Share

บทที่0002

Author: หวานไม่หวาน
ตอนที่กลับมาถึงแผงขายบะหมี่ พวกชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นก็มามุงดูกันอย่างแน่นขนัด

พวกเขาพูดจายกย่องชื่นชมเขาไม่ขาดปาก

ข้าจึงเอ่ยถามเขาว่า

“แปลว่าเจ้าคิดจะลดฐานะข้าจากภรรยาเอกเป็นอนุภรรยางั้นหรือ?”

ผู้คนที่อยู่รอบๆ พากันปิดปากหัวเราะ

“ต่อให้แม่นางเหยียนเป็นแค่อนุภรรยา แต่ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องลำบากขายบะหมี่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำแล้ว”

“สหายสวี่ยังระลึกถึงความรักเก่า ยอมรับเจ้าเข้าไปในจวนโหว ควรจะสำนึกบุญคุณบ้างนะ”

สวี่จิงโม่ถูกผู้คนพูดจายกยอจนสูงส่ง

“เหยียนอัน ยามนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว”

“ข้าเป็นบุตรชายภรรยาเอกของจวนโหว ภายภาคหน้าจะต้องสืบทอดตำแหน่งจากบิดา แล้วยังเป็นท่านโหวน้อยของจวนโหวจ้าวอีก ต้องแต่งสตรีที่ฐานะทัดเทียมกันเป็นภรรยาเอก”

แม่เฒ่าสวี่ก็เห็นดีเห็นงามด้วย

ข้าเขวี้ยงไม้นวดแป้งลงพื้นอย่างรุนแรง

“ตอนแรกเจ้าพาแม่เฒ่าสวี่ที่ป่วยใกล้ตายมาหาข้า ขอแต่งเป็นเขยเข้าตระกูลเหยียนของข้า ทำไมไม่คิดถึงเรื่องฐานะเท่าเทียมกันล่ะ?”

“แผงลอยขายบะหมี่ที่เจ้าเหยียบอยู่ตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่ข้าเช่ามา”

“เงินที่เจ้าใช้เดินทางไปสอบที่เมืองหลวง แม้แต่เสื้อผ้าที่มารดาเจ้าสวมอยู่ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงที่ข้าขายบะหมี่ทั้งนั้น”

“สวี่จิงโม่ เจ้ามันไม่ใช่คน”

สวี่จิ่งโม่ใบหูแดงก่ำเพราะความอับอาย ไม่กล้าเถียงแม้แต่คำเดียว

ข้าเดินเข้าไปในห้องแล้วหยิบหมึกพู่กันออกมา ตวัดเขียนหนังสือหย่าสามีด้วยลายมือชดช้อยต่อหน้าทุกคน

“วันนี้ตระกูลเหยียนขอหย่าสามี ขอให้ทุกท่านเป็นพยาน”

“เมื่อไหร่ที่เจ้าชดใช้เงินค่ารักษาแม่เฒ่าสวี่กับเงินที่ใช้เดินทางไปสอบในเมืองหลวงครบแล้ว พวกเราก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีก”

สวี่จิงโม่อึ้งไปพักหนึ่ง รับหนังสือหย่าไปแล้วยืนนิ่งไม่ขยับ

หญิงสาวที่อยู่รอบๆ พากันกระซิบกระซาบ

“ช่างเป็นสตรีที่โง่เขลาจริงๆ คนอื่นตบตีแย่งชิงกันแทบตายเพื่อเข้าไปอยู่ในจวนโหว!”

“ยอมทิ้งหนทางสู่ความสุขสบายเช่นนี้ ไม่รู้จะหยิ่งในศักดิ์ศรีอะไรนักหนา”

สวี่จิงโม่เม้มปากเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาแฝงความโกรธเล็กน้อย

แต่น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยกลับอ่อนลง

“ข้ารู้ว่าเจ้าหน้าบางทำใจยอมรับไม่ได้ง่ายๆ คืนนี้เจ้าลองไปคิดถึงผลดีผลเสียให้ละเอียดเถอะ”

“อีกอย่างแผงขายบะหมี่แห่งนี้ถ้าไม่มีข้ากับแม่คอยช่วย เจ้าก็ทำเองคนเดียวไม่ไหวหรอก”

“ข้าสวี่จิงโม่ไม่ใช่คนที่ไร้สำนึกขนาดนั้น ขอแค่เจ้าก้มหัวยอมรับผิด ข้ายังยอมให้เจ้าเป็นอนุภรรยาอยู่เหมือนเดิม”

“คุณหนูสามตระกูลหลินเกิดในจวนเสนาบดี มีการศึกษารู้ขนบธรรมเนียม ภายภาคหน้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากหรอก”

ข้าคิดมาดีแล้ว

ข้ายอมเป็นภรรยาของชาวนา ดีกว่าเป็นอนุภรรของผู้สูงศักดิ์

จึงเอ่ยตอบอย่างเยือกเย็นว่า

“เป็นแค่สามีที่ถูกหย่าจะพล่ามอะไรนักหน้า รีบไสหัวกลับไปเสียทีเถอะ”

“เจ้า!”

ตอนที่ปิดประตูไล่แขก หางตาของข้าเหลือบไปเห็นหลินเยียนเอ๋อร์ที่นั่งเล่นหมากล้อมอยู่บนชั้นสองตึกฝั่งตรงข้าม

อาภรณ์งดงามหรูหรา กิริยาสง่างามไร้ที่ติ

ข้ารู้สึกสับสนเล็กน้อย ช่วงก่อนหน้านี้ข้าเคยเอาบะหมี่ไปส่งให้พวกสาวใช้ในจวนเสนาบดีบ่อยครั้ง

สาวใช้อาวุโสเหล่านั้นชอบนินทากันเป็นเรื่องปกติ สามารถเล่าเรื่องในจวนได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ

แม้แต่เรื่องของคุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองของบ้าน มีไฝอยู่บนเรือนร่างกี่เม็ดพวกนางยังรู้เลย

แล้วทำไมถึงไม่เคยได้ยินเรื่องของคุณหนูสามคนนี้เลยล่ะ?

