“ผมอาจจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมคุณหนูหลี่ฮุ่ยหรานถึงเป็นอดีตภรรยาของคุณ แต่ไม่ใช่ภรรยาอีกแล้ว”“หึ....”หลินเฟิงหัวเราะเยาะเย้ย“เอาล่ะ ผมไม่มีเวลามาฟังพวกคุณพูดคุยเรื่องครอบครัวหรอกนะ!”หัวหน้าหัวโล้นชาวเวน่ายืนขึ้น และจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างเย็นชา ในความมืด นัยน์ตาสีแดงทั้งสองข้างดุร้ายราวกับหมาป่า“ไม่อย่างนั้นคุณคิดหาวิธีคืนสมบัติประจำชาติของผมมา หรืออยากจะให้ผมเอาชีวิตของพวกคุณทั้งหมด พวกคุณเลือกเถอะ!”“มีทางเลือกที่สามไหม?”หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าปกติ“ทางเลือกที่สาม?”หัวหน้าหัวโล้นตกตะลึงเล็กน้อย และไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดถึงอะไร“ผมเลือกทางเลือกที่สาม”บรรยากาศรอบตัวหลินเฟิงค่อย ๆเปลี่ยนจากสงบกลายเป็นเยือกเย็น คำพูดที่พูดออกมาก็เหมือนกับน้ำแข็งพันปี ที่จู่ ๆทำให้อุณหภูมิภายในโรงงานลดลงไปหลายองศาในทันที“ตัวเลือกที่สาม คาดไม่ถึงว่าชาวเวน่าที่เข้ามาในประเทศมังกรของเราด้วยความอวดดีแบบนี้และยังลักพาตัวคนประเทศมังกรของเรา พวคุณ กำลังรนหาที่ตาย!”หลินเฟิงส่งเสียงคำรามเสียงต่ำ จนพลังชี่แท้พุ่งพล่านออกมา ทันใดนั้นก็เกิดพายุที่รุนแรงรอบ ๆตัวเข
ตอนนี้หลินเฟิงยังไม่ได้เข้าสู่แดนแปรภาพแต่ด้วยความช่วยเหลือของปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์ หลินเฟิงก็สามารถสัมผัสระดับสูงสุดของแดนแปรภาพได้ชั่วครู่ หรือแม้แต่การใช้พลังวิญญาณชั่วร้ายทั้งหมด ก็เพียงพอที่จะต้านทานระดับสูงสุดของแดนแปรภาพได้ชั่วขณะหนึ่งแถมหัวหน้าชาวเวน่าคนนี้ ก็ยังเป็นแค่ระดับกลางของแดนแปรภาพเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเฟิงที่ใช้กำลังเต็มที่ ก็ยังด้อยกว่าก้าวหนึ่ง “ตายซะเถอะ!”หมัดสีเลือดของหลินเฟิงมาพร้อมกับเสียงคำรามของมังกร ได้ทำลายศิลปะการต่อสู้ของหัวหน้าชาวเวน่าได้ด้วยหมัดเดียว ทั้งยังถือโอกาสทำลายแขนของเขาทั้งหมดไปด้วย“หัวหน้า!”คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นหัวหน้าที่ปกติแข็งแกร่งอย่างมาก โดนหลินเฟิงจัดการได้ในกระบวนท่าเดียว ในใจชาวเวน่าคนอื่น ๆต่างก็หวาดกลัวข
ผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊!เมื่อได้ยินต่างก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่สามารถบาดหมางได้ง่ายๆมันคือการต่อสู้ ที่ยอมถูกจับแต่โดยดี และทำได้ให้หัวหน้าของพวกเขาตัดสินใจเท่านั้น“ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง พวกเราชาวเวน่าไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเริ่มการขัดแย้งกับประเทศมังกรของพวกคุณ ที่พวกเรามาประเทศมังกร เพียงแค่จะค้นหาสมบัติของประจำชาติของประเทศเวน่าของพวกเราจากตลาดมืดในประเทศมังกรของพวกคุณก็เท่านั้น”“เป้าหมายการเดินทางมาที่นี่ของพวกเรา ก็เพื่อหาสมบัติประจำชาติให้เจอ เพราะอย่างนั้นจึงได้ขอให้ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิงเปิดทางให้....”