หลินเฟิงได้ยินแบบนี้มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย: “ตระกูลถังเป็นบ้าไปแล้ว นี่ถือเป็นการเสียสละเพื่อการทำงานด้วย เสียแขนข้างหนึ่งก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ยังต้องการที่จะฆ่าอีกเหรอ?”หลานเฟยได้ยินแบบนี้ก็กัดฟัน: “นั่นไม่ใช่ทั้งหมด แต่ถังอวิ๋นเฟิงบังคับให้ฉันทําตามเขา แต่ฉันไม่ยอม……จึงลงมือตีเขา……เขาจึงต้องการฆ่าฉัน”หลินเฟิงโกรธมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้: “ถังอวิ๋นเฟิงเขาเป็นอะไรกันแน่”“ถังหว่านรู้เรื่องนี้ไหม?”“คุณถังยังไม่รู้เรื่องนี้ ฉันหนีมาที่นี่ ยังไม่ทันได้ติดต่อคุณถัง” หลานเฟยกล่าวหลินเฟิงพยักหน้า: “ผมรู้แล้ว คุณพักผ่อนให้ดีก่อน ต่อจากนี้ผมจะเป็นคนจัดการเอง”เขาอุ้มหลานเฟยไปที่โซฟาในตอนนี้ ลูกน้องของถังอวิ๋นเฟิงก็ตามมาทันแล้วพังประตูเข้ามาโดยตรงเมื่อเห็นหลานเฟย ทั้งสองคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในเมื่อคุณชายถังได้สั่งให้เอาตัวหลานเฟยกลับมาอย่างมีชีวิต ไม่งั้นตายก็ต้องมีศพให้เห็น“หลานเฟย กลับไปกับพวกเราตอนนี้ คุณชายถังอาจจะไว้ชีวิตคุณได้ หากคุณดื้อรั้นไม่ยอมเชื่อฟัง สุดท้ายก็มีแต่ทางเลือกที่จะต้องตายเท่านั้น”หลานเฟยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสในช่องท้องอลัพูดว่า: “ฝันไปเถอะ แม้ว่าฉั
“คุณหลี่ ขอบคุณมาก คุณช่วยชีวิตฉันไว้อีกแล้ว” หลานเฟยกล่าวอย่างจริงใจหลินเฟิงในตอนนี้ได้พูดว่า: “คุณอย่าเพิ่งขยับ ผมจะโทรหาถังหว่าน ให้เธอมาจัดการกับปัญหา”“รบกวนด้วยค่ะ...”......ถังหว่านได้รับโทรศัพท์จากหลินเฟิง เมื่อได้ยินว่าถังอวิ๋นเฟิงทำเรื่องแบบนี้ก็ยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีกเธอรีบขับรถไปที่คฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ยเมื่อได้เห็นถังหว่าน หลานเฟยยังคงประพฤติตนเหมือนเจ้านายและคนรับใช้อยู่: “คุณถัง”“ไม่ต้องทำแบบนี้ รีบลุกขึ้นมา” ถังหว่านก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและช่วยพยุงหลานเฟยขึ้นมา“หัวหน้าหลาน คุณไม่ต้องกังวล เรื่องของวันนี้ ฉันจะต้องจัดการให้คุณแน่นอน”เธอจำเป็นต้องจัดการกับเรื่องนี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้อื่น ต่อไปใครจะกล้าทำงานให้ตระกูลถังอีก ที่สำคัญที่สุด เธอสามารถใช้เรื่องนี้ข่มถังอวิ๋นเฟิงไดอีก“ขอบคุณคุณหนู ฉันรู้ว่าตระกูลถังนั้นไม่มีทางที่จะละทิ้งฉัน” หลานเฟยกล่าวด้วยความซึ้งใจถังหว่านทำหน้าจริงจังพูดว่า: “มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว อาการบาดเจ็บของคุณได้รับความเดือดร้อนจากการช่วยเหลือฉัน ทำไมฉันจะไม่สนใจล่ะ?”ถังหว่านพูดด้วยความรู้สึกที่แท