.....

หลังไล่ตะเพิดสวี่จิงโม่กับแม่เฒ่าสวี่ออกไปแล้ว แผงขายบะหมี่ของข้าก็ขาดคนช่วยงาน

ข้ายุ่งจนมือเป็นระวิง จึงไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องคุณหนูหลิน คุณหนูจ้าวเหล่านั้นอีก

บะหมี่ของข้าทำเส้นสดใหม่ทุกวัน น้ำซุปทำจากกระดูกวัวตุ๋น เครื่องเคียงใช้เป็นเครื่องในวัวราคาถูก แต่เพิ่มพริกสดและพริกคั่วหอมลงไปเพิ่มสีสันและความเผ็ดร้อน

เส้นสดทำใหม่ที่เหนียวนุ่มเคี้ยวเพลินกับเครื่องในวัวที่ตุ๋นจนหอมนุ่มลิ้น ตามด้วยการซดน้ำซุปร้อนๆ ที่หอมอร่อยจนแทบกลืนลิ้น

หนึ่งชามใหญ่ขายสิบอีแปะ

ลูกจ้างของร้านค้าแถวนี้ชอบแวะมากินบะหมี่ที่ข้าทำขาย

ในทุกๆ วัน ข้าจะเดินทางไปส่งบะหมี่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง

แต่วันนี้กลับรู้สึกว่าบรรยากาศมันแตกต่างออกไป รอบข้างดูเงียบเหงาผิดปกติ

ด้านหลังกลับมีเสียงใบไม้แห้งดังกรอบแกรบ

ตอนที่เดินผ่านตรอกเล็กๆ ที่มีพงหญ้ารกชัฏ

ก็บังเอิญเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ในพงหญ้า บาดแผลฉกรรจ์เต็มร่างกาย

จ้องมองบะหมี่ในมือของข้า...ตาไม่กระพริบ

บุรุษที่อยู่ตามข้างทางไม่อาจช่วยเหลือส่งเดชได้

โดยเฉพาะคนที่หน้าตาหล่อเหลาคมคายเช่นนี้

ข้าฟังนิทานจากนักเล่าเรื่องที่อยู่ข้างแผงขายบะหมี่บ่อยมากเกินไป

ดังนั้นจึงใช้เท้าเขี่ยเขากลับเข้าไปในพงหญ้าจนมิด

หาทางรอดเอาเองเถอะ

หลังจากข้าส่งบะหมี่เรียบร้อยและกำลังจะกลับนั้น เสียงกรอบแกรบที่อยู่ด้านหลังก็ดังมากกว่าเดิม

แต่ว่าข้ายังเดินไปไม่ถึงจุดที่มีบุรุษนอนเจ็บอยู่เลยนะ

นอกเสียจากว่า...เสียงพวกนี้ไม่ใช่ฝีมือของเขา

ข้าพลันหลั่งเหงื่อเย็นจนชุ่มแผ่นหลัง ตระหนักได้ว่ามีคนแอบสะกดรอยตาม

คนที่อยู่ด้านหลังรู้ตัวว่าถูกจับได้แล้วจึงเลิกแอบซ่อน เร่งฝีเท้าตรงเข้ามาหาข้าอย่างรวดเร็ว

ดาบโค้งสีเงินที่เปื้อนเลือดแดงฉานพุ่งออกมาจากในพงหญ้ารกชัฏ ฟันพื้นที่ว่างระหว่างตัวข้ากับโจรผู้นั้น

มองไม่เห็นตัวคน แต่กลับมีเสียงทุ้มต่ำน่ากลัวดังขึ้นมา

“สตรีนางนี้ ข้าจองแล้ว”

โจรที่สะกดรอยตามมาด้านหลังขวัญกระเจิงเพราะดาบเปื้อนเลือด

“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญท่านจอมยุทธ์ตามสบาย!”

“ผู้น้อย...จะไปหาสตรีคนอื่นมาเล่นสนุกแทน”

พอโจรคนนั้นเดินจากไปไกลแล้ว คุณชายที่นอนอยู่ในพงหญ้าก็หมดสิ้นเรี่ยวแรง

เขาเอามือกุมอกที่มีเลือดไหลไม่หยุด

ใช้มือเช็ดคราบเลือดมุมปากออก เชยดวงตาที่แสนงามคู่นั้นขึ้นมอง

“ปลอดภัยแล้วนะพี่สาว เจ้ารีบกลับบ้านเถอะ”

“ข้าจะนอนชมทิวทัศน์อยู่ตรงนี้”

ข้าพูดอะไรไม่ออก

จะตายอยู่แล้วยังจะปากแข็งอีก
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0003

