินแม่ของเธอเอ่ยขึ้น
"ชิงชิง วันนี้แม่สื่อหวังจะมาคุยเรื่องหมั้นหมายของลูกกับพ่อหนุ่มหลี่นะ"
หลินชิงชิงเมื่อได้ยินในสิ่งที่แม่เอ่ยเธอถึงกับแก้มแดงระเรื่อ "แม่คะ..." เธอรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้น เธอก็เห็นบิดาเดินออกมาจากห้องนอนในชุดกางเกงสแล็คสีน้ำตาล เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา ผมเผ้าหวีเรียบร้อย ผิดกับทุกวันที่ท่านมักจะแต่งตัวเรียบง่าย
"พ่อคะ วันนี้แต่งตัวหล่อจะไปที่ไหนเหรอ" เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย
"วันนี้ผิงผิงแต่งงานนะลูก" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยตอบ "พ่อว่าจะไปช่วยเพิ่มสินสอดให้ผิงผิงซะหน่อย"
"พ่อ" หลินชิงชิงร้องเสียงหลง "พ่อไม่ต้องไปเลยนะ ยัยผิงผิงทำกับหนูจนเกือบตาย พ่ออย่าไปให้เขาดูถูกเลย" ความโกรธแค้นจากเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อนยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจเธอ
หวังจื้อเหยา วางชามลงกับโต๊ะ "ใช่แล้วคุณ ผิงผิงมันร้ายกาจ อย่าไปยุ่งกับคนบ้านใหญ่ ไหนๆ พวกเราก็แยกตัวออกมาจากตระกูลหลินแล้ว"
"แต่ผิงผิงก็เป็นหลานของพวกเรา" หลินเจิ้งเทียนพูดเสียงอ่อน
"หลานอะไรกัน" หล
ในวันถัดมาขณะที่เธอกำลังปั่นจักรยานพาน้องชายตัวน้อย ไปส่งที่โรงเรียนประถมตามปกติ สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อสีฟ้า กางเกงสแล็ค ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน"พี่เหว่ย" หลินชิงชิงร้องทักด้วยความดีใจ "หายไปไหนมาตั้งหลายวันคะ ไม่สบายหรือเปล่า เห็นเสี่ยวหลงบอกว่าพี่เหว่ยไม่ได้มาสอนหนังสือ"หลี่เหว่ยหันมายิ้มละไมให้หลินชิงชิง "น้องชิงชิงเป็นห่วงพี่เหรอ"คำพูดที่แสนจะธรรมดา แต่กลับทำให้ใบหน้าหวานของหญิงสาวขึ้นสีระเรื่อ "ฉันก็ต้องเป็นห่วงพี่เหว่ยอยู่แล้วสิคะ ถ้าพี่เหว่ยเป็นอะไรไป แล้วใครจะมาหมั้นหมายฉันล่ะ"หลี่เหว่ยหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู "พอดีพี่ติดธุระเข้าไปในเมืองเฉิงตูน่ะ""เฉิงตู?" หลินชิงชิงทวนคำด้วยความสงสัย ใคร่รู้ว่าเขาไปทำอะไรที่นั่นหลี่เหว่ยอมยิ้ม "พอดีท่านเจิ้งมาแจ้งข่าวให้พี่ทราบว่า... พบพ่อกับแม่พี่แล้ว"ดวงตาของหลินชิงชิงเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะในนิยายที่เธอเคยอ่าน พ่อแม่ของหลี่เหว่ยจะถูกใส่ร้ายป้ายสีโดยศัตรูของเจิ้งเทียนฉี ผู้นำระดับสูงผู้ทรงอิทธิพล พวกเขาถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม กลายเป็นชนวนเหตุแห่
เข้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงชิงลุกขึ้นจากเตียงด้วยความสดใส วันนี้เธอมีแผนจะนำสมุนไพรที่ตากแห้งไว้ไปขายที่ตลาดมืด ซึ่งเป็นแหล่งค้าขายที่ไม่ถูกกฎหมายแต่เป็นที่นิยมในยุคนี้เนื่องจากสินค้าหายากหลายชนิดสามารถหาได้จากที่นี่"พ่อคะ เดี๋ยววันนี้หนูจะไปตลาดมืดนะคะ หนูจะเอาสมุนไพรตากแห้งที่เก็บมาขายค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยกับหลินเจิ้งเทียนผู้เป็นพ่อขณะนั่งร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับครอบครัวหลินเจิ้งเทียนมองลูกสาวด้วยแววตาเป็นกังวล "ลูกก็ระวังตัวด้วยนะ พ่อกลัวจะเกิดเรื่องเหมือนครั้งที่แล้วอีก ถึงแม้พวกอันธพาลจะโดนจับไปแล้ว แต่ว่าตอนนี้ทางตำรวจยังหาคนบงการเรื่องนี้ไม่ได้เลย ไหนจะฆาตกรที่ฆ่าคนแปลกหน้าทั้งสองคนอีก""พ่อไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันไปกับพี่เหว่ย" หลินชิงชิงยิ้มหวานให้บิดาเพื่อคลายความกังวลก่อนจะหันไปหา น้องชายคนเล็ก"เสี่ยวหลง เดี๋ยวตอนเย็นๆ พี่สาวจะซื้อของอร่อยๆ มาฝากนะ"หลินเสี่ยวหลงดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อได้ยินพี่สาวพูดถึงของอร่อย "จริงเหรอครับพี่"หลินชิงชิงยิ้มพลางพยักหน้า "จริงสิ พี่สัญญา"หลินเจิ้งเทียนมองลูกๆ ทั้งสองด้วยความรักใคร่ แม้จะยั
หลินชิงชิง เดินออกมาจากร้านซินหัวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม มือบางถือตะกร้าที่ใส่เงินไว้อย่างทะนุถนอม หลี่เหว่ย รีบสาวเท้าเข้ามาหา"น้องชิงชิง ขายของเป็นอย่างไรบ้าง" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ดวงตาคมจ้องมองคนรักอย่างเอ็นดู"ฉันขายเครื่องสำอางได้เงินมา 720 หยวนค่ะ" หลินชิงชิงตอบเสียงใส ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับหลี่เหว่ยเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ "เยอะขนาดนี้เชียวหรือ ของที่เอาไปขายหมดแล้วหรือยัง""ยังค่ะ..เหลือแค่สมุนไพรอีกหน่อยค่ะ ว่าจะไปขายต่อที่ร้านเถ้าแก่หวัง" หลินชิงชิงตอบพลางชี้ไปยังร้านขายสมุนไพรเล็กๆ ริมถนนที่หลี่เหว่ยเคยพาไป"งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง" หลี่เหว่ยอาสาทั้งสองเดินมาถึงร้านขายสมุนไพร ภายในร้านมีกลิ่นหอมอบอวลของสมุนไพรหลากชนิด เถ้าแก่หวังเจ้าของร้าน นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้เก่าแก่ กำลังจดบันทึกลงในสมุดบัญชี"สวัสดีค่ะเถ้าแก่หวัง" หลินชิงชิงเอ่ยทักทายเสียงใสเถ้าแก่หวังเงยหน้าขึ้นมอง "อ้าว แม่หนูนั่นเอง วันนี้เอาอะไรมาขายล่ะ""วันนี้หนูมีฟ้าทะลายโจร ใบเตย แล้วก็ดอกคำฝอยตากแห้งค่ะ" หลินชิงชิงต
ทันใดนั้นหลี่เหว่ยก็เอาตัวมาบังหลินชิงชิงเอาไว้ก่อนจะตะโกนใส่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า "หวังอ้ายหลิน..อย่าทำอย่างนั้นเธอไม่กลัวติดคุกบ้างหรืออย่างไร"หวังอ้ายหลินแสยะยิ้มอย่างเย็นชา "พี่เหว่ย...หลีกไป ฉันไม่สนใจเรื่องติดคุกหรอก แค่ได้ฆ่านังหลินชิงชิงฉันก็พอใจแล้ว" เสียงตวาดของหล่อนดังก้องไปทั่วบริเวณ ปืนพกในมือสั่นเทิ้มด้วยโทสะ"หวังอ้ายหลิน ใจเย็นๆ ก่อน อย่าทำอะไรบ้าๆ " หลี่เหว่ยพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง แต่ดูเหมือนคำพูดของเขาจะไร้ความหมาย หวังอ้ายหลินในตอนนี้ถูกความแค้นครอบงำจนหมดสิ้น"ไม่" หวังอ้ายหลินตัดบทเสียงดังลั่น "ฉันจะฆ่ามัน ฉันจะฆ่ามัน" เธอตะโกนซ้ำๆ น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลอาบแก้มหลินชิงชิงมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา ริมฝีปากบางเฉียบยกยิ้มเยาะหยัน "คิดจะยิงฉันเหรอ? หึ ก็ลองดูสิ" เธอเอ่ยท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ก้าวเท้าเข้าหาหวังอ้ายหลินช้าๆ "คิดว่าปืนกระบอกเล็กๆ นั่นจะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ? ""อย่านะ" หลี่เหว่ยพุ่งตัวเข้าขวางหลินชิงชิงเอาไว้อีกครั้ง "ชิงชิง อย่าทำให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้เลย""หลีกไป" เธอหันปากกระบอกปืนไปทางหลินชิงชิงอีก
หญิงวัยกลางคนวิ่งเข้ามาดูด้วยความตกใจ "พ่อหนุ่ม เป็นอะไรหรือเปล่า? "หลี่เหว่ยพยายามฝืนยิ้ม "ผมไม่ได้เป็นอะไรมากครับ แต่โดนยิงถากๆ เท่านั้น"หลินชิงชิงพยุงตัวคนรักขึ้น "พี่เหว่ยไปให้คุณหมอทำแผลก่อนนะคะ" หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะพยุงร่างสูงของคนรักขึ้นโชคดีที่ยาห้ามเลือดที่เธอใส่บาดแผลชายหนุ่มได้ผลรับดีเยี่ยม เลือดหยุดไหลในเวลาไม่นาน หลินชิงชิงจึงพาชายหนุ่มไปหาหมอที่โรงพยาบาลทันที หลังจากทำแผลเสร็จ หลินชิงชิงก็หันมาพูดกับหลี่เหว่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"พี่เหว่ย พวกเราไปแจ้งความกันเถอะค่ะ ฉันคิดว่าคนที่จ้างวานพวกอันธพาลพวกนั้นให้มาทำร้ายพวกเราน่าจะเป็นหวังอ้ายหลินคนนี้ค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นหลี่เหว่ยขมวดคิ้ว ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นราวกับคมมีด "หวังอ้ายหลินอย่างงั้นเหรอ?ทำไมเธอถึงทำเช่นนี้ละ พี่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับเธอเลย? "หลินชิงชิงกัดริมฝีปาก "ฉันคิดว่าเป็นเพราะพี่เหว่ยมาชอบฉัน ทำให้หล่อนเคียดแค้นเลยจ้างพวกอันธพาลมาทำร้ายพวกเรา"หลี่เหว่ยพยักหน้ารับ "พี่เห็นด้วย...งั้นพวกเราไปแจ้งความกันเถอะ พี่จะไม่ยอมปล่อย
เมื่อหลินชิงชิงออกมาจากสถานีตำรวจ เธอเอ่ยกับคนรัก"พี่เหว่ยคะ เดี๋ยวฉันขอแวะซื้อขนมไปฝากทุกคนในบ้านก่อนนะคะ"หลี่เหว่ยพยักหน้ารับ "ได้สิ" เขาพาหญิงสาวเดินเลียบถนนไปตามทางเท้าแคบๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงแผงลอยที่ตั้งเรียงราย ขายของสารพัดอย่างตั้งแต่ของใช้ประจำวัน เสื้อผ้า ไปจนถึงอาหารนานาชนิด เสียงพ่อค้าแม่ค้าโหวกเหวกเรียกลูกค้าดังแข่งกันไปหมด"พี่เหว่ยคะ..ฉันว่าจะซื้อขนมไข่เต่า ของโปรดแม่ของฉันค่ะ" หลินชิงชิงชี้นิ้วไปที่ร้านขนมโบราณเจ้าหนึ่ง ควันสีขาวลอยกรุ่นจากเตาถ่าน ส่งกลิ่นหอมหวานของขนมอบอวลไปทั่วคนร่างสูงพยักหน้าเห็นด้วย "โอเค งั้นเอาขนมไข่เต่าสี่ห่อ แล้วก็..." เขามองไปรอบๆ "เอาขนมเปี๊ยะไส้ถั่วอีก3 กล่องแล้วกัน"เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ทำท่าจะควักเงินจ่าย แต่หลินชิงชิงรีบคว้าแขนเขาไว้"พี่เหว่ยคะ วันนี้ฉันทำการค้าได้เงินมาเยอะ เดี๋ยววันนี้ฉันเลี้ยงเองค่ะ" หลินชิงชิงกล่าวอย่างใจป้ำ ดวงตากลมโตเป็นประกายหลี่เหว่ยยิ้มให้อย่างเอ็นดู "เก่งมาก รู้จักทำมาหากินแล้ว" เขาเอ่ยชม "แต่พี่เลี้ยงเองดีกว่า น้องชิงชิงเก็บเงินไว้เถอะค
ตะวันคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ หวังจื้อเหยาเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง เห็นเข็มสั้นชี้เลยเลขห้าไปแล้ว เธอจึงเอ่ยปากชวนหลี่เหว่ยด้วยน้ำเสียงเอื้ออารี"ลูกเหว่ย นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ทานข้าวเย็นกับพวกเราที่นี่เลยไหมจ๊ะ"หลี่เหว่ย ยิ้มรับคำเชิญอย่างสุภาพ"ขอบคุณครับคุณป้า ผมรบกวนแล้วครับ"หวังจื้อเหยาหันไปสั่งหลินชิงชิงและหลินเสี่ยวหลง ลูกสาวและลูกชายของตน "ชิงชิง เสี่ยวหลง ไปช่วยแม่จัดโต๊ะเตรียมอาหารเย็นกัน"สองพี่น้องรับคำอย่างว่าง่าย ต่างคนต่างกุลีกุจอช่วยกันยกสำรับกับข้าว มีทั้งผัดผัก ปลาผัดเปรี้ยวหวาน และซุปเต้าหู้ไข่ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนรับประทานหลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อค่ำ หวังจื้อเหยาก็เสิร์ฟชาให้ทุกคนได้ดื่มล้างปากกัน หลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นพ่อ จึงเอ่ยถามว่าที่ลูกเขยขึ้นด้วยความห่วงใย"ลูกเหว่ย แล้วพ่อกับแม่ของลูกจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ พวกเราจะได้เตรียมตัวเรื่องงานแต่งงานถูก"หลินเจิ้งเทียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความร้อนใจหลี่เหว่ยวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "อีกไม่เกินสองอาทิตย์ครับคุณลุง ตอนนี้ถนนหนทางไม่ค่อยดี
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าดังหนักๆ พร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวกก็ดังขึ้นจากหน้าบ้าน "หลินเจิ้งเทียน หวังจื้อเหยา พวกแกออกมาเดี๋ยวนี้นะ"หลี่อ้ายเจีย ผู้เป็นย่าของหลินชิงชิง มาพร้อมด้วย หลินเจี้ยน และ หลินต้าหลง ลูกชายทั้งสองของหล่อน ยืนตะโกนด่าอยู่หน้าบ้าน"พวกแกขึ้นบ้านใหม่ทั้งที ทำไมไม่ชวนฉันมาร่วมงาน เจ้าสามแกนี่มันอกตัญญูจริงๆ พอมีเงินมีทองก็ไม่ดูแลใส่ใจคนบ้านใหญ่" หลี่อ้ายเจีย แผดเสียงด่าทอ พลางใช้ไม้เท้าเคาะพื้นดังปังๆ ใบหน้าบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจหลินเจิ้งเทียน ถอนหายใจ "แม่ครับ...""อย่ามาเรียกฉันแม่ ฉันไม่ใช่แม่แก แกมันลูกอกตัญญู ไม่เคยแม้แต่จะส่งเงินทองไปให้บ้านใหญ่ แม้แต่ตอนผิงผิงแต่งงานแกก็ไม่มาเพิ่มสินสอดให้หลาน " หลี่อ้ายเจีย ยังคงด่าทอไม่หยุด"ใจเย็นๆ ก่อนครับคุณแม่" หลินเจี้ยน ลูกชายคนโตของหลี่อ้ายเจีย รีบห้ามปราม "พวกเรามาอวยพรให้น้องสาม ไม่ได้ตั้งใจจะมาทะเลาะกับเขานะ"หลินชิงชิงที่เดินออกมาดูเหตุการณ์ที่หน้าบ้านเธอเห็นคุณย่าของเธอมาตะโกนด่าพ่อแม่ของเธอในวันขึ้นบ้านใหม่ เธอถึงกับรู้สึกโมโห"คุณย่าจะร่วมทานข้าวฉลองบ้านใหม่กับ
