ดวงตาทั้งสองข้างเลือนลาง เธอรู้สึกอึดอัดอย่างมากหวังข่ายรีบข่มขู่ นักศึกษากลุ่มนี้ยังจะกล้าต่อต้านตัวเองอีกที่ไหนกันล่ะ?เขายื่นมือออกไปจะถอดเสื้อคลุมของหลินเสวี่ยฮุ่ยต่อหน้าทุกคนมืออีกข้างหนึ่งของหลินเสวี่ยฮุยจับเสื้อคลุมไว้สุดแรง“คุณจะทำอะไรน่ะ?”ในตอนนี้เพื่อนร่วมห้องคนอื่น ๆ ไม่ปริปากพูดจา ถึงขั้นที่ไม่กล้าเข้าไปมีเพียงโจวเสี่ยวหางที่คว้าขวดเบียร์บนโต๊ะขึ้นมาโยนไปทางหวังข่ายเพล้งขวดเบียร์กระแทกศรีษะของหวังข่ายจนแตกศีรษะของหวังข่ายมีเลือดไหลออกมาทันที“แม่งเอ้ย…ฉันใจดีกับพวกแกเกินไปแล้ว” หวังข่ายมองดูรอยเลือดที่ไหลลงจากหน้าผากก็โกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่จากนั้นก็ชี้หน้าโจวเสี่ยวหาง “ผู้หญิงคนนี้ยกให้พวกนาย”พวกลูกสมุนได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก จากนั้นก็พากันมุ่งหน้ามาทางโจวเสี่ยวหาง“พอแล้ว”ในตอนนั้นเอง หลินเฟิงลุกขึ้นยืนช้า ๆ และตวาดเสียงดังก้องทั่วทั้งห้องส่วนตัวสายตาของทุกคนพากันมองไปทางหลินเฟิงสายตาเฉียบคมของหลินเฟิงจ้องมองหวังข่ายแล้วพูดขึ้น “ปล่อยคน และไสหัวออกไปซะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตพวกนาย”“เชี่ย ยังมีคนกล้าทำเก่งต่อหน้าฉันอีกเหรอ?” หวังข่าย
หวังข่ายจ่อมีดพกไปที่ลำคอของหลินเสวี่ยฮุ่ย และมองหลินเฟิงอย่างระแวงหลินเสวี่ยฮุ่ยตัวแข็งทื่อ เธอไม่คิดเลยว่าเธอที่เป็นแค่นักศึกษายากจนอยู่มาวันหนึ่งจะถูกจับเป็นตัวประกันตอนนี้เธอไม่กล้าขยับเขยื้อนหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ดวงตาที่เฉียบคมหรี่ตาลงและหยุดเดินหวังข่ายยิ้มมุมปาก “หึหึ ไอ้หนุ่ม ดูท่าความสัมพันธ์กับนังหนูคนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ”หลินเฟิงสีหน้าอึมครึมดวงตาแฝงไปด้วยความดุดัน “ฉันเกลียดที่คนอื่นข่มขู่ฉันที่สุด ตอนนี้ปล่อยเธอไปซะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก”“เชี่ย แกขู่ใครวะ?” หวังข่ายเห็นเขาแต่งกายไม่เหมือนกับบุคคลใหญ่โตอะไรต่อให้ตัวเองปล่อยให้เขาฆ่าจริง ๆ เขามีความกล้านั้นไหมล่ะ?“ไอ้หนุ่ม แกเจ๋งมากเหรอวะ? ถ้าหากอยากให้คนสวยคนนี้รอดชีวิต แกก็หักแขนข้างหนึ่งของแกซะ” หวังข่ายพูดข่มขู่เสียงเย็นชาหลินเฟิงสองมือกำหมัดแน่นหวังข่ายเห็นแบบนั้นมีดพกในมือก็ขยับเข้าใกล้หลินเสวี่ยฮุ่ยอีกสองสามเซนติเมตรหลินเสวี่ยฮุ่ยชูคอ เธอไม่กล้าขยับเขยื้อนซี้ซั้วแม้แต่นิด ถึงขั้นที่สามารถสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิเย็นเฉียบที่ส่งมาจากมีดพก“ไอ้หนุ่ม แม่งอย่าเล่นตุกติก เร็ว ๆ เลย ไม่อย่างนั้นฉันจะให้เธอตายต่อห
เขามองหลินเฟิงด้วยความหวาดกลัว ความเร็วของไอ้หมอนี่จะเร็วเกินไปหน่อยไหม?เมื่อเห็นว่าการหลบหนีไร้ความหวัง เขาจึงร้องขอความเมตตาในทันที “พี่ชายท่านนี้ ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วยนะครับ…”“วันนี้เป็นความผิดของผมทั้งหมด ผมขอโทษ ผมจะชดใช้เงินให้…”“ฉันเคยให้โอกาสนายแล้ว น่าเสียดายที่นายไม่ทะนุถนอมเอง” หลินเฟิงเดินไปข้างกายเขาช้า ๆ แล้วพูดขึ้นเสียงเย็นชา“คณจะฆ่าผมตรงนี้ไม่ได้นะ เนี่ย ตรงนี้มีกล้องวงจรปิด…คุณจะติดคุกนะครับ” หวังข่ายอดกลั้นความเจ็บปวดบนร่างกาย และพูดขึ้นด้วยความยากลำบากหลินเฟิงได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกล้องวงจรปิดที่อยู่ตรงทางเดินเลนส์กล้องหันไปทางพวกเขาทั้งสองคนพอดี“ฮ่าฮ่า….ผมพูดได้มีเหตุผลใช่ไหมล่ะ?” หวังข่ายถอนหายใจออกมายาว ๆดูท่าไอ้หมอนี่ยังค่อนข้างกลัวกฎหมายอยู่ขณะเดียวกันหลินเสวี่ยฮุ่ยและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้โง่รออยู่ในห้องส่วนตัวแต่วิ่งตามออกมาหลี่ว์เจิ้งหยางและคนอื่น ๆ ก็ตามมาอยู่ด้านหลังของเธอ“พี่เฟิง…”หลินเฟิงเหลือบเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย เขาไม่ได้กลัวกล้องวงจรปิด แต่ไม่อยากฆ่าคนต่อหน้าหลินเสวี่ยฮุ่ย“พี่เฟิง พี่ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเขาแล้ว พวกเร
ศีรษะของหวังข่ายหันไปทางหลินเฟิงด้วยความอืดอาด เหมือนกับหุ่นยนต์ที่ขาดน้ำมัน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าไอ้หมอนี่จะรู้จักกับหลินเฟิง และดูท่าทางที่เซียวคุนมีต่อหลินเฟิง จะมีความเคารพนบน้อมขนาดนี้เขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่นะหลินเฟิงเอ่ยปากขึ้นช้า ๆ “วันนี้เป็นวันเกิดของน้องสาวของผม เดิมทีฉลองวันเกิดกันอยู่ที่นี่”“ไอ้หมอนี่กลับอยากให้น้องสาวของผมไปดื่มเป็นเพื่อนเขา”“อะไรนะ?” เซียวคุนโมโหอย่างมากไม่ต้องสนว่าน้องสาวคนนี้จะใช่น้องแท้ ๆ หรือไม่เพียงแค่หลินเฟิงเอ่ยปากพูด งั้นก็คือน้องสาวแท้ ๆ ของหลินเฟิงกล้าให้น้องสาวของหลินเฟิงไปดื่มเป็นเพื่อนเขา หวังข่ายรนหายที่ตายเหรอ?ตัวเองเมื่อครู่ไม่ควรคุยกับหวังข่ายจริง ๆดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หวังข่าย จากนั้นถีบไปที่ใบหน้าของเขา “แกมีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้วใช่ไหม?”“กล้าให้น้องสาวของคุณหลินไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนแก?”“ท่านเซียว ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว คุณช่วยผมขอความเมตตาหน่อยครับ…”หวังข่ายตัวสั่นไปหมด และตกใจจนตัวกระตุกตอนนี้เขารู้สึกกลัวจริง ๆเซียวคุนหันไปทางหลินเฟิง “คุณหลิน คุณจะจัดการไอ้หมอนี่อย่างไร?”หลินเฟิงสีหน้าเฉยเมย แล
หลินเสวี่ยฮุ่ยหันหลังมาช้า ๆ และมองไปทางชายสูงวัยด้วยความงุนงง เห็นเพียงแค่ชายสูงอายุจ้องมองไปที่หน้าอกของตัวเองเธอรู้สึกลนลานมากยิ่งขึ้น ตัวเองคงไม่ได้เจอกับตาแก่โรคจิตเข้าหรอกนะ?จากนั้นก็กระชับคอเสื้อตรงหน้าอกเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณหลินเฟิงได้ยินเสียงก็หันมองไป และเห็นชายสูงอายุทำแบบนี้ เขาก็ขมวดคิ้ว“คุณปู่ตระกูลหลิว คุณเป็นอะไรเหรอครับ?” เซียวคุนรีบเดินเข้ามาถามหลิวหยงหลี่เป็นถึงปรมาจารย์ด้านเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงในเจียงโจว ตอนนี้สายตาจับจ้องไปที่สาวน้อยคนหนึ่ง หากแพร่งพรายออกไปจะไม่ดีนะหลิวหยงหลี่กลับไม่ได้สนใจเซียวคุนเขารีบเดินไปด้านข้างหลินเสวี่ยฮุ่ยแล้วถามขึ้น “แม่หนู หยกชิ้นนี้หนูได้มาจากไหนเหรอ?”หลินเสวี่ยฮุ่ยได้ยินแบบนั้นก็มองหยกตรงหน้าอกของตัวเองจากนั้นพูดขึ้น “นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่พี่เฟิงมอบให้ฉัน”พูดจบสายตาก็มองไปทางหลินเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเซียวคุนก็พูดแนะนำ “คุณหลิน ผมแนะนำให้คุณได้รู้จักหน่อยครับ ท่านนี้คือคุณท่านรองของตระกูลหลิวเมืองเจียงโจว และก็เป็นปรมาจารย์ด้านเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงของเจียงโจววันนี้เขาก็เพิ่งเจรจาธุรกิจใหญ่กับหลิวหย
“แม่หนูคิดว่าอย่างไร?” หลิวหยงหลี่สายตาคาดหวังมองไปทางหลินเสวี่ยฮุ่ยหลินเสวี่ยฮุ่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยความลังเล “นี่...นี่เป็นของขวัญที่พี่หลินเฟิงมอบให้ฉัน ฉัน...ไม่คิดที่จะขายค่ะ”ถึงแม้จี้หยกชิ้นนี้มูลค่าสิบล้าน แต่เพียงแค่ขายทิ้งเธอก็จะร่ำรวยได้ภายในค่ำคืนแต่เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงไม่คิดที่จะขายทิ้ง ของขวัญชิ้นนี้มีค่ามากเกินไปถ้าหากขายทิ้ง หลินเฟิงจะมองตัวเองอย่างไร?ได้ยินคำพูดนี้ หลินเฟิงรู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างมาก อย่างน้อยหลินเสวี่ยฮุ่ยก็ไม่ใช่คนที่เห็นเงินแล้วตาโตหลิวหยงหลี่ได้ยินคำพูดนี้ก็ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกเสียดายอย่างมาก “น่าเสียดาย น่าเสียดาย ในเมื่อแม่หนูคนนี้ไม่คิดที่จะขาย ฉันก็ไม่สามารถฝืนบังคับได้ ทำได้แค่พูดว่าจี้หยกชิ้นนี้ไม่มีบุญวาสนากับฉัน”เพียงแต่เขาก็ไม่ได้ยอมแพ้ จากนั้นเขาหันหน้ามองไปทางหลินเฟิง“ไม่ทราบว่าสหายน้อยหลินมีช่องทางไหนที่จะสามารถซื้อจี้หยกที่ปรมาจารย์อู๋เป็นคนแกะสลักเองได้บ้างไหมครับ?”“ถ้าหากมีช่องทางสามารถแนะนำให้ผมหน่อยได้ไหม สหายน้อยวางใจได้ เงินก้อนนี้รวมถึงคุณด้วยแน่นอน”เซียวคุนยิ้มพูด “คุณท่านรองหลิวชอบเครื่อง
หลินฝานลูบศีรษะของน้องสาวเบา ๆ “วางใจเถอะน้อง แม่ไม่มีทางเป็นอะไร”“พี่ลงทะเบียนคิวผู้เชี่ยวชาญให้กับแม่แล้ว”ผู้หญิงที่แต่งหน้าเข้มจัดพูดขึ้น “นี่เป็นโรคคนแก่ จะต่อคิวผู้เชี่ยวชาญอะไรอีก?”“สิ้นเปลืองเงินจริง ๆ”หลินเฟิงได้ยินคำพูดนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตากวาดมองไปทางผู้หญิงคนนั้นเมื่อมองไปเขาก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเล็กน้อยในทันทีนี่เป็นพนักงานขายดีเด่นคนนั้นที่เจอในโชว์รูมรถ ตอนที่เขาจะซื้อรถครั้งที่แล้วไม่ใช่เหรอ?เพียงแต่ว่าตอนนั้นเธอดูถูกเขากับจางเจียหนิง“คนนี้คือ?”หลินฝานถึงได้พูดแนะนำ “ผมแนะนำหน่อยครับ คนนี้คือหวงเสี่ยวม่านแฟนของผม”“คนนี้คือหลินเฟิง เพื่อนของผมครับ”หวงเสี่ยวม่านเหลือบมองหลินเฟิงแล้วชะงักทันที “คุณเองเหรอ?”“คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะเจอกันอีกแล้ว” หลินเฟิงสีหน้านิ่งเฉย น้ำเสียงราบเรียบ“เอ่อ...พวกคุณรู้จักกันเหรอ?” หลินฝานถามขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยหวงเสี่ยวม่านรีบลุกขึ้นพูด “รู้จักค่ะ รู้จักแน่นอน ครั้งที่แล้วหลินเฟิงยังไปซื้อรถที่ฉันอยู่เลย”“พี่เฟิง พี่ไม่บอกแต่แรกว่าพี่เป็นเพื่อนของหลินฝาน ตอนนั้นฉันยังสามารถลดราคาให้พี่ได้อีกนะ”หวงเ
หลินเฟิงเห็นท่าทางหลงระเริงของเธอแบบนี้ เขาก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ถ้าหากเธอคบหากับหลินฝานดี ๆ ฉันสามารถทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปดีขึ้นได้”“อย่างน้อยก็มีสภาพดีกว่าตอนนี้อีก”“ถ้าหากในหัวของเธอคิดแต่จะใช้ร่างกายเพื่อได้ดิบได้ดี งั้นฉันขอเตือนเธอว่าอยู่ห่างจากหลินฝานหน่อย”หวงเสี่ยวม่านชะงักคิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะหลอกล่อยากขนาดนี้ตัวเองเป็นฝ่ายพลีกายแต่เขากลับมองข้ามไปได้“นายแสร้งทำเป็นคนดีมีศีลธรรมอะไรกัน อย่างไรซะเรื่องนี้นายไม่พูด ฉันไม่พูด ใครจะไปรู้ได้?”หลินเฟิงเห็นท่าทางไม่รู้จักสำนึกผิดของเธอจึงพูดเสียงเย็นชา “ไสหัวไป”“ห๊ะ?”หวงเสี่ยวม่านคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะกล้าไล่ตัวเองให้ไสหัวไปในตอนนั้นเอง หลินฝานก็ตามมาที่นี่หวงเสี่ยวม่านเห็นแบบนี้ก็ขยับออกจากข้างกายของหลินเฟิง“เสี่ยวม่าน เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พี่เซี่ยมาถึงแล้ว”หวงเสี่ยวม่านได้ยิน ความโมโหบนใบหน้าก็หายลับไปและเปลี่ยนไปดีอกดีใจ “พี่เซี่ยมาแล้วเหรอ อยู่ที่ไหนเหรอ?”พูดจบทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องบันไดหลินเฟิงเห็นแบบนั้นก็เดินตามออกไปเมื่อกลับไปถึงห้องพักผู้ป่วยใหม่อีกครั้ง ถึงได้พบว่าในห้องมีชายวัยก
“อ่อ”เมื่อได้ยินเสียงโน้มน้าวของผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง หลินเฟิงก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองไปที่บุคคลทใหญ่โตของเจียงโจวที่อยู่บนเวที พร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย“หึหึ ทุกคน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”ประโยคแรกนี้ทำให้อาจารย์และนักศึกษาที่อยู่ในห้องนั้นทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงกันไปชั่วครู่โจวเสี่ยวหางและหลินเสวี่ยฮุ่ยอ้าปากกว้าง พร้อมกับสีหน้าสีตกตะลึง ประโยคนี้หมายความว่ายังไง?เป็นการรำลึกความหลังงั้นเหรอ?หรือว่าหลินเฟิงก็รู้จักกับบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้มานานแล้ว?หรือว่า....เขาเสแสร้งออกมางั้นเหรอ?แกล้งทำเป็นรู้จักกับคนที่มีชื่อเสียงเหล่านี้งั้นเหรอ? นี่จะพยายามมากเกินไปสำหรับศักดิ์ศรีของเขาแล้วไหม?เจียงปินก็ยังคงยิ้มเยาะโดยที่ยืนอยู่แข็งทื่ออยู่ที่เดิมเหมือนเป็นรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ลางสังหรณ์ค่อย ๆผุดขึ้นมาในใจของเขา“หรือว่า....หรือว่าคนเหล่านี้ จะเป็นไอ้แมงดาคนนั้นเชิญมาที่นี่? มันจะเป็นไปได้ยังไง?!”“เขาจะมีเกียรติแบบนี้ได้อย่างไร? มีความสามารถแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?!”แต่ไม่นาน จินตนาการครั้งสุดท้ายของเจียงปินก็พังทลายลงเพียงแค่เห็นผู้ว่าเจียงโจวที่อยู่บนเวที หลิวกั๋วฮุยผู้ท
“เสวี่ยฮุ่ย เธอเชื่อฉันไหม?”หลินเฟิงขยับไปด้านข้างหลินเซว่ฮุ่ย ถามด้วยรอยยิ้มในดวงตา“เชื่อ ฉันจะไม่เชื่อพี่หลินเฟิงได้ยังไง?”หลินเสวี่ยฮุ่ยตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ฉันบอกว่าฉันเรียกคนพวกนี้มา แต่ไอ้หมอนี่กำลังโกหก เธอเชื่อไหม?”หลินเฟิงมองหลินเสวี่ยฮุ่ยด้วยรอยยิ้มไม่รอให้หลินเสวี่ยฮุ่ยพูด เจียงปินก็ขมวดคิ้วอย่างเย็นชาและพูดดูถูกว่า:“ศาสตราจารย์หลิน คุณอายุน้อยขนาดนี้ก็สามารถเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวได้ ตระกูลถังน่าจะลงแรงอยู่เบื้องหลังอย่างมากสินะ?”“ผมแนะนำให้คุณอย่าหาเรื่องใส่ตัว”“พวกเราต่างรู้ว่าคุณพึ่งพาอะไรขึ้นตำแหน่ง ถ้าหากจะให้พูดให้ชัดเจน งั้นก็จะอับอายขายหน้าอย่างมาก”“คุณไม่รู้สึกอะไร แต่คุณเคยคิดถึงเสวี่ยฮุ่ยไหม?”“พี่ชายที่เกาะผู้หญิงกิน มีผลกระทบมากแค่ไหนต่ออนาคตของหมอคนหนึ่ง คุณน่าจะรู้ดียิ่งกว่าผมนะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็แสดงความโกรธขึ้นมาทันที และลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ดัง “พรึ่บ” และมองเจียงปินพูดอย่างโมโหว่า:“เจียงปิน นายหมายความว่ายังไง?!”“ฉันไม่ได้หมายความว่ายังไง”เจียงปินจ้องมองหลินเสวี่ยฮุ่ย และพูด
“ถูกต้อง”เห็นหลินเฟิงท่าทางสับสน เจียงปินมองว่าเป็นท่าทางประหม่า เขาคิดว่าเขารู้จักภูมิหลังของหลินเฟิงเป็นอย่างดี จึงเงยหน้าพูดขึ้น“พ่อของผมไม่มีความสามารถ เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเถิงหูเมืองเจิ้งเต๋อ และโรงพยาบาลแห่งนี้ของพ่อผม ยังเป็นบริษัทในเครือของซึ่งเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในหัวตงอีกด้วย“อะไรนะ?!”ได้ยินชื่อของเผิงกวงฉี่ เพื่อนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงโจวพากันมองเจียงปินด้วยความตกตะลึงคิดไม่ถึงว่าพ่อของเขา จะเป็นลูกน้องของเผิงกวงฉี่เศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตง ตำแหน่งนี้น่าหวาดกลัวจริงๆดูท่าสามารถเชิญบุคคลใหญ่โตเหล่านี้มาได้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลแต่ความจริงนั้นมีเพียงเจียงปินที่รู้ดีเผิงกวงฉีได้เปิดโรงพยาบาลหลายร้อยแห่งในตงหัว พ่อของเขาเป็นเพียงหนึ่งในโรงพยาบาลเล็กๆฟังดูน่ากลัว แต่อันที่เป็นเพียงแค่หมาตัวหนึ่งในมือของเผิงกวงฉี่เท่านั้นเองเขาสั่งแค่ประโยคเดียวก็สามารถถีบหัวส่งพ่อของเขาได้แล้วดังนั้นจีงไม่มีสิทธิพิเศษอะไร คนที่อยู่นอกวงการเกรงว่าได้ยินชื่อของเผิงกวงฉี่ก็คงจะตกใจมากแต่สำหรับบุคคลใหญ่โตของเมืองเจียงโจวเหล่านี้ เคยเห็นจนชิน คุณที่เป็นแค่ผู้อำนว
เจียงปินนิ่งอึ้งสัมผัสได้ถึงสายตาของทุกคน เจียงปินความคิดพุ่งพล่าน เวลาเพียงครึ่งวินาที เขาก็ตัดสินใจว่าวันนี้เขาจะต้องเสแสร้งต่อไปไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแค่เสียหน้าต่อหน้าหลินเสวี่ยฮุ่ยเท่านั้น ถึงขั้นที่อาจจะกลายเป็นตัวตลกของเพื่อนนักศึกษาทั้งมหาลัยถึงขั้นที่กลายเป็นเรื่องคุยเล่นหลังทานข้าวของทั้งมหาวิทยาลัยเจียงโจวถึงเวลา “ชื่อเสียง” ของเขาเจียงปินก็จะโด่งดังไปทั่วทั้งเจียงโจว แลการพูดปากต่อปากของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว เขาเจียงปินต่อไปอย่าว่าแต่ทำงานอยู่ในสังคมแพทย์ในประเทศมังกรอีกทั้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลแพทย์ในเมืองเจิ้งเต๋อถ้าหากถูกเปิดเผยออกไป จะไม่ทำให้ธุรกิจของพ่อถูกโจมตีอย่างร้ายแรงเหรอ?ถึงเวลาใครยังจะกล้ามาซื้อยามารักษาโรคที่พ่ออีก?เจียงปินหนังหน้ากระตุกเล็กน้อยรีบเปลี่ยนจากความตกตะลึงเป็นความโมโห“คุณเป็นใครกัน? ทำไมถึงเข้ามาในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยเจียงโจวของเราได้? ไม่ใช่ว่าไม่ให้คนนอกเข้ามาหรอกเหรอ?!”เจียงปินเอ่ยปากกล่าวโทษหลินเฟิงอยากจะไล่เขาออกไปโดยตรง“เจียงปิน นี่คือพี่ชายของฉัน หลินเฟิง เขาไม่ใช่คนนอก”“จริงด้วย เพื่อนเจียงปิน นา
“อะไรนะ?!”ได้ยินแล้วยังดวงตาของเหล่านักศึกษาแทบจะถลนออกมาแล้วพวกเขาพากันมองไปทางเจียงปิน ส่วนเจียงปินก็หนังหน้ากระตุก ถึงแม้จะประหม่าอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังฝืนยี้มบางและปรบมือทำท่าทางเหมือนเขารับรู้มานานแล้วนี่จึงดึงดูดความชื่นชมและความเลื่อมใสจากนักศึกษากลุ่มหนึ่งและนี่ยังไม่จบ“ต่อมาขอเชิญ ฉินเซี่ยวเทียน นายกรัฐมนตรีเมืองเจียงโจว!”“อิ่นนั่วเจีย ซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกร!”“ไป๋ชิงเฉี่ยน แห่งไป๋ซื่อกรุ๊ป”“ผู้จัดการถัง บริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง...”หลังจากที่อาของโจวเสี่ยวหาง หัวหน้าโจวพูดชื่อออกมาทีละคน เมืองเจียงโจวไม่ว่าจะเป็นทิศเหนือทิศใต้ ทั้งหมดเป็นคนมีหน้ามีตา กองกำลังทั้งหมดที่สามารถนำออกมาได้ต่างก็มาถึงหมดแล้วพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว กลายเป็นการรวมตัวกันของบุคคลใหญ่โตทันที“แม่เจ้า นี่มันบ้าอะไรกัน?!”“เชี่ย เหตุการณ์แบบนี้...ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!”เห็นบุคคลใหญ่โตยืนอยู่บนเวที คนเหล่านี้มาต่างบริษัทต่างๆ ในเมืองเจียงโจว ถึงขั้นมีบุคคลผู้มีอำนาจ ตระกูลและวงการในหลายสาขาใครคนไหนก็ได้ยืนออกมา เพียงแค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้เมืองเจียงโจว
ในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมของจางเต๋อหลิน สมาชิกผู้อาวุโสในสายวิชาชีพแพทย์จะมาปรากฏตัวแล้วทำไมผู้ว่าเจียงโจวถึงมาด้วย?เมื่อเห็นผู้ว่าเจียงโจวเดินออกมาจากด้านหลังเวทีโดยมีรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับโบกมือให้กับเหล่านักศึกษา เหล่านักศึกษาที่อยู่ในที่นั้นต่างก็ตกตะลึง แต่ก็ยังปรบมือกับอย่างกระตือรือร้นด้วยรูปแบบของผู้จบการศึกษารุ่นนี้ มันเกินความจริงไปหรือเปล่า?“หรือว่านักศึกษาเจียงปินจะเชิญมา?”ไม่รู้ว่าเป็นใครที่จู่ ๆพูดขึ้นมาท่ามกลางเหล่านักศึกษาทันใดนั้น เหล่านักศึกษาที่เข้าร่วมพิธีจบการศึกษาก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะมองไปที่เจียงปินที่รู้สึกสับสนอยู่ไม่ต่างกัน“อ่ะ? อ่อ....อ่อ ใช่ นักศึกษาทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนกไป ไม่ต้อง ไม่ต้อง หึหึ....”เจียงปินรีบยื่นมือออกไปปลอบใจนักศึกษาคนอื่น ๆเห็นได้ชัดว่าเขาได้ยอมรับแล้ว“ซี้ด...”นักศึกษาหลาย ๆคนต่างก็สูดอากาศเย็น ที่เจียงปินเชิญจางเต๋อหลินมาได้มันก็น่าเหลือเชื่อคราวนี้ผู้ว่าของเจียงโจวก็ยังได้รับเชิญมาอีกด้วย มันจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไปงั้นเหรอเบื้องหลังของเจียงปินจริ
“หึหึ พิธีรับปริญญาของปีนี้ต่างจากปีก่อน ๆเลยนะ”“เพราะว่ามีผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้เดินทางมาโดยเฉพาะ ดังนั้นก็เลยเชิญแขกผู้มีเกียรติที่สำคัญมากมากมายมามอบใบประกาศนียบัตรให้แก่นักเรียนของพวกเราในรุ่นนี้”“ที่มา ก็มีเชิญ....”“ท่านผู้นำอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจว ผู้อาวุโสจางเต๋อหลิน!”ขณะที่หัวหน้าโจวยื่นมือออกไปเรียนเชิญ จางเต๋อหลินก็เดินเข้ามาจากประตูด้านหลังพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและโบกมือทักทายเหล่านักเรียนที่อยู่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นรอยยิ้มของจางเต๋อหลิน รอยยิ้มที่พึงพอใจของเจียงปินก็แข็งทื่อทันทีเพราะในความประทับใจของเขา ผู้อาวุโสจางเต๋อหลินมักจะมีใบหน้าที่เขร่งครึมและจริงจังอย่างมาก ทั้งยังระวังภาพลักษณ์อีกด้วยทำไมถึงยิ้มได้กว้างขนาดนั้นล่ะ?แต่เหล่านักเรียนคนอื่น ๆไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วยแล้วพากันปรบมือกันอย่างกระตือรือร้น บางคนถึงขนาดปรบมือจนหน้าของตัวเองแดงต้องรู้ว่า นี่คือผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเจียงโจว!ผู้อาวุโสอย่างเขามามอบใบประกาศนียบัตรการสำเร็จการศึกษาด้วยตัวเอง ให้เกียรติกันเกินไปหน่อยหรือเปล่า?หากพูดออกไป เกรงว่าก็คงจะไม่มีใครเชื่อ
เพียงเพราะแค่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเจียงโจวโด่งดังอย่างมากถึงได้ถ่อมตัวมาสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวอีกทั้งหลินเสวี่ยฮุ่ยยังได้ยินมาว่า เจียงปินเหมือนจะแอบฝากตัวเป็นศิษย์ของจางเต๋อหลินด้วยได้ไหว้เจ้าสำนักของสำนักไป๋เกาเป็นอาจารย์ ไม่ธรรมดาเลยจากคำพูดของเขาเมื่อครู่สามารถดูออกได้ว่า เรื่องที่เขาไหว้จางเต๋อหลินเป็นอาจารย์ ไม่ใช่ข่าวลือที่ไม่มีมูลเลยดูท่าจะมีความเป็นไปได้สูงเจียงปินคนนี้ อนาคตก้าวไกลอย่างมากแต่สิ่งที่ทำให้หลินเสวี่ยฮุ่ยปวดหัวก็คือ เธอในฐานะดาวคณะของคณะแพทยศาสตร์ เจียงปินคนนี้เพิ่งกลับมาก็ตามตอแยเธอแน่นอนว่า หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้รู้สึกรังเกียจเจียงปินเจียงปินเป็นคนที่สุภาพกับคนอื่น เป็นคนที่กิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอด ถึงขึ้นที่โจวเสี่ยวหางก็จับคู่พวกเขาสองคนอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่า โจวเสี่ยวหางคิดว่า เจียงปินคนนี้เหมาะสมกับหลินเสวี่ยฮุ่ยมากกว่าหลินเฟิงแต่ทุกครั้งเจียงปินอยู่ต่อหน้าเธอ หลินเสวี่ยฮุ่ยมักจะชอบเอาเขาไปเปรียบเทียบกับหลินเฟิงจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร?ดังนั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยจึงตัดสินใจไม่ได้ชั่วคราวจึงปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยใ
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่