หลินเฟิงพยักหน้า เขาเปลี่ยนเสื้อคลุมเดินไปที่รถกับถังหว่านและเดินทางไปหาตระกูลเถียนตระกูลเถียนไม่ใช่ตระกูลใหญ่ในเจียงโจว เถียนอวี่คือผู้นำตระกูล ดำเนินกิจการบริษัทลงทุนถังหว่านได้มีการร่วมมือบุคคลเหล่านี้อยู่ก่อนแล้วด้วยในปีแรก ๆแม้ว่าคนของตระกูลเถียนจะมีจำนวนน้อยจนตอนนี้ตกต่ำ แต่อย่างไรเสียบรรพบุรุษก็ถือได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่เช่นกันของล้ำค่าในตระกูลก็มีไม่น้อย โสมมังกรหัวก็ถือเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันถังหว่านที่อยู่ตำแหน่งข้างคนขับก็ได้มีการโทรหาเถียนอวี่โดยตรง“สวัสดี คุณเถียน ฉันถังหว่านเอง……ฮ่าฮ่า”ถังหว่านพูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย ได้มีการทักทายเถียนอวี่ก่อนหนึ่งรอบ ถึงจะเริ่มเข้าหัวข้อที่จะพูด“คุณเถียน ไม่ทราบว่าคุณอยู่ที่บ้านไหม? วันนี้ฉันจะเข้าไปเยี่ยมเยียนคุณที่บ้านสักหน่อย”เถียนอวี่ที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์ก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงนี้ ตระกูลถังอยู่ที่เจียงโจวกำลังเป็นที่นิยมและเจริญรุ่งเรืองมากในตอนนี้ อยู่ ๆ ทำไมคุณหนูจากตระกูลถังนั้นถึงได้เป็ฯฝ่ายเชื้อเชิญเขาด้วยตัวเองละ?ถึงแม้จะเดาได้ว่าถังหว่านอาจจะมีเป้าหมายอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้หลังจากค
หลินเฟิงขมวดคิ้ว และคิดว่าคุณนายเถียนนี่ช่างไม่มีมารยาทเอาซะเลยถังหว่านก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก: “ผู้หญิงคนนี้ทำบ้าอะไรกัน? แบบนี้ก็ทำเหมือนว่าไม่ได้มองพวกเราสองคนอยู่ในสายตาสินะ?”หลินเฟิงสูดหายใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทั้งสองได้แต่ยืนรออยู่ที่ประตูอย่างโง่เขลาโชคดีในเวลานี้ เถียนอวี่ก็ได้ขับรถกลับมาประตูรถเปิดออกอย่างช้า ๆ เถียนอวี่สวมชุดสูทได้ลงมาจากรถเขาไม่รู้จักหลินเฟิง แต่รู้จักถังหว่านเขาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มทันทีและพูดว่า: “คุณถัง พวกเราไม่เจอกันตั้งนานเลยนะครับ วันนี้ผมดีใจนะที่คุณมาหาตระกูลเถียนในวันนี้”“คุณเถียนก็พูดเกินไปแล้ว”เถียนอวี่ก็ได้สังเกตหลินเฟิงที่ยืนข้าง ๆ เขาพูดด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า: “ท่านนี้คือ?”ถังหว่านรีบที่จะแนะนำ: “ท่านนี้คือหลินเฟิง ตอนนี้รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง และก็เป็นผู้ถือหุ้นส่วนบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง”เถียนอวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในช่วงแรกที่ถังหว่านนั้นป่วย สองคนนี้ก็ได้มีการร่วมมือกัน เถียนอวี่ได้มีการยอมรับความสามารถของถังหว่านเป็นอย่างมากคนที่ถังหว่านชื่นชอบ แน่นอนว่าจะต้องมีความสามารถ“เป็นเกียรติที่ได