เสียงประทัดดังกึกก้องทั่วลานบ้านตระกูลหลิว บ่งบอกถึงความยินดีปรีดาของงานมงคลสมรสระหว่างหลิวชิงชิงและหลี่เหว่ยบ้านของเธอประดับประดาไปด้วยโคมแดงสด ตัดกับผ้าแพรสีทองอร่ามระยิบระยับ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ญาติมิตรต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างเนืองแน่น เสียงพูดคุยจอแจ เสียงหัวเราะร่าเริงดังแทรกกับเสียงดนตรีบรรเลงเพลงมงคลภายในบ้านเจ้าสาว หลิวชิงชิงในชุดแต่งงานสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินวิจิตรงดงาม จากช่างตัดเย็บฝีมือดี ที่คนรักของเธอพาไปตัดเย็บ ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา เผยให้เห็นแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย หลิวชิงชิงนั่งก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างประหม่า ขณะรอเจ้าบ่าวเข้ามาในบ้าน"ชิงชิง ลูกสาวของพ่อ" เสียงทุ้มของหลิวเหวินเจิ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยน "วันนี้ลูกสาวพ่อสวยที่สุดเลย"หลิวชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยแววตาสั่นไหว "คุณพ่อ...""ไม่ต้องกังวลนะลูก" หลิวเหวินเจิ้งกล่าวปลอบ "เดี๋ยวลูกเหว่ยก็จะมารับเจ้าสาวไปงานแต่งที่โรงแรมแกรนด์""ค่ะคุณพ่อ" หลิวชิงชิงพยักหน้ารับ น้ำตาคลอหน่วยด้วยความต
หลิวเหวินชางจ้องมองหลี่อ้ายเจียเย็นชา"เรื่องที่หล่อนขโมยลูกของฉัน ฉันจะให้เจ้าหน้าที่มาจัดการกับหล่อน"หลี่อ้ายเจียทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเว้าวอน"ท่านจอมพลหลิว...ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ฉันมันเลว ฉัน...""เลว ใช่ เธอมันเลว" หลิวเหวินชางคำรามเสียงดังจนสนั่น "หลี่อ้ายเจีย เธอขโมยลูกของฉันไป เธอพรากลูกของฉันไปจากอกฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทรมานแค่ไหน""ฉันเลอะเลือนไปแล้วถึงได้เชื่อฟังคำพี่สาว ฉันแค่ไม่อยากให้ทางบ้านสามีรู้เรื่องลูกที่เสียไปก็เท่านั้นเอง หลี่อ้ายเจียได้แต่สะอื้นไห้"แกเลยต้องมาพรากลูกคนอื่นไป แล้วลูกของคนอื่นไม่ใช่ลูกคนหรือไง " หลิวเหวินชางกัดฟันกรอด "สิ่งที่หล่อนทำมันโหดร้ายเกินไป หลี่อ้ายเจีย เธอทำลายชีวิตฉันมายาวนานหลายสิบปี""ท่านจอมพลฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ..." หลี่อ้ายเจียได้แต่พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาหลิวเหวินชางไม่ฟังคำขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น เขาหันไปสั่งลูกน้องเสียงเย็นชา "พาตัวหลี่อ้ายเจียไปให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองลงโทษตามกฎหมาย""ไม่...ท่านจอมพลหลิว อย่า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงชิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวทันที เรื่องราวเมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่ในใจ กับคำพูดของท่านเจิ้ง ที่บอกว่าพ่อของเธออย่างจะไม่ใช่ลูกชายของคุณย่าหลินชิงชิงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องของบิดา หลินเจิ้งเทียนยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าราวกับแบกปัญหาหนักอึ้งเอาไว้ หลินชิงชิงยืนมองบิดาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากปลุก"พ่อคะ"หลินเจิ้งเทียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยความงุนงง "ชิงชิง มีอะไรรึ? ""พ่อคะ หนูว่าพวกเราไปบ้านใหญ่ตระกูลหลินกันเถอะค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "หนูอยากให้พ่อไปถามคุณย่าให้แน่ใจว่าพ่อใช่ลูกชายของท่านใช่หรือเปล่า"หลินเจิ้งเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยแววตาที่แน่วแน่"ก็ได้" เขาเองก็อยากรู้ความจริงเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน คนบ้านสาม ประกอบด้วยหลินเจิ้งเทียน หวังจื้อเหยา และหลินชิงชิง ต่างก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ระหว่างทาง หลินชิงชิงสังเกตเห็นสีหน้าเคร่
ท่านเจิ้งเมื่อเห็นทุกคนอยู่ในความตกตะลึง จึงเอ่ยเตือนสติขึ้นมา"เอาละๆ ทุกคน อย่ามัวแต่คุยกันเลย มาทานข้าวกันได้แล้ว ฉันชักจะเริ่มหิวแล้วสิ"หวังจื้อเหยา ได้สติก่อนใคร รีบเชื้อเชิญทุกคนให้เริ่มทานอาหาร หลินชิงชิง ตักข้าวใส่จานให้ทุกคนอย่างคล่องแคล่ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารน่ารับประทาน ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ"อืม... อร่อยมาก" เฉินเหม่ยหลิงเอ่ยชม "ฉันไม่เคยทานอาหารที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย""ใช่ๆ " หลี่หย่ง พยักหน้าเห็นด้วย "รสชาติกลมกล่อม หอมเครื่องเทศกำลังดี"ท่านเจิ้งตักซุปเยื่อไผ่เข้าปากอีกคำ ซดน้ำซุปจนหมดชามแล้ววางช้อนลง พลางพยักหน้าชมด้วยสีหน้าพึงพอใจ "รสชาติดีจริงๆ กลมกล่อม หอมหวาน ซดคล่องคอ ใครเป็นคนทำอาหารมื้อนี้หรือ? "หลินชิงชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินคำชมก็ยิ้มแก้มปริ "หนูกับแม่ช่วยกันทำค่ะ หนูเป็นเพียงแค่ลูกมือเท่านั้นค่ะ" หลินชิงชิงตอบเสียงใส ความจริงแล้วที่อาหารอร่อยเป็นเพราะวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารล้วนมาจากมิติของเธอทั้งสิ้น ทั้งเยื่อไผ่อ่อนๆ เห็ดหอมชั้นดี และเครื่อง
แสงตะวันโพล้เพล้ทาบทาขอบฟ้า สาดสีส้มแดงระเรื่อทั่วลานบ้าน กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยยั่วน้ำลาย หลินชิงชิงและผู้เป็นมารดาต่างก็จัดเตรียมสำรับกับข้าวหลายอย่างจนเต็มโต๊ะอาหาร ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่วนของหวานและผลไม้ล้วนแต่ตัดวางอย่างสวยงาม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเลิศรสที่แม่ของเธอตั้งใจปรุงขึ้นด้วยความพิถีพิถันกับข้าวพร้อมแล้วค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวังจื้อเหยาหันมายิ้มให้ลูกสาว "ชิงชิงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ ใกล้เวลาที่พ่อแม่สามีของหนูจะมาแล้ว"หลินชิงชิงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ "แม่.. " เสียงของเธอเอ่ยแผ่วลง "หนู.. หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะเป็นอย่างไรบ้าง" มือบางบิดชายเสื้อไปมาอย่างประหม่า"ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก" หวังจื้อเหยาตบบ่าลูกสาวเบาๆ อย่างให้กำลังใจ "แม่ได้ยินมาว่าครอบครัวของท่านนายพลหลี่เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ มีชื่อเสียงเรื่องความใจดี