ดูเหมือนว่าหัวหน้าชาวเวน่าคนนี้ คงจะคิดได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังกจากที่เผชิญหน้ากับผู้นำกลุ่มพันธมิตรถ้าไม่อย่างนั้น ด้วยภาษาประเทศมังกรที่แย่ของเขานั้น จะพูดคำพวกนี้ออกมาให้สอดคล้องได้อย่างไร?“สมบัติประจำชาติของพวกคุณ?”หยินหลิงตะลึงงันไปชั่วครู่เธอได้ยินข่าวว่าชาวเวน่าได้ลักพาตัวคนของประเทศมังกรจึงรีบมาที่นี่ แต่คิดไม่ถึงว่ายังจะมีแรงจูงใจแบบนี้อยู่อีกด้วย“ใช่แล้ว คนที่ขายสมบัติประจำชาติ ก็คือพวกเขาเหล่านี้”หัวหน้าของชาวเวน่าชี้ไปที่จางกุ้ยหลานกับหลินเฟิง
“ใช่แล้ว หลินเฟิง คุณยังอยากให้พวกเราเป็นอันตรายอีกงั้นเหรอ?จางซินก็ร้องตะโกนเช่นกัน“หุบปาก!”หลินเฟิงตะโกนอย่างเย็นชา ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งสองคนนี้ ชาวเวน่าพวกนี้จะรู้ร่องรอยของเขาได้อย่างไร?เมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว ประเทศเวน่าทั้งหมดคงจะส่งนักฆ่าและปรมาจารย์ด้านพิษออกไปอย่างต่อเนื่องก็ได้ถึงตอนนั้นจะไม่ใช่แค่หลินเฟิงเท่านั้นทุกคนรอบข้างหลินเฟิง ก็จะต้องพบเจอกับการลอบสังหารและการวางยาพิษอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแววตาของหัวหน้าชาวเวน่าเมื่อครู่นี้ บ่งบอกทุกอย่างไว้หมดแล้วขอเพียงแค่ประเทศมังกรมีตลาดมืด ชาวเวน่าพวกนี้ก็จะไม่กลัวว่าจะหาหลินเฟิงไม่พบเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ความดันเลือดของหลินเฟิงก็เพิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว“ไม่ว่ายังไงก็ตาม วันนี้พวกคุณจะต้องตายอยู่ที่นี่”คำพูดของหลินเฟิงนั้นเย็นชาและเจตนาฆ่าที่พรั่งพรูออกมาอย่างรุนแรงอย่างไรก็ตาม คนแรกสุดที่จะด่าหลินเฟิงนั้น ไม่ใช่ชาวเวน่าแต่เป็นจางกุ้ยหลานที่หงุดหงิดอย่างมาก“หลินเฟิง! ไอ้คนโง่!”“คนเขายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว ทำไมนายยังยืนกรานที่จะฆ่าอีกล่ะ?!”“หรือว่า วันนี้พวกเขาไม่ได้ฆ่าฉันแล้ว นายก็เลยไม่พอใจงั้นเหรอ ต้อ
ทั้งสองคนพยักหน้าไม่หยุดเหมือนกับลูกไก่จิกข้าว“เฮ้อ…”เห็นภาพนี้ จีอวิ๋นเจี๋ยเข้าใจสถานการณ์ของหลินเฟิงทันทีคิดว่าผู้หญิงสองคนนี้ที่ชื่นชอบเกียรติอันจอมปลอม เป็นเพราะหลินเฟิงไม่ได้เปิดเผยเบื้องหลังออกมาภายนอก ถึงถูกพวกเธอดูถูกต่างๆ นานาแต่กลับไม่รู้ว่าเบื้องหลังของหลินเฟิงน่าหวาดกลัวจนถึงขั้นที่แม้แต่จีอวิ๋นเจี๋ยก็ต้องชิดทางไปเขาติดตามใกล้ชิดหลินเฟิงขนาดนี้ด้านหนึ่งเป็นเพราะอยากจะเป็นเพื่อนกับหลินเฟิงจริงๆ อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นเพราะเห็นแกเบื้องหลังและความสามารถของหลินเฟิงเมืองจิง ตระกูลร่ำรวยมีอิทธิพลที่ลึกลับที่สุด และมีน้อยมากที่สุดตระกูลหลิน!เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงถูกจางกุ้ยหลานกับจางซินดึงดูดความสนใจ หัวหน้าของชาวเวน่าก็ต้านกลับทันทีเขารู้ว่าวันนี้หลินเฟิงไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่นอนแต่เมื่อคิดกลับกัน พวกเขาเห็นญาติของศัตรู จะเลิกรากลับไปง่ายๆ ได้อย่างไร?”ติ๊ง!“หัวหน้าชาวเวน่าคนนั้นใช้ตะขอรูปทรงแปลกประหลาดตอนที่ตะขอโจมตีกระทบคอของหลินเฟิงในระยะใกล้ มีเสียงเหล็กดังกระทบกันกลางอากาศ“หึ!”เกราะป้องกันพลังชี่แท้ของหลินเฟิงเกิดประโยชน์อย่างมากเขาไม่ต้อง
“โอกาสดี!”หลินเฟิงคว้าโอกาสไว้ได้ รูปร่างเคลื่อนไหวเร็วราวกับสายฟ้าชาวเวน่าที่ถอยหลังไปยังไม่ทันได้ปล่อยพลังชี่แท้ต่อ ก็เห็นหลินเฟิงปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาด้วยความว่องไว“แย่แล้ว!”ในหัวของเขามีแค่สองคำที่ปรากฏขึ้นทันเวลา หลินเฟิงก็เอาตะขอของหัวหน้าชาวเวน่าแทงเข้าหน้าอกของเขาแล้ว“เอื้อก!”ทันใดนั้นเขาก็ถูกหลินเฟิงกระชากออกมาจากค่ายกลต่อสู้“เติมเต็มช่องโหว่!”หัวหน้าชาวเวน่าที่อยู่ตรงกลางของค่ายกลต่อสู้เห็นภาพนี้ ใดนั้นก็กระวนกระวายจนเหงื่อซึมออกหน้าผาก“หึ ไร้เดียงสา! จะให้โอกาสพวกคุณได้ยังไง?”หลังจากที่หลินเฟิงกระชากชาวเวน่าคนนั้นออกจากค่ายกลต่อสู้ กลับไม่ได้ฆ่าชาวเวน่าคนนั้นในทันที แต่คว้าโอกาสเอาไว้ คนทั้งคนเข้าสู่ใจกลางของค่ายกลต่อสู้“อะไรน่ะ?!”เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงพุ่งเข้ามา หัวหน้าที่ยืนอยู่ตรงกลางสุดนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นดีใจแทบบ้าถูกต้อง ดีใจแทบบ้าถ้าให้พูดว่าทั้งค่ายกลต่อสู้จุดที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ตรงไหนไม่ต้องคิดเลยว่า เป็นจุดตรงกลางศูนย์รวมของพลังชี่แท้ของทุกคนเดิมทีค่ายกลต่อสู้ชุดนี้ก็สร้างมาเพื่อล้อมฆ่าศัตรูหลินเฟิงบุกเข้ามาบุ่มบ่ามแบบนี้ ถือว่า
ถูกต้องคนที่สองที่สามารถใช้ปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์วิชาการต่อสู้วิชานี้ได้นั่นก็คือลูกชายเพียงคนเดียวของราชาหลินแห่งตอนใต้และก็คือหลินชิงเสวียน ลูกศิษย์คนโตของสำนักเสวียนเทียนที่หายสาบสูญไปเมื่อสามปีที่แล้ว “พี่ยัง…ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้หันไปมองสีหน้าของหยินหลิง ตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า“ค่ายกลต่อสู้สามารถทำให้กำลังภายในกับพลังชี่แท้ของพวกคุณทุกคน ไหลเวียนอยู่ในค่ายกลต่อสู้ได้ตามอำเภอใจ แต่ถ้าหาก…”จู่ๆ หลินเฟิงก็หัวเราะเยาะออกมา“ถ้าหากพลังชี่แท้ของผมก็เข้าร่วมกับค่ายกลต่อสู้ของพวกคุณล่ะ?”“อะไรนะ?”“ไม่ เป็นไปไม่ได้!”ชาวเวน่าที่อยู่รอบๆ พากันเผยเผยสีหนาตกตะลึงออกมาแต่จากนั้น พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานสีแดงที่มีพลังมหาศาล พรั่งพรูออกมาจากรอบด้านนั่นคือพลังชั่วร้ายของปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์ของหลินเฟิง ที่บุกรุกเข้าค่ายกลต่อสู้ของพวกเขา โดยอาศัยการโจมตีของพวกเขา“อ้ากกกก!”หลังจากที่ชาวเวน่าคนแรกกุมศีรษะคุกเข่าลงบนพื้นไม่ถึงสองวินาที ก็เป็นคนที่สอง คนที่สาม…เหมือนกับเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ดังนั้นชาวเวน่าที่เข้าร่วมค่ายกลต่
หลังจากที่หัวหน้าชาวเวน่าตายไปไม่ถึงห้านาทีทั่วทั้งโรงงานก็ไม่มีชาวเวน่าที่มีชีวิตอยู่อีกแล้วคนส่วนใหญ่ในกลุ่มพวกเขาเสียชีวิตจากการฆ่าสังหารกันเอง อีกทั้งเสียชีวิตอย่างอนาถ มองดูจางกุ้ยหลานที่อยู่ข้างๆ อ้วกไม่หยุดจางซินก็สีหน้าซีดเซียว ตึงเกร็ง ไม่กล้าพูดจาสักประโยค“พี่…ชิงเสวียน!”ในตอนที่หลินเฟิงยืนอยู่ท่ามกลางกองศพที่เหม็นคาวเลือด เขาได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังกะทันหันรอให้หลินเฟิงหันหน้ามองไปเขาเห็นหญิงสาวที่น้ำตาคลอเบ้าคนหนึ่ง จ้องมองหลินเฟิง เหมือนกับจะระบายความคิดถึงที่มีมาหลายปีผ่านสายตาของตัวเอง“คุณ…คุณจำผิดคนแล้ว”หลินเฟิงก้มหน้าด้วยความเศร้าสลด เงียบขรึมครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้ายิ้มพูดว่า:“ผมชื่อหลินเฟิง ไม่ได้ชื่อหลินชิงเสวียน บ้านของผมอยู่เจียงโจว อ่อใช่ ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง ครั้งที่แล้วที่พวกเราเจอหน้ากันก็คือที่สำนักเสินฉือ คุณคงไม่ลืมใช่ไหม?”หยินหลิงปิดปากของตัวเอง และส่ายหน้าอย่างแรง“พี่! พี่เลิกหลอกฉันได้แล้ว พี่ก็คือพี่ชิงเสวียน พี่เป็นพี่ชิงเสวียนขอฉันตลอดไป!”“พี่ พี่รู้ไหมว่าหลายปีมานี้ฉันตามหาพี่ด้วยความยากลำบากขนาดไหน?!”“พวกเขา
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท
รับสมัครพวกแก๊งเขี้ยวเขียวเหล่านี้ หลังจากที่หลินเฟิงจัดแจงพวกเขาให้พักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่งขึ้นรถ บนใบหน้าก็เผยความดิ้นรนที่แปลกประหลาดออกมา“เป็นอะไรไปหลินเฟิง มีตรงไหนผิดปกติงั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามขึ้นมา“ไม่ใช่”หลินเฟิงมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ ทอดถอนใจพูดว่า:“ฉันพูดความจริงกับนายแล้วกัน วันนั้นลูกค้าที่ชื่อคุณฉู่คนนั้นของคุณ อันที่จริงคือมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืด”“อะไรนะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานงุนงง ถึงแม้เธอคิดว่าคุณฉู่คนนั้นจะท่าทางไม่ธรรมดา อีกทั้งดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเบื้องหลัง แต่พูดว่าเป็นมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืดความแตกต่างของสถานะนี้มันมากเกินไปหน่อยแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกคอแห้งผาก มองไปทางหลินเฟิง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก: “ความหมายของคุณก็คือ...หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มเลิกการร่วมมือกับเธองั้นเหรอ?”“ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคร่งขรึมว่า:“เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังสถานะของเธอต่อหน้าผม แต่กลับบอกผมโดยตรงผ่านวิธีบางอย่าง“งั้นเธอ
หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ฉันไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรหรอกนะ เพียงแคร ต่อไปพวกนายห้ามทำความชั่วอีก”หลินเฟิงจับทรงผมโมฮอร์กของจิ่วเทา และสะบัดไปมาจากนั้นพูดว่า:“ตัดผมให้เรียบร้อย ฉันจะส่งคนมารับช่วงต่อ ส่งชุดฟอร์มที่เหมือนกันมาให้พวกนาย นับตั้งแต่วันนี้ พวกนายก็คือสมาชิกหน่วยใต้ดินของหน่วยรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว!”“ฮะ?”จิ่งเทาตั้งตัวไม่ทัน“ฮะอะไรกันล่ะ? หรือว่าพวกนายไม่เต็มใจ?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกอันธพาลเหล่านี้ พวกอันธพาลส่วนหนึ่งในนั้นคุกเข่าให้หลินเฟิงด้วยความซาบซึ้งทันทีในเมื่อการเป็นอันธพาล บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากเป็นจริงๆแต่เป็นเพราะเกิดมาฐานะไม่ดี ไม่มีความรู้อะไร และก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้สู้รบฆ่าฟันแต่ได้ยินข่าวที่พวกเขาถูกบริษัทใหญ่รับจ้าง คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าต่อต้าน แต่ก็มีคนเผยความหวังออกมาเช่นกัน“คือว่า…หัวหน้าหลิน มี…มีเงินเดินไหม?”อันธพาลคนหนึ่งถามขึ้นกล้าๆ กลัวๆ“พูดไร้สาระ ประกันสังคม 5 รายการ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 รายการ แล้วยังมีเงินเบี้ยเลี้ยง เงินค่าอาหาร หรือถ้าพวกนายอยากคลอดลูกข ก
หลินเฟิงคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า : ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันมีเงื่อนไขในการ่วมมืออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะยอมฟังหรือเปล่า?” “ เงื่อนไขอะไร?”ท่านจิ่วตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยแสงแห่งความหวังที่ผุดขึ้นในใจหากไม่ต้องออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ พวกเขาก็คงไม่อยากออกไปอย่างแน่นอน“ฉันจะจัดการแก๊งอีกสองแก๊งให้พวกนาย ทำให้พวกนายยังอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อต่อไปได้”“แน่นอน เงื่อนไขก็คือพวกนายจะต้องยอมเชื่อฟังหลี่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งก็คือ....”หลินเฟิงชี้ไปที่หลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดอย่างยิ้ม ๆว่า :“คนนี้ ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่”“อ่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนอันธพาลที่อยู่โยรอบ รวมถึงท่านจิ่วต่างก็รู้สึกสับสน“ทำไม? พวกนายไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้วอย่างจงใจ“ยอมสิ ยอมแน่นอน เพื่อนและครอบครัวของพวกพี่น้องหลายๆ คนของพวกเราต่างก็อยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ เว้นแต่ไม่มีทางเลือก พวกเราก็ไม่ยอมออกไปจากเมืองเจิ้งเต๋อหรอก เพียงแต่...”ท่านจิ่วรู้สึกลำบากใจ“เพียงแต่อะไร?”“เพียงแต่....”ท่านจิ่วจ้องมองไปที่หลินเฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆเขาก็อยากจะพูดว
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