ทั้งสองเห็นอย่างชัดเจนว่าเถียนอวี่นั้นลังเล แต่ก็ใช่ว่าจะไม่อยากขายคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณนายเถียนจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ถังหว่านพอได้ยินก็พูดทันทีว่า: “คุณนายเถียน พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาขอเปล่า ๆ นะคะ คุณนายเถียนสามารถที่จะบอกราคาได้ พวกเราจะใช้เงินซื้อ”คุณนายเถียนปฏิเสธทันทีว่า: “เท่าไหร่พวกเราก็จะไม่ขาย”“อาอวี่ น้องชายฉันกำลังต้องการต้นโสมมังกรหัวพอดี ก่อนหน้านี้คุณสัญญาว่าจะให้เขาไม่ใช่เหรอ?”เถียนอวี่พยักหน้าเมื่อได้ยิน: “มีเรื่องแบบนี้อยู่จริง ๆ”“ตอนนี้คุณถังก็ต้องการต้นโสมมังกรหัว ไม่อย่างนั้นก็คนละครึ่งดีไหม?”เขารักภรรยาของตัวเองมาก เผชิญหน้ากับความต้องการของกัวส่วงแล้ว โดยปกติแล้วเถียนอวี่ก็จะตอบตกลงแต่ตอนนี้ ถังหว่านเองก็ต้องการที่ซื้อต้นโสมมังกรหัว เขาไม่อยากที่จะให้ทั้งสองฝ่ายนั้นผิดใจกันคุณนายเถียนส่ายหน้า: “มันจะเป็นไปได้ยังไง? ต้นโสมมังกรหัวนั้นมีอายุมานานกว่าหนึ่งร้อยปี อีกทั้งการเก็บรักษาก็ไม่สมบูรณ์ ต้องเป็นต้นโสมมังกรหัวทั่งต้นถึงจะได้”เมื่อถังหว่านเห็นสถานการณ์นี้ก็มีความกังวลใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนว่าเถียนอวี่นั้นยินยอมที่จะรับฟังภรรยาขอ
หลินเฟิงมองเธอและจี้ถาม จำใจต้องอธิบายออกไปโดยไม่มีทางเลือก: “ก็คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์”“สาเหตุมาจากการร่วมเพศที่ไม่ค่อยถูกสุขลักษณะของด้านคุณนายเถียนและคุณเถียน”หลินเฟิงพพูดแบบนี้เถียนอวี่ก็เข้าใจทันที แต่สีหน้าของเขาอึมครึมถึงที่สุดถ้าเป็นอย่างที่หลินเฟิงพูดจริงก็คงจะดี แต่ปัญหาคือเรื่องอย่างว่าตัวเองประสิทธิภาพไม่ดีนัก ในช่วงสองปีที่ผ่านมาร่วมหลับนอนกับกัวส่วงนั้นยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆภรรยาของเขาเองนั้นติดโรคมาได้อย่างไรละ?คุณนายเถียนลุกขึ้นยืนทันที เขาจ้องมองไปที่หลินเฟิงด้วยใบหน้าที่ดุร้ายและพูดว่า: “หมอนี่กำลังพูดซี้ซั้ว”“ฉันจะเป็นโรคนั้นได้ยังไง?”เธอหันไปมองเถียนอวี่เธอรีบเร่งพูดว่า: “ที่รัก อย่าไปฟังที่เขาพูดมั่ว ๆ เขากำลังพูดใส่ร้าย”หลินเฟิงพูดอย่างมีเหตุมีผล: “คุณนายเถียนไม่ต้องตื่นเต้น ในฐานะแพทย์ผมมักจะยึดถือแนวคิดของแพทย์โดยปกติถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใด ผมไม่กล้าที่จะพูดมั่ว ๆ ออกมา”“และผมคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของคุณก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน เป็นไปได้ว่าลูกพี่ลูกน้องของคุณต้องการใช้โสมมังกรหัวในการรักษาใช่ไหม?”“แต่โสมมังกรหัวนั้นไม่สามารถที่จะรักษาอาการป่วยขอ