แม่เชื่อว่าพวกท่านต้องเอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งแน่ๆ ""แต่.. หนูยังไม่เคยพบพวกท่านเลยนี่คะ" หลินชิงชิงยังคงกังวล "แล้ว.. แล้วถ้าหนูทำ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป นับตั้งแต่หลินชิงชิงพาครอบครัวเข้ามาในมิติแห่งนี้หลินเสี่ยวหลง เด็กน้อยวัย10ขวบ กลับมิได้วิ่งเล่นซุกซนตามประสาเด็ก แต่กลับขะมักเขม้นฝึกฝนวิชายุทธ ร่างน้อยๆ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว กระบี่ไม้ในมือฟาดฟันไปตามกระบวนท่าที่หลินชิงชิงถ่ายทอดให้ เหงื่อไหลไคลย้อยอาบใบหน้า แต่เด็กน้อยก็ยังคงมุ่งมั่น มิย่อท้อ"ฮึบ...ฮ่า" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นเป็นระยะหลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นบิดา นั่งมองลูกชายอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ ในใจรู้สึกทั้งภาคภูมิใจและเป็นห่วง เสี่ยวหลงเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร แต่บางครั้งก็ดื้อรั้นเกินไป"เสี่ยวหลง พักสักครู่ ลูกฝึกมาตั้งแต่เช้าแล้ว" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใยหลินเสี่ยวหลงหยุดฝึกซ้อม เช็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้า "พ่อครับ ผมยังไม่เหนื่อยครับ ผมอยากเก่งๆ จะได้ปกป้องทุกคน จะไม่ให้คุณย่ามารังแกบ้านเราได้" เด็กชายตอบเสียงใส แววตามุ่งมั่นหลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ เรื่องบาดหมางระหว่างเขากับมารดาเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจที่สุด เขาไม่รู้ว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้เกลียดชังเขามากนัก ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยได้รับความรักจากท
เช้าวันถัดมา หลังจากหลินชิงชิงตื่นนอน เธอพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังจะออกจากบ้าน หญิงสาวเลยเอ่ยถามคนทั้งคู่"พ่อกับแม่จะไปไหนกันแต่เช้าคะ" หลินชิงชิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตสีดำสนิทจับจ้องไปที่บิดามารดาที่กำลังเตรียมตัวออกจากบ้าน"พ่อกับแม่จะเข้าป่าไปหาของป่ามาขายน่ะลูก" หลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นพ่อตอบพลางลูบศีรษะลูกสาวด้วยความเอ็นดู "ถึงแม้ช่วงนี้บ้านเราจะพอมีเงินจากที่ลูกขายสมุนไพรได้ แต่พ่อก็อยากเก็บเงินส่วนนั้นไว้ให้ลูก ๆ ได้เรียนหนังสือสูง ๆ ไม่อยากให้ลูกต้องลำบากเหมือนพ่อกับแม่"หลินชิงชิงได้ฟังก็รู้สึกตื้นตันใจในความรักของพ่อแม่ น้ำตาคลอหน่วยเล็กน้อย แต่ในใจก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะเปิดเผยความลับบางอย่างที่เก็บงำไว้ "พ่อคะ แม่คะ หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เดี๋ยวหนูพาพ่อกับแม่ไปดูอะไรบางอย่าง แต่พ่อและแม่ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครนะคะ ไม่อย่างนั้นหนูอาจเป็นอันตรายได้"หลินเจิ้งเทียนและภรรยาหันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ไม่เคยเห็นลูกสาวพูดจาจริงจังแบบนี้มาก่อน "มีอะไรเหรอลูก บอกพ่อกับแม่ได้เลย" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยถามห
หวังอ้ายหลินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในอก ภาพเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุยังคงวนเวียนในหัว ราวกับฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน รถบรรทุกที่พุ่งเข้ามาหา เสียงกรีดร้องของผู้คน กลิ่นไหม้ของยางรถยนต์ และความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกายแต่แล้วภาพเหล่านั้นก็ค่อยๆ จางหายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เธอเหมือนล่องลอยอยู่ในห้วงมิติอันว่างเปล่า รอบตัวเธอมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงความเงียบงันที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาททันใดนั้น แสงสว่างวาบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ดึงดูดให้เธอเคลื่อนที่เข้าหาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเข้าใกล้ แสงสว่างนั้นก็ค่อยๆ รวมตัวกันเป็นภาพ เป็นภาพเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า รถยนต์รูปทรงแปลกตาที่วิ่งไปมาบนท้องถนน ผู้คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแตกต่างจากยุคสมัยที่เธอจากมาอย่างสิ้นเชิง"นี่มันที่ไหนกัน" หวังอ้ายหลินพึมพำกับตัวเองด้วยความตกตะลึงเธอล่องลอยไปตามท้องถนน มองดูผู้คนใช้ชีวิตประจำวันด้วยความสนใจ ราวกับกำลังท่องเที่ยวอยู่ในโลกอนาคต กระทั่งสายตาของเธอสะดุดเข้ากับร้านหนังสือแห่งหนึ่ง เธ
หลังจากขึ้นบ้านใหม่เสร็จเรียบร้อย สมาชิกบ้านสามต่างก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหม่อันกว้างขวางเมื่อคืนพวกเขานอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นกับบ้านหลังใหม่หลินเสี่ยวหลงลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่หน้าต่าง เบื้องหน้าคือสวนหลังบ้านที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน เขาสูดหายใจเข้าลึก อากาศยามเช้าสดชื่น"บ้านของเราสวยจังเลยครับ" หลินเสี่ยวหลงอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นหลินชิงชิงหันมายิ้มให้ "แน่นอนอยู่แล้ว พี่สาวออกแบบเองกับมือ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจในขณะเดียวหวังจื้อเหยา ผู้เป็นแม่ เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้ม "ลูกๆ ตื่นกันแล้วเหรอ ลงไปทานข้าวกันเถอะเดี๋ยวต้องรีบไปโรงเรียน วันนี้มีสอบปลายภาคไม่ใช่เหรอ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบผมลูกชายอย่างเอ็นดู"แม่ครับ ผมจะตั้งใจสอบครับ" หลินเสี่ยวหลงยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยกับมารดาหวังจื้อเหยา หัวเราะเบาๆ "แม่รู้ว่าเสี่ยวหลงของแม่เก่งอยู่แล้ว ตั้งใจทำให้เต็มที่นะลูก" เธอมองลูกชายด้วยความภาคภูมิใจหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ หลินชิงชิงก็ปั่นจักรยานจากไปส่งหลินเสี่ยว