“สุดท้ายทำได้แค่พึ่งพาการแพทย์แผนตะวันตก เอาเนื้อเยื่อที่ตายแล้วออก และเย็บแผล…”“การแพทย์แผนโบราณประเทศมังกร หึ เป็นแค่เรื่องหลอกลวงเท่านั้นเอง”คำพูดของหมอโจวได้รับการพยักหน้าเห็นด้วยจากหมอคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างเห็นได้ชัด“ไม่พูดเรื่องอื่นแล้ว พวกเรารอดูกันก่อนเถอะ”หัวหน้าเจี่ยงขมวดคิ้ว “พวกเรารอดูสิ ไอ้หมอนั่นจะทำอะไรกันแน่”“หึ เดาว่าเป็นศัตรูละมั้ง สภาพขนาดนั้นแล้วยังจะมาแก้แค้น น่าสงสารจริงๆ”หมอโจวส่ายหน้าและเดาะลิ้นภายในห้องผ่าตัดหลินเฟิงนำเข็มเงินออกมา วางไว้ที่ด้านข้างเตียงผ่าตัดของอาอวี๋วินาทีนี้เขาอยู่ใกล้อาอวี๋ถึงขนาดนี้ ถึงได้เห็นอย่างแท้จริงแล้วว่าอาอวี๋ได้รับบาดเจ็บรุนแรงขนาดไหนกันไม่เพียงใบหน้าถูกตีจนน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้ ทำให้คนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้กระดูกซี่โครงก็หักจนแทบทั้งหมด แขน ขา แทบจะไม่มีส่วนไหนที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่เอ็นร้อยหวายก็ถูกคนแยกออกจากกันนี่มันน่าอนาถเกินไปแล้วหลินเฟิงถึงขั้นที่ทนดูต่อไปไม่ได้อีก อยากจะมุ่งหน้าไปที่ตระกูลซือหม่า เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับอาอวี๋แต่เขาทำแบบนี้ไม่ได้อย่างน้อยก่อนหน้าที
เขากับบริวารโจวอยู่ในตระกูลซือหม่า ในเวลาปกตินั้นไม่ถูกกันเท่าไหร่เพียงแค่ตำแหน่งของบริวารโจวสูงกว่าเขา ดังนั้นเขาถึงได้อยุ่ต่ำกว่าบริวารโจวเล็กน้อย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวบริวารโจววันนี้หลินเฟิงกลับกล้ามาก่อเรื่องที่โรงพยาบาลของตระกูลซือหม่า นี่เป็นการหักหน้าตระกูลซือหม่าอย่างชัดเจนถ้าหากตอนนี้เขาฆ่าหลินเฟิง คิดว่าบริวารโจวคนนั้นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้คิดถึงตรงนี้ บริวารเหลียงก็ก้าวเดินเข้ามา และพูดกับภายในห้องผ่าตัดว่า:“หลินเฟิง ผมจำกัดเวลาให้คุณภายในหาวินาที เปิดประตูให้ผมซะดีๆ จากนั้นก้มกราบยอมรับผิดต่อตระกูลซือหม่าของผมซะ!”“ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมจะเด็ดชีวิตต่ำๆ ของคุณในฐานะตัวแทนตระกูลซือหม่าเป็นแน่!”“หึ...”หลินเฟิงได้ยินแล้วแต่เขาเพียงแค่เหลือบตามองบริวารเหลียงด้วยความเหยียดหยาม และทำการรักษาของตัวเองต่อไปในที่สุดอาอวี๋ก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาในตอนที่เขาเห็นหลินเฟิงแวบแรก ความกระวนกระวายในดวงตาถึงได้หายไป และเผยความรู้สึกผิดที่มากมายออกมา“ขอโทษด้วยครับ คุณ...คุณหลิน เรื่องที่คุณไหว้วานผม ผม...ผมทำไม่สำเร็จ...”“นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”“ใครเป็นคนกระทื