ถังหว่านที่อยู่บนโซฟาฟังด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ไม่คิดเลยว่าวันนี้ยังจะได้กินเผือกลูกใหญ่แบบนี้ ตอนนี้คุณนายเถียนก็ไม่สนใจหน้าตาแล้ว ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดด่าทอ “ไอ้สารเลว แกกำลังพูดกันถึงเรื่องอะไรน่ะ”เถียนอวี่ขมวดคิ้วมุ่ยและเอ่ยถามว่า “เมื่อครู่นี้นายพูดว่าอะไร?”“เธอไปเข้าเรียนที่นายเหรอ?”กัวเวยพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ใช่แล้ว ตอนแรกคุณนายเถียนเรียนเต้นรำในสตูดิโอของผม และผมก็ไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของเธอด้วย”“เพียงเพื่อให้ผมทำอะไรกับเธอได้ง่ายขึ้น ถึงได้บอว่าผมเป็นลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของเธอ เพื่ออาศัยอยู่ในบ้านของคุณ...”เขาก็อดกลั้นกับคุณนายเถียนมาพอนานแล้ว โดยปกติก็มักจะไปไนต์คลับเพื่อระบายอารมณ์ออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าจะติดโรคเข้าแล้วเดิมทีอยากจะใช้โสมมังกรหัวของตระกูลเถียนรักษาให้ตัวเอง แต่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นเขาอธิบายทั้งหมดออกมาในคราวเดียวถึงยังไงเงินของตัวเองก็เพียงพอแล้ว เพียงแค่สามารถรักษาชีวิตน้อย ๆก็ได้แล้วเถียนอวี่โกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ โกรธมากจนเกือบจะเป็นลมเขาไม่เคยคิดเลยว่า ภรรยาของตัวเองจะสวมเขาให้ภายใต้เปลือกตาของตัวเองทั้งตัวเองยั
ในเมื่อเรื่องทางด้านนั้นหมอต้มตุ๋นมีมากมายเกินไปตอนนี้กว่าจะได้เจอกับหมอเทวดาที่มีความสามารถ เขาก็อยากจะรีบรักษาอาการของเขาถังหว่านฟังการสนทนาของทั้งสองคนด้วยความเก้กัง และพูดขึ้นทันที: “คุณเถียน ไม่รทราบว่าโสมมังกรหัวต้นนั้น...”เถียนอวี่เข้าใจได้ในทันที และรีบพูดขึ้น: “ไอหยา คุณถังไม่พูดผมก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ทั้งสองท่านรอสักครู่ ผมจะไปเอาโสมมังกรหัวมาให้เดี๋ยวนี้”เถียนอวี่รีบลุกขึ้นไปยังห้องลับของบ้านตัวเองผ่านไปครู่หนึ่ง ก็นำโสมมังกรหัวกลับมาหลินเฟิงตรวจดูของ จากนั้นก็พยักหน้าให้ถังหว่านถังหว่านถามกับเถียนอวี่: “คุณเถียน ไม่ทราบว่าโสมมังกรหัวต้นนี้ราคาเท่าไหร่คะ?”เถียนอวี่ยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “คุณถังพูดอะไรกันครับ วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหลิน จนถึงตอนนี้ผมคงจะถูกนังสารเลวนั่นหลอกลวงอยู่”“โสมมังกรหัวต้นนี้ถือว่าเป็นของขวัญมอบให้ทั้งสองท่าน”ถังหว่านเห็นเขาใจกว้างแบบนี้ก็ไม่เกรงใจ: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ไม่เกรงใจนะคะ”“ถ้าหากคุณเถียนมีเวลา จะต้องไปที่บริษัทเภสัชกรรมเชิงถังให้ได้นะคะ ไม่แน่ในอนาคตพวกเราอาจจะมีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน”เถียนอวี่พยักหน้าติดต่อกัน: “แ
ถ้าให้ฟ่านอู๋จี๋คนแก่คนนั้นเลี้ยงดูเธอด้วยการทำนาย ก็คงจะเป็นไปไม่ได้“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”จ้าวเฉียวอวิ๋นเห็นเด็กสาวกินเยอะขนาดนี้ เธอกลับเป็นคนที่ดีใจที่สุด รีบลุกขึ้นไปทำกับข้าวใหม่อาอวี๋ก็ไปช่วยทุกคนต่างก็ตักข้าวของตัวเองให้ฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็กินอย่างไม่ลังเล กินอย่างรวดเร็ว กินอย่างมีความสุขไม่รู้ว่าร่างกายเล็กๆของเธอสามารถบรรจุอาหารได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร กระเพาะอาหารของเธอดูเหมือนหลุมดำ กินข้าวทั้งถังลงไป กลับไม่มีอาการอะไรเลย“เธอคือประมุขคนต่อไปของสำนักโม่ซวี...เวทมนตร์ที่ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา...”หลินเฟิงขมวดคิ้วคิดบางทีเขาอาจจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฟ่านหลิงเยว่ถึงกินเก่งขนาดนี้.........สองวันผ่านไปโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อในห้องผู้ป่วยหนัก ชายชราผมหงอกกำลังมองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล“พ่อ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องเงินเลยค่ะ”ลูกสาวคนนั้นก็คือหวังลี่ลี่เธอพยายามปลอบใจพ่อ จับมือพ่อ ยิ้มทั้งน้ำตาพูดว่า“หนูได้พบกับผู้มีพระคุณค่ะ”“เขาช่วยให้หนูได้เป็นผู้จัดการโชว์รูมรถยนต์ ตอนนี้หนูมีรายได้มากพอที่จะรักษาพ่อได้แล้วค่ะ ต่อไปนี้พ่ออย่ากังวลเรื่
“ได้ครับ”หลินเฟิงพยักหน้าประมาณห้านาทีต่อมา หวังลี่ลี่ก็วิ่งมาด้วยท่าทางนอบน้อมพร้อมกุญแจรถ“คุณหลินคะ ตอนนี้คุณสามารถขับรถคันนี้ไปได้เลยค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราจะไปจัดการที่บ้านคุณค่ะ”ท่าทางของหวังลี่ลี่นอบน้อมอย่างมากเธอเพียงแค่โทรศัพท์ไปหาผู้อำนวยการของเผิงกวงกรุ๊ปในเมืองเจิ้งเต๋อ ผู้อำนวยการก็รีบร้อนไปขออนุญาตจากเผิงกวงฉี่ราวกับไฟไหม้ก้นคำตอบที่ผู้อำนวยการได้รับจากเผิงกวงฉี่มีเพียงประโยคเดียว“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ให้ตอบสนองอย่างเต็มที่”ผู้อำนวยการที่ได้รับคำสั่งจากเผิงกวงฉี่จึงไม่กล้าประมาท รีบเร่งทำให้ขั้นตอนต่างๆ ง่ายที่สุดโดยให้หวังลี่ลี่ส่งกุญแจรถให้หลินเฟิงโดยตรงความเร็วและท่าทีเช่นนี้ทำให้หวังลี่ลี่รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ขอบคุณครับ”หลินเฟิงเปิดประตูรถ ขึ้นรถ แล้วสตาร์ทรถบูกัตติ เวียร์รอนคันเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาคันนี้เมื่อเครื่องยนต์ 16 สูบถูกสตาร์ท บรรยากาศในล็อบบี้ทั้งหมดก็ถูกกดทับลงทันทีรถยนต์ต่างๆ ที่ถูกจัดแสดงและจำหน่ายในบริเวณที่รอเมื่อเทียบกับบูกัตติ เวียร์รอนสีดำแดงคันนี้แล้ว ก็ดูด้อยกว่าไปในทันทีราวกับมังกรสีดำแดงตัวใหญ่