    ช่วยชีวิตเจียงเยี่ยนนั้นง่ายนิดเดียวข้าลากเขาที่นอนหายใจรวยรินกลับมาที่แผงขายบะหมี่ลวกบะหมี่ร้อนๆ ให้เขาหนึ่งชาม เขาก็ฟื้นคืนชีพได้เกินครึ่งแล้วเขาลูบๆ คลำๆ ตัวเองอยู่นาน สุดท้ายก็ล้วงกุญแจอายุยืน[footnoteRef:1]สีทองออกมา ขอให้ข้าไปซื้อยาให้เขาหน่อย [1: ของที่ลักษณะคล้ายแม่กุญแจ มีไว้คล้องคอเด็กทารกเพื่ออวยพรให้อายุยืน] ความจริงแล้วของที่เขาให้มามีมูลค่ามากกว่าค่ายาตั้งเยอะเจียงเยี่ยนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ“ไม่เป็นไร”ตอนนั้นข้าดีใจจนเหมือนโลกทั้งใบมีดอกไม้บาน ยังคิดอยู่เลยว่าตัวเองเก็บไก่ที่ออกไข่เป็นทองคำได้ใครจะคาดคิด——ว่านั่นคือทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามีอยู่เขาเกาะติดข้าไม่ยอมไปไหนเจียงเยี่ยนประสบเหตุบนเขาจนความจำเสื่อม เขาจำได้แค่ชื่อของตัวเองเท่านั้นตอนนี้อาการบาดเจ็บหายดีแล้ว เงินที่มีก็ใช้จนเกือบหมดแล้ว แต่เขากลับเกาะแกะข้าไม่ยอมเลิก ไล่อย่างไรก็ไม่ยอมไปข้าเท้าเอวด้วยความโมโห ไปที่แผงขายบะหมี่แล้วไล่เขากลับ“บ้านของข้าไม่ได้มีเอาไว้เลี้ยงดูบุรุษไร้หัวนอนปลายเท้านะ รีบ——”พอเปิดประตูเข้าไป ก็พบว่าเจียงเยี่ยนตัดฟืนทั้งหมด ขนน้ำมาเติมจนเต็มโอ่งตั้งแต่เช้าตรู

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0004

    เจียงเยี่ยนประสบเหตุจนสมองผิดเพี้ยนไป เลยไม่คิดจะฟังที่อีกฝ่ายพูด เขารัวหมัดชกใส่สวี่จิงโม่อย่างเมามัน“ต่อให้เจ้าจะเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ แต่ถ้ากล้าพูดจาไม่เข้าหูพี่สาวของข้า ข้าก็พร้อมจะต่อยให้คว่ำอยู่ดี”“เจ้าคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเจ้าหรือ ที่เลือกคบคนจากหน้าตา ตัดสินคนจากทรัพย์สินเงินทอง?”“มันน่ากระทืบให้ตายคาตีนจริงๆ!”เจียงเยี่ยนลงมือโหดเหี้ยมแล้วยังพูดจาแสลงหูด้วยในเมื่อใช้เหตุผลไม่ได้ ก็ต้องใช้กำลังเข้าข่ม“พี่เหยียนเป็นคนจิตใจดีงาม ครั้งแรกที่พบนางตรงชานเมือง ข้าก็หลงรักนางทันที”“แกเป็นใครมาจากไหน กล้าดีอย่างไรมาชี้นิ้วสั่งสอนพวกเรา?”แน่ใจนะ....ว่าที่หลงรักไม่ใช่เครื่องในวัวตุ๋นของข้า?ช่างเถอะเมื่อเห็นสวี่จิงโม่ถูกต่อยจนใบหน้าฟกช้ำดำเขียว ข้าก็รู้สึกหายโกรธไปหลายส่วน“จับเขาโยนออกไปซะ อย่าให้รบกวนการทำมาค้าขายของพวกเรา”“ได้เลย!”หลังจากเขาจัดการเรียบร้อยก็กลับมาที่ห้อง ยืนเกาะขอบประตูด้วยท่าทางน่าสงสาร“ข้าได้ยินชาวบ้านที่อยู่ข้างนอกบอกว่า คนผู้นั้นเป็นสามีเก่าของพี่สาว”“ข้าไม่ทันได้ยั้งมือเอาไว้ ทำร้ายอดีตสามีพี่สาวจนเจ็บหนัก พี่สาวคงไม่โกรธข้าหรอกนะ?”

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0005

    “พี่สาวคิดอะไรอยู่หรือ ถึงได้เหม่อลอยขนาดนั้น?”เจียงเยี่ยนยื่นหน้าหล่อๆ เข้ามาหาข้า ปลุกข้าจากภวังค์ความคิดดวงตาของเขางดงามมาก ราวกับสะกดจิตของคนได้ข้าผลักเขาออก ไม่กล้ามองสบตาเขามากนัก“วันนี้...ต้องขอบพระทัยท่านอ๋องมาก ที่ช่วยออกหน้าแทนข้าสองครั้งแล้ว”“ท่านอ๋อง ยามนี้ก็ดึกมากแล้ว ท่านออกจากจวนมานานมากแล้ว ไม่คิดจะกลับไปหรือ?”เจียงเยี่ยนตบศีรษะตัวเองเบาๆ “เจ้าพูดถูก ข้าเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเลย”เขาแบกดาบโค้งเล่มนั้นออกไปด้วยความเร่งรีบรอบข้างกลับมาเงียบสงัดอีกครั้งข้ามองตามแผ่นหลังที่ห่างออกไปไกลของเขา รู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูกแต่นั่นคืออ๋องหลินอันเชียวนะเป็นแม่ทัพหนุ่มในฝันของข้า ที่สง่างามและเจิดจรัสมากที่สุดสูงส่งจนไม่อาจเอื้อม......เพราะเรื่องยุ่งยากที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ กว่าข้าจะออกมาขายบะหมี่ ฟ้าก็สว่างจ้าแล้วด้านนอกมีเสียงอึกทึกแผงขายบะหมี่ของข้าถูกของมีค่าแปลกประหลาดและหายากหลากสีสัน วางกองทับถมจนไม่มีที่จะเดินเจียงเยี่ยนยังพาข้ารับใช้จำนวนหนึ่งมาด้วย พวกเขาช่วยกันขนของเข้าไปในบ้านข้าข้ารับใช้ของเขาบอกกับชาวบ้านรอบๆ ว่า“แม่นางเหยียนคือผู้

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0006

    งานแต่งของข้ากับเจียงเยี่ยน มีกำหนดการวันเดียวกันกับงานแต่งของสวี่จิงโม่ด้วยข้ออ้างเรื่องความจำเสื่อม เจียงเยี่ยนจึงฉวยโอกาสนี้ขอลาออกจากราชการ กลับบ้านไปใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อแสดงความภักดีฮ่องเต้แม้จะมีสีหน้าเสียดาย แต่ก็พระราชทานเงินทองและของมีค่ามากมายให้เป็นค่าชดเชยงานของของพวกเราถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการสิ่งที่สวี่จิงโม่เคยให้คำมั่นสัญญากับข้าไว้ เจียงเยี่ยนกลับทำให้หมดทุกอย่างแม้จะไม่เคยพูดมาก่อนงานแต่งที่ทุ่มเงินจำนวนนับพันตำลึงเพื่อจัดขึ้นมา สร้างความอิจฉาให้บรรดาหญิงสาววัยบานสะพรั่งที่ยังไม่ออกเรือนมากมายขบวนสินสอดยาวสิบลี้ เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่และงดงามมากภายในเรือนหอ ข้านั่งกำหนังสือข้อตกลงแต่งงานด้วยความประหม่า“ข้า ข้า...จะเป็นภรรยาของเจ้าสามปี หลังจากฝ่าบาททรงคลายความหวาดระแวงแล้ว ข้าจะยกตำแหน่งพระชายาหลินอันคืนให้”“จะไม่ขัดขวางการหาคู่ครองคนใหม่ของท่านอ๋องแน่นอน——”นิ้วเรียวดุจหยกของเจียงเยี่ยนทาบทับริมฝีปากของข้าดวงตาเจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอกของเขาส่องประกาย กล่าวอย่างขบขันว่า“เรื่องนั้นไว้ค่อยพูดกันวันหลังเถอะ”“ภรรยา ตอนนี้——”“เล่นละครก็ต้องเล่นให้สมจริ

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0007

    ข้าได้พบสวี่จิงโม่อีกครั้ง ตอนที่ไปร่วมงานวันเกิดของท่านโหวจ้าวเพราะมันเป็นธรรมเนียม ข้ากับเจียงเยี่ยนเลยต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยวันนั้นหิมะตกหนักมากสวี่จิงโม่ยืนอยู่ด้านหลังท่านโหวจ้าว ดวงหน้าซีดเซียวเหี่ยวเฉา สีหน้าอารมณ์อมทุกข์ราวกับเผชิญเคราะห์กรรมใหญ่มาไม่เหลือความหยิ่งผยองในตอนแรกเริ่มข้ามอบของขวัญเสร็จก็นั่งร่วมงานกับเจียงเยี่ยนสักพัก ก่อนจะเตรียมตัวกลับกันก่อนกลับข้าบังเอิญเห็นหลินเยียนเอ๋อร์ เดินผ่านไปทางเรือนด้านหลังดูเหมือนกำลังรีบร้อนไปพบใครบางคนดูจากรูปร่างของนาง คาดว่าจะตั้งครรภ์ได้เจ็ดแปดเดือนแล้วแต่ข้ากับสวี่จิงโม่แต่งงานวันเดียวกัน หากนับตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้ ก็เพิ่งจะผ่านไปห้าเดือนเท่านั้นได้ยินว่าในระหว่างนั้น เขายังใช้เวลาสองสามเดือนเตรียมตัวสอบหน้าพระที่นั่งด้วยนี่มัน...เจียงเยี่ยนเอามือแตะคาง ลอบหัวเราะอย่างสะใจอยู่ข้างๆ“สวี่จิงโม่คงจะโดนจวนโหวกับจวนเสนาบดีหลอกต้มแล้วล่ะ”ตอนที่ข้าเตรียมตัวจะขึ้นรถม้า เดินทางออกจากจวนโหวเจียงเยี่ยนก็โดนสหายขุนนางในวันวานลากตัวออกไปดื่มชาแม่เฒ่าสวี่ฉวยโอกาสนั้นเข้าหาข้านางพุ่งตัวเข้ามาหาข้าใน

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0008

    ตอนที่ข้าตั้งครรภ์ได้สามเดือนในที่สุดสวี่จิงโม่ก็ทนไม่ไหวบุกมาตามหาข้าซึ่งขณะนั้นข้ากำลังแอบกินไอติมผลไม้อยู่ในเรือนเล็กเขาสวมชุดเปื้อนเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิงตอนที่มองเห็นข้า ดวงตาของเขาก็แดงก่ำเขาเรียกข้าด้วยเสียงแหบแห้งและโหยหา“อาเหยียน โชคดีที่ยังมีเจ้าอยู่”“พวกเรากลับไปที่หมู่บ้านเถาซีกันเถอะ ข้าไม่ต้องการชื่อเสียงลาภยศอะไรพวกนี้แล้ว”นิสัยของสวี่จิงโม่เปลี่ยนแปลงแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเขายังคิดจะใช้ข้าเป็นหินรองเท้า เพื่อก้าวสู่อำนาจอยู่เลยข้ามองสวี่จิงโม่ที่อยู่ในสภาพคนสติไม่เต็มร้อย กับชายเสื้อที่มีเลือดไหลหยดของเขาในใจเกิดหวาดระแวง จึงค่อยๆ ก้าวถอยหลังอย่างเงียบเชียบสวี่จิงโม่ทำหน้าเจ็บปวด“อาเหยียน เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”“ข้าแค่สังหารคนที่ทำลายความสุขของพวกเราเท่านั้น”ข้าหรี่ตาลง “เจ้าฆ่าใครไป? หลินเยียนเอ๋อร์? ท่านโหว?”สวี่จิงโม่ยกยิ้มมุมปาก “มีมากกว่านั้นอีก”ระหว่างที่บรรยากาศกำลังตึงเครียดสามีสุดหล่อที่มีอกผายไหล่ผึ่งเอวสอบคนนั้น ก็เดินดุ่มๆ เข้ามาแบบไม่รู้ไม่ชี้คว้าไอติมจากมือของข้าไป แล้วพูดจาประชดประชั

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0009

    ทุกเหตุการณ์ที่สวี่จิงโม่ประสบพบเจอหลังจากเข้ามาในเมืองหลวง ล้วนเป็นแผนการของหลินเยียนเอ๋อร์และจวนโหวจ้าวตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ช่วงเช้าตรู่ของวันที่ข้าเกือบจะโดนโจรลักพาตัวไป บางทีอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญหลังแต่งงาน สวี่จิงโม่ก็ไม่เคยได้แตะต้องนางคนของจวนโหวจ้าวดูแลหลินเยียนเอ๋อร์ประหนึ่งเป็นบรรพบุรุษของพวกเขาตอนแรกสวี่จิงโม่รู้แค่ว่าฐานะของหลินเยียนเอ๋อร์ไม่ธรรมดา แต่ไม่รู้ว่านางเป็นสตรีของฮ่องเต้ตอนแรกเขาคิดจะกล้ำกลืนโทสะยอมโดนสวมเขา หากแลกกับการมีอนาคตที่สดใสก็ไม่ใช่เรื่องแย่แต่ตอนที่ท่านโหวจ้าวจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดฮ่องเต้หาข้ออ้างออกมานัดพบกับหลินเยียนเอ๋อร์ สวี่จิงโม่ดันบังเอิญเห็นเข้าฮ่องเต้ตรัสว่า ตอนแรกในการสอบหน้าพระพักตร์ปีนี้ เขาเลือกสวี่จิงโม่ให้เป็นจอหงวน“แต่พอคิดว่าเจ้าสารเลวนั่นเคยแต่งงานกับเจ้า ถึงจะเป็นแค่ฉากบังหน้า แต่ข้าก็อดขุ่นเคืองไม่ได้”“ข้าไม่อยากเห็นหน้าเขา”ฮ่องเต้ยังกล่าวอย่างชั่วร้ายอีกว่า“หลังจากนี้ไปถ้าสามีของเจ้าเข้าร่วมการสอบขุนนาง เราจะไม่ยอมให้เขาสอบผ่านเด็ดขาด”ตรัสเพียงไม่กี่ประโยค กลับเปลี่ยนชะตาชีวิตของสวี่จิงโม่อย่างสิ้นเชิง

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่ 0001

    ตอนที่สามีของข้าเดินทางไปสอบที่เมืองหลวง เขาได้พบโดยบังเอิญว่า ตัวเองคือบุตรชายภรรยาเอกที่พลัดพรากจากจวนโหวจ้าวมานานหลายปีบนถนนใหญ่มีคนราวสิบกว่าคน คุกเข่าห้อมล้อมรอบตัวสวี่จิงโม่“ท่านโหวออกตามหาท่านมานานสิบกว่าปีแล้ว!”"ปานแดงหลังใบหูของท่าน ข้าน้อยไม่มีวันจำผิดแน่!"ท่ามกลางบรรดาบ่าวรับใช้ ยังมีสาวงามรูปร่างอ้อนแอ้นบอบบางคนหนึ่งยืนอยู่ เอ่ยเรียกด้วยแววตาหวานซึ้ง“พี่ชาย ข้าคือคู่หมั้นของท่าน”สวี่จิงโม่ถูกพาตัวเข้าไปในจวนโหวอันงดงามหรูหราและโอ่โถงกว้างใหญ่ ส่วนข้า ภรรยาที่ถูกต้องตามธรรมเนียมของสวี่จิงโม่ ยามนี้กำลังตะโกนขายบะหมี่ราคาชามละไม่กี่อีแปะ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย“นางเหยียนเลิกขายได้แล้ว! สามีเจ้ากลายเป็นท่านโหวน้อยไปแล้ว!”ลูกค้าคนหนึ่งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนเส้นหลักให้ข้าทราบสวี่จิงโม่เป็นเด็กกำพร้าในหมู่บ้านของพวกเราจริงแท้แน่นอน ไร้บิดามารดา ถูกแม่เฒ่าสวี่เก็บมาเลี้ยงจนเติบใหญ่ข้ากับแม่เฒ่าสวี่ได้ยินแบบนั้นก็ดีใจอย่างยิ่งสามีตามหาครอบครัวที่แท้จริงพบ ในที่สุดก็ไม่ต้องอยู่โดดเดี่ยวแล้วแม่เฒ่าสวี่พูดอย่างยินดีปรีดา“จวนโหวจ้าวมั่งคำร่ำรวย มีเงิน

Latest chapter

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0009

    ทุกเหตุการณ์ที่สวี่จิงโม่ประสบพบเจอหลังจากเข้ามาในเมืองหลวง ล้วนเป็นแผนการของหลินเยียนเอ๋อร์และจวนโหวจ้าวตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ช่วงเช้าตรู่ของวันที่ข้าเกือบจะโดนโจรลักพาตัวไป บางทีอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญหลังแต่งงาน สวี่จิงโม่ก็ไม่เคยได้แตะต้องนางคนของจวนโหวจ้าวดูแลหลินเยียนเอ๋อร์ประหนึ่งเป็นบรรพบุรุษของพวกเขาตอนแรกสวี่จิงโม่รู้แค่ว่าฐานะของหลินเยียนเอ๋อร์ไม่ธรรมดา แต่ไม่รู้ว่านางเป็นสตรีของฮ่องเต้ตอนแรกเขาคิดจะกล้ำกลืนโทสะยอมโดนสวมเขา หากแลกกับการมีอนาคตที่สดใสก็ไม่ใช่เรื่องแย่แต่ตอนที่ท่านโหวจ้าวจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดฮ่องเต้หาข้ออ้างออกมานัดพบกับหลินเยียนเอ๋อร์ สวี่จิงโม่ดันบังเอิญเห็นเข้าฮ่องเต้ตรัสว่า ตอนแรกในการสอบหน้าพระพักตร์ปีนี้ เขาเลือกสวี่จิงโม่ให้เป็นจอหงวน“แต่พอคิดว่าเจ้าสารเลวนั่นเคยแต่งงานกับเจ้า ถึงจะเป็นแค่ฉากบังหน้า แต่ข้าก็อดขุ่นเคืองไม่ได้”“ข้าไม่อยากเห็นหน้าเขา”ฮ่องเต้ยังกล่าวอย่างชั่วร้ายอีกว่า“หลังจากนี้ไปถ้าสามีของเจ้าเข้าร่วมการสอบขุนนาง เราจะไม่ยอมให้เขาสอบผ่านเด็ดขาด”ตรัสเพียงไม่กี่ประโยค กลับเปลี่ยนชะตาชีวิตของสวี่จิงโม่อย่างสิ้นเชิง

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0008

    ตอนที่ข้าตั้งครรภ์ได้สามเดือนในที่สุดสวี่จิงโม่ก็ทนไม่ไหวบุกมาตามหาข้าซึ่งขณะนั้นข้ากำลังแอบกินไอติมผลไม้อยู่ในเรือนเล็กเขาสวมชุดเปื้อนเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิงตอนที่มองเห็นข้า ดวงตาของเขาก็แดงก่ำเขาเรียกข้าด้วยเสียงแหบแห้งและโหยหา“อาเหยียน โชคดีที่ยังมีเจ้าอยู่”“พวกเรากลับไปที่หมู่บ้านเถาซีกันเถอะ ข้าไม่ต้องการชื่อเสียงลาภยศอะไรพวกนี้แล้ว”นิสัยของสวี่จิงโม่เปลี่ยนแปลงแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเขายังคิดจะใช้ข้าเป็นหินรองเท้า เพื่อก้าวสู่อำนาจอยู่เลยข้ามองสวี่จิงโม่ที่อยู่ในสภาพคนสติไม่เต็มร้อย กับชายเสื้อที่มีเลือดไหลหยดของเขาในใจเกิดหวาดระแวง จึงค่อยๆ ก้าวถอยหลังอย่างเงียบเชียบสวี่จิงโม่ทำหน้าเจ็บปวด“อาเหยียน เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”“ข้าแค่สังหารคนที่ทำลายความสุขของพวกเราเท่านั้น”ข้าหรี่ตาลง “เจ้าฆ่าใครไป? หลินเยียนเอ๋อร์? ท่านโหว?”สวี่จิงโม่ยกยิ้มมุมปาก “มีมากกว่านั้นอีก”ระหว่างที่บรรยากาศกำลังตึงเครียดสามีสุดหล่อที่มีอกผายไหล่ผึ่งเอวสอบคนนั้น ก็เดินดุ่มๆ เข้ามาแบบไม่รู้ไม่ชี้คว้าไอติมจากมือของข้าไป แล้วพูดจาประชดประชั

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0007

    ข้าได้พบสวี่จิงโม่อีกครั้ง ตอนที่ไปร่วมงานวันเกิดของท่านโหวจ้าวเพราะมันเป็นธรรมเนียม ข้ากับเจียงเยี่ยนเลยต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยวันนั้นหิมะตกหนักมากสวี่จิงโม่ยืนอยู่ด้านหลังท่านโหวจ้าว ดวงหน้าซีดเซียวเหี่ยวเฉา สีหน้าอารมณ์อมทุกข์ราวกับเผชิญเคราะห์กรรมใหญ่มาไม่เหลือความหยิ่งผยองในตอนแรกเริ่มข้ามอบของขวัญเสร็จก็นั่งร่วมงานกับเจียงเยี่ยนสักพัก ก่อนจะเตรียมตัวกลับกันก่อนกลับข้าบังเอิญเห็นหลินเยียนเอ๋อร์ เดินผ่านไปทางเรือนด้านหลังดูเหมือนกำลังรีบร้อนไปพบใครบางคนดูจากรูปร่างของนาง คาดว่าจะตั้งครรภ์ได้เจ็ดแปดเดือนแล้วแต่ข้ากับสวี่จิงโม่แต่งงานวันเดียวกัน หากนับตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้ ก็เพิ่งจะผ่านไปห้าเดือนเท่านั้นได้ยินว่าในระหว่างนั้น เขายังใช้เวลาสองสามเดือนเตรียมตัวสอบหน้าพระที่นั่งด้วยนี่มัน...เจียงเยี่ยนเอามือแตะคาง ลอบหัวเราะอย่างสะใจอยู่ข้างๆ“สวี่จิงโม่คงจะโดนจวนโหวกับจวนเสนาบดีหลอกต้มแล้วล่ะ”ตอนที่ข้าเตรียมตัวจะขึ้นรถม้า เดินทางออกจากจวนโหวเจียงเยี่ยนก็โดนสหายขุนนางในวันวานลากตัวออกไปดื่มชาแม่เฒ่าสวี่ฉวยโอกาสนั้นเข้าหาข้านางพุ่งตัวเข้ามาหาข้าใน

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0006

    งานแต่งของข้ากับเจียงเยี่ยน มีกำหนดการวันเดียวกันกับงานแต่งของสวี่จิงโม่ด้วยข้ออ้างเรื่องความจำเสื่อม เจียงเยี่ยนจึงฉวยโอกาสนี้ขอลาออกจากราชการ กลับบ้านไปใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อแสดงความภักดีฮ่องเต้แม้จะมีสีหน้าเสียดาย แต่ก็พระราชทานเงินทองและของมีค่ามากมายให้เป็นค่าชดเชยงานของของพวกเราถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการสิ่งที่สวี่จิงโม่เคยให้คำมั่นสัญญากับข้าไว้ เจียงเยี่ยนกลับทำให้หมดทุกอย่างแม้จะไม่เคยพูดมาก่อนงานแต่งที่ทุ่มเงินจำนวนนับพันตำลึงเพื่อจัดขึ้นมา สร้างความอิจฉาให้บรรดาหญิงสาววัยบานสะพรั่งที่ยังไม่ออกเรือนมากมายขบวนสินสอดยาวสิบลี้ เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่และงดงามมากภายในเรือนหอ ข้านั่งกำหนังสือข้อตกลงแต่งงานด้วยความประหม่า“ข้า ข้า...จะเป็นภรรยาของเจ้าสามปี หลังจากฝ่าบาททรงคลายความหวาดระแวงแล้ว ข้าจะยกตำแหน่งพระชายาหลินอันคืนให้”“จะไม่ขัดขวางการหาคู่ครองคนใหม่ของท่านอ๋องแน่นอน——”นิ้วเรียวดุจหยกของเจียงเยี่ยนทาบทับริมฝีปากของข้าดวงตาเจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอกของเขาส่องประกาย กล่าวอย่างขบขันว่า“เรื่องนั้นไว้ค่อยพูดกันวันหลังเถอะ”“ภรรยา ตอนนี้——”“เล่นละครก็ต้องเล่นให้สมจริ

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0005

    “พี่สาวคิดอะไรอยู่หรือ ถึงได้เหม่อลอยขนาดนั้น?”เจียงเยี่ยนยื่นหน้าหล่อๆ เข้ามาหาข้า ปลุกข้าจากภวังค์ความคิดดวงตาของเขางดงามมาก ราวกับสะกดจิตของคนได้ข้าผลักเขาออก ไม่กล้ามองสบตาเขามากนัก“วันนี้...ต้องขอบพระทัยท่านอ๋องมาก ที่ช่วยออกหน้าแทนข้าสองครั้งแล้ว”“ท่านอ๋อง ยามนี้ก็ดึกมากแล้ว ท่านออกจากจวนมานานมากแล้ว ไม่คิดจะกลับไปหรือ?”เจียงเยี่ยนตบศีรษะตัวเองเบาๆ “เจ้าพูดถูก ข้าเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเลย”เขาแบกดาบโค้งเล่มนั้นออกไปด้วยความเร่งรีบรอบข้างกลับมาเงียบสงัดอีกครั้งข้ามองตามแผ่นหลังที่ห่างออกไปไกลของเขา รู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูกแต่นั่นคืออ๋องหลินอันเชียวนะเป็นแม่ทัพหนุ่มในฝันของข้า ที่สง่างามและเจิดจรัสมากที่สุดสูงส่งจนไม่อาจเอื้อม......เพราะเรื่องยุ่งยากที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ กว่าข้าจะออกมาขายบะหมี่ ฟ้าก็สว่างจ้าแล้วด้านนอกมีเสียงอึกทึกแผงขายบะหมี่ของข้าถูกของมีค่าแปลกประหลาดและหายากหลากสีสัน วางกองทับถมจนไม่มีที่จะเดินเจียงเยี่ยนยังพาข้ารับใช้จำนวนหนึ่งมาด้วย พวกเขาช่วยกันขนของเข้าไปในบ้านข้าข้ารับใช้ของเขาบอกกับชาวบ้านรอบๆ ว่า“แม่นางเหยียนคือผู้

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0004

    เจียงเยี่ยนประสบเหตุจนสมองผิดเพี้ยนไป เลยไม่คิดจะฟังที่อีกฝ่ายพูด เขารัวหมัดชกใส่สวี่จิงโม่อย่างเมามัน“ต่อให้เจ้าจะเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ แต่ถ้ากล้าพูดจาไม่เข้าหูพี่สาวของข้า ข้าก็พร้อมจะต่อยให้คว่ำอยู่ดี”“เจ้าคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเจ้าหรือ ที่เลือกคบคนจากหน้าตา ตัดสินคนจากทรัพย์สินเงินทอง?”“มันน่ากระทืบให้ตายคาตีนจริงๆ!”เจียงเยี่ยนลงมือโหดเหี้ยมแล้วยังพูดจาแสลงหูด้วยในเมื่อใช้เหตุผลไม่ได้ ก็ต้องใช้กำลังเข้าข่ม“พี่เหยียนเป็นคนจิตใจดีงาม ครั้งแรกที่พบนางตรงชานเมือง ข้าก็หลงรักนางทันที”“แกเป็นใครมาจากไหน กล้าดีอย่างไรมาชี้นิ้วสั่งสอนพวกเรา?”แน่ใจนะ....ว่าที่หลงรักไม่ใช่เครื่องในวัวตุ๋นของข้า?ช่างเถอะเมื่อเห็นสวี่จิงโม่ถูกต่อยจนใบหน้าฟกช้ำดำเขียว ข้าก็รู้สึกหายโกรธไปหลายส่วน“จับเขาโยนออกไปซะ อย่าให้รบกวนการทำมาค้าขายของพวกเรา”“ได้เลย!”หลังจากเขาจัดการเรียบร้อยก็กลับมาที่ห้อง ยืนเกาะขอบประตูด้วยท่าทางน่าสงสาร“ข้าได้ยินชาวบ้านที่อยู่ข้างนอกบอกว่า คนผู้นั้นเป็นสามีเก่าของพี่สาว”“ข้าไม่ทันได้ยั้งมือเอาไว้ ทำร้ายอดีตสามีพี่สาวจนเจ็บหนัก พี่สาวคงไม่โกรธข้าหรอกนะ?”

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0003

    ช่วยชีวิตเจียงเยี่ยนนั้นง่ายนิดเดียวข้าลากเขาที่นอนหายใจรวยรินกลับมาที่แผงขายบะหมี่ลวกบะหมี่ร้อนๆ ให้เขาหนึ่งชาม เขาก็ฟื้นคืนชีพได้เกินครึ่งแล้วเขาลูบๆ คลำๆ ตัวเองอยู่นาน สุดท้ายก็ล้วงกุญแจอายุยืน[footnoteRef:1]สีทองออกมา ขอให้ข้าไปซื้อยาให้เขาหน่อย [1: ของที่ลักษณะคล้ายแม่กุญแจ มีไว้คล้องคอเด็กทารกเพื่ออวยพรให้อายุยืน] ความจริงแล้วของที่เขาให้มามีมูลค่ามากกว่าค่ายาตั้งเยอะเจียงเยี่ยนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ“ไม่เป็นไร”ตอนนั้นข้าดีใจจนเหมือนโลกทั้งใบมีดอกไม้บาน ยังคิดอยู่เลยว่าตัวเองเก็บไก่ที่ออกไข่เป็นทองคำได้ใครจะคาดคิด——ว่านั่นคือทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามีอยู่เขาเกาะติดข้าไม่ยอมไปไหนเจียงเยี่ยนประสบเหตุบนเขาจนความจำเสื่อม เขาจำได้แค่ชื่อของตัวเองเท่านั้นตอนนี้อาการบาดเจ็บหายดีแล้ว เงินที่มีก็ใช้จนเกือบหมดแล้ว แต่เขากลับเกาะแกะข้าไม่ยอมเลิก ไล่อย่างไรก็ไม่ยอมไปข้าเท้าเอวด้วยความโมโห ไปที่แผงขายบะหมี่แล้วไล่เขากลับ“บ้านของข้าไม่ได้มีเอาไว้เลี้ยงดูบุรุษไร้หัวนอนปลายเท้านะ รีบ——”พอเปิดประตูเข้าไป ก็พบว่าเจียงเยี่ยนตัดฟืนทั้งหมด ขนน้ำมาเติมจนเต็มโอ่งตั้งแต่เช้าตรู

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่0002

    ตอนที่กลับมาถึงแผงขายบะหมี่ พวกชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นก็มามุงดูกันอย่างแน่นขนัดพวกเขาพูดจายกย่องชื่นชมเขาไม่ขาดปากข้าจึงเอ่ยถามเขาว่า“แปลว่าเจ้าคิดจะลดฐานะข้าจากภรรยาเอกเป็นอนุภรรยางั้นหรือ?”ผู้คนที่อยู่รอบๆ พากันปิดปากหัวเราะ“ต่อให้แม่นางเหยียนเป็นแค่อนุภรรยา แต่ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องลำบากขายบะหมี่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำแล้ว”“สหายสวี่ยังระลึกถึงความรักเก่า ยอมรับเจ้าเข้าไปในจวนโหว ควรจะสำนึกบุญคุณบ้างนะ”สวี่จิงโม่ถูกผู้คนพูดจายกยอจนสูงส่ง“เหยียนอัน ยามนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว”“ข้าเป็นบุตรชายภรรยาเอกของจวนโหว ภายภาคหน้าจะต้องสืบทอดตำแหน่งจากบิดา แล้วยังเป็นท่านโหวน้อยของจวนโหวจ้าวอีก ต้องแต่งสตรีที่ฐานะทัดเทียมกันเป็นภรรยาเอก”แม่เฒ่าสวี่ก็เห็นดีเห็นงามด้วยข้าเขวี้ยงไม้นวดแป้งลงพื้นอย่างรุนแรง“ตอนแรกเจ้าพาแม่เฒ่าสวี่ที่ป่วยใกล้ตายมาหาข้า ขอแต่งเป็นเขยเข้าตระกูลเหยียนของข้า ทำไมไม่คิดถึงเรื่องฐานะเท่าเทียมกันล่ะ?”“แผงลอยขายบะหมี่ที่เจ้าเหยียบอยู่ตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่ข้าเช่ามา”“เงินที่เจ้าใช้เดินทางไปสอบที่เมืองหลวง แม้แต่เสื้อผ้าที่มารดาเจ้าสวมอยู่ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงที่

  • หลังเขี่ยสามีชั่วทิ้ง อ๋องหลินอันก็อ่อยข้าไม่หยุด   บทที่ 0001

    ตอนที่สามีของข้าเดินทางไปสอบที่เมืองหลวง เขาได้พบโดยบังเอิญว่า ตัวเองคือบุตรชายภรรยาเอกที่พลัดพรากจากจวนโหวจ้าวมานานหลายปีบนถนนใหญ่มีคนราวสิบกว่าคน คุกเข่าห้อมล้อมรอบตัวสวี่จิงโม่“ท่านโหวออกตามหาท่านมานานสิบกว่าปีแล้ว!”"ปานแดงหลังใบหูของท่าน ข้าน้อยไม่มีวันจำผิดแน่!"ท่ามกลางบรรดาบ่าวรับใช้ ยังมีสาวงามรูปร่างอ้อนแอ้นบอบบางคนหนึ่งยืนอยู่ เอ่ยเรียกด้วยแววตาหวานซึ้ง“พี่ชาย ข้าคือคู่หมั้นของท่าน”สวี่จิงโม่ถูกพาตัวเข้าไปในจวนโหวอันงดงามหรูหราและโอ่โถงกว้างใหญ่ ส่วนข้า ภรรยาที่ถูกต้องตามธรรมเนียมของสวี่จิงโม่ ยามนี้กำลังตะโกนขายบะหมี่ราคาชามละไม่กี่อีแปะ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย“นางเหยียนเลิกขายได้แล้ว! สามีเจ้ากลายเป็นท่านโหวน้อยไปแล้ว!”ลูกค้าคนหนึ่งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนเส้นหลักให้ข้าทราบสวี่จิงโม่เป็นเด็กกำพร้าในหมู่บ้านของพวกเราจริงแท้แน่นอน ไร้บิดามารดา ถูกแม่เฒ่าสวี่เก็บมาเลี้ยงจนเติบใหญ่ข้ากับแม่เฒ่าสวี่ได้ยินแบบนั้นก็ดีใจอย่างยิ่งสามีตามหาครอบครัวที่แท้จริงพบ ในที่สุดก็ไม่ต้องอยู่โดดเดี่ยวแล้วแม่เฒ่าสวี่พูดอย่างยินดีปรีดา“จวนโหวจ้าวมั่งคำร่ำรวย มีเงิน

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status