“อ๊ะ?”อาอวี๋คิดไม่ถึงว่าบอดี้การ์ดเฝ้าประตูของตระกูลซือหม่าจะกำเริบเสิบสานถึงขนาดนี้เขาเพียงแค่นำยามาส่งเท่านั้น กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกกลั่นแกล้งแบบนี้ให้เขาคิดชื่อของศูนย์การแพทย์ศูนย์การแพทย์ที่เขารู้จักก็มีจำนวนมาก แต่การปฏิบัติตัวจะต้องมีท่าทางที่ซื่อสัตย์ เขายังคงยิ้มอย่างสุภาพ:“ยานี้เป็นยาที่คุณหลินจ่ายให้กับบริวารโจว ถ้าหากคุณไม่เชื่อ สามารถไปหาบริวารโจวเพื่อยืนยันดูได้ ผมจะกล้าโกหกได้ยังไง?”น่าเสียดายคนบางคนเมื่อเห็นอีกฝ่ายให้เกียรติตัวเองก็ไม่สนใจพวกเขาไม่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าความใจเย็นและคุณสมบัติเนื้อแท้ รู้จักแต่รังแกผู้อ่อนแอ“เอ๊ะไอ้แก่คนนี้ ในหัวของนายมีขนลาอุดอยู่รึไง? เมื่อครู่ฉันพูดไว้แล้ว ฉันที่มีบทบาทเล็กๆ แบบนี้ไม่คู่ควรที่จะติดต่อบริวารโจว”“ถ้าหากนายตั้งใจมาสร้างความวุ่นวาย ฉันไปติดต่อบริวารโจว งั้นฉันไม่ตายเลยเหรอ?”“รีบไสหัวไปซะ ถ้าหากนายมาส่งยาให้บริวารโจวจริงๆ งั้นก็ติดต่อบริวารโจว ให้เขาออกคำสั่งแจ้งให้นายเข้าไป ไม่อย่างนั้นก็ไสหัวไป!”หลังจากพูดประโยคสุดท้ายออกมา บอดี้การ์ดคนนี้ก็ลุกขึ้น ผลักอาอวี๋ล้มลงบนพื้น“คุณ...”อาอวี๋ถูกท่าทาง
ซือหม่าเหวินที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังรถหรูครุ่นคิดเล็กน้อย ในใจก็ปรากฏใบหน้าของคนที่นามสกุลหลินขึ้นมากะทันหันสีหน้าเย็นชาทันทีพอดีกับที่เวลานี้อาอวี๋เห็นรถหรูที่ขับเข้ามา และซือหม่าเหวินที่นั่งอยู่ตรงด้านหลังของรถหรู และยังมีบอดี้การ์ดที่ประจบประแจงอย่างไม่รู้สึกละอายเขาเข้าใจได้ทันที คนที่อยู่ในรถหรูต้องเป็นบุคคลใหญ่โตที่มีอำนาจในตระกูลซือหม่าอย่างแน่นอนถ้าหากบุคคลใหญ่โตแบบนี้ น่าจะสามารถช่วยเหลือเขาได้ดังนั้นเขาจึงขยับเข้าไปทำการแสดงความเคาพรก่อนด้วยท่าทางเป็นกังวล มองไปทางวัยรุ่นที่อยู่ในรถหรู จากนั้นพูดด้วยท่าทางระมัดระวัง:“คุณ...คุณชายซือหม่า ผมเป็นคนที่มาส่งยาให้บริวารโจว แต่สหายน้อยท่านนี้กลับไม่ให้ผมเข้าไป ตอนนี้ผมไม่สามารถติดต่อบริวารโจวได้ชั่วคราว ดังนั้นรบกวนคุณ...”“สารเลว!”บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆ ตะโกนด่าทอเสียงดังพูดว่า: “ไอ้แก่ แกอยากให้คุณชายซือหม่าเหวินเป็นคนวิ่งเต้นให้แกงั้นเหรอ? แกนับประสาอะไรกัน!”“ไม่ไม่ไม่ ผมไม่ได้คิดแบบนี้อยู่แล้วครับ”อาอวี๋โบกมือพูดด้วยความหวาดกลัว:“ของที่อยู่ในมือผมคือยา ในเมื่อเป็นยา คิดว่าบริวารโจวต้องการด่วนแน่ๆ นำไปส่งให
“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินสคำพูดของคุณชายซือหม่าเหวิน อาอวี๋ก็ตกตะลึงคนรู้จักเก่า...หรือว่าจะมีความสัมพันธ์ไม่ดี?“หลินเฟิงน่ะ...ชื่อนี้มีความหมายกับฉันเป็นพิเศษ”ซือหม่าเหวินพูดพร้อมรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย“ในทุกคืน ฉันมักจะฝันว่าได้ฆ่าเจ้าของชื่อนี้!”“ฉันแทบอยากจะตัดเอ็นและลอกผิวหนังของเขาออกจนทนไม่ไหว!”“และตอนนี้ นายขอให้ฉัน คุณชายของตระกูลซือหม่า ไปทำธุระให้กับหลินเฟิงที่เป็นศัตรูของฉันงั้นเหรอ? ไอ้แก่ สมองนายมีปัญหาหรือเปล่า?”