“ทางผ่านแวะไปโรงพยาบาลสักหน่อยเถอะ”หลินเฟิงขับรถ เหลือบมองอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่เบาะหลัง“เอ้ยเอ้ยเอ้ย อาจารย์หลิน คุณมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลซือหม่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้สนใจบาดแผลบนตัวของเธอ กลับถามนู่นถามนี่ต่อหลินเฟิงด้วยความอยากรู้ ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรานไม่ให้เธอขยับเขยื้อนซี้ซั้ว เธอก็อยู่นิ่งไม่ได้“ก็แค่มีคนในตระกูลซือหม่าเป็นคนไข้ของฉันก็เท่านั้นเอง”คำตอบของหลินเฟิงทำให้อวี๋จื่อเสวียนผิวปากออกมา“ว้าว เจ๋งมากเลย อาจารย์หลิน ไม่สู้ต่อไปฉันอย่าเรียนศิลปะการต่อสู้กับคุณเลย เปลี่ยนไปเรียนวิชาแพทย์เถอะ!”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของอวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงพูดตอบโต้กลับโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่นิด:“ไม่สู้เธอตั้งใจเรียนให้ดีก่อน เรียนวิชาแพทย์ต้องมีความรู้เฉพาะทางที่ค่อนข้างแน่นหนา เธอไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง จะเรียนเข้าใจได้ยังไง?”“หึ ก็แค่คุณไม่อยากสอนฉันก็เท่านั้นแหละ”อวี๋จื่อเสวียนกอดอกด้วยความคับแค้นใจ“ได้ งั้นฉันสอนเธอ ท่องจำสมุนไพรยาหนึ่งหมื่นชนิดก่อน จากนั้นเภสัชศาสตร์ของสมุนไพรยาแต่ละชนิด ปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน อีกทั้งผลลัพธ์ของการรวมกัน”หลินเฟิงเพียงแค่พู
“เรื่องเล็กน้อย...ไม่ต้องเป็นกังวล”หลินเฟิงไม่ได้เลือกบอกหลี่ฮุ่ยหราน เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะเป็นกังวล ในเมื่ออาอวี๋ปฏิบัติต่อหลี่ฮุ่ยหรานอย่างดี“อือ”เห็นหลินเฟิงไม่ยอมพูด หลี่ฮุ่ยหรานก็ไม่ได้บังคับหลินเฟิง แต่ทำเพียงแค่พยักหน้าพูดว่า:“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็กลับไปที่ชุมชนกลางเมืองก่อน ต้องรักษาความปลอดภัยด้วยนะ”“ผมรู้แล้วครับ คุณไปเถอะ”เมื่อส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไป หลินเฟิงถึงได้ควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้สงบลง จากนั้นกำหมัดแน่นเดินทางไปห้องผ่าตัดบาดแผลที่อาอวี๋ได้รับนั้นรุนแรงอย่างมากถึงขั้นที่รุนแรงจนหลินเฟิงเห็นในแวบแรกก็ยังจำอาอวี๋ไม่ได้นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคนอื่นกระทืบมาอย่างดุเดือด อีกทั้งไม่ใช่การกระทืบที่ดุเดือดทั่วไป อาจจะถูกทรมานอย่างรุนแรงด้วยซ้ำ“อาอวี๋...”หลินเฟิงเกิดความรู้สึกทุกข์ใจจากความละอาย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาให้อาอวี๋ช่วยไปส่งยาให้เขา เช่นนั้นอาอวี๋ไม่มีทางพบเจอกับเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอนสำหรับเรื่องที่ใครเป็นคนทำร้ายอาอวี๋จนสภาพเป็นแบบนี้ ลึกๆ ในใจของหลินเฟิงพอจะคาดเดาได้แล้ว“ซือหม่าเหวิน...”สายตาของเขาเผยความดุร้ายรุนแรงออกมา ความโมโหในใจป
“โครม!”ในตอนนี้เอง หลินเฟิงได้มาถึงหน้าห้องผ่าตัดแล้ว เขาถีบประตูของห้องผ่าตัดจนเปิดออก“หือ? คุณเป็นใคร? คุณจะทำอะไร?!”ภายในห้องผ่าตัด หมอเจ็ดแปดคนพากันลุกขึ้นยืน มองไปทางหลินเฟิงด้วยความตกตะลึง“หมอ พวกคุณมีความมั่นใจมากแค่ไหนที่จะรักษาผู้ป่วยคนนี้ให้หาย?”หลินเฟิงเข้ามาข้างใน ไม่ได้พูดอย่างอื่น แต่ยืนอยู่ที่เดิม มองหมอผ่าตัดหลักที่อยู่ใกล้ๆ เตียงผ่าตัดด้วยความเย็นชา“นี่...”หมอผ่าตัดนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง มีความลังเลเล็กน้อยผู้ชายที่อยู่บนเตียงผ่าตัดคนนี้ถึงแม้จะบาดเจ็บหนัก แต่ยังไม่ถึงกับชีวิตของเขาดูท่าคนที่ทำให้เขาบาดเจ็บ ลงมือได้อย่างพิถีพิถันมากเขารู้ว่าต่อยตีอย่างไรสามารถทำให้คนเกิดความเจ็บปวดมากที่สุด แต่ไม่ส่งผลต่อชีวิตของเขาพูดอีกอย่างคือ ผู้ชายที่อยู่บนเตียงผ่าตัด ถูกทรมานจนมีสภาพแบบนี้ เขาก็ยังไม่ได้มีอันตรายต่อชีวิตอะไรแต่พูดกลับมาอีก เขาอยากกลับไปมีสภาพเหมือนกับก่อนหน้านี้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็ได้แต่ฝันผ่านการทรมานแบบนี้ ร่างกายของเขาเกิดโรคข้างเคียงที่ร้ายแรงขึ้นแล้ว หนึ่งในอันดับแรก ก็คือกระดูกหน้าแข้งถูกคนตีจนแตกละเอียดโดยตรง ชีวิตต่อจากนี้ไปเกรงว่าต้องน
ถึงแม้เสื้อผ้าบนตัวของพวกเขาจะเป็นชุดรปภ. แต่คำพูดคำจาไม่สุภาพ เห็นได้ชัดว่าเป็นอันธพาลที่รับสมัครมาจากที่ไหนก็ไม่รู้“ฉันให้เวลาพวกนายห้าวินาที”หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองไปทางรปภ. สิบกว่าคนที่พุ่งเข้ามา จึงพูดอย่างนิ่งเฉยว่า: “ภายในห้านาที ไสหัวออกไปซะให้หมด ไม่อย่างนั้นอย่าโทษที่ฉันไม่เกรงใจพวกนาย”“แม่ง อวดดีจังเลยนะ!”พูดกันไม่รู้เรื่อง รปภ. ที่นำหน้ามายกกระบองไฟฟ้าขึ้นโดยตรง โผเข้าไปทางหลินเฟิง“หึ”เวลาค่อนข้างกระชั้นชิดอาอวี๋ที่อยู่ข้างหลังยังนอนส่งเสียงร้องครวญครางอยู่บนเตียงผ่าตัด ต้องรับการรักษาอย่างด่วน หลินเฟิงไม่ว่างมาเสียเวลากับพวกอันธพาลเหล่านี้หลินเฟิงพุ่งเข้าไปโดยตรง สันมือฟาดลงไป จึงทำให้รปภ. ที่พุ่งเข้ามาอยู่ตรงด้านหน้าสุดกลิ้งล้มลงบนพื้น และกลอกตามองบน“เปรี้ยะเปรี้ยะเปรี้ยะ...”หลินเฟิงแย่งกระบองไฟฟ้าที่อยู่ในมือของเขามา กดลงบนร่างกายของคนที่สอง รปภ. คนที่สองนี้ถูกช็อตจนตัวกระตุก ควันดำลอยออกมาโดยตรง“ไสหัวไป!”หลินเฟิงตวาดเสียงต่ำ เตะรปภ. คนนี้ออกไป ทันใดนั้นเขาก็ชนเข้ากับรปภ. ที่เรียงแถวกันอยู่เมื่อเห็นว่ารปภ. เหล่านี้ยังจะเข้ามาอีก หลินเฟิงก็ไม
“สุดท้ายทำได้แค่พึ่งพาการแพทย์แผนตะวันตก เอาเนื้อเยื่อที่ตายแล้วออก และเย็บแผล…”“การแพทย์แผนโบราณประเทศมังกร หึ เป็นแค่เรื่องหลอกลวงเท่านั้นเอง”คำพูดของหมอโจวได้รับการพยักหน้าเห็นด้วยจากหมอคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างเห็นได้ชัด“ไม่พูดเรื่องอื่นแล้ว พวกเรารอดูกันก่อนเถอะ”หัวหน้าเจี่ยงขมวดคิ้ว “พวกเรารอดูสิ ไอ้หมอนั่นจะทำอะไรกันแน่”“หึ เดาว่าเป็นศัตรูละมั้ง สภาพขนาดนั้นแล้วยังจะมาแก้แค้น น่าสงสารจริงๆ”หมอโจวส่ายหน้าและเดาะลิ้นภายในห้องผ่าตัดหลินเฟิงนำเข็มเงินออกมา วางไว้ที่ด้านข้างเตียงผ่าตัดของอาอวี๋วินาทีนี้เขาอยู่ใกล้อาอวี๋ถึงขนาดนี้ ถึงได้เห็นอย่างแท้จริงแล้วว่าอาอวี๋ได้รับบาดเจ็บรุนแรงขนาดไหนกันไม่เพียงใบหน้าถูกตีจนน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้ ทำให้คนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้กระดูกซี่โครงก็หักจนแทบทั้งหมด แขน ขา แทบจะไม่มีส่วนไหนที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่เอ็นร้อยหวายก็ถูกคนแยกออกจากกันนี่มันน่าอนาถเกินไปแล้วหลินเฟิงถึงขั้นที่ทนดูต่อไปไม่ได้อีก อยากจะมุ่งหน้าไปที่ตระกูลซือหม่า เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับอาอวี๋แต่เขาทำแบบนี้ไม่ได้อย่างน้อยก่อนหน้าที
เขากับบริวารโจวอยู่ในตระกูลซือหม่า ในเวลาปกตินั้นไม่ถูกกันเท่าไหร่เพียงแค่ตำแหน่งของบริวารโจวสูงกว่าเขา ดังนั้นเขาถึงได้อยุ่ต่ำกว่าบริวารโจวเล็กน้อย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวบริวารโจววันนี้หลินเฟิงกลับกล้ามาก่อเรื่องที่โรงพยาบาลของตระกูลซือหม่า นี่เป็นการหักหน้าตระกูลซือหม่าอย่างชัดเจนถ้าหากตอนนี้เขาฆ่าหลินเฟิง คิดว่าบริวารโจวคนนั้นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้คิดถึงตรงนี้ บริวารเหลียงก็ก้าวเดินเข้ามา และพูดกับภายในห้องผ่าตัดว่า:“หลินเฟิง ผมจำกัดเวลาให้คุณภายในหาวินาที เปิดประตูให้ผมซะดีๆ จากนั้นก้มกราบยอมรับผิดต่อตระกูลซือหม่าของผมซะ!”“ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมจะเด็ดชีวิตต่ำๆ ของคุณในฐานะตัวแทนตระกูลซือหม่าเป็นแน่!”“หึ...”หลินเฟิงได้ยินแล้วแต่เขาเพียงแค่เหลือบตามองบริวารเหลียงด้วยความเหยียดหยาม และทำการรักษาของตัวเองต่อไปในที่สุดอาอวี๋ก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาในตอนที่เขาเห็นหลินเฟิงแวบแรก ความกระวนกระวายในดวงตาถึงได้หายไป และเผยความรู้สึกผิดที่มากมายออกมา“ขอโทษด้วยครับ คุณ...คุณหลิน เรื่องที่คุณไหว้วานผม ผม...ผมทำไม่สำเร็จ...”“นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”“ใครเป็นคนกระทื
“อ๊ะ?”อาอวี๋คิดไม่ถึงว่าบอดี้การ์ดเฝ้าประตูของตระกูลซือหม่าจะกำเริบเสิบสานถึงขนาดนี้เขาเพียงแค่นำยามาส่งเท่านั้น กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกกลั่นแกล้งแบบนี้ให้เขาคิดชื่อของศูนย์การแพทย์ศูนย์การแพทย์ที่เขารู้จักก็มีจำนวนมาก แต่การปฏิบัติตัวจะต้องมีท่าทางที่ซื่อสัตย์ เขายังคงยิ้มอย่างสุภาพ:“ยานี้เป็นยาที่คุณหลินจ่ายให้กับบริวารโจว ถ้าหากคุณไม่เชื่อ สามารถไปหาบริวารโจวเพื่อยืนยันดูได้ ผมจะกล้าโกหกได้ยังไง?”น่าเสียดายคนบางคนเมื่อเห็นอีกฝ่ายให้เกียรติตัวเองก็ไม่สนใจพวกเขาไม่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าความใจเย็นและคุณสมบัติเนื้อแท้ รู้จักแต่รังแกผู้อ่อนแอ“เอ๊ะไอ้แก่คนนี้ ในหัวของนายมีขนลาอุดอยู่รึไง? เมื่อครู่ฉันพูดไว้แล้ว ฉันที่มีบทบาทเล็กๆ แบบนี้ไม่คู่ควรที่จะติดต่อบริวารโจว”“ถ้าหากนายตั้งใจมาสร้างความวุ่นวาย ฉันไปติดต่อบริวารโจว งั้นฉันไม่ตายเลยเหรอ?”“รีบไสหัวไปซะ ถ้าหากนายมาส่งยาให้บริวารโจวจริงๆ งั้นก็ติดต่อบริวารโจว ให้เขาออกคำสั่งแจ้งให้นายเข้าไป ไม่อย่างนั้นก็ไสหัวไป!”หลังจากพูดประโยคสุดท้ายออกมา บอดี้การ์ดคนนี้ก็ลุกขึ้น ผลักอาอวี๋ล้มลงบนพื้น“คุณ...”อาอวี๋ถูกท่าทาง
ซือหม่าเหวินที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังรถหรูครุ่นคิดเล็กน้อย ในใจก็ปรากฏใบหน้าของคนที่นามสกุลหลินขึ้นมากะทันหันสีหน้าเย็นชาทันทีพอดีกับที่เวลานี้อาอวี๋เห็นรถหรูที่ขับเข้ามา และซือหม่าเหวินที่นั่งอยู่ตรงด้านหลังของรถหรู และยังมีบอดี้การ์ดที่ประจบประแจงอย่างไม่รู้สึกละอายเขาเข้าใจได้ทันที คนที่อยู่ในรถหรูต้องเป็นบุคคลใหญ่โตที่มีอำนาจในตระกูลซือหม่าอย่างแน่นอนถ้าหากบุคคลใหญ่โตแบบนี้ น่าจะสามารถช่วยเหลือเขาได้ดังนั้นเขาจึงขยับเข้าไปทำการแสดงความเคาพรก่อนด้วยท่าทางเป็นกังวล มองไปทางวัยรุ่นที่อยู่ในรถหรู จากนั้นพูดด้วยท่าทางระมัดระวัง:“คุณ...คุณชายซือหม่า ผมเป็นคนที่มาส่งยาให้บริวารโจว แต่สหายน้อยท่านนี้กลับไม่ให้ผมเข้าไป ตอนนี้ผมไม่สามารถติดต่อบริวารโจวได้ชั่วคราว ดังนั้นรบกวนคุณ...”“สารเลว!”บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆ ตะโกนด่าทอเสียงดังพูดว่า: “ไอ้แก่ แกอยากให้คุณชายซือหม่าเหวินเป็นคนวิ่งเต้นให้แกงั้นเหรอ? แกนับประสาอะไรกัน!”“ไม่ไม่ไม่ ผมไม่ได้คิดแบบนี้อยู่แล้วครับ”อาอวี๋โบกมือพูดด้วยความหวาดกลัว:“ของที่อยู่ในมือผมคือยา ในเมื่อเป็นยา คิดว่าบริวารโจวต้องการด่วนแน่ๆ นำไปส่งให
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท
รับสมัครพวกแก๊งเขี้ยวเขียวเหล่านี้ หลังจากที่หลินเฟิงจัดแจงพวกเขาให้พักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่งขึ้นรถ บนใบหน้าก็เผยความดิ้นรนที่แปลกประหลาดออกมา“เป็นอะไรไปหลินเฟิง มีตรงไหนผิดปกติงั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามขึ้นมา“ไม่ใช่”หลินเฟิงมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ ทอดถอนใจพูดว่า:“ฉันพูดความจริงกับนายแล้วกัน วันนั้นลูกค้าที่ชื่อคุณฉู่คนนั้นของคุณ อันที่จริงคือมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืด”“อะไรนะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานงุนงง ถึงแม้เธอคิดว่าคุณฉู่คนนั้นจะท่าทางไม่ธรรมดา อีกทั้งดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเบื้องหลัง แต่พูดว่าเป็นมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืดความแตกต่างของสถานะนี้มันมากเกินไปหน่อยแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกคอแห้งผาก มองไปทางหลินเฟิง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก: “ความหมายของคุณก็คือ...หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มเลิกการร่วมมือกับเธองั้นเหรอ?”“ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคร่งขรึมว่า:“เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังสถานะของเธอต่อหน้าผม แต่กลับบอกผมโดยตรงผ่านวิธีบางอย่าง“งั้นเธอ
หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ฉันไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรหรอกนะ เพียงแคร ต่อไปพวกนายห้ามทำความชั่วอีก”หลินเฟิงจับทรงผมโมฮอร์กของจิ่วเทา และสะบัดไปมาจากนั้นพูดว่า:“ตัดผมให้เรียบร้อย ฉันจะส่งคนมารับช่วงต่อ ส่งชุดฟอร์มที่เหมือนกันมาให้พวกนาย นับตั้งแต่วันนี้ พวกนายก็คือสมาชิกหน่วยใต้ดินของหน่วยรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว!”“ฮะ?”จิ่งเทาตั้งตัวไม่ทัน“ฮะอะไรกันล่ะ? หรือว่าพวกนายไม่เต็มใจ?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกอันธพาลเหล่านี้ พวกอันธพาลส่วนหนึ่งในนั้นคุกเข่าให้หลินเฟิงด้วยความซาบซึ้งทันทีในเมื่อการเป็นอันธพาล บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากเป็นจริงๆแต่เป็นเพราะเกิดมาฐานะไม่ดี ไม่มีความรู้อะไร และก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้สู้รบฆ่าฟันแต่ได้ยินข่าวที่พวกเขาถูกบริษัทใหญ่รับจ้าง คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าต่อต้าน แต่ก็มีคนเผยความหวังออกมาเช่นกัน“คือว่า…หัวหน้าหลิน มี…มีเงินเดินไหม?”อันธพาลคนหนึ่งถามขึ้นกล้าๆ กลัวๆ“พูดไร้สาระ ประกันสังคม 5 รายการ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 รายการ แล้วยังมีเงินเบี้ยเลี้ยง เงินค่าอาหาร หรือถ้าพวกนายอยากคลอดลูกข ก
หลินเฟิงคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า : ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันมีเงื่อนไขในการ่วมมืออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะยอมฟังหรือเปล่า?” “ เงื่อนไขอะไร?”ท่านจิ่วตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยแสงแห่งความหวังที่ผุดขึ้นในใจหากไม่ต้องออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ พวกเขาก็คงไม่อยากออกไปอย่างแน่นอน“ฉันจะจัดการแก๊งอีกสองแก๊งให้พวกนาย ทำให้พวกนายยังอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อต่อไปได้”“แน่นอน เงื่อนไขก็คือพวกนายจะต้องยอมเชื่อฟังหลี่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งก็คือ....”หลินเฟิงชี้ไปที่หลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดอย่างยิ้ม ๆว่า :“คนนี้ ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่”“อ่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนอันธพาลที่อยู่โยรอบ รวมถึงท่านจิ่วต่างก็รู้สึกสับสน“ทำไม? พวกนายไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้วอย่างจงใจ“ยอมสิ ยอมแน่นอน เพื่อนและครอบครัวของพวกพี่น้องหลายๆ คนของพวกเราต่างก็อยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ เว้นแต่ไม่มีทางเลือก พวกเราก็ไม่ยอมออกไปจากเมืองเจิ้งเต๋อหรอก เพียงแต่...”ท่านจิ่วรู้สึกลำบากใจ“เพียงแต่อะไร?”“เพียงแต่....”ท่านจิ่วจ้องมองไปที่หลินเฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆเขาก็อยากจะพูดว
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