ถึงขั้นที่สามารถตัดสินใจอนาคตของบุคคลผู้นี้ในเผิงกวงกรุ๊ปได้ อำนาจของเขายิ่งใหญ่อย่างมาก“ที่...ที่แท้...ที่แท้คือ...คุณหลิน”หลินเฟิงคือเจ้าของบัตรทองใบนี้เท่านั้นทั้งเผิงกวงกรุ๊ป บัตรทองนี้เพิ่งปรากฏเป็นครั้งแรก ตอนที่เผิงกวงฉี่ได้มอบให้แก่ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้เรื่องนี้ภายในเผิงกวงกรุ๊ปต่างก็รับรู้กันดีแต่ผู้จัดการเสิ่นยังไม่ทันได้สืบหาข้อมูลของหลินเฟิง จึงไม่รู้จักหลินเฟิงด้วยซ้ำแต่เมื่อได้เห็นบัตรใบนี้ในวันนี้ เขาก็ได้รู้ว่า แท้จริงแล้วชายตรงหน้าที่เขาเคยมองว่าเป็น “เป็นคนที่ตามจีบหวังลี่ลี่แบบไร้ศักดิ์ศรี” นั้นกลับเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผิงกวงฉี่ไว้หลินเฟิง ผู้ถือบัตรทองเพียงหนึ่งเดียวของเผิงกวงกรุ๊ป !ผู้จัดการเสิ่นตกใจจนขาอ่อน ล้มลงกับพื้นทันทีแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะนิ่งเฉยจึงพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ใช้ความพยายามอย่างมากมาย จึงดึงบัตรทองออกจากผนังได้ และส่งคืนให้หลินเฟิงด้วยมือที่สั่นเทา“คุณหลินครับ ผม...ผมหลงเชื่อคำนินทา จึงดูถูกคน ผมมัน...ผมสมควรตาย”ผู้จัดการเสิ่นคุกเข่าลงที่หน้าหลินเฟิง ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวส่วนหลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก
“ที่แท้....ที่แท้ก็เป็นคุณนั่นเอง!”“ฉัน...ฉันจำได้แล้ว ฉัน...ฉันดูถูกคนอื่น โปรดยกโทษให้ฉัน โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”ในขณะนี้เอง ที่สุดท้าแล้วยคุณชายตู้ก็เข้าใจถึงตัวตนของหลินเฟิงเขาควรที่จะไปล่วงเกินคนที่สามารถประลองกับคุณชายเฝิงอวี้อู่ได้งั้นเหรอ?ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าลงเสียงดัง ตุบ ต่อหน้าคนทั้งหมด และก้มหน้าให้หลินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับขอร้องและร้องไห้เสียงดังลั่นเขากลัวจริงๆนะ!เมื่อเทียบกับผู้จัดการเสิ่น ชายลึกลับผู้นี้ที่ว่ากันว่าสามารถฆ่านักบู๊ของตระกูลเฝิงได้มากกว่าสามสิบคนคนในลมหายใจเดียว!และเมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี ครอบครัวเฝิงก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับเขาได้เช่นกันน่ากลัวยิ่งกว่าตระกูลเฟิงอีกคุณชายตู้นึกถึงหลายๆ อย่างได้ในทันที ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเบื้องหลังของหลินเฟิงนั้นไม่ธรรมดาก่อนจะตกใจอย่างมาก แล้วรีบคุกเข่าลงขอความเมตตาเมื่อเห็นคุณชายตู้คุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา ผู้จัดการเสิ่นที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย"แกมัน......"ผู้จัดการเสิ่นมองดูร่างของลูกน้องที่นอนอยู่บนพื
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข