“แม่ง ลุยเข้าไป จับอวี๋จื่อเสวียนมาให้ฉันให้ได้ ฉันจะให้รางวัลคนละสองแสนห้าหมื่นบาท!”หลงเสี่ยวจวิ้นคำรามด้วยความโกรธเคือง“สองแสนห้าหมื่นบาท?!”หลังจากที่ได้ยินราคาที่หลงเสี่ยวจวิ้นเสนออกมา พวกสุนัขรับใช้ของเขาก็ไม่สนใจเรื่องการรังแกผู้หญิงอีกต่อไป คนเจ็ดแปดคนต่างก็พุ่งไปทางอวี๋จื่อเสวียนทันที“พวกนาย.....”อวี๋จื่อเสวียนไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับการสกัดกั้นของเพื่อนร่วมชั้นชายที่อยู่ด้านหน้าเท่านั้น แต่ยังมีการล้อมจับของผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านหลังอีกสามคน เธอก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบทันที“บ้าชะมัด!”อวี๋จื่อเสวียนด่าออกมา ในใจรู้สึกเศร้าเล็กน้อยเธอรู้ดีเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตัวเองถึงแม้ว่าเธอจะเข้าสู่สำนักของนักบู๊แล้ว แต่มันก็เป็นเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ลมปราณภายในร่างกายก็ไม่เพียงพอ เพราะอย่างนั้นจึงไม่สามารถเอาชนะผู้ชายจำนวนมากขนาดนี้ได้เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแสบร้อนบนใบหน้า ทันใดนั้นก็เปลี่ยนทิศทางทันที ก่อนจะพุ่งไปทางติงเสี่ยวเจินในเมื่อไปไม่ถึงหลงเสี่ยวจวิ้น ถ้าอย่างนั้นก็แก้แค้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน!“อ๊ะ!”ในขณะที่ติงเสี่ยวเจินมีสีหน้าที่ดูหวาดกลัว อวี๋จ
“หึ”หลินเฟิงส่งเสียงต่ำออกมาอย่างเย็นชา แล้วฝีเท้าก็เริ่มเลือนลางในทันที จนไม่สามารถที่จะมองได้ด้วยตาเปล่าและร่างของตัวเขาที่เหมือนกับภาพหลอน ก็หายไปต่อหน้าพวกอันธพาล“หืม? ไปไหนแล้ว? ทำไมถึงไม่เห็นอะไรเลย?!”“เขาไปไหนแล้ว?!”กลุ่มอันธพาลก็เหมือนกับแมลงวันไร้หัว ที่มองหาหลินเฟิงไปทุกที่ แต่ทว่าหลินเฟิงปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขาตั้งนานแล้วหลินเฟิงรีบยื่นนิ้วออกไปอย่างรวดเร็วมีเสียง“เปรี๊ยะ” ดังขึ้น กระแสพลังชี่แท้ที่ลอยออกมาจากปลายนิ้วของหลินเฟิง อันธพาลเหล่านี้ที่ถูกโจมตี ก็ส่งเสียงร้องก่อนจะล้มลงชักอยู่กับพื้นเส้นเลือดใหญ่ในร่างกายของพวกเขา ถูกตัดออกโดยพลังชี่แท้ของหลินเฟิงไม่ถึงสิบวันหรือครึ่งเดือน พวกเขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกอันธพาลสิบกว่าคน ทั้งหมดถูกหลินเฟิงจัดการภายในเวลาไม่ถึงนาทีเหลือเพียงอันธพาลฟันเหยินที่คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัวจากนั้น หลินเฟิงก็ไม่เสียเวลา รีบหันไปทางอวี๋จื่อเสวียนอย่างรวดเร็วในเวลานี้ อวี๋จื่อเสวียนที่ถูกคนเอาชนะ และถูกผู้คุ้มกันกดลงกับพื้น แม้แต่ใบหน้าเล็กนั้นก็ยังเต็มไปด้วยเลือดแต่เธอยังคงไม่ยอมแพ้ และพยายามตอบโต้ก
คนที่ยืนอยู่ขวางหน้าผู้ชายคนนี้ ก็คือหลินเฟิงที่รออยู่ตรงนี้มานานแล้วเขาหิ้วปีกผู้ชายคนนี้ขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ ก่อนจะตบหน้าสองครั้ง แล้วโยนกลับไปอย่างไม่เกรงใจ“คุกเข่า ขอโทษ!”หลินเฟิงยืนอยู่ตรงหน้าหลงเสี่ยวจวิ๋นที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ความโกรธที่อยู่ในคำพูดทำให้นักเรียนชายที่อยู่ที่นั่นหวาดกลัวจนตัวสั่น“ขอ....ขอโทษ จื่อเสวียน พวกเราก็ฟังคำสั่งของหลงเสี่ยวจวิ้นเหมือนกัน ขอโทษ ขอโทษ...”เด็กผู้ชายที่ลงมือกับจื่อเสวียนเมื่อครู่ และพวกผู้คุ้มกันที่หลงเสี่ยวจิ้นเรียกมา ต่างก็ทยอยคุกเข่าลงตรงหน้าของจื่อเสวียน แล้วก้มหัวขอความเมตตาอย่างต่อเนื่องฉากนี้อลังการอย่างมากเจ้าของบาร์อยากจะออกมาพูดอะไรสักหน่อย แต่เมื่อเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นก็ถอยกลับไปที่เคาน์เตอร์บาร์ด้วยความหวาดกลัวเขาก้มหน้าลง แล้วกดหมายเลขโทรศัพท์“ฮัลโหล? ท่านเฮยอวู่ใช่ไหม? มีคนก่อเรื่องในอาณาเขตของคุณ ใช่ใช่ใช่ คุณรีบมาดูเร็ว ๆเถอะ!”“ทำไม? นายไม่ยอมแพ้งั้นเหรอ?” คนที่เพิ่งลงมือกับอวี๋จื่อเสวียน ต่างก็ก้มหน้าให้กับอวี๋จื่อเสวียนและสารภาพผิดแต่ในฐานะคนกระทำผิดอย่างหลงเสี่ยวจวิ๋น แต่ก็กัดฟันและกำหมัดแน่น โดยที่
สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงถอนหายใจ“ต่อไปมาสถานที่แบบนี้ให้น้อยๆ หน่อย”“อืม”อวี๋จื่อเสวียนตอบรับก่อน จากนั้นก็มองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานที่มาช่วยประคองเธอ และพูดด้วยรอยยิ้มอย่างจนปัญญาว่า:“เดิมทีอยากจะให้ป้าได้ดูการแสดงของพวกเรา แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะออกมาเป็นแบบนี้”“เอาเถอะ เธอไม่ต้องพูดแล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานเช็ดเลือดบนใบหน้าของอวี๋จื่อเสวียนด้วยท่าทางที่จนปัญญา“พวกเราไปกันเถอะ”หลินเฟิงเหลือบมองที่เกิดเหตุ ก่อนจะพยักหน้าให้กับเหยาหลินหลินที่เป็นเพื่อนสนิทของอวี๋จื่อเสวียน จากนั้นก็เดินไปจากที่นี่“ใครให้พวกแกออกไป?!”ในขณะที่นี้ ก็มีเสียงคำรามที่ดังขึ้นมาจากทางประตูด้านหลังของบาร์เห็นเพียงชายร่างกำยำที่สวมเสื้อกั๊กสีดำ สูงประมาณสองเมตร พาคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากประตูด้านหลังเมื่อเจ้าของบาร์เห็นบุคคลนี้ ก็รีบทำความเคารพ“ท่านเฮยอวู่ คุณมาแล้ว..”“อืม”ชายวันกลางคนที่ถูกเรียกว่าท่านเฮยอวู่พยักหน้า จากนั้นก็มองไปทางบาร์ที่เกิดเรื่องที่ยังคงวุ่นวายอยู่รอบ ๆ แล้วก็มองไปที่หลินเฟิง ก่อนจะพูดว่า “ก่อเรื่องที่บาร์ของฉัน แล้วจะออกไปโดยที่ไม่จ่ายค่าเสียหายให้พวกเราไว้จัดการกับปัญ
“หลินเฟิง....”เมื่อเห็นว่าท่านเฮยอวู่กำลังเล็งเป้ามาที่ตัวเองแล้ว หลี่ฮุ่ยหรานก็ขมวดคิ้วขึ้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ยอมให้หลินเฟิงไปขัดแย้งกับคนอื่น แต่ก็ไม่คิดจะขึ้นเรือโจรสลัดของท่านเฮยอวู่อย่างแน่นอน“ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้ผมจัดการเอง”หลินเฟิงพยักหน้า“ยังไง? อาจารย์หลิน จะออกไปสู้งั้นเหรอ?”อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้สงสัยในความแข็งแกร่งของหลินเฟิง กลับกัน แม้ว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บในเวลานี้ แต่ก็กระตือรือร้นที่ที่อยากจะลงมือและเมื่อลูกน้องของท่านเฮยอวู่ที่อยู่โดยรอบ ได้ยินคำพูดของอวี๋จื่อเสวียน ทันใดนั้นก็เข้ามาล้อมรอบทันที“ทำเป็นเล่น”หลินเฟิงตบหัวของอวี๋จื่อเสวียน ก่อนจะพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้“เธอยังสร้างความวุ่นวายให้ฉันไม่มากพออีกหรือไง?” “ถ้าอย่างงั้นพวกเราจะทำยังไง? ฉันดูท่าทางของผู้ชายคนนั้นเหมือนจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆนะ”อวี๋จื่อเสวียนเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ“พ่อ....พ่อ!”และตอนนี้เองชายหนุ่มหัวล้านที่เพิ่งจะถูกหลินเฟิงถีบออกไป และหมดสติไปอยู่บนโต๊ะสักพัก ก่อนจะฟื้นขึ้นมา เขาเหลือ
“คุณสามารถโทรศัพท์ไปยืนยันกับตระกูลซือหม่าในตอนนี้ดูได้ ถามเขาว่ารู้จักคนที่ชื่อหลินเฟิงไหม”ได้ยินน้ำเสียงที่สงบนิ่งของหลินเฟิงแบบนี้ ในใจของท่านเฮยอวู่ก็เกิดความระแวงขึ้นมาเขาท่านเฮยอวู่อยู่ที่ตระกูลซือหม่าอย่างมากก็มีแค่บาทเล็กๆ ที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไร เป็นไปได้อย่างไรที่จะล่วงเกินบริวารโจวบริวารโจวเป็นบริวารใหญ่ที่มีสิทธิ์มีเสียงเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้นำตระกูล เป็นคนระดับสูงที่ตระกูลซือหม่าให้ความสำคัญอย่างมากถ้าหากล่วงเกินเพื่อนของบริวารโจว ต่อให้เขามีหลายชีวิตก็ไม่พอให้ตายด้วยซ้ำคิดถึงตรงนี้ ท่านเฮยอวู่ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋า เหลือบมองหลินเฟิงด้วยความระแวง“ถ้าหากให้ฉันรู้ว่านายกล้าหลอกฉัน งั้นนายต้องตายแน่นอน!”พูดประโยคข่มขู่นี้เสร็จ ท่านเฮยอวู่ก็กดโทรศัพท์โทรไปหาตระกูลซือหม่า“ใช่ใช่ใช่ ผมคือเฮยอวู่ ช่วยผมติดต่อบริวารโจวหน่อยครับ ไม่ใช่ ผมมีธุระต้องการติดต่อเขา เพื่อนของบริวารโจว...”รออยู่ครู่หนึ่ง ถึงขั้นที่อวี๋จื่อเสวียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ท่านเฮยอวู่ถึงได้วางสายโทรศัพท์ท่านเฮยอวู่ที่วางสาย นิ่งอึ้งครู่หนึ่ง ท่าทางตื่นตระหนกเล็กน้อยสุดท้าย เขาหันหน้าม
“ทางผ่านแวะไปโรงพยาบาลสักหน่อยเถอะ”หลินเฟิงขับรถ เหลือบมองอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่เบาะหลัง“เอ้ยเอ้ยเอ้ย อาจารย์หลิน คุณมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลซือหม่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้สนใจบาดแผลบนตัวของเธอ กลับถามนู่นถามนี่ต่อหลินเฟิงด้วยความอยากรู้ ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรานไม่ให้เธอขยับเขยื้อนซี้ซั้ว เธอก็อยู่นิ่งไม่ได้“ก็แค่มีคนในตระกูลซือหม่าเป็นคนไข้ของฉันก็เท่านั้นเอง”คำตอบของหลินเฟิงทำให้อวี๋จื่อเสวียนผิวปากออกมา“ว้าว เจ๋งมากเลย อาจารย์หลิน ไม่สู้ต่อไปฉันอย่าเรียนศิลปะการต่อสู้กับคุณเลย เปลี่ยนไปเรียนวิชาแพทย์เถอะ!”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของอวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงพูดตอบโต้กลับโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่นิด:“ไม่สู้เธอตั้งใจเรียนให้ดีก่อน เรียนวิชาแพทย์ต้องมีความรู้เฉพาะทางที่ค่อนข้างแน่นหนา เธอไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง จะเรียนเข้าใจได้ยังไง?”“หึ ก็แค่คุณไม่อยากสอนฉันก็เท่านั้นแหละ”อวี๋จื่อเสวียนกอดอกด้วยความคับแค้นใจ“ได้ งั้นฉันสอนเธอ ท่องจำสมุนไพรยาหนึ่งหมื่นชนิดก่อน จากนั้นเภสัชศาสตร์ของสมุนไพรยาแต่ละชนิด ปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน อีกทั้งผลลัพธ์ของการรวมกัน”หลินเฟิงเพียงแค่พู
“เรื่องเล็กน้อย...ไม่ต้องเป็นกังวล”หลินเฟิงไม่ได้เลือกบอกหลี่ฮุ่ยหราน เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะเป็นกังวล ในเมื่ออาอวี๋ปฏิบัติต่อหลี่ฮุ่ยหรานอย่างดี“อือ”เห็นหลินเฟิงไม่ยอมพูด หลี่ฮุ่ยหรานก็ไม่ได้บังคับหลินเฟิง แต่ทำเพียงแค่พยักหน้าพูดว่า:“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็กลับไปที่ชุมชนกลางเมืองก่อน ต้องรักษาความปลอดภัยด้วยนะ”“ผมรู้แล้วครับ คุณไปเถอะ”เมื่อส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไป หลินเฟิงถึงได้ควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้สงบลง จากนั้นกำหมัดแน่นเดินทางไปห้องผ่าตัดบาดแผลที่อาอวี๋ได้รับนั้นรุนแรงอย่างมากถึงขั้นที่รุนแรงจนหลินเฟิงเห็นในแวบแรกก็ยังจำอาอวี๋ไม่ได้นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคนอื่นกระทืบมาอย่างดุเดือด อีกทั้งไม่ใช่การกระทืบที่ดุเดือดทั่วไป อาจจะถูกทรมานอย่างรุนแรงด้วยซ้ำ“อาอวี๋...”หลินเฟิงเกิดความรู้สึกทุกข์ใจจากความละอาย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาให้อาอวี๋ช่วยไปส่งยาให้เขา เช่นนั้นอาอวี๋ไม่มีทางพบเจอกับเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอนสำหรับเรื่องที่ใครเป็นคนทำร้ายอาอวี๋จนสภาพเป็นแบบนี้ ลึกๆ ในใจของหลินเฟิงพอจะคาดเดาได้แล้ว“ซือหม่าเหวิน...”สายตาของเขาเผยความดุร้ายรุนแรงออกมา ความโมโหในใจป
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท
รับสมัครพวกแก๊งเขี้ยวเขียวเหล่านี้ หลังจากที่หลินเฟิงจัดแจงพวกเขาให้พักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่งขึ้นรถ บนใบหน้าก็เผยความดิ้นรนที่แปลกประหลาดออกมา“เป็นอะไรไปหลินเฟิง มีตรงไหนผิดปกติงั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามขึ้นมา“ไม่ใช่”หลินเฟิงมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ ทอดถอนใจพูดว่า:“ฉันพูดความจริงกับนายแล้วกัน วันนั้นลูกค้าที่ชื่อคุณฉู่คนนั้นของคุณ อันที่จริงคือมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืด”“อะไรนะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานงุนงง ถึงแม้เธอคิดว่าคุณฉู่คนนั้นจะท่าทางไม่ธรรมดา อีกทั้งดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเบื้องหลัง แต่พูดว่าเป็นมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืดความแตกต่างของสถานะนี้มันมากเกินไปหน่อยแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกคอแห้งผาก มองไปทางหลินเฟิง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก: “ความหมายของคุณก็คือ...หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มเลิกการร่วมมือกับเธองั้นเหรอ?”“ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคร่งขรึมว่า:“เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังสถานะของเธอต่อหน้าผม แต่กลับบอกผมโดยตรงผ่านวิธีบางอย่าง“งั้นเธอ
หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ฉันไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรหรอกนะ เพียงแคร ต่อไปพวกนายห้ามทำความชั่วอีก”หลินเฟิงจับทรงผมโมฮอร์กของจิ่วเทา และสะบัดไปมาจากนั้นพูดว่า:“ตัดผมให้เรียบร้อย ฉันจะส่งคนมารับช่วงต่อ ส่งชุดฟอร์มที่เหมือนกันมาให้พวกนาย นับตั้งแต่วันนี้ พวกนายก็คือสมาชิกหน่วยใต้ดินของหน่วยรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว!”“ฮะ?”จิ่งเทาตั้งตัวไม่ทัน“ฮะอะไรกันล่ะ? หรือว่าพวกนายไม่เต็มใจ?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกอันธพาลเหล่านี้ พวกอันธพาลส่วนหนึ่งในนั้นคุกเข่าให้หลินเฟิงด้วยความซาบซึ้งทันทีในเมื่อการเป็นอันธพาล บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากเป็นจริงๆแต่เป็นเพราะเกิดมาฐานะไม่ดี ไม่มีความรู้อะไร และก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้สู้รบฆ่าฟันแต่ได้ยินข่าวที่พวกเขาถูกบริษัทใหญ่รับจ้าง คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าต่อต้าน แต่ก็มีคนเผยความหวังออกมาเช่นกัน“คือว่า…หัวหน้าหลิน มี…มีเงินเดินไหม?”อันธพาลคนหนึ่งถามขึ้นกล้าๆ กลัวๆ“พูดไร้สาระ ประกันสังคม 5 รายการ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 รายการ แล้วยังมีเงินเบี้ยเลี้ยง เงินค่าอาหาร หรือถ้าพวกนายอยากคลอดลูกข ก
หลินเฟิงคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า : ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันมีเงื่อนไขในการ่วมมืออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะยอมฟังหรือเปล่า?” “ เงื่อนไขอะไร?”ท่านจิ่วตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยแสงแห่งความหวังที่ผุดขึ้นในใจหากไม่ต้องออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ พวกเขาก็คงไม่อยากออกไปอย่างแน่นอน“ฉันจะจัดการแก๊งอีกสองแก๊งให้พวกนาย ทำให้พวกนายยังอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อต่อไปได้”“แน่นอน เงื่อนไขก็คือพวกนายจะต้องยอมเชื่อฟังหลี่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งก็คือ....”หลินเฟิงชี้ไปที่หลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดอย่างยิ้ม ๆว่า :“คนนี้ ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่”“อ่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนอันธพาลที่อยู่โยรอบ รวมถึงท่านจิ่วต่างก็รู้สึกสับสน“ทำไม? พวกนายไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้วอย่างจงใจ“ยอมสิ ยอมแน่นอน เพื่อนและครอบครัวของพวกพี่น้องหลายๆ คนของพวกเราต่างก็อยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ เว้นแต่ไม่มีทางเลือก พวกเราก็ไม่ยอมออกไปจากเมืองเจิ้งเต๋อหรอก เพียงแต่...”ท่านจิ่วรู้สึกลำบากใจ“เพียงแต่อะไร?”“เพียงแต่....”ท่านจิ่วจ้องมองไปที่หลินเฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆเขาก็อยากจะพูดว
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