อาอวี๋ถึงกับพูดไม่ออก เขาเหลือบไปมองเม็ดยาที่แตกละเอียดที่ใต้เท้าของซือหม่าเหวิน ด้วยสายตาที่แสดงความเสียใจออกมา“ คุณชายซือหม่าเหวิน ถ้าหากคุณไม่เต็มใจที่จะช่วย คุณปฏิเสธผมก็ได้ แต่ว่า....ทำไมคุณถึงต้องทำลายยาที่คุณหลินทำขึ้นอย่างยากลำบากทิ้งไปแบบนี้ล่ะ!” “รู้หรือเปล่าว่า ยานี่ยังช่วยชีวิตคนของตระกูลซือหม่าของคุณด้วยนะ!”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...เหลวไหล!”หลังจากที่ซือหม่าเหวินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก็ชี้ไปที่หน้าของอาอวี๋ ก่อนจะตะโกนว่า“ในที่สุดฉันก็จับจุดอ่อนของโบริวารโจวได้แล้ว!¬”“ที่แท้เขาเข้าข้างหลินเฟิงตั้งแต่แรก ถึงกับทำหูหนวกต่อคำดูถูกของฉันซือหม่
แต่พอดีกับที่ หลินเฟิงอยู่ที่นี่เขาเห็นอาอวี๋ที่ร่างกายสะบักสะบอม ถึงได้บุกเข้ามาในห้องผ่าตัด ไล่หมอออกไป เพื่อรักษาอาอวี๋ให้หายถ้าหากไม่ใช่หลินเฟิง ไม่แน่อาอวี๋ยังจะต้องพบเจอกับความทรมานอีกแต่เห็นอาอวี๋ที่อยู่บนเตียงผ่าตัดท่าทางน่าสงสารแบบนี้เล็บกับฟันถูกถอนออกจนหมด กระดูกทั่วร่างกายก็แตกโดยสิ้นเชิง ใบหน้าของคนทั้งคนเหมือนกับแก่ขึ้นสิบปี หลินเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจและโมโหถ้าหากตอนนั้นเขาไม่สั่งให้อาอวี๋ไปที่นั่นก็คงจะดี“ซือหม่าเหวิน!”หลินเฟิงฟังการบอกเล่าที่ติดๆ ขัดๆ ของอาอวี๋ ก็รับรู้ถึงผู้บงการเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้เขาโทรศัพท์แจ้งให้ศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวส่งคนมา รับอาอวี๋ไปที่ศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยว รับการดูแลรักษาที่ดียิ่งกว่าจากนั้น เขาเดินออกมาจากห้องผ่าตัดเผชิญหน้ากับบริวารเหลียง และบอดี้การ์ดตระกูลซือหม่าที่เขาพามาเป็นจำนวนมากวินาทีนี้หลินเฟิงโมโหแล้วจริงๆ น้ำเสียงก็ไม่ได้เกรงใจอีกต่อไป“ตอนนี้พวกนายไสหัวไปซะ ฉันยังไว้ชีวิตของพวกนายไปได้ ไม่อย่างนั้น พวกนายทุกคนต้องตายกันหมด”หลินเฟิงพูดได้เรียบเฉยอย่างมาก แต่ภายใต้น้ำเสียงที่สงบเงียบ กลับครอ
“หลินเฟิง นายกล้าฆ่าคนของตระกูลซือหม่าต่อหน้าฉัน นายใจกล้ามากเลยนะ!”บริวารเหลียงส่งเสียงไม่พอใจ คนทั้งคนลุกขึ้นฉับพลันทันทีเท้าเหยียบกำแพงสองข้างของทางเดิน โฉบเข้ามาหาหลินเฟิงเหมือนกับนกอินทรีมือของเขากลายเป็นกรงเล็บ พลังชี่แท้รุ่มร้อนมีแสงวูบวาบสีแดงลมจากกรุงเล็บนี้ ตวัดผ่านอากาศที่อยู่รอบๆ เสียงลมแรงพัดจนแสบแก้วหู ทำให้บอดี้การ์ดทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์อุดหูของตัวเองเอาไว้บริวารเหลียงคนนี้ก็เป็นนักบู๊แดนแปรภาพ ไม่แปลกใจเลยที่มีความมั่นใจแบบนี้แต่เขาอยู่แค่แดนแปรภาพระดับเริ่มแรกอยู่ต่อหน้าหลินเฟิงยังไม่เพียงพอให้ดูด้วยซ้ำ“หึ รนหาที่ตาย..”หลินเฟิงไม่ได้หันกลับไปก็รู้ถึงการโจมตีของบริวารเหลียงคนนี้ เขายืนทรงตัวนิ่ง สูดหายใจเข้าลึกๆจากนั้นหันหลังไป หมัดที่เต็มไปด้วยพลังชี่แท้สีทองปะทะกับกรงเล็บอินทรีของบริวารเหลียงกำปั้นกรงเล็บปะทะกัน คลื่นกระแทกอันทรงพลังทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยืนได้ไม่มั่นคงด้านบนของทางเดินตรงห้องผ่าตัดมีเลือดสดที่เดือดผุดลอยออกมา กระเด็นไปบนกำแพง กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วหลังจากที่ทุกคนในที่เกิดเหตุทรงตัวได้ก็นิ่งอึ้งไปเพราะว่าเลือดที่กร
ในตอนที่บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ด้านหน้าสุดยังไม่ทันตั้งตัว เขาใช้มือจับข้างละคน บีบคอของทั้งสองคนจนหักดังแกร่กทันที“ลุยสิ! ฆ่าเขาซะ!”เห็นหลินเฟิงลงมือกะทันหัน พวกบอดี้การ์ดก็รู้แล้วว่าวันนี้พวกเขาเจอของแข็งเข้าแล้วหนีก็ไม่มีทางหนีพ้นแน่นอนจึงนำมีดสปาต้าและกระบองที่อยู่ในมือออกมา พุ่งไปทางหลินเฟิงโดยตรง“หึ!”หลินเฟิงโยนศัตรูสองคนที่สูญเสียพลังชีวิตไปในกลุ่มคนอย่างง่ายดายในตอนที่บอดี้การ์ดเหล่านี้กรูกันเข้ามาตามทางเดิน หลินเฟิงกลับเหยียบกำแพง กระโดดไปทางด้านหลังสุดของกลุ่มคนในทันที“นายอยากจะหนีไปงั้นเหรอ? ขอโทษด้วย ไม่มีทางทำแบบนั้นได้แน่นอน”หลินเฟิงกระโดดไปยังด้านหลังสุดของกลุ่มคนเขาเห็นด้านหลังกลุ่มมีบอดี้การ์ดคนหนึ่งเตรียมจะหนีไป จากนั้นพูดประโยคสุดท้ายที่เขาได้ยินในขณะที่มีชีวิตคำพูดเมื่อครู่ที่อยู่ด้านบนกลุ่มคน เป็นเขาที่ตะโกนออกมาผลปรากฏว่าขณะที่เขายืนอยู่ด้านหลังสุดของกลุ่มคน และตะโกนประโยคนี้ออกมา อยากให้พวกบอดี้การ์ดที่อยู่ตรงทางเดินดึงดูดความสนใจของหลินเฟิง เพื่อที่จะหนีออกไปได้เพียงลำพัง“ผลัวะ!”หลินเฟิงปล่อยหมัดไปที่คอของเขาโดยตรง มองดูเขาล้มลงบนพื้นด
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คื ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวหยินหลิง ความลับที่หลอกล่อยอดฝีมือของประเทศมังกรทุกคนหากเธอตกอยู่ในมือของสำนักร้อยพิษแล้วสุดท้าย สำนักร้อยพิษก็จะได้เปรียบไปนี่เป็นสิ่งที่หยินหลิงไม่อยากเห็นแม้ว่าเธอจะตายก็ตาม“หึหึ ท่านหัวหน้า ฉันแนะนำว่า คุณอย่าคิดอะไรเลวร้ายเลยจะดีที่สุด ตอนนี้ในร่างกายจของคุณ ฉันได้วางยาตะขาบเลือดไว้แล้ว เพียงแค่ฉันไม่พอใจ”“ท่านหัวหน้าก็ได้เสียชีวิตไปซะแล้ว”เฟิงหลีข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยื่นมือไปยกคางของหยินหลิงขึ้นพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า :“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้านั้นงดงามจริงๆ มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง”เมื่อได้ยินคำล้อเล่นพวกนี้ หยินหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่มองไปทางเฟิงหลีด้วยความดูถูก ร่างกายก็หลีกเลี่ยงฝ่ามือของเฟิงหลีไปโดยไม่รู้ตัว“หืม?”ใบหน้าของเฟิงหลีเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย เมื่อตระหนักได้ว่าหยินหลิงยังคงไม่เชื่อฟังตัวเองหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่ปกติจะเข้าถึงได้ยากนั้น ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองแล้วความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแต่เขาไม่คาดคิดว่า
“ผม...”หลินเฝิงโกรธอย่างมากจนอยากจะฆ่าเฝิงชางซะเดี๋ยวนี้แต่ไม่นานหลินเฝิงก็สงบสติอารมณ์ลงเขาดีดนิ้ว ก่อนที่พลังชี่แท้โปร่งใสจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างของเฝิงอวี้อู่หลินเฝิงก้าวออกไปและพูดอย่างเย็นชาว่า:“หากผมไม่ได้กลับมาก่อน คุณชายตระกูลเฝิงของพวกคุณก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”“หากเกิดอะไรขึ้นกับหยินหลิงที่นี่ ฉันจะให้ทุกคนในตระกูลเฝิงถูกฝังไปพร้อมกับเธอ! ได้ยินหรือเปล่า?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงชางก็ตัวสั่นอย่างมากหากเขาเคยดูถูกหลินเฝิงมาก่อน ตอนนี้เขาคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกิดจากหลินเฝิงลองคิดดูสิชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าเบื้องหลังเขาเบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่หลี่ซื่อกรุ๊ปที่เป็นกองกำลังเล็ก ๆต้องมีอำนาจบางอย่างซ่อนอยู่ในประเทศมังกรอำนาจแบบนี้ไม่ควรไปยั่วยุให้มากนักเมื่อมองไปที่ร่างหลินเฝิงที่เดินจากไป เฝิงชางก็คิดได้หลายอย่างในใจทันทีเนื่องจากเป็นผู้นำตระกูลเฝิง เขาจึงรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาเลยในขณะนี้หากตอนแรกมันเป็นเพียงชีวิตของลูกชายเขาต่อมาเขาได้ไปยั่วยุสำนักร้อยพิษและเชิ
“เข็มเจ็ดสิบสองเล่มขจัดความชั่วร้าย!”หลินเฟิงก้มหน้าตวาดเสียงทุ้มต่ำ ดึงเข็มเงินที่ฝังอยู่บนตัวของเฝิงอวี้อู่ออก และตกลงบนพื้นเสียงดังติ๊งเข็มเงินเพิ่งจะออกจากตัวของเฝิงอวี้อู่ เฝิงอวี้อู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญเสียงสูงจึงทำให้เฝิงชางที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างร้อนใจจนใบหน้ามีเหงื่อออกแต่เขาไม่เพียงไม่กล้ารบกวนหลินเฟิง ทำได้แค่มองตาปริบๆคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ก็ไม่ได้สนใจเฝิงอวี้อู่อีกแล้ว แต่หันหน้ามองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวที่หมดสติอยู่เฝิงอวี้อู่พิษเข้าไขกระดูก หลินเฟิงต้องใช้กลอุบายจัดการเล็กน้อยแต่ทว่าทางด้านหมอเทวดาเลี่ยวง่ายกว่าเยอะเลยหลินเฟิงยกมือขึ้นโดยตรง ปล่อยพลังชี่แท้บริสุทธิ์เข้าไปที่หน้าผากของเขา และนำยาเม็ดสีเหลืองใส่เข้าปากของหมอเทวดาเลี่ยว“ไปเถอะ หามหมอเทวดาเลี่ยวไปพักในที่เย็นสบาย อีกเดี๋ยวเขาก็ได้สติแล้ว”คำพูดนี้ของหลินเฟิงพูดให้เฝิงเอ้อฟังเฝิงเอ้อชี้ตัวเอง และมีสีหน้างุนงง“ไปสิ! ฟังหมอเทวดาหลิน!”เฝิงชางตวาดน้องชายคนรองของตัวเองเสียงดัง แต่ทว่าเฝิงเอ้อรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสหลินเฟิงมองออกถึงความเป็นกังวลของเขา เก
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได